เล่ม 1 ตอนที่ 230 ซือหม่าจวิ้น

สลับชะตา ชายามือสังหาร

“ข้าเชื่อว่าเรื่องนั้นมิใช่ฝีมือของท่านพ่อเจ้าหรอก” ท่านบรรพชนพูด “แต่การจะทำให้คนในตระกูลเชื่อถือได้นั้นก็ยังต้องรักษาน้องเล็กให้หายก่อนอยู่ดี พวกเจ้าไปกันเลยดีกว่านะ”

“ขอรับ ท่านบรรพชน” ซือหม่าหลินประสานหมัดทำความเคารพแล้วนำพวกเขาทั้งกลุ่มจากมา

ในขณะที่พวกเขาไปถึงครึ่งทางเขานั้นเอง ก็ได้ยินเสียงคำรามของสัตว์อสูรวิเศษ ตามมาด้วยเสียงร้องของเด็กคนหนึ่ง

ซือหม่าหลินและซือหม่าชิงได้ยินเสียงนี้ ใบหน้าก็ฉายแววจนใจ แล้วพาพวกเขาไปยังภูเขาอีกลูกที่อยู่ไกลออกไป

“หยุดนะ เจ้าต้องอยู่เล่นเป็นเพื่อนข้า!”

“อย่านะ เจ้าปล่อยข้าไปเถิด!”

“อย่านะ ข้าอยากเล่นกับเจ้า! เข้ามาให้ข้าขี่หน่อยสิ!”

“อย่านะ!”

“เจ้าหยุดเลยนะ…”

หนึ่งคนกับหนึ่งสัตว์อสูรวิ่งไล่จับกันอยู่บนยอดเขา ตอนที่พวกซือหม่าโยวเย่ว์ไปถึงยอดเขาแห่งนั้น ก็เห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว

“ท่านปู่เล็ก ท่านเลอะเลือนอีกแล้วนะ” ซือหม่าหลินเหินกายขึ้นไปแล้วรั้งตัวซือหม่าจวิ้นที่กำลังวิ่งพล่านเอาไว้

เมื่อซือหม่าจวิ้นเห็นซือหม่าหลินจึงเอ่ยอย่างกระวนกระวายว่า “เจ้าปล่อยข้านะ ข้าจะไปจับสัตว์อสูร! ข้าอยากเล่นกับมัน!”

“ท่านปู่เล็ก วันนี้พวกเราจะไม่เล่นกับสัตว์อสูรกันหรอกนะ พวกเราไปเล่นอย่างอื่นกันดีหรือไม่” ซือหม่าหลินเกลี้ยกล่อม

“เจ้าจะพาข้าไปเล่นอะไรหรือ” ซือหม่าจวิ้นถามอย่างไม่เชื่อซือหม่าหลิน

“เออ…”

ซือหม่าหลินชะงักไป เล่นอะไร เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน!

ซือหม่าโยวเย่ว์คิดไม่ถึงว่าคนผู้นั้นจะมีสภาพเช่นนี้ ดูเหมือนว่าคงจะทำร้ายดวงวิญญาณเข้าจริงๆ จนเชาวน์ปัญญาถดถอยไปเหมือนเด็กไม่กี่ขวบ

เธอโบกไม้โบกมือให้เขาแล้วเอ่ยว่า “ท่านเข้ามาสิ ข้ามีของให้ท่านเล่นสนุกด้วยล่ะ!”

“เจ้าเป็นใคร เจ้าจะพาข้าไปเล่นอะไร” คราวนี้ซือหม่าจวิ้นเห็นว่ามีคนแปลกหน้ามากันเป็นจำนวนมาก จึงหลบอยู่หลังซือหม่าหลินอย่างหวาดกลัวอยู่บ้าง

“ข้ามีของเล่นน่าสนุกเยอะแยะเลย!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “แต่วันนี้ท่านต้องเชื่อฟังคำพูดข้า ข้าจึงจะพาท่านไปเล่น”

“เจ้าต้องบอกก่อนว่ามีอะไรน่าสนุกข้าจึงจะเข้าไป” ซือหม่าจวิ้นโผล่หน้าออกมาจากด้านหลังซือหม่าหลินแล้วเอ่ยพลางจ้องมองซือหม่าโยวเย่ว์

ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบฟักทองออกมาผลหนึ่งแล้วหันไป ก่อนจะหยิบมีดเล่มหนึ่งออกมาฟันฉับๆๆ เพียงไม่นานเธอก็หันกลับมา ฟักทองในมือก็กลายเป็นรูปลักษณ์เหมือนผลฟักทองในเทศกาลฮัลโลวีนเมื่อชาติก่อน

“เฮ้… ข้าก็อยากเล่นบ้าง!” ซือหม่าจวิ้นสนใจในของเล่นมากกว่าจึงไม่กลัวเกรงเธออีกแล้ว เขาวิ่งเข้ามาชิงผลฟักทองในมือเธอไป

“เคลื่อนไหวรวดเร็วยิ่งนัก!” ซือหม่าโยวเย่ว์ลอบตกใจ ดูเหมือนว่าพลังยุทธ์ของเขาจะมิได้ต่ำต้อยอย่างที่ว่าจริงๆ

“เจ้าทำของสิ่งนี้ได้อย่างไรกัน” ซือหม่าจวิ้นถาม

“ท่านอยากเล่นหรือไม่เล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ดูราวกับหมาป่าที่กำลังล่อลวงเด็กน้อย

“อยากสิ” ซือหม่าจวิ้นพยักหน้า

“เช่นนั้นวันนี้ท่านต้องเชื่อฟังข้านะ!”

“ได้เลย” ซือหม่าจวิ้นรับปากในทันที

“เช่นนั้นตอนนี้พวกเรากลับกันก่อน วันหลังข้าค่อยพาท่านไปเที่ยวเล่นดีหรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดด้วยรอยยิ้ม

“เจ้ายิ้มขึ้นมาแล้วช่างน่ามองเหลือเกิน!” ซือหม่าจวิ้นจ้องมองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วเอ่ยว่า “ข้าชอบให้เจ้ายิ้ม”

ซือหม่าโยวเย่ว์เข้าไปกุมมือเขาแล้วเอ่ยว่า “ไปกันเถิด ท่านพาข้าไปยังที่พักอาศัยของท่านสิ แล้วพวกเราจะได้เล่นกัน”

“ได้สิ”

ซือหม่าจวิ้นจูงมือซือหม่าโยวเย่ว์แล้วนำทางเธอตรงไปยังเรือนพักที่เขาอาศัยอยู่

ซือหม่าหลินและซือหม่าชิงเห็นพวกเขาแล้วก็มองหน้ากันไปมา

“ท่านปู่เล็กไม่ชอบให้คนเข้าใกล้มาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าเขาทำเช่นนี้แล้วจะทำให้ท่านปู่เล็กชื่นชอบได้” ซือหม่าชิงเอ่ยชม

“การรับรู้ของท่านปู่เล็กหยุดอยู่ที่วัยเยาว์ ชมชอบการเล่นสนุก แต่พวกเราก็ยังหลอกล่อเขาไม่ได้ ไปกันเถิด พวกเราตามไปดูกันหน่อยดีกว่า” ซือหม่าหลินพูดจบก็ตามไปพร้อมกันกับทุกคนด้วย

ซือหม่าโยวเย่ว์ลงเขาไปพร้อมกับซือหม่าจวิ้น จนมาถึงเรือนพักอันโดดเดี่ยวแห่งหนึ่งที่ตีนเขา

“นี่แหละ ที่พักของข้า” ซือหม่าจวิ้นพูด “พวกเราจะเริ่มเล่นกันเมื่อไหร่เล่า”

ซือหม่าโยวเย่ว์มองประเมินที่นี่อยู่ครู่หนึ่ง เรือนพักแห่งนี้ไม่มีแม้แต่เงาของสาวใช้สักคน มีเพียงแค่สัตว์ที่ยังมิได้ฝึกให้เชื่องจำนวนมากวิ่งไปทั่ว

“ท่านปู่เล็กไม่ชอบข้องแวะกับผู้คน เจอใครก็หวาดกลัวทั้งสิ้น สาวใช้ที่จัดหามาให้ก็ถูกเขาไล่ออกไปจนหมด” ซือหม่าหลินเอ่ยขึ้นคล้ายกับรู้ว่าซือหม่าโยวเย่ว์กำลังคิดอะไรอยู่

ซือหม่าจวิ้นเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ไม่สนใจเขา จึงถามอีกรอบหนึ่งว่า “พวกเราจะเริ่มเล่นกันเมื่อไหร่หรือ”

“ข้าจะสอนแกะสลักของเมื่อครู่ให้ก่อน พวกเราแกะสลักกันคนละอัน หลังจากนั้นท่านต้องให้ข้าจับชีพจรนะ ได้หรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม “ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่เล่นกับท่านเด็ดขาด”

“ได้สิ เจ้าสอนข้าเร็วเข้า!” ซือหม่าจวิ้นเอ่ยเร่ง

ซือหม่าโยวเย่ว์พาเขาไปยังศาลาพักร้อน ก่อนจะหยิบฟักทองลูกใหญ่ออกมาสองลูก แล้วแบ่งให้เขาลูกหนึ่ง หลังจากนั้นจึงเริ่มสอนเขาแกะสลัก

ผ่านไปครู่ใหญ่ ทั้งสองจึงแกะสลักฟักทองในมือได้สำเร็จ ซือหม่าจวิ้นมองดูผลงานที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงทั้งสองชิ้นแล้วเอ่ยว่า “เหตุใดของเจ้าจึงดูดีกว่าของข้ามากมายเหลือเกิน”

“ท่านแกะสลักสักหลายๆ ลูกก็สวยเองนั่นแหละ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ตอนนี้ท่านยื่นมือออกมาก่อน ให้ข้าจับชีพจรท่านหน่อย”

ซือหม่าจวิ้นยื่นมือออกมา ยอมให้ซือหม่าโยวเย่ว์จับชีพจรให้เขา พลางพร่ำบ่นอย่างไม่พอใจว่า “พวกเขาเอาแต่หาคนมาบอกว่าจะรักษาอะไรให้ข้าก็ไม่รู้ ข้ามิได้ป่วยเสียหน่อ! ข้าว่าเสี่ยวหลินจื่อยังป่วยมากกว่าเสียอีก”

“พรืด…”

นอกจากซือหม่าหลินที่หน้าตาคร่ำเคร่งแล้ว คนอื่นๆ ในที่นั้นต่างพากันหัวเราะออกมา

ซือหม่าโยวเย่ว์มิได้หัวเราะ หากแต่จดจ่อกับการตรวจร่างกายให้ซือหม่าจวิ้น

“โยวเย่ว์ ท่านปู่เล็กเป็นเช่นไรบ้าง” ซือหม่าเลี่ยเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ขมวดคิ้วนิ่วหน้าจึงเอ่ยถามขึ้น

ซือหม่าโยวเย่ว์เก็บมือกลับมา ซือหม่าจวิ้นก็คว้าเอาฟักทองสองลูกไปศึกษาดูในทันที

“ยังดี ยังพอมีวิธีอยู่” เธอมองดูซือหม่าจวิ้นที่ใบหน้าระบายไปด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสาแล้วเอ่ยว่า “น่าจะรักษาให้หายได้ภายในสามวัน”

“สามวัน! เจ้าแน่ใจหรือ” ซือหม่าชิงมองเธออย่างประหลาดใจ

“ทำไมเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่เข้าใจว่าเหตุใดพวกเขาจึงต้องประหลาดใจถึงเพียงนี้ด้วย

“ท่านหมอคนก่อนๆ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าต่อให้หาผลอสรพิษทองคำและไขกระดูกมังกรดินมาได้ ก็ยังต้องใช้เวลาหนึ่งปีจึงจะฟื้นฟูได้” ซือหม่าชิงพูด

“วิธีการคงไม่เหมือนกันกระมัง” ซือหม่าโยวเย่ว์มิได้ประเมินอะไรแล้วเอ่ยว่า “เมื่อครู่ตอนข้าตรวจดูอาการให้เขา พบว่าปราณวิญญาณในร่างเขาหนาทึบทีเดียว อย่างน้อยพลังยุทธ์ก็ต้องเป็นระดับจ้าววิญญาณขั้นสามขึ้นไป เหตุใดเขาจึงร้ายกาจถึงเพียงนี้เล่า”

“ท่านปู่เล็กเป็นระดับจ้าววิญญาณขั้นห้า” ซือหม่าหลินพูด “ก่อนหน้านี้พรสวรรค์ของเขาล้ำเลิศยิ่งนัก บางทีอาจเป็นเพราะจิตใจบริสุทธิ์ ดังนั้นจึงพบกับจุดคอขวดเพียงน้อยนิดเท่านั้น”

“ฮ่าๆ ข้ารู้แล้วว่าจะทำอย่างไรให้สวยขึ้น! โยวเย่ว์ เจ้าเอาฟักทองให้ข้าอีกลูกสิ!” ซือหม่าจวิ้นยื่นมือขอฟักทองจากซือหม่าโยวเย่ว์พลางหัวเราะเสียงดัง

ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบฟักทองออกมาให้เขาลูกหนึ่ง หลังจากนั้นจึงพูดกับซือหม่าหลินต่อไปว่า “พวกเราจะพักอยู่ที่นี่กันสักสองสามวัน อย่าให้ใครมารบกวนได้ล่ะ พวกท่านปู่ข้าก็จะอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน”

“ได้สิ” คราวนี้ซือหม่าหลินรับปากอย่างง่ายดาย ถ้าหากทำให้ซือหม่าจวิ้นหายดีได้ ย่อมรับปากเรื่องแค่นี้ได้อยู่แล้ว

ถึงอย่างไรเขาก็เชื่อว่าพวกเขาย่อมไม่มีทางฉวยโอกาสหลบหนีไปอยู่แล้ว

ซือหม่าโยวเย่ว์เจรจากับซือหม่าจวิ้นอยู่ครู่หนึ่งเพื่อให้ทุกคนได้พักในเรือนของเขา

ก่อนจะรักษาซือหม่าจวิ้นให้หาย เธอได้ทำการหลอมยาวิเศษร้อยโคจรขึ้นมาเตาหนึ่ง ตอนนี้เธอมีพลังยุทธ์มากพอจะหลอมมันเองได้แล้ว แต่ในท้ายที่สุดก็ยังหลอมออกมาได้เพียงแปดเม็ดเท่านั้น ยังห่างชั้นกับของหมัวซาที่หลอมได้คราวละเป็นสิบเม็ด

จากนั้นเธอจึงมอบยาวิเศษให้พวกซือหม่าเลี่ยและเหล่าพี่น้องซือหม่าโยวหมิงคนละสองเม็ด แล้วส่งแต่ละคนไปยังห้องของตนท่ามกลางความตกตะลึงของพวกเขา หลังจากนั้นจึงให้พวกเว่ยจือฉีคอยจับตาดูสถานการณ์ทางนี้ ส่วนตัวเองก็ไปทำการรักษาให้กับซือหม่าจวิ้น

ตลอดระยะเวลาสามวัน คนของตระกูลซือหม่าต่างก็คอยจับตาดูเรือนแห่งนี้ ถึงแม้จะบอกว่าห้ามมารบกวน แต่ก็ยังคงสังเกตการณ์ดูกันอยู่ห่างๆ และทุกคนก็ต้องตกตะลึงไปกันความเคลื่อนไหวภายในเรือนเสียแล้ว

…………………………………..