บทที่ 242: คาโกเมะ

ทาคุมะรู้สึกขนลุกซู่ทันที !

แค่ขนาดของห้องน้ำที่เล็กก็ทำให้เขารู้สึกอึดอัดมากพออยู่แล้ว แต่ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือห้องอาบน้ำที่อยู่ภายในห้องน้ำถูกทำขึ้นจากกำแพงกระจกฝ้า พื้นที่ที่คับแคบ บวกกับผู้มาใหม่ที่น่ากลัวนี้ทำให้ความหวาดกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจของเขาทันที

ทุกคนล้วนต้องใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อให้สายตาคุ้นชินกับความมืด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ไฟดับลงอย่างกะทันหันแบบนี้ เขามองไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่น้อย และความเงียบในความมืดนั้นก็บีบคั้นและกดดันเป็นอย่างมาก มันแทบจะเหมือนกับว่าเขากำลังมาตั้งแคมป์อยู่ที่สุสานที่ไร้ซึ่งผู้คนในตอนกลางดึกไม่มีผิด

แม้แต่เสียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ในตอนนี้ก็สามารถกระตุ้นให้เกิดความกลัวสุดขีดได้

อึก… ภายในหัวของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงสัญญาณอันตราย เหงื่อเริ่มผุดพรานขึ้นให้เห็น และตัวเขาอีกคนที่อยู่ในร่างก็กำลังตะโกนบอกอย่างบ้าคลั่ง วิ่ง ! ออกไป ! ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ !

โดยไม่ลังเล เขารีบกลับหลังหันและบิดลูกบิดประตู แต่ช้าไปเสียแล้ว…

ประตูมันเปิดไม่ออก !

มันไม่ได้มีกลไกล็อกอะไรอยู่ที่ประตูทั้งนั้น แต่ด้วยเหตุผลบางประการ เขากลับไม่สามารถเปิดมันได้ไม่ว่าจะทำอย่างไร ! ภายในหัวของเขาเริ่มตื้อไปหมดและเขาก็ทุบประตูอย่างแรง นอกจากนี้เขายังเตะไปที่ประตูอย่างแรงด้วยกำลังทั้งหมดที่มี แต่ประตูไม้ที่ควรจะพังลงมาด้วยลูกแตะจากกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งของเขากลับไม่ยอมพังลงมาเลยสักนิด !

“แฮ่ก… แฮ่ก….” ร่างสูงรวบรวมแรงทั้งหมดในร่างและพยายามออกแรงต่อไปอีกเป็นเวลากว่าสิบนาที จนกระทั่งขาเริ่มชา เขาหายใจหอบอย่างเหนื่อยอ่อน เอนพิงหลังกับอ่างล้างหน้าและตะโกนออกมาสุดเสียง “อิวาทานิ ! คุณอิวาทานิ !! คุณทำอะไรอยู่ ?! ตอบผมหน่อย !!”

แต่กลับไม่มีเสียงตอบกลับเขาเลยสักนิด

ทันใดนั้นเอง เขาก็รู้สึกขนลุกซู่อีกครั้ง ! ทาคุมะรีบถอยกลับไปอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องน้ำ และเอาหลังชนเข้ากับกำแพงที่เย็นชืด จากนั้นหัวใจของเขาก็หยุดเต้นด้วยความตกตะลึง…

มีใครกำลังมองเขาอยู่…

อีกฝ่ายอยู่ใกล้ ๆ! ข้าง ๆ เขา !

ใครกัน ? ใครที่ยืนอยู่ตรงนั้น ?! ทั้ง ๆ ที่เขาเคยมือเปื้อนเลือดมาตั้งหลายครั้ง แต่เขากลับพบว่าตัวเองกำลังตัวสั่นเทาไม่หยุด และได้แต่มองไปรอบ ๆ อย่างหวาดระแวง จนกระทั่งจับจ้องไปยังจุด ๆ หนึ่ง ! วินาทีต่อมา เหงื่อได้ไหลซึมออกมาจากทุกรูขุมขน จู่ ๆ เข่าของเขาก็รู้สึกอ่อนแรงและเลื่อนตัวนั่งลงกับพื้นอย่างช้า ๆ!

“อ๊ะ…. ฮึก… อึก…” เขาหาเสียงของตัวเองไม่ออกเลยสักนิด ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ปากอ้าค้าง ลมหายใจของเขาเริ่มขาดหายเป็นช่วง ๆ และเขาก็พบว่าเงาสะท้อนในกระจกของเขาตอนนี้ก็กำลังจ้องมองกลับมาที่เขาเช่นกัน !

ทว่าเงาในกระจกที่จ้องมองกลับมานั้นไม่ได้เกิดจากเงาสะท้อนของตัวเขาเอง แต่ตัวตนลึกลับนั่นกลับใช้เงาสะท้อนของเขาเมื่อครู่นี้ เงาที่ยืนตัวตรงและสูง เช่นนั้น ร่างในกระจกยืนนิ่ง จ้องเขม็งมองกลับมาที่เขา

มันแทบจะเหมือนกับว่ากระจกบานนี้แสดงให้เห็นภาพในอดีตของเขา

“นะ นี่… นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ผีเหรอ ? มีผีอยู่จริง ๆ เหรอ ?” เสียงที่เอ่ยออกมาของเขาสั่นเทาและคลายจะร้องไห้ ในขณะเดียวกันนั้นเอง เงาสะท้อนของเขาในกระจกก็หันหน้ามองไปทางอื่น

ทางอื่น… มันกำลังมองไปทางอื่น… นั่นไม่ใช่เงาสะท้อนของเขา นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่ ?! ไม่… ตรงนั้น… มีอะไรอยู่ตรงนั้น ?

เขาพยายามอย่างมากเพื่อข่มกลั้นลมหายใจที่ติดขัดของตัวเอง จากนั้นร่างที่สั่นเทาของเขาก็ชะงักไปก่อนจะหันไปมองยังจุดที่เงาสะท้อนของเขามองไปอย่างช้า ๆ

อีกฝั่งหนึ่ง… ฝั่งของห้องอาบน้ำ… !

และทันทีที่เขาหันไป ก๊อกน้ำที่อ่างล้างหน้าและหัวของฝักบัวก็มีน้ำไหลออกมาพร้อมกัน ! ทาคุมะร้องออกมาราวกับคนเสียสติ จิกทึ้งผมของตัวเองและหลับตาลงทันที

ผี… มีผีอยู่ที่นี่ !

นี่มันจะต้องเป็นผีแน่ ๆ!

เอี๊ยดดดด… จู่ ๆ ก๊อกน้ำที่อ่างล้างหน้าก็หมุนปิดด้วยตัวของมันเอง เหลือไว้เพียงเสียงของน้ำที่ไหลจากฝักบัวในห้องอาบน้ำ แสงจันทร์สลัวส่องผ่านช่องระบายอากาศขนาดเล็ก ฉายให้เห็นกลุ่มเงาที่น่าหวาดกลัวบนผนังห้อง ร่างของเขาสั่นไปทั้งตัว แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาเผยให้เห็นเงาของชายคนหนึ่งบนกระจกฝ้าของห้องอาบน้ำ !

ใครบางคนกำลังอาบน้ำและถูตัวอยู่ แม้ว่านั่นจะเป็นการกระทำที่เรียบง่าย แต่มันก็น่ากลัวเป็นอย่างมากสำหรับชายร่างสูงจนคลื่นความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่าง !

เป็นไปไม่ได้… คนที่อยู่ด้านในจะต้องไม่ใช่มนุษย์ ! เขาตรวจดูก่อนหน้านี้แล้ว ! ว่าห้องน้ำ… ห้องน้ำห้องนี้ไม่มีคนอยู่ ! ความคิดดังกล่าวทำให้รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างจุกขึ้นมาบริเวณลำคอ แขนขาแข็งจนไม่สามารถขยับได้ เขาติดอยู่ภายในห้องน้ำที่คับแคบเพียงลำพัง เพื่อที่จะพบว่าเงาสะท้อนบนกระจกไม่ใช่เงาของเขาเอง และใครบางคนก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องอาบน้ำที่อยู่ติดกัน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกำลังจะทำให้เขาเป็นบ้า !!

ทั้งหมดที่เขาต้องการในตอนนี้ก็คือออกไปจากห้องน้ำและอยู่ห่างห้องอาบน้ำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เวลานี้ สิ่งที่กั้นระหว่างเขากับวิญญาณร้ายตรงนี้มีเพียงกระจกฝ้าแผ่นบางเท่านั้น !

ทันใดนั้นเอง เสียงแหบพร่าก็ดังมาจากห้องอาบน้ำ มันบาดหูราวกับกรงเล็บของแมวที่ขูดไปตามกระดานดำ แต่ถึงกระนั้น มันกลับมีถ้วงทำนองที่ไม่คุ้นหู

“คาโกเมะ คาโกเมะ เจ้านกในตะกร้า”

“เมื่อไหร่จะได้ออกมา ในคืนของรุ่งสาง”

“นกกระเรียนกับเต๋าลื่นล้ม…”

ในเวลานี้แผ่นหลังของทาคุมะได้เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เขารู้จักเพลงนี้ และเขาก็รู้ด้วยว่ามันชื่อว่า… ‘คาโกเมะ’

ที่สำคัญที่สุด เขายังรู้ด้วยว่าท่อนต่อไปคืออะไร

และเขาก็ไม่ต้องรอนาน เพราะเสียงภายในห้องอาบน้ำก็ดังขึ้นต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว แต่ทว่า… ครั้งนี้อีกฝ่ายกลับไม่ได้ร้องมันตามทำนอง !

พร้อมกับเงาสะท้อนบนกระจกของเขา… ทั้งสองเอ่ยเนื้อเพลงออกมาทีละคำด้วยเสียงที่เย็นยะเยือก

“คนที่อยู่ด้านหลังคือใครกัน ?” [1]

ปากของทาคุมะเองก็ขยับไปตามคำพวกนั้นเช่นกัน จากนั้นเมื่อเขาเอ่ยถึงคำสุดท้าย ชายร่างสูงก็นิ่งไป เพราะ… ในความมืดของห้องน้ำที่คับแคบนี้ ได้มีมือที่เย็นเฉียบข้างหนึ่งลูบไปตามใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบา…

“อ๊ากกกกกกก !!!!”

ไม่กี่วินาทีต่อมา

กลับเข้ามาในห้อง ทันทีที่ชายหนุ่มตัวใหญ่ที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โซฟาได้ยินเสียงเปิดประตู เขาก็เอ่ยถามออกไปโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง “สูบบุหรี่เสร็จแล้วหรือ ?”

ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับ มีเพียงเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่เดินมาทางเขา ราวกับว่าผีดิบกำลังเดินมาใกล้

ทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มที่กำลังจะพลิกหน้าหนังสือพิมพ์ก็ขมวดคิ้วเข้าหากันทันที

เลือด…

กลิ่นเลือดแรงมาก…

เขาเงยหน้าขึ้นทันที และสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือเท้าสองข้างที่กำลังเดินมาหาเขาราวกับผีดิบ

นั่นมันรองเท้าแตะของทาคุมะ…

“…” เขาสูดหายใจเข้าช้า ๆ และเอื้อมมือเข้าไปในสูทของตัวเองเพื่อหยิบปืน ความเร็วของเขานั้นถือว่าเร็วมาก แต่แล้วเขาก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น

เสี้ยววินาทีต่อมา ฟันของเขาเริ่มกระทบกันอย่างไม่สามารถควบคุมได้ รูม่านตาของเขาหดเล็กลง เผลอก้าวถอยไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัว เม็ดเหงื่อเย็นเริ่มผุดพรายให้เห็น

นี่ไม่ใช่ทาคุมะ…

มันคือศพ… ศพเดินได้ !

มันสวมชุดของทาคุมะ แต่เหนือคอขึ้นไปกลับไร้ซึ่งส่วนที่ควรจะเป็นศีรษะ ! และเขาก็พบว่าที่มือของศพ… ถือศีรษะของทาคุมะอยู่ !

“เจ้าจะยิงข้าหรือ ?” กรามด้านล่างของทาคุมะถูกฉีกออกไปและถูกถือไว้โดยแขนอีกข้างหนึ่ง แขนข้างดังกล่าวบังคับกรามล่างและศีรษะของทาคุมะราวกับเป็นหุ่นเชิด แต่อีกฝ่ายกลับสามารถพูดออกมาได้จนจบประโยค

ศพที่ถือศีรษะของทาคุมะเดินเข้าไปใกล้ชายหนุ่มและจ้องหน้าเขาด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า “เจ้าจะยิงข้าจริง ๆ น่ะหรือ ?”

“ไปลงนรกซะ !!!” ชายหนุ่มถูกครอบงำด้วยความหวาดกลัว เขายิงออกไปอย่างไร้สติหลายครั้ง โชคไม่ดีที่ห้องของเขานั้นถูกกั้นออกจากส่วนอื่น ๆ ของเรือสำราญอย่างสมบูรณ์ และมันก็ไม่มีใครได้ยินเสียงปืนของเขาเลยสักนิด

ห้านาทีต่อมา ประตูห้องถูกเปิดออก และทาคุมะกับชายหนุ่มก็เดินออกมาจากห้อง ไร้ร่องรายการต่อสู้อย่างสิ้นเชิง

“ต้องยอมรับเลยว่าทฤษฎีของยมโลกจีนนั้นถูกต้อง” ทาคุมะพึมพำ “มนุษย์มีตะเกียงไฟอยู่สามดวงภายในร่าง และเปลวไฟในตะเกียงพวกนี้ก็จะวูบไหวเป็นอย่างแรงเมื่อได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจ ซึ่งนั่นทำให้พวกเราที่เป็นยมทูตสามารถเข้าสิงร่างของพวกเขาได้”

“หากไม่ใช่เพราะกฎเหล็กที่ว่ายมโลกห้ามแทรกแซงกิจการของแดนมนุษย์ เราก็คงไม่ต้องวุ่นวายเช่นนี้เลยสักนิด” ชายหนุ่มด้านข้างเอ่ย “แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว ร่างหนึ่งร่างสำหรับเราแต่ละคน ด้วยวิธีนี้ เราจะสามารถเข้าไปในห้องเก็บของได้อย่างไม่มีปัญหา หากพูดกันตามตรง นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราในตอนนี้”

เขาก้มมองโทรทัศน์ของตน “ยังเหลือเวลาอีก 30 นาที เพราะฉะนั้น… เราแจ้งท่านผู้นั้นสักนิดดีหรือไม่ ?”

……

03.30 น.

ฉินเย่ลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงหวูดของเรือสำราญดังขึ้น

เขาสัมผัสได้ว่าเรือเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เขานอนรอเงียบ ๆ อยู่ประมาณหนึ่งนาทีก่อนจะลุกขึ้นนั่ง

เด็กหนุ่มถกแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อยและผูกหมิงชีหยินไว้ภายในชุดของตน จากนั้นจึงเดินไปที่ประตู

“มีความผันผวนของพลังเกิดขึ้นสองครั้งเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน” เขายังไม่ได้เปิดประตูทันที แต่กลับจ้องไปที่ลูกบิด “หนึ่งคือการผันผวนของพลังปราณ และอีกครั้งหนึ่งคือการผันผวนของพลังหยิน ทั้งสองครั้งล้วนอยู่ขั้นยมทูตขาวดำ ไม่ทราบถึงจำนวน ท่านล่ะ ?”

“ไม่ต้องห่วง ข้าได้จัดการกับกล้องวงจรปิดทุกตัวที่อยู่ตามทางที่เจ้าจะใช้แล้ว ห้องเก็บสินค้าตั้งอยู่ด้านล่าง ทำตามคำแนะนำของข้าก็พอ เจ้าคิดที่จะเปลี่ยนไปเข้าสู่สถานะยมทูตเมื่อใด ?” หมิงชีหยินเอ่ยเสียงเบา

“ตอนนี้ยังไม่จำเป็น” ฉินเย่มองไปตามทางเดิน มันไม่มีใครเดินผ่านเลยแม้แต่คนเดียว ทางเดินที่เงียบสนิทและเอนเอียงไปมาเล็กน้อยของเรือทำให้มันดูราวกับว่านี่เป็นทางเดินที่นำไปสู่นรก !

“ข้าต้องเก็บความสามารถในการเข้าสู่สถานะยมทูตของตนเองเอาไว้เพื่อที่ข้าจะได้ทำให้อีกฝ่ายตกใจได้ เพราะอย่างไรแล้ว มันก็คงจะชัดเจนเกิดไปว่าเป้าหมายข้าคืออะไรหากข้าเปลี่ยนร่างในตอนนี้”

ซวบ… ซวบ… เสียงจากพื้นรองเท้าหนังของเขาถูกดูดไปโดยพรมหนาที่ถูกปูไปตามทางเดิน ฉินเย่เดินไปอย่างไม่รีบร้อน โรงประมูลเจียเต๋อมีของมากมายเตรียมไว้สำหรับการประมูลใหญ่ที่กำลังจะมาถึง และมันก็ต้องใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนที่พวกเขาจะไปถึงถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสี ระยะเวลา 60 นาทีนั้นเพียงพอที่เขาจะทำสิ่งต่าง ๆ เสร็จ

ภายในของตัวเรือสำราญนั้นคล้ายคลึงกับอาคารทั่วไปเป็นอย่างมาก ในขณะที่ประตูไปสู่ชั้นล่างดูไม่ต่างอะไรกับประตูในห้างสรรพสินค้าทั่วไป ป้ายบอกทางสีเขียวบ่งบอกว่ามนุษย์สามารถเข้าได้ แต่ด้วยเหตุผลที่แปลกประหลาดบางประการ ฉินเย่กลับรู้สึกเย็นยะเยือกเล็กน้อยเมื่อเขามายืนอยู่ที่หน้าประตู …ภาพตรงหน้าของเขาดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย !

“การแพร่กระจายของพลังหยิน” เขาจ้องไปที่ประตูซึ่งเปิดออกครึ่งหนึ่ง เบื้องหลังของบานประตูนั้นมืดมิด แต่กลับมีแสงสลัวให้เห็นตามทางเดินที่อยู่ห่างออกไป จากจุดที่ยืนอยู่ ทางเดินที่ยาวและลึกตรงหน้านั้นดูราวกับมันจะพาไปสู่สุสานใต้ท้องทะเลไม่มีผิด

แสงไฟสว่างจ้า หากพูดกันตามตรง เขาได้ยินเสียงร้องที่แผ่วเบาดังมาจากหลังประตู ราวกับว่ามันคือเสียงร้องที่น่าขนลุกของวิญญาณ

ทุกสิ่งรอบตัวเงียบสนิท ฉินเย่ยกมือขึ้นและทาบไปที่ประตู ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังมหาศาลที่ฉาบของบนบานประตูตรงหน้า ราวกับมีไอเย็นจากห้องเก็บศพรั่วไหลออกมาจากด้านหลังของฃประตูบานนี้

มันเหมือนกับเป็นคำเตือนต่อสิ่งมีชีวิตว่าสิ่งที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของประตูบานนี้ไม่ใช่พวกเดียวกันกับพวกเขา

สิ่งมีชีวิตจงระวัง มีเพียงวิญญาณร้ายเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ !

“คนธรรมดาทั่วไปส่วนใหญ่ก็คงจะไม่เดินไปเกินกว่าจุดนี้เพราะว่าการต่อต้านโดยสัญชาตญาณ” มือของฉินเย่ผลักประตูเบา ๆ “เหมือนอย่างที่คนปกติมักจะหลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่มืด ๆ …มันเป็นเพราะว่าพวกเขาหวาดกลัวอันตรายที่อาจซุกซ่อนอยู่ โดยเฉพาะสิ่งที่… ไม่ประสงค์ดี…”

จากนั้นขณะที่เขาผลักประตูเข้าไป ตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นสีแดงก็ปรากฏขึ้น คำทั้งหมดคือคาถาพิเศษที่ใช้เพื่อสร้างอาณาเขตเวทพื้นฐาน แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คงจะเป็นข้อเท็จจริงที่ว่ามันมีบาเรียอีกอันหนึ่งถูกสร้างขึ้นที่นี่ และมันก็ถูกสะกดด้วยอักษรภาษาสันสกฤตสีทองที่ซ้อนทับกับอักษรสีแดงเข้มบนประตู การตัดกันของสีที่ส่องสว่างนี้ทำให้ประตูบานตรงหน้าดูเหมือนกับประตูที่เปิดเข้าสู่โรงพยาบาลบ้าที่เต็มไปด้วยวิญญาณร้าย

“สองฝั่ง ตัวอักษรสีแดงถูกเขียนด้วยยมทูต ข้าสัมผัสได้ถึงพลังหยินที่แผ่ออกมาจากมัน นอกจากนี้มันยังเป็นพลังหยินลักษณะเดียวกันกับที่ตรวจจับได้ที่เมืองตงไห่ด้วย มันคือยมทูตกลุ่มเดียวกัน เยี่ยมมาก….” ฉินเย่เลียริมฝีปากของตน “มันจะดีมากที่จะจบเรื่องนั้นที่นี่เลย…”

หมิงชีหยินที่ได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยต่อ “อีกฝ่ายหนึ่งที่วาดร่างบาเรียขึ้นมาคือพระจากลัทธิพุทธตันตระ พวกเขาน่าจะร่วมมือกับพวกองเมียวจิ เพราะไม่สามารถมองเห็นอาณาเขตเวทที่ยมทูตญี่ปุ่นสร้างไว้และให้เห็นข้อความพวกนี้ พวกเขาจึงเขียนมันทับลงไปอีกที”

“เอาล่ะ เช่นนั้นเรารออะไรกันอยู่ ?” ฉินเย่เลิ่กคิ้วขึ้นและแค่นหัวเราะออกมาขณะที่เดินเข้าไปอย่างโจ่งแจ้ง “นี่จะเป็นปัญหาสุดท้ายก่อนที่การต่อสู้ครั้งใหญ่จะที่ทะเลตะวันออกจะเริ่มต้นขึ้น นักแสดงสมทบทั้งหมดมาอยู่ที่นี่หมดแล้ว ดังนั้นไม่ใช่ว่ามันถึงเวลาที่เรา ผู้ซึ่งเป็นนักแสดงหลักจะขึ้นขึ้นเวทีหรอกหรือ ?”

ปั้ง… ประตูด้านหลังของเขาปิดลงเสียงดัง ในขณะที่หลอดไฟที่อยู่เหนือศีรษะดับลงทันที ไม่กี่วินาทีต่อมา ไฟฉุกเฉินก็สว่างขึ้น ปกคลุมทางเดินทั้งหมดด้วยแสงไฟสีแดงสลัวที่แทรกซึมไปทั่วและบันไดที่นำลงไปสู่ด้านล่าง

นี่ไม่ต่างอะไรกับทางเดินที่นำไปสู่ขุมนรกแห่งการลงทัณฑ์เลยแม้แต่น้อย รอบข้างเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องที่โหยหวนของวิญญาณนับพัน

เหล่าวิญญาณร้ายจงเตรียมตัวให้ดี ยมทูตจีนมากแล้ว !

[1] คาโกเมะ คาโกเมะคือการละเล่นของเด็กญี่ปุ่น โดยผู้เล่นหนึ่งคนจะถูกเลือกให้เป็นโอนิ (หรือปีศาจ) และถูกผูกผ้าปิดตาและนั่งอยู่กลางวง ในขณะที่เด็กคนอื่นๆจับมือกันและเดินเป็นวงกลมพร้อมกับร้องเพลงไปด้วย เมื่อเพลงหยุดลง ผู้ที่เป็นโอนิจะต้องทายชื่อของผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังของตน