Ch.28 – ปฏิเสธนายพล

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.28 – ปฏิเสธนายพล

 

แต่ในขณะนั้นเอง รถคันหนึ่งก็แล่นมาจอดข้างๆ ตามด้วยคนอีกจำนวนหนึ่งเดินลงมาจากรถ

 

ในกลุ่มนี้ คนที่เดินนำหน้ามาเป็นชายชราที่บนหน้าอกมีสัญลักษณ์ โลโก้ผู้ใช้พลังพิเศษ เลเวล E ติดอยู่

 

ไม่เพียงเท่านั้น คนที่เดินตามมายังมีหลี่เหวินรวมอยู่ด้วยเช่นกัน

 

สองตาของฉินเฟิงหรี่แคบลง เขาตระหนักได้ ว่าอีกฝ่ายมุ่งเป้ามาที่ตน

 

“ฉินเฟิง ฉันรอเธออยู่นานแล้ว ขอแนะนำให้รู้จักนะ คนๆนี้คือผู้บัญชาการกองทหารรักษาการษ์ชุมชนทางตอนเหนือ นายพลฮั่นเจียน , ส่วนอีกคนเป็นผู้บัญชาการกองทหารเสือไฟ นายพลหวังเฉิง!” หลี่เหวินเอ่ยปาก

 

ฉินเฟิงพอได้ยินคำของฝ่ายตรงข้าม ก็กล่าวทักทายกับนายพลทั้งสอง

 

“สวัสดีครับ”

 

การแสดงออกของเขาไร้ซึ่งความตื่นเต้นใดๆ นั่นเพราะในชีวิตก่อนหน้า ฉินเฟิงเคยพบเจอกับระดับนายพลมามากมายจนเอียนแล้ว!

แม้ว่าในปัจจุบัน จะมีการรวมกลุ่มที่เรียกกันว่าพันธมิตรมนุษย์ขึ้นก็ตามที แต่เนื่องจากมีพื้นที่อาศัยไม่ติดต่อกัน ดังนั้นในแต่ละภาคส่วนจึงมีผู้นำและตำแหน่งนายพลเป็นของตัวเอง

 

อย่างไรก็ตาม ยศนายพลจะมีความสัมพันธ์กับกองทัพ

 

ตัวอย่างเช่นในสถานที่ชุมชนทางตอนเหนือ จะมีอยู่ทั้งสิ้นสามเหล่าทัพ

 

หนึ่งคือกองทหารรักษาการษ์ทางตอนเหนือ มีหน้าที่รับผิดชอบบ้านเกิดเมืองนอน , อีกหนึ่งคือกองทหารเสือไฟ มีหน้าที่ให้การสนับสนุนและลาดตระเวนรอบนอก , สุดท้ายเป็นกองทหารทุ่งล่าที่เปรียบดั่งเป็นหัวมังกรของทั้งสอง

กองทหารทุ่งล่าก็เปรียบดั่งชื่อของพวกเขา มีหน้าที่เบิกทางพื้นที่ตกสำรวจและตำแหน่งที่อยู่ห่างไกลออกไป ในหลายปีที่ผ่านมา ทุกๆครั้ง พวกเขาจะกลับมาพร้อมกับวัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์ทดลองจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกัน ก็เป็นหน่วยที่มีอัตราการตายสูงที่สุดเช่นเดียวกัน ในเกือบๆทุกภารกิจ มีโอกาสตายมากถึง 30 %

นอกจากนี้ ทั้งสามเหล่าทัพ จะมีเลเวลสูงสุดอยู่ที่ E เท่านั้น ผู้บัญชากการสูงสุดจึงเป็นนายพลระดับ E ด้วยเช่นกัน

สำหรับฉินเฟิง ผู้ซึ่งในชีวิตก่อนหน้า ไปเหยียบถึงเลเวล A มาแล้ว นายพลพวกนี้ก็แค่คนธรรมดาๆเท่านั้น

 

หากในชีวิตก่อนหน้า ฉินเฟิงปรารถนาที่จะเป็นนายพล เขาก็สามารถไปยังเมืองใหญ่ และขอรับยศแต่งตั้งได้เลยโดยตรง

 

เมื่อเผชิญกับทัศนคติเยือกเย็นของฉินเฟิง หวังเฉิงก็ยิ่งชื่นชื่นชมเขามากขึ้น

 

“เจ้าหนู เธอนี่มันไม่เลวเลย ต้องการที่จะเข้าร่วมกับกองทหารเสือไฟของพวกเราไหม?”

 

“เพ้ย! มาเข้าร่วมกับกองทหารรักษาการของเราจะดีกว่า พวกเราน่ะมีหน้าที่ในการปกป้องชุมชน!” ฮั่นเจียนไม่น้อยหน้า เขาต้องการที่จะรับเอาฉินเฟิงมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาตน

 

แต่น่าเสียดาย ที่ฉินเฟิงไม่คิดจะอยู่ที่นี่

 

“ขอบคุณสำหรับน้ำใจของท่านนายพลทั้งสอง แต่ผมไม่ได้คิดจะอยู่ที่นี่!”

 

สองนายพลไม่คาดคิดเลยว่าฉินเฟิงจะปฏิเสธอย่างกระทันหัน ในเวลานี้ สีหน้าของพวกเขาเริ่มแสดงออกถึงความไม่พอใจ

ต้องทราบนะว่าพวกเขามารอที่นี่โดยเฉพาะ เพื่อแสดงออกถึงไมตรีที่ดีแก่ผู้ที่มีคุณสมบัติมากพอ นอกจากนี้ พวกเขายังมาปรากฏกายขึ้นเพื่อออกมาแสดงตัวให้ผู้คนพบเห็น จะได้รู้สึกใกล้ชิดและชื่นชม

 

แต่ใครจะรู้ ว่าฉินเฟิงกลับไม่รักษาหน้าของพวกเขาซะงั้น

 

“ฉินเฟิง เธอลองคิดเรื่องนี้ดูดีๆอีกครั้งเถอะ โอกาสแบบนี้ไม่ง่ายที่จะได้รับ ท่านนายพลถึงกับมาชักชวนเธอเป็นการส่วนตัวเลยนะ!” หลี่เหวินขยิบตาส่งสัญญาณให้ฉินเฟิง

 

ฉินเฟิงคิดอยู่พักหนึ่ง ว่ามันต้องใช้เวลาสักพักเลย กว่าเขาจะเติบโตไปถึง เลเวล E ดังนั้นหากเขาล่วงเกินสองนายพลในเวลานี้ ภายภาคหน้าตนคงจะลำบาก

 

อย่างไรก็ตาม เขาก็มีหนทางของตัวเอง

 

“อันที่จริง ที่ผมปฏิเสธไป นั่นเพราะผมกำลังจะไปเข้าเรียนในสถาบันระดับสูงในเร็วๆนี้ ดังนั้นผมเลยไม่สามารถเข้าร่วมกับทางกองทัพได้ โปรดช่วยรอผมอีกสัก 3 ปี ด้วยเถอะ!”

 

ฮั่นเจียนกับหวังเฉิงพอได้ฟังคำอธิบายของฉินเฟิง สีหน้าของพวกเขาก็ดูดีขึ้นมาก

 

ฮันเจียนยิ้ม บ่นอุบ “ตาแก่เติ้งนี่มักจะเป็นที่ชื่นชอบของพวกเด็กๆเสมอเลยสินะ ฉันไม่รู้หรอกว่าเขามียาดีอะไร พวกเด็กๆถึงอยากไปสถาบันระดับสูงกันนัก!”

 

ตาแก่เติ้งที่เขาพูดถึง คือผู้อำนวยการของสถาบันระดับสูง และเขาก็เป็นคนที่หนึ่งในคนที่มี เลเวล E เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีสถานะที่สูงมากในชุมชนทางเหนือ

 

ท้ายที่สุดแล้ว ประชาชนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยออกจากสถานที่ชุมชนทางเหนือ ดังนั้นในฐานะผู้อำนวยการของสถาบันระดับสูงเพียงแห่งเดียว ชื่อเสียงของเขาจึงโด่งดังจนยากจะจินตนาการได้

พวกนักวิชาการ มักจะมีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองเสมอๆ

 

ฉินเฟิงมองไปยังความไม่พอใจที่ค่อยเลือนหายไป เขาจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อบอกลา ขณะเดียวกันก็ลากเสี่ยวจิงเข้ามา

 

“นี่คือเพื่อนร่วมชั้นของผม ตอนนี้เธอสามารถปลุกพลังวรยุทธโบราณให้ตื่นขึ้นมาได้แล้ว หวังว่าพวกคุณจะให้เธอเข้าร่วมกับทางกองทัพ!”

 

“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว สาวน้อย เธออยากจะเข้าร่วมกับเหล่าไหนล่ะ?”

 

เสี่ยวจิงมองฉินเฟิงด้วยความสำนึกคุณอย่างสุดซึ้ง ก่อนจะหันไปมองหลี่เหวินและกล่าว “หนูอยากเข้าร่วมกองทหารรักษาการณ์!”

 

“ตกลง ไม่มีปัญหา พวกเรารับเธอ!” ฮั่นเจียนพยักหน้า ส่วนหวังเฉิงก็ไม่คิดแย่งชิง เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่เห็นถึงความแข็งแกร่งของเสี่ยวจิงแต่อย่างใด ตนเลยไม่มีความสนใจต่อทหารหญิงคนนี้

 

ทว่าในอีกไม่กี่ปีต่อมา เขาจะต้องเกิดความรู้สึกเสียใจ กับความใจกว้างของตัวเองในครั้งนี้!

 

 

“รบกวนช่วยขับรถไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วย!”

 

“มิสเตอร์ฉิน นี่อย่าบอกนะว่าคุณตั้งใจจะส่งเนื้อพวกนี้ไปให้พวกเด็กกำพร้ากิน?” คนขับรู้สึกประหลาดใจ

 

“อ่า ใช่แล้ว”

 

“มิสเตอร์ฉิน คุณนี่เป็นคนดีจริงๆ!”

 

“ผมเองก็เป็นเด็กกำพร้า ดังนั้นนี่ก็เหมือนกับเป็นการตอบแทนสถานที่พักอาศัย”

 

“ฉินเฟิงไม่อาจรับคำชมสองคำ ‘คนดี’ ได้เลยจริงๆ เพราะก่อนหน้าที่จะเข้าร่วมการสังหารสัตว์ร้าย เขาก็เพิ่งสังหารมนุษย์ไปถึง 4 คน”

 

ฝนที่ตกหนักในวันนี้เริ่มซาลงไปเยอะ นี่คือช่วงเวลาเย็น ท้องฟ้าคล้ายถูกชำระล้าง แม้จะมีแสงอาทิตย์ส่อง แต่มันก็ไม่ร้อนแล้ว

 

อากาศชื้นๆ ปลอดโปร่งสดชื่น แสงอาทิตย์ก็ทอความอบอุ่น แม้แต่สถานเลี้ยงเด็กอันแออัดก็ยังมีแสงแดดส่องมาถึง

เด็กๆกำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน เมื่อเห็นว่ามีรถทหารขับเข้ามากใกล้ พวกเขาก็เริ่มชะเง้อมองด้วยสายตาไร้เดียงสา

 

“มาเถอะมิสเตอร์ฉิน ผมจะช่วยคุณขนของเอง!” คนขับพูดอย่างกระตือรือร้น

 

“ขอบคุณมากครับ”

 

“ด้วยความยินดี คุณอย่าสุภาพไปเลย”

 

ตัวของหนูยักษ์กินพืชระดับนายพลนั้นมีขนาดไม่เล็ก แม้จะชำแหละพวกเล็บ , ฟัน , กระดูก , ขน ไปแล้วก็ตาม หากแต่เนื้อของมันก็ยังมีขนาดไม่ด้อยไปกว่าหมูที่โตเต็มวัยเลย

 

ทว่าเมื่อมันอยู่ในมือของฉินเฟิงกับทหารที่ขับรถมาส่งแล้ว ชิ้นเนื้อที่สมควรจะหนักอึ้ง กลับหนักเพียงนิดหน่อยเท่านั้น

 

“เอาล่ะ มิสเตอร์ฉิน ผมคงต้องขอตัวก่อน!”

 

“ขอบคุณ และขอโทษที่รบกวนคุณนะ!”

 

เมื่อเด็กน้อยเห็นรถขับจากไป พวกเขาก็เริ่มเข้ามามุงดู

 

“พี่ชาย พี่เป็นคนเอาของพวกนี้มาให้เรางั้นหรอ?”

 

“พี่ชาย มีอะไรอยู่ข้างในนั้นหรอ?”

 

“พี่ชาย ใช่ของกินรึเปล่า พวกเรากินมันได้ไหม?”

 

เด็กๆไร้เดียงสาเกินไป พวกเขามองมันอย่างอยากรู้อยากเห็น แต่เนื่องจากได้รับการสั่งสอนที่ดี พวกเขาจึงไม่คิดเข้าไปรื้อค้นใดๆ ทว่าก็ยังไม่อาจระงับความรู้สึกหิวโหยได้อยู่ดี

 

“เดี๋ยวพวกเธอก็จะรู้เองว่าในถุงนี่คืออะไรในตอนกลางคืน อ้อ แล้วก็อย่าเข้ามาใกล้ฉันด้วย ตอนนี้ฉันสกปรกมากเลย!”

 

เขาเพิ่งกลับมาจากแนวหน้า แม้ฉินเฟิงจะสวมใส่ชุดต่อสู้ T3 แต่หัวของเขาก็ชุ่มไปด้วยน้ำฝน ตามร่างกายของเขาก็สกปรกไปหมด

ฉินเฟิงคว้าถุงเก้าใบ จากนั้นก็ใช้ความพยายามเล็กน้อย ลากพวกมันเข้าไปในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ลงทะเบียนนิดหน่อย ก็ตรงเข้าไปในคลังสินค้าแช่แข็ง

 

ผู้อำนวยการไม่ได้อยู่ที่นี่ในวันนี้ ดังนั้นฉินเฟิงจึงทิ้งพวกมันไว้โดยไม่บอกเขา

 

ไม่นาน หลินเต๋อหรงก็กลับมาหลังจากที่ฉินเฟิงจากไป

 

เขาถอนหายใจยาว และมองไปยังอาคารที่ทรุดโทรม บังเกิดความเศร้าอย่างไม่อาจอธิบายได้

 

เด็กกำพร้ากลุ่มเก่าได้ออกไปแล้ว และตอนนี้กลุ่มใหม่ก็ได้มาถึง กองทุนสงเคราะห์จากทางรัฐสามารถช่วยรับประกันได้ว่าเด็กกำพร้าเหล่านี้จะไม่อดตายเท่านั้น แต่หากกล่าวถึงในเรื่องของโภชนาการที่ครบถ้วน มันเป็นไปไม่ได้

 

“ผู้อำนวยการ มีเนื้อด้วยล่ะ! มีคนเอาเนื้อมาให้!” หนึ่งในอาจารย์กล่าวด้วยความตื่นเต้น

 

พอได้ยิน หัวใจของหลินเต๋อหรงก็สั่นสะท้าน สติของเขากลายเป็นแจ่มใส

 

“มีคนมาบริจาคเสบียงอย่างงั้นหรอ? แถมยังเป็นเนื้อซะด้วย เขาบริจาคให้เท่าไหร่กัน?”

 

อาจารย์รีบตอบ “ 1000 จิน!”

 

ปากของหลินเต๋อหรงราวกับอมมะระขม เขาแทบจะหุบยิ้มเอาไว้ไม่ได้

 

“ยอด ยอดไปเลย ขอบคุณสวรรค์ที่ยังมีคนใจดีอยู่ เราจะต้องรีบไปขอบคุณเขาซะแล้ว และบันทึกชื่อของเขาเอาไว้ด้วย เมื่อใดที่สถานเด็กกำพร้าความเป็นอยู่ดีขึ้น จะได้ตอบแทนน้ำใจของเขา”