บทที่ 280 คาบสมุทรมังกรซ่อน
หลังจากออกจากเกาะเทียนลี่แล้ว เฉินเฉียงได้ดำลงไปใต้ทะเล ก่อนที่จะใช้ทักษะควบคุมสายน้ำ แล้วนำแผ่นพลังงานออกมาเจ็ดแผ่น ก่อนที่จะเปลี่ยนพวกมันทั้งหมดให้กลายเป็นพลังงานของระบบ
ในเมื่อเขานั้นบ่มเพาะต่อไปไม่ได้อย่างน้อยๆก็ในช่วงเวลานี้ เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสอยู่รอดในการไปเยือนก้นมหาสมุทรมังกรซ่อน เฉินเฉียงจึงคิดที่จะหวังพึ่งพลังเหนือมนุษย์ของมนุษย์กลายพันธุ์ที่เขามี
เจ้าของระบบ: เฉินเฉียง
ระดับ: นักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณขั้นสูง
การหลอมรวมทักษะ: 1
การคัดเลือกทักษะ : 8
ค่าพลังงาน:6,400,000
ค่าการใช้ประโยชน์:1
ค่าความอดทน:550
ค่าความแข็งแกร่ง:576
ค่าความเร็ว:422
ค่าพลังจิต:1147
เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: …
ทักษะ: ….
ทักษะ: ควบคุมสายน้ำ ระดับ 8 (ทักษะที่ 1)
ทักษะ: เปลี่ยนรูปลักษณ์ (ทักษะที่ 2)
ทักษะ: ปีกสีเงิน ระดับ 9 (ทักษะที่ 3)
ทักษะ: ซ่อนตัวจากแสง ระดับ 4 (ทักษะที่ 4)
ทักษะ: เกราะเหล็กไหล (ทักษะที่ 5)
ทักษะ: คลื่นเสียงทำลายวิญญาณ (ทักษะที่ 6)
ทักษะ: ขอบเขตจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ขั้นสูง (ทักษะที่ 7)
ทักษะ: คลื่นอัดกระแทก ระดับ 8 (ทักษะที่ 8)
ทักษะ: กลืนกินเลือดปีศาจ
……
สายเลือด: โกลาหลแรกกำเนิด?(โกลาหลขั้นต้น)
หลังจากเพิ่มพลังให้กับพลังเหนือมนุษย์ของตนแล้ว เฉินเฉียงก็สามารถเคลื่อนไหวในน้ำได้ราวกับแหวกว่ายอยู่ในอากาศ และนี่ทำให้เขาใช้เวลาเพียงสี่วันในการไปยังเกาะเอ้อเทียน
เทียบกับเกาะเทียนเล่ยแล้ว เกาะเอ้อเทียนกว้างใหญ่กว่ามาก
และเป็นอย่างที่ราชาสวรรค์บอกกับเขาไว้ นอกจากเจ้าหน้าที่และพนักงานของที่นี่แล้ว ทุกคนล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับกึ่งราชา
และด้วยการที่เกาะแห่งนี้อยู่ใกล้จุดก้นสมุทรที่สุด ผู้คนที่นี่ต่างก็เพ่งเล็งหมายจะเก็บดอกไม้ร้อยสีสันเพียงอย่างเดียว
ทุกธุรกิจบนเกาะนี้นั้นล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับดอกไม้ร้อยสีสัน
หรือก็คือทุกสิ่งนั้นเกี่ยวกับการปรุงยาโลกาหวนคืน
หลังจากก้าวขึ้นมาในระดับเทียบเท่ากึ่งราชา ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สัตว์ประหลาด หรือมนุษย์กลายพันธุ์ ทุกคนนั้นต่างก็เหมือนกันโดยไม่แตกต่าง
และด้วยการที่เกราะพลังงานของเฉินเฉียงนั้นผิดแผกไม่เหมือนใคร ยามที่เขาเดินไปท่ามกลางเสียงผู้คนบนเกาะที่อื้ออึง ไม่มีใครจะรับรู้เลยว่ามีสัตว์ประหลาดสงครามตนหนึ่งได้มาเยือนที่เกาะแห่งนี้แล้ว
หลังจากเดินเกร่อยู่ทั้งวัน ในที่สุด เฉินเฉียงก็ได้เข้าใจโครงสร้างพื้นฐานของเกาะแห่งนี้
เกาะเอ้อเทียนนั้น เปรียบได้ดั่งเมืองศูนย์กลางของคาบสมุทรมังกรซ่อน ไม่ว่าใครก็ตามที่ต้องการไข่มุกขจัดวารี ใครก็ตามที่ต้องการดอกไม้ร้อยสีสัน หรือใครก็ตามที่ต้องการเมล็ดพันธุ์แห่งโลก ล้วนแล้วแต่ต้องมาที่นี่
แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่บนเกาะแห่งนี้จะเป็นกลุ่มคนที่ต้องการลงไปยังก้นสมุทรมังกรซ่อน
และหลังจากสำรวจแล้ว เฉินเฉียงก็พบว่าทุกคนที่จะไปยังก้นสมุทรนั้นจะตั้งทีมขึ้นมา แล้วไปรับภารกิจเก็บดอกร้อยสีสันที่ร้านค้าบนเกาะ
และแม้จะเป็นบนเกาะแห่งนี้ ราคาของดอกไม้ร้อยสีสันก็แพงอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ตอนที่เฉินเฉียงกำลังคิดเรื่องนี้อยู่นั้น ก็ได้มีกึ่งราชาสี่คนกลุ่มหนึ่งได้ตรงไปยังร้านค้าที่มีชื่อว่าทองคำเปลว คนทั้งสี่พึ่งจะได้รับภารกิจเก็บหญ้าร้อยสีสันมา และนี่ก็ทำให้ทุกคนก็ต้องมายืนพูดคุยกันก่อนที่จะมุ่งตรงไปยังก้นสมุทร
“พี่ชาย เจ้าของร้านทองคำเปลวก็บอกมาแล้วว่าตราบใดที่พวกเราได้ดอกสีสันมาแม้จะเพียงแค่ดอกเดียว พวกเขาพร้อมที่จะจ่ายสี่หมื่นแก่นวิญญาณให้กับพวกเรา”
“สี่หมื่นเลยเหรอ โอ้ แม่ เจ้า ว่าแต่กัปตันหลิว ข้าได้ยินมาว่าคนที่ไปที่นั่นในแต่ละปีนั้นไม่เคยได้กลับมาเลยนา”
“ถึงเจ้าจะพูดแบบนั้นนะ เฉียนเสี่ยว แต่เจ้าก็อย่าได้ลืมไปว่าพวกเราทุกคนล้วนแล้วต้องการไปถึงระดับราชาให้ได้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเราจะทำได้หากไม่มีแก่นวิญญาณจำนวนมากน่ะ”
“ยิ่งไปนั้นก็คือ ต่อให้เราก้าวไปถึงระดับราชาแล้ว ยังไงซะ พวกเราต้องการแก่นวิญญาณให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้”
“บนโลกนี้เองก็ไม่ได้มีเหมืองแก่นวิญญาณมากนัก และด้วยระดับของพวกเรานั้นก็ไม่อาจจะเข้าไปยังเขตแดนจักรพรรดิได้แล้ว นี่จึงเป็นวิธีการเดียวที่เราจะได้แก่นวิญญาณมาเป็นจำนวนมาก”
“มีเพียงผู้ที่อยู่ในระดับราชาขุนพลขั้นสูงช่วงปลายขึ้นไปเท่านั้นที่จะผลิตแก่นวิญญาณได้ด้วยตัวเองเพียงเท่านั้น”
“หม่าหลิว เจ้าคิดว่ายังไง”
ชายที่หน้ายาวเหมือนม้าได้ขบฟันไปสองทีอย่างเคร่งเครียดก่อนจะพยักหน้ารับ “ทำมันกันเถอะ หากว่าสำเร็จ อย่าว่าแต่หนึ่งดอกเลย พวกเราอาจจะได้มาสองสามดอกเลยด้วยซ้ำ เมื่อถึงเวลานั้น เมื่อนำพวกมันไปแลกเปลี่ยนเป็นแก่นวิญญาณแล้ว มันเพียงพอที่จะทำให้พวกเรานั้นไปถึงระดับราชาขุนพลช่วงปลายได้อย่างแน่นอน”
ยิ่งไปกว่านั้นคือ พวกเรายังมีเจ้าฉลามแก่อยู่ที่นี่ มันเองก็เป็นถึงสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเลในน่านน้ำแห่งนี้ มันน่าจะคุ้นเคยกับที่นั่นเป็นอย่างดี
เมื่อพูดจบ หม่าหลิวก็ได้หันไปชี้ยังชายที่มีใบหน้าขาวกระจ่างที่อยู่ด้านหลัง
ฉลามแก่จึงได้พูดออกมา ด้วยท่าทางที่จริงจัง “ข้าแม้จะอยู่ในน่านน้ำแห่งนี้ แต่ข้าก็ยังไม่กล้าไปที่ก้นมหาสมุทรนั่นเพียงคนเดียวเลยนะ”
“ข้ามีเพื่อนที่ไปที่นั่นสองคน แต่พวกเขาไม่เคยกลับมา”
“ถึงแม้จะพูดอย่างนั้น แต่ข้าก็เชื่อว่าพวกเราที่ทำงานร่วมกันถึงสี่คน จะมีโอกาสอย่างมากที่จะได้รอดชีวิตกลับมา”
“ต้องให้ได้อย่างนั้นสิ ในเมื่อตกลงกันได้แล้ว พวกเราก็ไปที่นั่นกัน”
หลังจากพูดจบ หม่าหลิวก็ได้นำอีกสามคนมุ่งตรงไปยังก้นสมุทรของคาบสมุทรมังกรซ่อน
ด้วยการที่พลังจิตของเฉินเฉียงนั้นสูงล้ำ เขาได้ยินทุกคำพูดของคนกลุ่มนี้ และนี่ทำให้เขาตัดสินใจที่จะลอบติดตามไป
หลังจากออกจากเกาะเอ้อเทียน ฉลามแก่ผู้ที่คุ้นเคยน่านน้ำนี้กว่าใครก็ได้เป็นผู้นำพาทุกคนไป ทุกคนได้อมไข่มุกขจัดวารีไว้ในปากพลางกระโดดลงน้ำตามไป
หลังจากที่ทั้งกลุ่มว่ายน้ำไปประมาณห้าถึงหกไมล์ เฉินเฉียงก็ได้กระโดดตามลงไป
ด้วยการที่เฉินเฉียงน้ำมีทักษะควบคุมสายน้ำระดับแปด ต่อให้เขาต้องว่ายน้ำแข่งกับฉลามแก่ที่เติบโตมาในทะเล ก็ไม่อาจที่จะสู้กับเฉินเฉียงได้
และเพื่อป้องกันไม่ให้ทั้งสี่รับรู้ถึงตัวตนของเขา เฉินเฉียงจึงเลือกที่จะปลดปล่อยกระแสจิตตรวจจับออกมา และว่ายน้ำตามไปอย่างช้าๆอยู่ข้างหลัง พร้อมทั้งตรวจสอบดูอันตรายโดยรอบไปในตัว
หลังจากว่ายน้ำมาได้ครึ่งวัน คนที่สี่ก็ได้ว่ายน้ำช้าลง
“กัปตันหลิว พวกเราเกือบจะถึงแล้ว” ฉลามแก่ที่ว่ายนำมานั้นได้หยุดและหันไปบอกทุกคน
เฉินเฉียงที่ตามหลังมานั้นก็ได้หยุดการว่ายน้ำลงเช่นกันเมื่อได้ยิน
ถึงแม้จะเป็นพื้นที่ใต้ทะเล แต่กระแสจิตของเฉินเฉียงก็ยังตรวจสอบพื้นที่โดยรอบได้อย่างกระจ่างชัดในระยะสิบไมล์
และอีกหนึ่งไมล์ตรงหน้าของฉลามแก่นี้ มีวังน้ำวนขนาดยักษ์ปรากฏอยู่
คลื่นน้ำสีน้ำเงินที่พัดไปมาอย่างรุนแรงจนเห็นได้ชัดและลึกลงไปนี้ มันราวกับว่าเป็นมังกรที่บ้าคลั่งบิดตัวไปมาเพื่อระบายอารมณ์อยู่ และเมื่อมองเข้าไปข้างในแล้วก็ทำให้ราวกับได้เห็นพื้นที่ว่างที่ราวกับเป็นทะเลอีกแห่งที่ซ่อนอยู่ในทะเลอีกที
“กัปตันหลิว เห็นนั่นใช่รึเปล่า ที่ใต้วังน้ำวนยักษ์นี้แหละคือก้นสมุทรแห่งคาบสมุทรมังกรซ่อน”
กัปตันหลิวพยักหน้ารับ “เอาล่ะ หากดูตามแผนที่แล้วก็น่าจะเป็นจุดนี้จริง”
“พี่น้อง ดูเหมือนว่าพวกเรานั้นจะต้องค่อยๆดำลงไปกันนะ แล้วก็อย่าพลาดเข้าไปแตะวังน้ำวนนั่นล่ะ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงยากที่จะได้หวนกลับอย่างแน่นอน”
ทั้งสามคนพยักหน้ารับ ก่อนที่ฉลามแก่จะนำทางให้ทุกคนอีกครั้ง ในตอนนี้ ทุกคนกำลังดำดิ่งไปยังก้นของวังน้ำวนแห่งนี้
และเมื่อมาถึงจุดที่ตั้งของก้นสมุทร เฉินฉียงก็ได้ลดความเร็วลง เพื่อทิ้งระยะห่างกับกึ่งราชาทั้งสี่คนนี้
ยิ่งทั้งสี่คนนี้เข้าใกล้ก้นทะเลมากเท่าไหร่ เฉินเฉียงก็ยิ่งสบายใจมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
นั่นก็เพราะก่อนหน้านี้ราชาสวรรค์ได้บอกกับเขาไว้ว่าผู้ใดก็ตามที่เข้ามาที่นี่ ล้วนแล้วแต่ต้องตกตาย แม้กระทั่งระดับราชาก็ยังต้องร่วงหล่น เฉินเฉียงย่อมไม่อาจวางใจได้เมื่ออยู่ที่นี่
และยิ่งดำดิ่งลงไปลึกเท่าไหร่ ขอบเขตกระแสจิตของเฉินเฉียงก็ยิ่งแคบลงมากขึ้น
หลังจากดำดิ่งลงไปได้พันห้าร้อยเมตร ระยะห่างระหว่างเขาและกึ่งราชาทั้งสี่ก็ลดลงเหลือเพียงสี่ไมล์เท่านั้น หากเขาเข้าไปใกล้มากกว่านี้อาจจะโดนทั้งสี่คนพบเจอได้
สามพันเมตร
ในตอนนี้ กึ่งราชาทั้งสี่ตรงหน้าเขาค่อยๆลดระดับความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับมีท่าทางตื่นตัวต่อสิ่งรอบข้างมากขึ้น
ในใต้ทะเลลึกแบบนี้ แสงที่ส่องผ่านลงมาก็เริ่มที่จะส่องมาไม่ถึง คนที่มาที่นี่จะหวังพึ่งได้ก็เพียงกระแสจิตของตนเพียงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกันแล้ว เฉินเฉียงยังดีกว่ามากนัก เพราะเขายังมีสิ่งที่เรียกว่า ตาพันลี้อยู่
ทักษะตาพันลี้นี้เขาได้มาจากเหยี่ยวดารา ถึงแม้โดยปกติแล้ว กระแสจิตของเขาจะดีกว่าทักษะนี้มากนัก แต่เมื่อมาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นใต้ทะเลลึกนี้ การมองเห็นของเขากลับดีกว่า ต่อให้ต้องต่อสู้กัน หากเขาใช้ทักษะนี้ร่วมกับพลังจิต มันจะทำให้เขาได้เป็นต่อ
ในความมืดและหนาวเหน็บใต้ทะเลลึกนั่น เฉินเฉียงยังคงติดตามทั้งสี่คนต่อไปอยู่ห่างๆ พลางตรวจสอบสถานการณ์โดยรอบ
ในตอนนี้พวกเขาดำลงมาได้ห้าพันเมตรแล้ว
กับทะเลลึกแบบนี้ แม้แต่สัตว์ทะเลก็ยังหาได้ยากยิ่ง นับประสาอะไรกับก้นสมุทรแห่งนี้กัน
ยังไงก็ตาม จากที่เขาได้ยินมานั้น เฉินเฉียงจดจำข้อมูลที่ได้รับมาจากเกาะเอ่อเทียนได้ว่ายิ่งเข้าไปใกล้ก้นสมุทรมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสได้พบเจอสิ่งมีชีวิตลึกลับมากยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้ ผู้คนมากมายได้ลงมายังที่นี่ แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ดอกไม้ร้อยสีสันไปนั้น พวกเขาล้วนแล้วแต่ถูกฆ่าโดยสิ่งมีชีวิตลึกลับที่อยู่ใต้ก้นมหาสมุทรแห่งนี้
นี่จึงทำให้กัปตันหลิวและพวกนั้น ไม่เพียงจะช้าลงเรื่อยๆ แถมทั้งสี่คน เริ่มที่จะว่ายน้ำมาชิดกันมากขึ้น เพื่อที่จะได้ช่วยกันรับมือหากเกิดปัญหา
เป็นตอนนี้เองที่เฉินเฉียงสังเกตได้ว่ากึ่งราชาทั้งสี่ที่อยู่ห่างจากเขาไปสองไมล์ ได้หยุดลงและมองหน้ากัน
ไม่นาน เฉินเฉียงก็ได้เข้าใจ
ทั้งสี่กำลังสื่อสารกันผ่านเสียงทางจิตวิญญาณ
ยังไงซะ ในตอนนี้ก็เกือบจะถึงก้นสมุทรแล้ว จะดีกว่าหากพวกเขาไม่ไปกระตุ้นให้สิ่งมีชีวิตลึกลับนั่นรู้ตัว
ถึงแม้เฉินเฉียงจะไม่เข้าใจว่าทั้งสี่คุยอะไรกัน แต่เขาก็ยังว่ายเข้าไปจนถึงระยะห่างครึ่งไมล์
เขาเชื่อว่า ด้วยพลังเหนือมนุษย์ควบคุมสายน้ำระดับแปดของเขา ต่อให้ทั้งสี่พบเจอ ก็ไม่อาจจะจับเขาได้
และด้วยการที่เขามีความมั่นใจนี้เอง เขาจึงกล้าที่จะเสี่ยงแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาเชื่อว่าในตอนนี้กระแสจิตของทั้งสี่น่าจะถูกแรงดันน้ำกดทับอยู่ ไม่มีทางที่จะพบเจอเขาได้
สิ่งที่เขากังวลมากกว่านั้นก็คือสัตว์ลึกลับนั่น
หากว่าเจ้าสัตว์ลึกลับนั่นว่ายน้ำได้เร็วเท่าเขา จะดีกว่าหากเขาจะหาตัวช่วยในการถ่วงเวลา
หลังจากที่เฉินเฉียงว่ายน้ำเข้าไปใกล้ได้ครึ่งกิโลเมตร ทั้งสี่ก็ได้พูดคุยกันเสร็จและดำน้ำต่อ
หลังจากดำลงไปได้อีกสองร้อยเมตร เฉินเฉียงได้หยุดดำลงไป และทั้งสี่ก็ได้หยุดการดำของตน
ที่ความลึกห้าพันเจ็ดร้อยเมตร พวกเขาเริ่มเข้าสู่พื้นที่ก้นทะเล
เบื้องหน้าของเฉินเฉียงนั้น เขารับรู้ได้ว่าทั้งสี่คนนั้นอยู่ห่างจากจุดก้นทะเลอีกเพียงห้าร้อยเมตรเพียงเท่านั้น
เหตุผลที่ว่าทำไมเขานั้นมั่นใจนัก ก็เพราะว่ากระแสจิตของเขาได้ทำให้เขารับรู้ถึงความน่าอัศจรรย์พันลึกในจุดที่อยู่ก้นสมุทรแห่งนี้
ที่กึ่งกลางของจุดที่เรียกว่าก้นทะเลแห่งนี้นั้น มีสิ่งที่ทอแสงระยิบระยับอยู่ราวๆสี่หมื่นจุด มันคือดอกไม้ที่มีหลากสี
และเมื่อเขาเห็นท่าทางของกึ่งราชาทั้งสี่คนนี้ เขาก็มั่นใจได้ว่านี่คงจะเป็นเป้าหมายของเขา ดอกไม้ร้อยสีสัน
ไม่ใช่ว่ายามใดที่ดอกไม้ร้อยสีสันปรากฏ อันตรายจะคืบคลานเข้ามาไม่ใช่เหรอฟะ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเฉินเฉียงได้ตรวจสอบร่างของคนทั้งสี่นี้ เขาก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด
หรือเป็นเพราะว่าคนเหล่านี้มันจะโชคดีแบบสุดๆกัน
หรือไม่ก็……สัตว์ลึกลับนั่นจะซ่อนตัวได้ดีกว่าเกินที่เขาจะตรวจเจอ
ถึงแม้ว่าดอกไม้หลายสีสันที่มีอยู่กว่าสี่หมื่นต้นตรงหน้าจะล่อตาล่อใจขนาดไหนก็ตาม แต่ทั้งสี่ก็พยายามสะกดข่มความโลภของพวกเขา ก่อนที่จะใช้กระแสจิตตรวจสอบอาณาบริเวณโดยรอบ
หลังจากเสร็จสิ้น ทุกคนก็เหมือนกับจะยิ่งนอนใจลง
แต่ยังไงซะข่าวลือนี้ก็เป็นสิ่งที่กล่าวขวัญมาซะขนาดนั้น ยังไงซะมันก็ต้องมีเหตุผลของมันอยู่
และในเมื่อพวกเขานั้นตรวจสอบแล้วไม่พบเจออันตราย ไม่ใช่ว่ามันจะหมายถึงการที่สัตว์ลึกลับไม่ได้อยู่ใกล้ๆ แต่มันยิ่งแสดงให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตลึกลับนี่มันน่ากลัวเสียยิ่งกว่าคำร่ำลือ
และด้วยการที่ทั้งสี่คนนี้เป็นกึ่งราชา พวกเขาย่อมรับรู้เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
สิ่งที่พวกเขาต้องทำในตอนนี้ก็คือ การเก็บเกี่ยวดอกไม้ร้อยสีสันเหล่านี้ให้มากที่สุดโดยที่ต้องมีชีวิตให้อยู่รอดกลับไป
เฉินเฉียงผู้ที่อยู่ข้างหลังเองนั้น เมื่อเห็นดอกไม้ที่ต้องการอยู่ตรงหน้า เขาก็เร่งความเร็วจนทำให้ตนอยู่ใกล้ทั้งสี่มากขึ้น
ดอกไม้ตรงหน้าเขามีมากกว่าสี่หมื่นดอก อย่างน้อยๆหนึ่งในนั้นต้องเป็นของเขา
สี่ร้อยเมตร
สามร้อยเมตร
ร้อยเมตร
ทั้งสี่ อยู่ห่างจากดอกไม้นี้เพียงอีกหนึ่งร้อยเมตรเพียงเท่านั้น ในขณะเดียวกัน สัตว์ลึกลับที่ลือเลื่องก็ยังไม่มีท่าทีจะปรากฏแต่อย่างใด
เฉินเฉียงที่อยู่ข้างหลังนั้น แม้จะพยายามเข้าใกล้ทั้งสี่คนมากขึ้น แต่เขาก็ยังรักษาระดับห่างเอาไว้ที่สี่ร้อยเมตร
หากเป็นสถานการณ์ปรกติ ต่อให้อยู่ใต้ทะเลลึกแบบนี้ ทั้งสี่คนนี้ย่อมต้องพบเจอเฉินเฉียงไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่กระแสจิตของพวกเขานั้นพุ่งเป้าไปที่ดอกไม้ร้อยสีสัน จึงทำให้สัมผัสของพวกเขานั้น พุ่งตรงไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว
นี่จึงเป็นโอกาสอันดีที่เฉินเฉียงจะได้เข้ามาใกล้
หากไม่ใช่ว่าเขานั้นกลัวกับอันตรายที่ยังมองไม่เห็นอยู่ล่ะก็ ด้วยความเร็วของเขานั้น ป่านนี้ก็คงจะกวาดเรียบไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เจ้าสัตว์ลึกลับนั่นปรากฏตัวขึ้นมาจริง เขาก็ยังเชื่อว่าเขาสามารถหลบหนีออกมาเมื่อไหร่ก็ได้
และด้วยพลังความเจิดจ้าของดอกไม้ร้อยสีสันกว่าสี่หมื่นต้นตรงหน้านั้น จากเดิม ก้นสมุทรที่มืดทึบและไร้แสงใดๆจะส่องถึงนั้น ได้ทำให้ใบหน้าของทั้งสี่คน ปรากฏให้เห็นที่ใต้ผืนทะเลนี้อย่างเด่นชัด
และด้วยดวงตาของเฉินเฉียงนั้น เขาย่อมรับรู้ท่าทางของสี่คนได้อย่างดี
ทั้งสี่คนในตอนนี้กำลังลอบคิดคดอยู่ในใจ
ทั้งสี่ต่างก็เป็นกึ่งราชา แต่หากพูดถึงสภาพแวดล้อมแบบนี้แล้ว คนที่เหนือชั้นมากที่สุด คงจะหนีไม่พ้นฉลามแก่
และด้วยผลประโยชน์ที่กองอยู่ตรงหน้านี้ คนทั้งสี่ต่างก็แสดงใบหน้าที่แท้จริงออกมา
ฉลามแก่ผู้ซึ่งคุ้นเคยกับบรรยากาศแห่งท้องทะเลนี้ ได้พุ่งตรงเข้าไปหาดงดอกไม้ร้อยสีสันตรงหน้า แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่ากัปตันของกลุ่มนั้นจะเร่งความเร็วที่เร็วเสียยิ่งกว่าเขาตัดหน้าเขาไป
“พลังเหนือมนุษย์ควบคุมสายน้ำ”
นี่ทำให้เฉินเฉียงเข้าใจได้ทันทีว่ากัปตันหลิวนั้นเป็นมนุษย์กลายพันธุ์
และเท่าที่ดูจากพลังที่แสดงออกมานี้ พลังของเขาน่าจะอยู่ในระดับสาม
ในระยะห่างเพียงร้อยเมตร ด้วยทักษะควบคุมสายน้ำระดับสาม กัปตันหลิวสามารถเข้าไปใกล้ดงดอกไม้นี้ได้ในชั่วพริบตา
ในตอนนี้ ดวงตาของกัปตันหลิวนั้นเจิดจ้าโดยไม่ซ่อนความละโมบที่ฉายออกมาเลยแม้แต่น้อย
“ตัดหน้าข้าเรอะ”
ฉลามแก่สบถขึ้นมาในใจ ก่อนที่จะรีบตามกัปตันหลิวผู้นี้ไป แต่กระนั้น เขายังค่อยๆก้าวเข้าไปอย่างช้าๆ
เฉินเฉียงที่อยู่หลังใครเพื่อนนั้น เขาเองก็ถึงก็รีบสะกดข่มใจตัวเอง และเฝ้าดูการกัปตันหลิวเข้าไปชิงดอกไม้ร้อยสีสันดอกแรกไว้ได้โดยไม่ไหวติง
ด้วยบรรยากาศโดยรอบที่เต็มไปด้วยอันตรายนี้ ต่อให้ไม่มีอันตรายจากสิ่งมีชีวิตลึกลับ แต่พวกเขาก็ยังต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่เรียกว่าความโลภในใจของกึ่งราชาทั้งสี่อีก นี่จึงทำให้เฉินเฉียงไม่คิดจะเร่งรีบแต่อย่างใด