บทที่ 215 ชื่อเสียงพังทลาย

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

ตามปกติแล้วผู้ป่วยที่ฉีดยาลดความดันจะต้องรอเวลาอีกสักพักกว่ายาจะออกฤทธิ์และความดันถึงจะลดลง

แต่อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ฝูงชนไม่ต้องรอนานนักกับผลของความดันที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เพราะการที่อวี้ฮ่าวหรานส่งพลังวิญญาณเข้าไปในร่างของผู้ป่วยที่ฉีดยาของบริษัทชิวเฮิง แค่เวลาเพียงชั่วครู่เดียวความดันของผู้ป่วยที่ฉีดยาบริษัทชิวเฮิงก็ค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ แตกต่างจากผู้ป่วยที่ฉีดยาของบริษัทไป๋เชาซึ่งความดันยังคงสูงอยู่

ภาพนี้ทำให้ฝูงชนเริ่มส่งเสียงอื้ออึง

“ลดลงแล้ว! ลดลงแล้ว!”

“จริงด้วย ผลความดันในหน้าจอคงปลอมไม่ได้ใช่ไหม?”

“ไม่ได้หรอก เครื่องวัดความดันแบบนั้นมีใช้อยู่ทุกโรงพยาบาล มันแสดงผลแบบเรียลไทม์ มันไม่มีทางปลอมแปลงได้แน่นอน!”

“เมียของฉันอยู่ในบริษัทยาเหมือนกัน เมื่อเช้านี้เธอก็เล่าให้ฉันฟังว่ายาของไป๋เชาถึงแม้จะถูกแต่คุณภาพของมันต่ำกว่ายาในตลาดทั่วไปแทบจะทั้งหมดเลย!”

“…”

เมื่อเห็นผลทดสอบที่เป็นรูปธรรมแบบนี้ ฝูงชนก็เริ่มวิจารณ์กันดังสนั่น และยิ่งไปกว่านั้นในฝูงชนบางคนก็ได้ลองใช้ยาของบริษัทไป๋เชาแล้วเช่นกัน ซึ่งพวกเขาก็รู้สึกเหมือนกันว่ายาแบบใหม่ที่ราคาถูกมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่…

ความกังขาเริ่มลุกลามไปทั่วในหมู่ฝูงชน

“ทุกท่านคงได้เห็นผลของการทดสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมขอยืนยันว่าการทดสอบนี้ไม่มีการจัดฉากใด ๆ แน่นอน และคนไข้ทั้งสองคนนี้มีใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าเป็นผู้ป่วยโรคความดันสูงจริง ๆ”

หลังจากผลลัพธ์การทดสอบออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจ อวี้ฮ่าวหรานจึงเดินก้าวออกมาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

แน่นอนว่าเมื่อผลทดสอบออกมาเป็นแบบนี้แถมยังถ่ายทอดสดทางทีวีและสื่อในอินเทอร์เน็ตอีกต่างหาก ข่าวนี้มันย่อมดังเป็นพลุแตกและแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว

ทุกสำนักข่าวต่างตีพิมพ์บทความกันจ้าละหวั่น หนังสือพิมพ์รอบบ่ายต่างเร่งพิมพ์พาดหัวข่าวนี้ทันทีเพื่อให้ทันขาย

สิ่งนี้ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกเลยแม้แต่น้อย ข่าวเกี่ยวกับบริษัทยายักษ์ใหญ่เอายาคุณภาพต่ำออกมาขายซึ่งเกี่ยวพันกับชีวิตของคนจำนวนมาก เรื่องเลวร้ายแบบนี้มันย่อมเป็นข่าวใหญ่อย่างแน่นอน…

หลังจากเห็นเหตุการณ์ดำเนินไปแบบเข้าทางของตัวเอง อวี้ฮ่าวหรานจึงติดต่อหว่านเฮิงอีกรอบให้เขียนบทความข่าวเยินยอบริษัทชิวเฮิงที่ยังคงมีจรรยาบรรณขายยาคุณภาพสูงตลอดมา

ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ค่อยชอบนิสัยของหว่านเฮิงสักเท่าไหร่ แต่อีกฝ่ายก็มีประโยชน์มากเกินกว่าที่จะมองข้ามได้…

ไม่นานนักเมื่อข่าวเรื่องนี้แพร่ออกไป หุ้นของบริษัทไป๋เชาก็เริ่มดิ่งลง

“ฮ่าวหราน มันจะได้ผลจริง ๆ งั้นเหรอ? ถึงแม้ว่ายาของบริษัทไป๋เชาจะมีคุณภาพต่ำ แต่ผู้ซื้อมักชอบของถูกมากกว่าอยู่แล้ว ฉันคิดว่าเรื่องแค่นี้คงกระทบต่อบริษัทไป๋เชาไม่มากเท่าไหร่”

ในระหว่างทางกลับบริษัท เฉิงชิวอวี้เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล

ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานเมื่อได้ยินคำถามนี้เขาก็ยิ้มและตอบกลับ “คุณไม่ต้องเป็นห่วง แค่รอดูก็พอ ยานั้นเกี่ยวพันกับชีวิตและความเจ็บป่วยของมนุษย์ เรื่องนี้มันจะต้องส่งผลอย่างใหญ่หลวงแน่ ๆ”

หลังจากผ่านไปอีกครึ่งวัน…

ในทันทีที่หว่านเฮิงลงบทความของตัวเองในอินทอร์เน็ตเยินยอบริษัทชิวเฮิงและโจมตีบริษัทไป๋เชา ผู้คนต่างก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

ส่วนผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่อวี้ฮ่าวหรานคาดการณ์ไว้ เสียงความคิดเห็นต่างเทไปทางชื่นชมบริษัทชิวเฮิงทั้งหมด

หลายวันต่อมา

ชื่อเสียงของบริษัทไป๋เชาพังทลายป่นปี้ หลังจากมีแต่ข่าวเสียหายเกี่ยวกับเรื่องยา คนส่วนใหญ่ต่างเลือกที่จะยอมจ่ายแพงกว่าเพื่อซื้อยาที่มีคุณภาพของบริษัทชิวเฮิง

ไม่ว่าจะอย่างไร ถึงแม้ว่าผู้คนจะอยากประหยัดเงินสักแค่ไหนแต่เรื่องของสุขภาพนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าการประหยัดเงินมาก

เมื่อมีแต่ข่าวเสียหายไม่เพียงแต่คนทั่วไปจะไม่ซื้อยาของบริษัทไป๋เชา แม้แต่บรรดาร้านขายยาทั้งหลายต่างก็ปฏิเสธสินค้าของบริษัทไป๋เชาไม่รับมาวางจำหน่ายให้อีกต่อไป ทำให้ยอดขายของบริษัทไป๋เชาดิ่งลงแทบจะเป็นศูนย์

ในทางกลับกัน บริษัทชิวเฮิงได้ประโยชน์จากวิกฤตนี้อย่างมหาศาล ไม่เพียงแต่ชื่อเสียงของบริษัทจะโด่งดังไปในทางบวกมากกว่าเดิม การที่ไม่มีคู่แข่งอย่างบริษัทไป๋เชาอีกแล้วยิ่งทำให้ยอดขายเติบโตมากขึ้นเกือบเท่าตัวจากส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มมากขึ้น!

ที่ด้านในออฟฟิศของหวังเจา

“ปัง!”

หวังเจาทุบโต๊ะตัวเองอย่างรุนแรง

“บริษัทชิวเฮิง! เฉิงกัวอัน!!!!”

ดวงตาของเขาแดงก่ำ เขาตะโกนราวกับคนเสียสติเนื่องจากความเดือดดาล

“ท่านประธานพวกเราควรทำยังไงต่อไปดี? ตอนนี้พวกเราควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่เลย!”

ที่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะ ผู้จัดการเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสิ้นหวัง

“จะทำอะไรต่อได้อีก!”

หวังเจากัดฟันกรอดพร้อมกับครุ่นคิดจนสมองแทบระเบิด ถึงแม้ว่าจะคิดอยู่นานเขาก็ยังคิดหาทางออกไม่เจอ

ด้วยหลักฐานการทดสอบที่เห็นได้อย่างชัดแจ้งแบบนั้นและการเล่นข่าวของสำนักข่าวทุกสำนัก เขาไม่มีทางหาข้อแก้ตัวเพื่อพลิกสถานการณ์ได้เลย แถมตอนนี้พนักงานในบริษัทก็เริ่มประท้วงกันแล้ว เพราะพวกพนักงานเองก็ถูกผู้คนทั่วไปเหยียดหยามเช่นกันในเรื่องที่พวกเขาทำงานให้กับบริษัทที่ไม่ห่วงชีวิตคน!

ส่วนสถานการณ์ด้านการเงินของบริษัทก็เริ่มแย่อย่างหนักเพราะขณะนี้สินค้าขายแทบไม่ออกเลย แต่รายจ่ายค่าดำเนินการต่าง ๆ ในบริษัทยังคงเท่าเดิม ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปอีกไม่นานบริษัทไป๋เชาจะต้องล้มละลายแน่นอน…

อีกด้านหนึ่ง

วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ดังนั้นอวี้ฮ่าวหรานจึงหยุดอยู่บ้านเล่นกับถวนถวน

“โฮ่ง!”

“ฮ่า ๆ พ่อจ๋าดูสิ เจ้าลูกกวาดเก็บบอลได้อีกแล้ว!”

หลังจากตะโกนอย่างร่าเริง ถวนถวนก็หยิบลูกบอลจากปากของเจ้าลูกกวาดที่มันคาบมาคืนให้ ก่อนจะเขวี้ยงออกไปอีกรอบเพื่อให้มันไปคาบมาใหม่

อวี้ฮ่าวหรานยิ้มอย่างมีความสุข การได้เห็นลูกสาวของตัวเองยิ้มร่าเริงแบบนี้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายจากเรื่องเครียด ๆ ในหัวมากมาย

อย่างไรก็ตามในระหว่างที่คู่พ่อลูกกำลังเพลิดเพลินอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

เป็นเฉิงกัวอันที่โทรเข้ามาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ฮ่าวหราน! ฉันขอบคุณนายมากจริง ๆ! ตอนนี้แผนการของนายทำให้บริษัทฉันเติบโตขึ้นไปอีกระดับ ส่วนบริษัทไอ้ไป๋เชานั่นมันแทบจะขายของไม่ได้เลย ฮ่า ๆๆ!”

“มันแน่อยู่แล้ว” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติ

อวี้ฮ่าวหรานมีชีวิตอยู่มาเป็นหมื่นปี จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าแท้จริงแล้วมนุษย์ต้องการอะไรและควรจูงใจยังไง

“นายนี่สุดยอดจริง ๆ เลยฮ่าวหราน! ฉันไม่นึกเลยว่าในโลกนี้จะมีชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบอย่างนายอาศัยอยู่ด้วย ฮ่า ๆ! ฉันรู้สึกโชคดีจริง ๆ ที่ได้รู้จักกับนาย!”

เฉิงกัวอันเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงสัตย์จริง ในเวลานี้บริษัทชิวเฮิงครองส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทไป๋เชาไปมากกว่า 7 ส่วน ซึ่งทำให้ยอดเขาพุ่งขึ้นเกือบเท่าตัว

อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเบา ๆ แน่นอนว่าเขาไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้เพราะตนคำนวนทุกอย่างเอาไว้อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตามในใจของเขาเรื่องนี้มันยังไม่จบ ถึงแม้ว่าบริษัทไป๋เชาจะเสียหายยับเยินจนไม่น่าจะฟื้นกลับมาได้อีก แต่หวังเจาไม่ใช่คนที่เขาประมาทได้

และยิ่งไปกว่านั้น… อีกฝ่ายสร้างปัญหาให้เขาหลายรอบแล้ว ดังนั้นชายหนุ่มจะต้องเหยียบอีกฝ่ายให้จมดินจนโงหัวไม่ขึ้นอีกเลย!