ชายผมแดงได้ยินคำพูดอย่างเต็มปากเต็มคำ มุมปากก็กระตุก

“ให้ตายสิ ไม่ใช่ชายชาตรี!” ชายผมแดงอยากจะซัดคนเหลือเกิน

“ต๋าอี ต๋าเอ้อร์ ไปเลย!” อันหลินตะโกนลั่น

ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ได้ยินคำสั่ง ระเบิดพลังแล้วพุ่งใส่ชายผมแดง

ชายผมแดงก้าวเท้า มังกรเพลิงสีแดงนับร้อยตัวปรากฏกายกลางอากาศ กระโจนใส่ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์พร้อมกับอุณหภูมิอันร้อนระอุอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์คล่องแคล่วปราดเปรียวยิ่งนัก กลายเป็นภาพติดตาสีเงินเป็นระลอกๆ หลบหลีกการจู่โจมของมังกรไฟ

หลังกันดั้มตัวหนึ่งเข้าประชิด ก็ปล่อยวงแสงสีม่วงออกมาแผ่คลุมชายผมแดงทันควัน ปล่อยสนามแรงโน้มถ่วงอันยิ่งใหญ่ออกมา

ครืน! แผ่นดินทรุดตัวทันที

ร่างของชายผมแดงถูกพลังที่แผ่กระจายอยู่ทุกหนแห่งกำราบ ประหนึ่งถูกภูเขาขนาดใหญ่บดเบียด

“นี่มัน…แรงโน้มถ่วง!” ชายหนุ่มหน้าถอดสี

ขณะที่จิตใจของเขาว้าวุ่น กันดั้มอีกตัวก็ถือดาบเลเซอร์จะฟันใบหน้าของเขาแล้ว

ชายหนุ่มคำรามลั่น พลังเขตอาคมแผ่ออกไปอย่างรวดเร็ว เปลวไฟสีแดงดุจคลื่นซัดสาดแผ่คลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อตัวเป็นรูปร่างของมนุษย์เกราะยักษ์

เกราะเปลวไฟสมจริงยิ่งนัก ประหนึ่งเป็นของจริง

เมื่อประจันหน้ากับดาบเลเซอร์ที่ตวัดลงมาของกันดั้ม มนุษย์เกราะเปลวไฟไม่หลบหลีก ปล่อยหมัดออกไปโจมตี

โครม! หมัดกับดาบเลเซอร์ชนกันจนเปลวไฟระเบิด ดาบเลเซอร์ของกันดั้มก็ฟันกำปั้นของมนุษย์เปลวไฟ แต่ร่างของกันดั้มกลับถูกพลังอันยิ่งใหญ่ของเปลวไฟสะเทือนจนถอยหลัง

“นี่มันทำจากวัสดุอะไรกันแน่ ถึงทำลายได้แม้แต่เกราะของข้า…” ชายผมแดงตะลึงกับพลังที่หุ่นสีเงินสองตัวนี้ใช้เป็นอย่างมาก

ชั่วขณะที่กันดั้มล่าถอยนั้น เจ้าอัปลักษณ์ก็อาศัยโอกาสกระโดดไปยืนข้างชายผมแดง

“ตอนนี้แหละ ตีเข่าเขาเลย!” อันหลินที่ใช้วิชาญาณทิพย์ตะโกนก้อง

เจ้าอัปลักษณ์ระเบิดพลังทั้งหมด เงื้อกระบองแล้วฟาดไปที่เข่าของมนุษย์เกราะเปลวไฟเข้าอย่างจัง

กระบองเงินชนกับเกราะด้วยพลังมหาศาล เสียงดังสนั่นกระจายไปรอบทิศพร้อมกับคลื่นพลัง

กรอบ… เกราะบริเวณเข่าแตก

มนุษย์เกราะงอเข่า สูญเสียการทรงตัว เอียงตัวล้มลงไป

ชายผมแดงสะดุ้งในใจเมื่อเห็นดังนั้น เขาไม่ได้เตรียมใจกับสัตว์ที่ไม่บรรลุระดับแปลงจิตอย่างเจ้าอัปลักษณ์กับต้าไป๋ด้วยซ้ำ ถึงทำให้เจ้าอัปลักษณ์ฉวยโอกาสได้

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า การโจมตีกะทันหันของเจ้าอัปลักษณ์ จะฟาดเข้าที่จุดสำคัญที่สุดของเขา

เป็นไปไม่ได้ มันรู้ช่องโหว่ของเกราะเราได้อย่างไร…บังเอิญหรือ

ชั่ววินาทีที่ชายผมแดงใช้ความคิด จู่ๆ หมอกสีขาวก็ลอยขึ้นมา แผ่คลุมไปทั่วพื้นที่

“เมฆแห่งหมาป่าสีคราม!” ต้าไป๋สำแดงพลังเซียนขวางกั้นทัศนวิสัย

ในขณะที่มนุษย์ชุดเกราะเปลวไฟของชายชุดแดงล้มลง จู่ๆ แรงโน้มถ่วงก็ทวีความน่ากลัวมากขึ้น

เดิมทีเป็นเพียงแรงโน้มถ่วงที่กระทบต่อการต่อสู้ของเขา ตอนนี้กลายเป็นแรงโน้มถ่วงมวลมหาศาลที่กดดันจนเขาเคลื่อนไหวไม่ได้

“เป็นไปไม่ได้ มีควันหลงด้วยหรือ” ชายผมแดงพูดด้วยความตกใจ

พลังของหุ่นพวกนี้เหนือความคาดหมายของเขาเป็นอย่างยิ่ง

เขาสละแขนของมนุษย์เกราะเปลวไฟข้างหนึ่งอย่างเด็ดขาด แขนข้างนี้กลายเป็นกระบี่เปลวไฟ พุ่งไปหากันดั้มที่ปล่อยแรงโน้มถ่วง

การมองเห็นถูกบดบัง เขายังสามารถใช้พลังจิตตรวจสอบตำแหน่งของศัตรูได้

กระบี่เปลวไฟรวดเร็วอย่างยิ่ง ทิ่มแทงกันดั้มที่ปล่อยแรงโน้มถ่วงเข้าเต็มเปาโดยไม่เอนเอียง

กระบี่เปลวไฟที่มีพลังมหาศาลและอหังการพากันดั้มลอยขึ้นสูงร้อยจั้ง หลุดออกนอกอาณาเขตของตำหนักเหลือง

ทว่าในเวลาเดียวกัน กันดั้มที่ถือดาบเลเซอร์ก็พุ่งไปอยู่ตรงหน้าเข่าของมนุษย์เกราะแล้วตวัดดาบฟัน

ตูม! เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

เข่าอีกข้างของมนุษย์เกราะแตก สองขาทรุดลงคุกเข่ากับพื้น

ชายผมแดงที่อยู่ภายในเกราะเปลวไฟถูกพลังเขตอาคมแว้งกัดเสียการทรงตัว กระอักเลือดออกมา

ในตอนนั้นเอง กระบองเงินของเจ้าอัปลักษณ์ก็เริ่มโจมตีที่ศีรษะของมนุษย์เกราะเปลวไฟอย่างแรง

นี่เป็นช่องโหว่ที่อันหลินเห็นจากวิชาญาณทิพย์ ขอแค่กระบองเงินฟาดเข้าที่ศีรษะของมนุษย์เกราะอย่างจัง เขตอาคมเกราะก็จะแตกทลายอย่างสิ้นเชิง!

“โดนดูแคลนแล้วจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะถูกวานรกึ่งแปลงจิตตัวหนึ่งกระโดดมารังแกถึงหัว…”

นัยน์ตาของชายผมแดงพ่นไฟ พูดด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม

บัดนี้ เขาตัดสินใจให้ชุดเกราะระเบิดด้วยตัวเอง

ตูม! การระเบิดของชุดเกราะเปลวเพลิง กลายเป็นเปลวไฟที่รุนแรงอย่างยิ่งกระจายตัวไปทั่วทุกสารทิศ นี่เป็นการโจมตีเต็มกำลังของนักพรตแปลงจิตขั้นปลาย อานุภาพที่แฝงเร้นในเปลวไฟน่ากลัวเป็นที่สุด

มันทำให้พสุธาละลาย กลืนกินตำหนัก ทำให้แผ่นดินลอยฟ้ากลายเป็นทะเลเพลิง

เจ้าอัปลักษณ์ถูกการระเบิดของเปลวไฟกระแทกจนลอยออกไป แม้แต่อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานที่ยืนอยู่ไกลๆ ก็โดนลูกหลงจากการระเบิดอันรุนแรงทำให้ลอยออกไปกระแทกกับพื้น

ชายผมแดงเดินออกจากทะเลเพลิง ย่างเยื้องไปหาอันหลินทีละก้าว แม้จะมีเลือดไหลออกจากมุมปาก แต่ฝีก้าวกลับหนักแน่นอย่างยิ่ง ความโกรธเกรี้ยวเป็นล้นพ้นทำให้เขาเป็นเหมือนเทพเจ้าปีศาจ ใบหน้าฉายความกระหายเลือด

“ใช้ได้ บีบข้าถึงขั้นระเบิดเขตอาคมของตัวเองได้…”

“แต่พลังของตัวเจ้าเองนั้นอ่อนแอเกินไป อ่อนแอถึงขั้นไม่มีแม้แต่ความกล้าจะสู้กับข้าซึ่งๆ หน้า”

“ถ้าไม่มีหุ่นสองตัวนั้น คนอย่างเจ้า ข้าจัดการได้เป็นร้อย!”

ชายหนุ่มเดินมาหยุดตรงหน้าอันหลิน เปลวไฟสีชาดที่เจือกลิ่นอายกระหายเลือดและบ้าระห่ำไหลเวียนรอบกาย

“ในเมื่อเลือกจะสู้ ก็ควรจะตระหนักรู้ว่า หากแพ้ต้องชดใช้ด้วยชีวิต” ชายผมแดงจ้องอันหลินที่กองอยู่บนพื้น นิ้วกลายเป็นกระบี่จะแทงหัวใจของอันหลิน “ตอนนี้ได้เวลาเอาชีวิตเจ้าแล้ว”

มีเลเซอร์สีขาวพุ่งมาประชิดแต่ไกล

ตูม! เลเซอร์ทะลวงหน้าอกของชายผมแดง ทำให้เขากระเด็นออกไป

“พรืด…”

ชายผมแดงถ่มเลือดออกมา หน้าอกถูกเลเซอร์โจมตีจนเป็นแผลเหวอะหวะ

ไฟเวหาของกันดั้มอีกตัวพุ่งมาจากด้านหลัง แผ่คลุมร่างเขาไว้โดยพลัน

เปลวไฟที่ชอนไชทุกซอกทุกมุมกัดกินร่างกายเขาอย่างบ้าคลั่ง

ชายหนุ่มร้องครวญคราง แม้จะเป็นร่างระดับแปลงจิต ภายใต้การใช้พลังมากเกินไป พลังป้องกันก็ลดลงได้เช่นกัน ไฟเวหาในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าสร้างความเสียหายให้เขาเป็นอย่างมาก

เหมือนอันหลินจะเตรียมการไว้นานแล้ว นัยน์ตาขาวโพลน ปีกวายุสีขาวกางออก พุ่งไปประชิดชายผมแดงด้วยความเร็วที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

รวดเร็วนัก! ชายผมแดงเบิกตากว้าง ภัยคุกคามจากความตายแผ่คลุมทั่วร่าง

เขาตอบสนองฉับไว ปล่อยหมัดออกไปตรงหน้าอันหลินตามสัญชาตญาณ

แต่อันหลินตอบสนองไวยิ่งกว่า เขาเบี่ยงศีรษะหลบหมัดของชายผมแดง

ยื่นกระบี่พิชิตมารที่มีสายลมแผ่คลุมจะแทงชายผมแดง ตำแหน่งที่จะแทงไม่ใช่หัวใจ ไม่ใช่ศีรษะ แต่เป็นสะดือของชายผมแดง

ชั่ววินาทีนั้น ชายผมแดงก็รู้ว่าตนประเมินศัตรูต่ำไป

ชายหนุ่มตรงหน้าระเบิดพลังในพริบตา เหนือความคาดหมายของเขาเป็นอย่างมาก สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ อันหลินรู้จุดอ่อนที่มีผลต่อชีวิตของเขาชัดเจนแจ่มแจ้ง…

กระบี่สีดำแทงทะลุร่าง ทะลวงสะดือของชายผมแดง

ชายผมแดงขยับเขยื้อนไม่ได้ประหนึ่งถูกพันธนาการ ควันขาวผุดออกมาตามร่างกาย

“ข้าประเมินเจ้าต่ำไป…” ชายคนนั้นพูดเอื่อยๆ

อันหลินยิ้มบางๆ สะบัดผมเล็กน้อยแล้วพูดว่า “จำไว้ล่ะ เวลาสู้อย่าพูดพล่ามให้มาก ถ้าจะทำเท่ สู้ให้จบแล้วค่อยเก๊ก”

ใบหน้าของชายผมแดงกระตุก ตนชอบวางมาดเวลาต่อสู้ เกี่ยวกับเขาด้วยหรือ

“ที่จริงเจ้าตายไปนานแล้วสินะ” อันหลินโพล่งขึ้นมา

ชายผมแดงสั่นไปทั้งตัว จ้องชายคนตรงหน้าไม่พูดไม่จา

“สัตว์เลี้ยงในกระเป๋าข้าบอก มันบอกเจ้าไม่มีแหล่งพลังชีวิตแล้ว มีชีวิตด้วยการอาศัยประคำปราณอัคคี” อันหลินพูดต่อ

“สัตว์เลี้ยงของเจ้าร้ายกาจจริงๆ…”

ร่างของชายชุดแดงค่อยๆ ละลาย ผิวหนังกลายเป็นหินหนืดสีแดงหยดลงพื้น

อันหลินเห็นเขาเริ่มละลายแล้ว จึงรีบถามทันทีว่า “ผู้เฝ้าสุสานอีกสามคนที่เหลือเป็นเหมือนเจ้าหรือไม่”

“หึ…เจ้าลองเดาสิ” ร่างของชายผมแดงละลายเร็วยิ่งขึ้น แต่ใบหน้ากลับเปื้อนยิ้มแห่งการหลุดพ้น

ผลุบ ร่างกายของเขากลายเป็นหินหนืดร้อนระอุร่วงลงพื้น

อันหลิน “…”

ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์วิ่งออกมา พวกมันสูญเสียพลังงานอย่างแสนสาหัส กลับเข้าไปกินหินวิญญาณในแหวนมิติแล้ว

เจ้าอัปลักษณ์กับต้าไป๋ก็เดินเข้ามา พวกมันต่างก็บาดเจ็บทั้งคู่ โดยเฉพาะเจ้าอัปลักษณ์ที่ถูกระเบิดจนขนไหม้เกรียม

อันหลินให้ยาบำรุงเลือดลมแก่พวกมัน ยาวิเศษที่เรียกกำลังบำรุงเลือดแบบนี้ เขาเตรียมไว้ไม่น้อยเลย

หลังศึกใหญ่ผ่านไป เขาก็ได้ของรางวัลมาสมดังใจ

ประคำปราณอัคคีบริเวณหัวใจของชายผมแดงกำลังลอยอยู่กลางอากาศ และส่องแสงสีแดง

สวีเสี่ยวหลานก้าวเข้ามา กำประคำปราณอัคคีแล้วตรวจสอบพลังภายในด้วยความสงสัย

“ช่างเป็นพลังไฟที่เข้มข้นยิ่งนัก แทบจะเทียบเท่าประคำประจำสำนักข้าแล้ว ถึงว่าเป็นศูนย์กลางของนักพรตแปลงจิตขั้นปลาย ยามเจ้าใช้มันต้องระวังตัวหน่อยนะ หากควบคุมไม่ดีจะระเบิดได้…” สวีเสี่ยวหลานยื่นประคำปราณอัคคีให้อันหลินแล้วเอ่ยเตือน

“ระเบิดได้ด้วยหรือ”

ไม่พูดยังดี เมื่อพูดแล้วอันหลินก็กระวนกระวายขึ้นมาทันที

เขากำประคำปราณอัคคีไว้ พูดด้วยความว้าวุ่นไม่เป็นสุขว่า “เช่นนั้นเจ้าอยู่ห่างข้าหน่อย ถือโอกาสเตรียมวิชารักษาไว้ด้วย…”

“เจ้าจะทำอะไร” สวีเสี่ยวหลานวิตกกังวล

“ตอนนี้ข้าจะดูดพลังไฟของประคำปราณอัคคีให้เกลี้ยง” อันหลินพูดอย่างจริงจัง

สวีเสี่ยวหลานเบิกตากว้าง “ดูดซึมแบบนี้เลยหรือ”

อันหลินพยักหน้า “ทำไมหรือ”

มุมปากของสวีเสี่ยวหลานกระตุก “ข้าจะบอกให้นะ เจ้าเล่นไฟแบบนี้ จะตายได้นะ”

“ข้าคิดว่าข้าเตรียมโลงศพให้เจ้าจะดีกว่า…”