บทที่ 449 หนีไปด้วยกัน + บทที่ 450 ก่อกบฏ

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 449 หนีไปด้วยกัน

หลิงอ๋องชะงักไป จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน “จะเป็นไปได้อย่างไร นางจะยอมออกเงินมากมายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”

“ท่านพ่อ อย่าดูถูกนางขอรับ หลินจือโยวและเหลยอันเป็นลูกน้องของเฉียวเทียนช่าง จอมพลนั่นก็เป็นสหายที่ดีของเฉียวเทียนช่าง ดังนั้น ไม่มีทางที่เขาจะยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับคนพวกนั้นแน่ ตราบใดที่เฉียวเทียนช่างเป็นผู้เอ่ยปากขอ นางจะต้องยอมช่วยแน่นอน” นั่นเป็นเงินเพียงเล็กน้อยสำหรับหนิงเมิ่งเหยาและทงเป่าไจ

มันไม่มีค่าเท่าน้ำสักหยดจากในมหาสมุทรเสียด้วยซ้ำ แค่เงินปึกเล็กๆ จากคลังสมบัติของนางก็พอจะเลี้ยงทหารนับพันนายให้อิ่มท้องได้แล้ว

หลิงอ๋องขมวดคิ้ว แล้วจึงกล่าวว่า “หากเป็นเช่นนั้น เห็นทีเราต้องเร่งลงมือ” ตราบใดที่พวกเขาโจมตีเมืองนี้ได้สำเร็จ เช่นนั้นแล้วปัญหาเรื่องชายแดนก็จะหมดไป

หลิงหลัวทำท่าเหมือนอยากจะเอ่ยต่อ แต่หลิงอ๋องขัดเขาเอาไว้ด้วยการบอกให้เขาไปเตรียมตัว

หลังจากหลิงหลัวเดินออกไป หนานกงเยว่ก็มายังห้องหนังสือของหลิงอ๋อง “มีเรื่องเกิดขึ้นกับเซียวอี้หลิน”

“อะไรนะ” หลิงอ๋องมองหนานกงเยว่แล้วขมวดคิ้ว

“เขาออกไปลักพาตัวหนิงเมิ่งเหยาเมื่อสองสามวันก่อน แต่ยังไม่กลับมา เรื่องนี้เป็นหลักฐานว่าเกิดปัญหาขึ้นแล้ว แผนการของพวกเราล้มเหลว และพวกเฉียวเทียนช่างคงจับเขาเอาไว้” หนานกงเยว่นั่งลงข้างๆ แล้วเอ่ยกับหลิงอ๋องอย่างเย็นชา

เขารู้สึกสมเพชเซียวอี้หลิน แม้แต่เรื่องเล็กๆ แค่นี้ชายผู้นั้นก็ยังจัดการให้สำเร็จไม่ได้ แล้วยังจะมีประโยชน์อะไรอีกหรือ

เซียวจื่อเซวียนรู้ข่าวนี้จากองครักษ์ลับ นางหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ให้มันเละเช่นนี้ละดี หลิงหลัวและคนพวกนั้นต่างก็ติดอยู่ในความเพ้อฝันของตัวเองกันทั้งน้ัน”

“ท่านอ๋องเดินทางไปลักพาตัวหนิงเมิ่งเหยา แต่ยังไม่กลับมาที่จวนเสียที เขาอาจจะถูกองครักษ์ของเฉียวเทียนช่างจับเอาไว้ก็ได้ขอรับ” องครักษ์ลับรายงานสิ่งที่ตนพบให้นางฟังต่อ

ข่าวนั้นทำให้เซียวจื่อเซวียนชะงัก เมื่อนางมีปฏิกิริยา เสียงหัวเราะของนางก็ยิ่งเสียสติขึ้นอีก

เยี่ยมยอดนัก กรรมตามสนองเขาแล้ว

“ดี ดียิ่งนัก เจ้าจงจับตาดูหลิงอ๋องและพวกของมันต่อไป” เซียวจื่อเซวียนรู้ดีว่าหากจวนตระกูลหลิงก่อกบฏ สุดท้ายนั้นนางจะต้องติดร่างแหไปด้วยแน่ แต่นางกลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว อีกทั้งยังไม่ปรารถนาแม้แต่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ดังนั้นแม้ว่านางจะตาย ก็คงจะไม่ยุติธรรม หากจวนตระกูลเซียวและจวนตระกูลหลิงไม่ได้ถูกฝังไปพร้อมนาง

เมื่อเห็นความโศกเศร้าและท่าทางหมดอาลัยตายอยากของเซียวจื่อเซวียน องครักษ์ลับจึงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จู่ๆ จะเอ่ยขึ้นว่า “องค์หญิง ให้ข้ารับใช้ผู้นี้พาท่านหนีออกไปจากที่นี่เถอะขอรับ”

เซียวจื่อเซวียนส่ายหน้า “ข้าไม่ไป ข้ายังอยากเห็นหลิงหลัวและพวกของมันตายต่อหน้าข้าอยู่”

“แต่องค์หญิงขอรับ ท่านจะพลอยติดร่างแหไปด้วยนะขอรับ” องครักษ์ลับไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา แต่เขากลับรู้สึกกังวลใจยิ่งนัก

เซียวจื่อเซวียนมององครักษ์ ก่อนจะแย้มรอยยิ้มออกมาในทันที “เงาทมิฬ เจ้าอยู่กับข้ามานานขนาดไหนแล้วหรือ”

“สิบห้าปีขอรับ” เซียวอี้หลินสั่งให้เขาอยู่กับเซียวจื่อเซียนตั้งแต่นางอายุได้สามขวบ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเขาก็คอยปกป้องเซียวจื่อเซวียน และยังเฝ้ามองการเติบโตของนางด้วย

ตลอดระยะเวลาสิบห้าปีนี้ แม้เซียวจื่อเซวียนจะทำตัวโหดร้ายเอาแต่ใจบ้าง แต่เขากลับรู้สึกว่านั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องและสมควร ทุกอย่างมันเป็นความผิดของคนเหล่านั้น เพราะพวกเขาจึงทำให้นางต้องกลายเป็นเช่นนี้

สุดท้ายสิ่งที่ทำให้เซียวจื่อเซวียนต้องกลายเป็นเช่นนี้นั้น มันไม่ใช่เพราะจวนตระกูลหลิงกับจวนตระกูลเซียวหรือ

“สิบห้าปีแล้วหรือ เวลาช่างผ่านไปเร็วนัก เหตุใดเจ้าจึงไม่ไปเสียล่ะ” เซียวจื่อเซวียนพลันหันไปมององครักษ์ของตนแล้วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

ทุกคนต่างก็ทรยศนาง ทว่ามีเพียงแค่คนผู้นี้เท่านั้นที่ยังอยู่เคียงข้างนาง ไม่ว่านางจะสั่งอะไร เขาก็พร้อมที่จะทำตามคำสั่งของนางทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้

“ข้ารับใช้ผู้นี้หวังจะพาองค์หญิงไปด้วยกันขอรับ”

“ข้าไม่ไป”

“เช่นนั้นข้ารับใช้ผู้นี้ก็จะไม่ไปไหนเช่นกันขอรับ” แย่ที่สุดเขาก็แค่ตาย ไม่ช้าก็เร็ว อย่างไรเสียองครักษ์ลับเช่นเขาก็ถูกลิขิตมาให้ตายอยู่แล้ว แต่เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยอมไปจากเซียวจื่อเซวียน

“เจ้า…”

“หากองค์หญิงต้องการเห็นพวกมันตาย ท่านจะได้เห็นเองกับตาเมื่อข้าพาท่านออกไปจากที่นี่ขอรับ ฮ่องเต้กับเฉียวเทียนช่างไม่ใช่คนโง่เขลา ทั้งสองจวนจะต้องล่มสลายแน่ ข้าจะพาท่านไปดูตอนที่พวกมันถูกตัดหัวขอรับ” องครักษ์ลับมองเซียวจื่อเซวียนแล้วพยายามหว่านล้อมนาง

ทว่าเซียวจื่อเซวียนกลับยังคงส่ายหน้า “เงาทมิฬ มองข้าตอนนี้สิ ยังมีเหตุผลอะไรให้ข้าต้องมีชีวิตอยู่ต่ออีกหรือ” เซียวจื่อเซวียนกล่าวราวเยาะหยันตัวเอง

องครักษ์ลับมองเซียวจื่อเซวียน “ข้ารับใช้ผู้นี้จะหาหนทางรักษาท่านเองขอรับ อย่างไรเสียการมีชีวิตอยู่ก็ดีที่สุดขอรับ”

ไม่รู้ว่าองครักษ์ลับเกลี้ยกล่อมเซียวจื่อเซวียนด้วยวิธีใด ทว่าสุดท้ายนางก็ตอบตกลงและหนีไปพร้อมกับเขา

ตอนที่พวกเขาหนีไป เขาเอาเงินและทรัพย์สินมีค่าทั้งหมดของเซียวจื่อเซวียนไปด้วย ไม่ใช่แค่นั้น เขายังเตรียมรถเข็นอย่างดีไว้สำหรับเซียวจื่อเซวียนอีกด้วย

ไม่มีผู้ใดรู้เรื่องการหายตัวไปของเซียวจื่อเซวียน

บทที่ 450 ก่อกบฏ

สามวันหลังจากกองทัพเคลื่อนพลออกไป ระหว่างการประชุมในราชสำนัก หลิงอ๋องมองเซียวชวี่เฟิงอย่างผู้ที่เหนือกว่า

“ฮ่าฮ่า เซียวชวี่เฟิง เจ้ามีวันนี้จนได้ ” เขาเข้ามาวางยาพิษในท้องพระโรงตั้งแต่เช้าตรู่ คนที่เข้ามาภายในท้องพระโรงต่างก็ได้รับพิษไปตามๆ กัน

เซียวชวี่เฟิงนั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยใบหน้าซีดเผือด เขามองหลิงอ๋องด้วยสายตามาดร้าย

“หลิงอ๋อง เจ้ากำลังก่อกบฏหรือ”

“เจ้าควรจะสละราชบัลลังก์และมอบมันให้กับผู้ที่เหมาะสมตั้งนานแล้ว ส่วนพวกเจ้า ยังไม่สายเกินไปที่จะเปลี่ยนใจมาอยู่ข้างข้า หากไม่มา ข้าจะฆ่าพวกเจ้าโดยไร้ความปรานี” หลิงอ๋องเยาะยิ้มแล้วกล่าวขึ้นพลางมองร่างของเหล่าขุนนางที่ทรุดลงบนพื้นเพราะยาพิษ

กลุ่มผู้สนับสนุนเซียวชวี่เฟิงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง พวกเขาไม่แม้แต่จะหันไปมองหลิงอ๋องเสียด้วยซ้ำ ทว่าขุนนางฝ่ายพลเรือนคนอื่นๆ นั้นกลัวตาย ในเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดเช่นนั้นของหลิงอ๋อง แล้วจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร พวกเขารีบเดินเข้าไปสมทบกับหลิงอ๋องในทันที

เซียวชวี่เฟิงมองดูหลิงอ๋องมอบยาแก้พิษให้คนพวกนั้น แล้วจึงมองดูพวกเขาเดินเข้าไปยืนที่ด้านหลังของหลิงอ๋อง

เซียวชวี่เฟิงพลันตระหนักได้ว่าคนที่กบฏต่อเขาคือกลุ่มคนที่เคยเรียกร้องให้เจรจาสงบศึกเมื่อก่อนหน้านี้

“ข้าเพียงแค่อยากรู้ว่าเมื่อทหารจำนวนมากถึงเพียงนั้นถูกส่งไปทำสงคราม แล้วเจ้าจะจัดการข้าได้อย่างไร” เซียวชวี่เฟิงแกล้งทำเป็นสงสัยขณะมองหลิงอ๋องแล้วถามขึ้น

“จำนวนมากหรือ ฮ่าฮ่า… ถึงจะมีมากกว่านี้ แต่ก็คงเทียบกับกองทัพที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้ไม่ได้หรอก” หลิงอ๋องหัวเราะเสียงดัง

เซียวชวี่เฟิงหรี่ตา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ “เจ้าขโมยราชโองการลับไปรึ”

“อย่าพูดว่าข้าขโมยเลย เมื่อครู่ข้าก็บอกไปแล้วมิใช่หรือ ยอมให้คนที่สมควรได้ขึ้นเป็นผู้นำเถิด ฝ่าบาท ยอมให้จับแต่โดยดีเถิดพ่ะย่ะค่ะ ” พอคิดว่าตนจะได้เป็นฮ่องเต้องค์ถัดไป ใบหน้าของหลิงอ๋องก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ในขณะที่ภายในวังกำลังเกิดเรื่อง หลิงหลัวก็พาคนของตนมายังจวนแม่ทัพ ไม่มีผู้ใดอยู่ตอนที่เขาเข้าไป แต่เขารู้ได้ทันทีว่าตนถูกล้อมเอาไว้แล้ว

หลิงหลัวไม่ได้กังวล เขามองหนิงเมิ่งเหยา “เหยาเอ๋อร์ กลับไปกับข้า ทั้งอำนาจหรือฐานะ ไม่ว่าเจ้าปรารถนาสิ่งใด ข้าสามารถให้เจ้าได้ทุกอย่าง” นอกจากการมาพบหนิงเมิ่งเหยา เขายังมาที่นี่เพื่อค้นหาป้ายอาญาสิทธิ์ ของเฉียวเทียนช่างด้วย

หนิงเมิ่งเหยามองหลิงหลัว “ดูเหมือนเจ้ากับพ่อของเจ้าคงตัดสินใจว่าจะก่อกบฏแล้วสินะ”

หลิงหลัวไม่ตอบ แต่มองหญิงสาวที่กำลังอุ้มท้องอยู่ “ตราบใดที่เจ้ากลับไปกับข้าและยอมเอาเด็กในท้องออก พวกเราก็ยังสามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้”

สีหน้าของหนิงเมิ่งเหยาเปลี่ยนไป เมื่อครู่นี้เขาว่าอะไรนะ บอกให้นางเอาเด็กออกหรือ เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่านางจะยอมไปกับเขา

“หลิงหลัว มีความมั่นใจมันก็ดี แต่การมีความมั่นใจจนหน้ามืดตาบอดนั้นมันช่างโง่เขลานัก ข้าบอกเมื่อไหร่กันว่าข้าจะไปกับเจ้า อำนาจหรือ ข้าไม่สนใจของพรรค์นั้นหรอก ฐานะหรือ ข้าเป็นบุตรสาวของผู้สำเร็จราชการแห่งเมืองหลิง เป็นภรรยาของแม่ทัพแห่งเมืองเซียว และยังเป็นเจ้าของทงเป่าไจ ยังมีฐานะอันใดสูงส่งกว่านี้อีกหรือ ข้าจำต้องให้เจ้ามอบฐานะอะไรให้ข้าด้วยรึ” หนิงเมิ่งเหยาเหน็บแนมพลางจ้องมองเขา

“เหยาเอ๋อร์ อย่ายั่วโมโหข้า” หลิงหลัวมีสีหน้าน่าเกลียดน่ากลัว ฐานะแต่ละอย่างของนางนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลยสักอย่าง

นางยังเตือนให้เขารู้ถึงความโง่เขลาของตนในตอนนั้นเสียด้วยซ้ำ รู้ว่าเขาผลักไสหญิงผู้นี้ออกไป ซ้ำร้ายยังผลักนางให้ไปอยู่ในอ้อมกอดของชายอื่นเองกับมือ

“ฮ่าฮ่า ถ้าข้ายั่วโมโหเจ้า แล้วเจ้าจะทำอะไรได้เล่า” หนิงเมิ่งเหยาหัวเราะ สายตาที่นางใช้มองหลิงหลัวนั้นดูราวกับกำลังมองคนเสียสติ ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ความคิดของคนผู้นี้กลายเป็นเช่นนี้ไปได้

เมื่อหลิงหลัวเห็นหนิงเมิ่งเหยาแสดงท่าทีเช่นนั้น เขาก็รู้ได้ในทันทีว่านางคงไม่ยอมไปกับตน สายตาของเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ฆ่า”

หนิงเมิ่งเหยาเหยียดยิ้มหยัน “อย่าให้ผู้ใดรอด”

หลิงหลัวเงยหน้าขึ้นมองหนิงเมิ่งเหยาตามสัญชาตญาณ อย่าให้ผู้ใดรอดหรือ คำสั่งของนางรวมเขาด้วยหรือเปล่า

ชิงซวงและคนอื่นๆ ยืนอยู่ข้างกายหนิงเมิ่งเหยา พวกเขาไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ แต่กำลังปกป้องหนิงเมิ่งเหยาอยู่ ด้วยกลัวว่าหลิงหลัวจะจู่โจมนางตอนที่เขาจนตรอก

“คุณหนูออกไปก่อนเถอะขอรับ ปล่อยที่นี่ให้เป็นหน้าที่ของพวกเรา” ชิงเซวียนมองหนิงเมิ่งเหยาด้วยความกังวล คุณหนูกำลังตั้งครรภ์และไม่ควรสูดกลิ่นเลือดมากขนาดนี้

หนิงเมิ่งเหยาส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ข้าจะอยู่”

นางอยากเห็นว่าหลิงหลัวจะพ่ายแพ้อย่างไร มันคุ้มค่ากับที่เขายอมสละชีวิตเพื่อฐานะอันว่างเปล่านั้นด้วยหรือ

ทันใดนั้น หลิงหลัวก็พุ่งตรงไปยังทิศทางที่หนิงเมิ่งเหยายืนอยู่

ชิงเซวียนที่เตรียมตัวอยู่นานแล้วโต้ตอบได้ในทันที เขารับฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยพละกำลังของหลิงหลัวเข้าเต็มกำลัง

เมื่อเห็นชิงเซวียนกำลังต่อสู้กับหลิงหลัวในดวงตาของหนิงเมิ่งเหยามีความกังวลปรากฏอยู่คงจะดีหากชิงเซวียนไม่เป็นอะไร

วรยุทธ์ของชิงเซวียนนั้นทัดเทียมกับหลิงหลัว ในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่สามารถบอกได้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะหรือผู้แพ้ได้ “หาโอกาสเข้าไปช่วยชิงเซวียน”