ตอนที่ 295 หัวหน้าสามถึงกับต้องด่าเขาเลยหรือ

แม่สาวเข็มเงิน

เจียงป่าวชิงมองจิ้นเทียนหยู่ อันที่จริงนางค่อนข้างวางใจกับความประพฤติของเขาพอสมควร แม้ชายคนนี้นิสัยแย่และอารมณ์ขุ่นมัวแทบตลอดเวลา แต่โดยทั่วไปเขาก็เป็นโจรคนหนึ่งที่จัดได้ว่ามีความซื่อสัตย์และจงรักภักดี

เจียงป่าวชิงนวดไหล่ข้างซ้ายเบา ๆ บรรเทาความเจ็บปวดให้ตัวเอง นางครุ่นคิดอยู่สักครู่ก่อนจะเอ่ยกับจิ้นเทียนหยู่ด้วยท่าทางอ่อนโยนว่า “หัวหน้าจิ้น ท่านเองก็เห็นว่าเป็นยังไงตอนที่ข้าอยู่ในหมู่บ้าน เพศของข้าจะเป็นเพศอะไรไม่สำคัญเลย ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เพราะถึงยังไงการที่ข้าเป็นผู้ชาย มันสะดวกมากกว่าการเป็นน้องสาวในกลุ่มชายมากนัก”

จิ้นเทียนหยู่อ้าปากพะงาบ ๆ ขอมาขนาดนี้แล้วเขาจะพูดอะไรได้ แต่ปัญหามันอยู่ที่อันที่จริงเขานั้นเขาพูดโกหกไม่เก่งเอามาก ๆ นางยังอยากให้เขาช่วยปิดบังพวกพี่น้องในหมู่บ้านอีกรึ

ความลังเลปรากฏในแววตาชายร่างสูง เขามองเจียงป่าวชิงโดยไม่รู้ตัวและสบตาเข้ากับลูกตาใสสะอาดของนางพอดิบพอดี

จิ้นเทียนหยู่ชะงักกึก เผลอก้าวไปข้างหลังแต่เขารีบเบนสายตาไปทางอื่น ปากก็ตะโกนขึ้นเสียงดังก้อง “เจ้ามัวลังเลอะไรอยู่ เรื่องแค่นี้เอง รีบกลับกันดีกว่า”

ไม่ว่าเปล่า เขาก้าวฉับ ๆ ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวลมพายุ แต่ถึงกระนั้น ความรีบเร่งหรือท่าทางขึงขังของเขาก็ไม่อาจกลบเกลื่อนความกระดากอายและกกหูแดงก่ำของเขาได้

เจียงป่าวชิงเห็นจิ้นเทียนหยู่ตอบตกลงแล้วสาวเท้าเดินจากไปอย่างรวดเร็วก็ไม่ได้คิดติดใจอะไรมากมาย เพียงแค่รีบเดินตามฝีเท้าของจิ้นเทียนหยู่ให้ทันก็เท่านั้น

เมื่อออกมาจากชุมชนล่างภูเขา จิ้นเทียนหยู่ถึงจะชะลอฝีเท้าลงบ้าง เขาหันกลับมามองเจียงป่าวชิงก็เห็นว่านางหน้าซีดและดูจะเหนื่อยหอบอยู่เล็กน้อย แต่นางยังคงเดินตามเขามาติด ๆ

ไม่รู้ทำไม ยามที่มองใบหน้าขาวซีดของเจียงป่าวชิง จู่ ๆ จิ้นเทียนหยู่ก็นึกถึงวันที่ไป๋เหล่าจิ่วได้รับบาดเจ็บและตัวเขาอุ้มเจียงป่าวชิงที่กำลังป่วยไว้ในอ้อมแขน…

ใบหน้าชายร่างสูงใหญ่จิตใจเด็ดเดี่ยวอย่างจิ้นเทียนหยู่แดงก่ำ

เจียงป่าวชิงเห็นจิ้นเทียนหยู่ไม่เดินต่อก็ฉงนงุนงง เอ่ยถามไป “มีอะไร เจ้าหยุดทำไม ?”

จิ้นเทียนหยู่สูดหายใจเข้าลึก ๆ หลายครั้ง เขาคิดว่าไม่ช้าก็เร็วตัวเขาต้องถูกหมอแซ่เจียงคนนี้เล่นงานจนตายเข้าให้สักวัน ดูสิ เพียงแค่ตอนนี้หัวใจเขาก็เต้นโครมครามบ้าคลั่งไม่รู้สาเหตุแล้ว

เขาสูดหายใจเข้าลึก แย่งห่อผ้าในมือเจียงป่าวชิงไป ท่าทางเถื่อน ๆ ไม่ปิดบัง “ชักช้า! เจ้ามันช้าจะตายชัก”

เจียงป่าวชิงถอนหายใจยาว “เฮ้อ… หัวหน้าสาม ฝีเท้าของท่านนั่นแหละที่เร็วมากเกินไป ขาเราก็ใช่จะยาวเท่ากัน ไม่อย่างนั้นท่านไปก่อนเถอะ ถึงยังไงนี่ก็ใกล้เข้าสู่เขตของหมู่บ้านเราแล้ว มันน่าจะปลอดภัยมากแล้ว”

“…” จิ้นเทียนหยู่คิดว่าเขาจะต้องถูกหมอแซ่เจียงคนนี้ทำให้โกรธจนตายเข้าสักวัน ว่าแต่ทำไมเขาถึงต้องหงุดหงิด ???

จิ้นเทียนหยู่ขมวดคิ้วมุ่นไม่พูดไม่จา ทว่ามือเขายังคงกำห่อผ้าของเจียงป่าวชิงแน่นและชะลอฝีเท้าให้ช้าลง

เจียงป่าวชิงได้แต่ละเหี่ยใจ นางดูออกอยู่บ้างว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับนาง ตอนนี้สิ่งสำคัญคือรีบกลับไปรักษาตัวเองให้หายดี

……

ในที่สุดทั้งสองคนก็เข้าสู่เขตลับของหมู่บ้านได้อย่างปลอดภัย เจียงป่าวชิงถอนหายใจโล่งอก ส่วนจิ้นเทียนหยู่ไม่ต้องปกปิดคราบเลือดบนร่างกายด้วยเสื้อคลุมของเขาอีกต่อไป

เหล่าผู้คนที่เดินผ่านเห็นว่าเนื้อตัวจิ้นเทียนอยู่เปื้อนเลือดก็อดผิวปากแซวไม่ได้ พวกเขาคิดว่าหัวหน้าสามไปทำเรื่องสนุก ๆ บางอย่างมา “วิ้ว! หัวหน้าสามไปออกล่าที่ไหนมาขอรับ ทำไมไม่เรียกพี่น้องไปด้วยล่ะขอรับ ?”

จิ้นเทียนหยู่ได้ยินเสียงผิวปากในตอนนี้ เขาก็นึกถึงตอนที่ตนเพิ่งไล่ตามโจรบ้านั่นเข้าไปในซอย และเห็นว่าโจรคนนั้นผิวปากใส่เจียงป่าวชิงอย่างหื่นกาม มือหนากำหมัดแน่นไม่รู้ตัวและตะคอกหงุดหงิดใจ “เจ้าพูดดี ๆ ไม่เป็นรึไง ?! จะผิวปากทำไมวะ มีแค่เจ้าที่มีปากรึ ?”

ชายนั้นตกตะลึงที่ถูกจิ้นเทียนหยู่ด่าใส่หน้าเต็ม ๆ เขาถึงกับรู้สึกน้อยใจเล็ก ๆ แค่ผิวปากเอง หัวหน้าสามถึงกับต้องด่าเขาเลยหรือนี่

จนกระทั่งจิ้นเทียนหยู่เดินผ่านร่างเขาไปแล้ว ชายคนนั้นก็ยังดึงสติกลับมาไม่ได้

แต่เจียงป่าวชิงไม่ได้คิดอะไรมาก นางคิดว่ายังมีบางจุดที่ต้องฝึกฝนอารมณ์ของหัวหน้าสามคนนี้อีก

จิ้นเทียนหยู่พาเจียงป่าวชิงมาส่งข้างห้องยา เขาโยนห่อผ้าไปในอ้อมแขนนางราวกับมันฝรั่งร้อน ๆ พร้อมเอ่ยทิ้งท้าย “มีอะไรก็ไปหาข้าได้” และจ้ำอ้าวจากไปราวกับบินได้อย่างไรอย่างนั้น

เจียงป่าวชิงมองแผ่นหลังกว้าง ๆ ที่ค่อย ๆ ห่างออกไปไกลก่อนจะพูดพึมพำ “แปลกคน”

นางเลิกมองตามหัวหน้าสามและหันกลับมาสนใจสิ่งตรงหน้า นางวางห่อผ้าลงและไปดูเจียงฉิงก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งเจียงฉิงนอนหลับอยู่ แต่เมื่อแม่นางตัวน้อยได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของเจียงป่าวชิงนางก็ตื่น ลืมตาแป๋วมองเจียงป่าวชิงและถามทั้งที่ยังสะลึมสะลือ “พี่สาว พี่กลับมาแล้วหรือจ๊ะ ?”

เจียงฉิงมีชีวิตวัยเด็กแสนยากลำบาก นางมักระมัดระวังคนอื่นนอกเหนือจากเจียงป่าวชิงเสมอ แม้อยู่ในบ้านกันเพียงสองคนนางก็เรียกเจียงป่าวชิงว่า “พี่ป่าวชิง” ด้วยกลัวว่าจะสร้างปัญหาให้กับเจียงป่าวชิง นางจะเรียกว่า “พี่สาว” ก็ต่อเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มั่นใจว่าปลอดภัยและเป็นส่วนตัวเท่านั้น

ตอนนี้สาวน้อยคงป่วยจนสติเริ่มเลอะเลือนแล้ว อันที่จริงตอนนี้นางคิดว่าตัวเองกำลังฝันไปด้วยซ้ำ

เจียงป่าวชิงวางมือลงไปบนหน้าผากของเจียงฉิงเพื่อวัดดูว่าตัวนางร้อนหรือมีไข้สูงมากทำนองนั้นหรือไม่ และไม่ลืมจับชีพจรให้ด้วย เสร็จแล้วสอดผ้าห่มให้เจียงฉิงและพูดขึ้นเสียงเบา “อืม ข้ากลับมาแล้ว จะไปต้มยามาให้กินนะ กินเสร็จก็นอนพัก พรุ่งนี้เจ้าคงดีขึ้นแล้วล่ะ”

เจียงฉิงพยักหน้ารับด้วยท่าทางที่ยังคงสะลึมสะลือ นางตาปรือด้วยความง่วง แต่เมื่อสายตาของเด็กหญิงเห็นสีแดง ๆ สาวน้อยพลันตกตะลึงตื่นเต็มตา รีบผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว

“เอ๊ะพี่! ทำไมมีเลือดติดเสื้อผ้าพี่ล่ะจ๊ะ หรือว่าพี่ได้รับบาดเจ็บ ?!”

เจียงป่าวชิงก้มมองก็เห็นว่ามีคราบเลือดติดอยู่ตรงชายเสื้อจริง ๆ นี่น่าจะเปื้อนตอนที่นางนั่งยอง ๆ เพื่อเก็บเข็มเงินกลับมาจากศพโจรคนนั้น นางไม่อยากให้เจียงฉิงไม่สบายใจในตอนที่กำลังป่วยจึงยิ้มอ่อนโยนและพูดจริงบ้างไม่จริงบ้าง “ข้าลงไปล่างเขา เจอหัวหน้าสามฆ่าคนเลวคนหนึ่งและข้าเข้าไปดูจึงเปื้อนเลือดติดมานิดหน่อย แต่เจ้าวางใจเถอะ ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรอก”

ด้วยอารมณ์อันคุกรุ่นแทบตลอดเวลาของของจิ้นเทียนหยู่ การฆ่าใครสักคนไม่ใช่เรื่องแปลกเลยจริง ๆ และเจียงฉิงไม่คิดว่าระหว่างจิ้นเทียนหยู่กับเจียงป่าวชิงนั้นจะมีอะไรเกี่ยวข้องกัน นางจึงเบาใจ พยักหน้าและกลับไปนอนบนเตียงตามเดิม

……

วันต่อมา เจียงฉิงก็หายดีเกินครึ่งแล้ว เพียงแต่อากาศในวันนี้ไม่ค่อยดีนัก ลมเย็น ๆ พัดโชยจนบางจังหวะทำให้รู้สึกหนาวเกินไป เจียงป่าวชิงกลัวว่าเจียงฉิงจะออกไปวิ่งเล่นทั้งที่ยังไม่หายดีและทำให้ไข้หวัดรุนแรงขึ้นกว่าเดิมจึงบังคับให้เด็กน้อยเขียนตัวอักษรที่นางเพิ่งสอนไปเมื่อไม่กี่วันก่อนอยู่ในห้อง

หูจื่อ เพื่อนเล่นของเจียงฉิงมาเรียกให้เจียงฉิงออกไปเล่นอีกตามเคยแต่เจียงฉิงปฏิเสธผ่านทางหน้าต่าง “ไม่ได้ พี่ชายข้าสั่งให้ข้าเขียนตัวอักษรอยู่ในบ้าน เจ้าไปเล่นเถอะ”

หูจื่อแลบลิ้นใส่เจียงฉิงอย่างขี้เล่น “อาฉิง เจ้าเป็นเด็กที่เชื่อฟังที่สุดในหมู่บ้านจริง ๆ”

ได้ยินคำพูดนี้ เจียงฉิงก็รู้สึกเหมือนได้ยินคำชมที่ไพเราะที่สุด ดวงตากลมใสเป็นประกาย ร่างเล็กยืดอกและพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “ใช่ ข้าเชื่อฟังพี่ชายข้าที่สุดเลย”

หูจื่อยิ้ม ทำหน้าตาประมาณว่า “ช่วยไม่ได้นะ” แล้วเขาก็วิ่งไปเล่นกับเด็กคนอื่น ๆ แทน

เจียงป่าวชิงที่จัดการกับเครื่องปรุงยาในห้องยายิ้มตาม

ในหมู่บ้านยังคงสงบเงียบตามเดิม ดูเหมือนว่าจิ้นเทียนหยู่จะไม่ได้บอกเพศที่แท้จริงของนางให้คนอื่นรับรู้ เมื่อเป็นเช่นนี้นางก็ต้องตอบแทนเขาสักหน่อยแล้ว นางนั้นเป็นคนประเภทที่ว่าถ้าคนอื่นทำดีด้วยก็จะทำดีตอบสิบเท่า

เจียงป่าวชิงครุ่นคิดว่าในตอนนี้ดูเหมือนว่านางยังไม่มีอะไรตอบแทนจิ้นเทียนหยู่ จึงคิดจริงจังกับการช่วยแก้ไขปัญหาด้านอารมณ์ของจิ้นเทียนหยู่มากขึ้น ถึงอย่างไรคนอารมณ์ร้ายอย่างเขาก็ยังคงต้องได้รับการรักษาทีละขั้นตอนต่อไปเรื่อย ๆ

ณ ตอนนี้เจียงป่าวชิงนึกถึงไป๋เหล่าจิ่วที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงขึ้นมา ประจวบกับวันนี้เป็นวันที่นางต้องตรวจอาการไป๋เหล่าจิ่วอีกรอบพอดีจึงตัดสินใจว่าจะเอาใจใส่มากขึ้นสำหรับอาการป่วยของไป๋เหล่าจิ่ว นางถือกล่องยาเตรียมออกไป ก่อนไปมาบอกให้เจียงฉิงรู้แล้วค่อยมุ่งหน้าไปที่บ้านของไป๋เหล่าจิ่ว

ตอนที่เดินมาได้ครึ่งทาง นางก็ได้เดินผ่านจิ้นเทียนหยู่ที่กำลังเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้กับคนอื่น คนหนึ่งใช้มีด คนหนึ่งใช้ดาบ สองฝ่ายร่ายรำงัดกระบวนท่าประลองฝีมือกันอย่างดุเดือด