บทที่ 264: การเผชิญหน้าครั้งที่สอง

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 264: การเผชิญหน้าครั้งที่สอง

ลิเลียนยอมรับคำขอของคริสโดยไม่ลังเล

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เด็กสาวรับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคอยสอนรุ่นน้อง ปีที่แล้วในฐานะนักเรียนที่โดดเด่นที่สุดในชั้นเรียนของ ‘คริส’ และเป็นตัวแทนของชั้นปีที่ 2 เธอเคยได้รับหน้าที่จัดชั้นเรียนเสริมสำหรับรุ่นน้องปีที่ 1

การปฏิบัติดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่มีในหลักสูตรของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า อันที่จริงความสัมพันธ์ของนักเรียนนั้นมักจะแตกต่างกันไปตามอาจารย์ผู้สอน

ลองนึกถึงอาจารย์ที่ชอบอวดว่ามีนักเรียนมากที่สุดในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าอย่าง ฟลัดเลย์ ความสามารถในการสอนของเขาอยู่ในระดับทั่ว ๆ ไป แต่เหตุผลหลักที่นักเรียนเลือกเขามากกว่าคนอื่น ๆ เป็นเพราะหลักสูตรและข้อสอบที่ง่ายกว่าอาจารย์คนอื่น ๆ

คล้ายกับชีวิตในอดีตชาติของโรเอล การสอบตกในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าถือเป็นฝันร้ายสำหรับนักเรียนทุก ๆ คน ไม่เพียงแต่พวกเขาจะต้องรับภาระทางการเงินเพิ่มเติมแล้ว พวกเขายังเสี่ยงต่อการถูกไล่ออกอีกด้วย

วิชาภาคบังคับที่ล้มเหลวจะต้องเรียนซ้ำให้ผ่าน ซึ่งพวกมันก็มีค่าใช้จ่ายเช่นกัน อีกทั้งเพื่อที่จะ ‘ให้กำลังใจ’ นักเรียน พวกเขาจะต้องจ่ายค่าเล่าเรียนเป็นสองเท่าของจำนวนปกติสำหรับการเรียนซ้ำ และนั่นก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ อย่างแน่นอนหากคำนึงถึงค่าเล่าเรียนที่สูงลิบลิ่วของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า

การไล่ออกเองก็เป็นไปอย่างตรงไปตรงมา หากใครตกวิชาเรียนภาคบังคับมากกว่าห้าวิชา พวกเขาจะต้องสอบเข้าเรียนใหม่ ในช่วงเริ่มต้นของภาคการศึกษาถัดไป และถ้าหากพวกเขาสอบไม่ผ่าน ก็จะถูกส่งตัวกลับบ้านทันที

กฎระเบียบที่เคร่งครัดเหล่านี้ทำให้ แต่ละปีมีนักเรียนถูกไล่ออกเป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่แล้วเป็นนักเรียนใหม่ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เนื่องจากพวกเขายังใหม่กับสถาบันการศึกษาและยังปรับเข้ากับสภาพแวดล้อมไม่ได้

ภายใต้แรงกดดันมหาศาลเช่นนี้ อาจารย์ที่มักจะมีข้อสอบง่าย ๆ ที่เคยสอนในชั้นเรียนจึงเป็นดั่งของขวัญจากสวรรค์ ในอดีตชาติของโรเอล คนเหล่านั้นถูกเรียกว่า ‘พระผู้เป็นเจ้า’ แต่ที่นี่ในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า พวกเขาเรียกกันว่า แสงแห่งความหวัง ฟลัดเลย์

ด้วยเหตุนี้ ชั้นเรียนของฟลัดเลย์จึงเป็นที่ต้องการเหนือกว่าอุปทานมาก ที่นั่งหมดไวเหมือนเค้กในร้านยอดนิยม แม้ว่าเขาจะรับนักเรียนมากกว่าหนึ่งร้อยคนในแต่ละปี แต่ที่นั่งก็หมดไวเสียจนถูกเอาไปประมูลในราคาที่สูงลิบลิ่วที่ตลาดมืด!

อย่างไรก็ตามธรรมชาติของชั้นเรียนของฟลัดเลย์ ก็ส่งผลให้นักเรียนของเขามีความผูกพันกันน้อยลงไปด้วย พวกเขาอยู่ที่นั่นเพียงเพื่อตอกบัตรเข้าเรียน และหลักสูตรก็ง่ายมากจนไม่มีเหตุผลที่นักเรียนจะโต้ตอบกันมากนัก แม้ว่าเพื่อนร่วมชั้นจะนัดพบกันเป็นครั้งคราวหลังจากสำเร็จการศึกษา แต่พวกเขาก็เพียงแค่อุทานว่า ‘อาจารย์ฟลัดเลย์จงเจริญ’ ซึ่งค่อนข้างจะเป็นเรื่องธรรมดาสามัญระหว่างพวกเขา

ตรงกันข้ามกับ ‘ชั้นเรียนของฟลัดเลย์’ ชั้นเรียนของ ‘คริส’ เป็นอะไรที่ลำบากมาก คริสสอนเพียงแค่ผู้ที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมที่สุด ดังนั้นการทดสอบที่เธอตั้งไว้จึงมีความท้าทายมาก มีบางกรณีที่นักเรียนของเธอสอบไม่ผ่านและต้องสอบซ่อมซ้ำ ๆ ไป

วิธีการสอนของคริสนั้นรุนแรง แต่ก็ให้ผลลัพธ์ที่ดี แม้ว่าจะผ่านไปเพียงแค่สิบแปดปีนับตั้งแต่ที่เธอสำเร็จการศึกษามาเป็นอาจารย์ที่สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า แต่เธอก็มีนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาไปเป็นบุคลากรระดับแนวหน้ามากกว่าร้อยคน

ห้องเรียน ‘คริส’ นั้นเครียดกว่า ‘ห้องเรียนของฟลัดเลย์’ มาก ทำให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีนักเรียนมากมายที่ไม่สามารถรับแรงกดดัน และเริ่มเกลียดชังคริส

อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเริ่มประสบกับความยากลำบากในสังคม พวกเขาก็จะตระหนักได้ว่าความทุกข์ยากที่พวกเขาผ่านพ้นมาในช่วงชีวิตวัยเรียนนั้นไม่ได้ไร้ประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาคว้าโอกาสอันมีค่าหรือหลีกเลี่ยงหายนะได้ด้วยความรู้และทักษะที่ตนมี ความแค้นของพวกเขาก็จะเปลี่ยนไปเป็นความซาบซึ้ง

‘ความสะดวกสบายในวัยเรียน รั้งแต่จะสร้างความลำบากในอนาคต’ นี่คือปรัชญาที่ผู้สำเร็จการศึกษาจำนวนมากมักจะตระหนักได้ เมื่อก้าวเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง

เมื่อการสอบยากขึ้น นักเรียนก็มักจะรวมตัวกัน ช่วยเหลือกันให้ทุกคนผ่านพ้นวิกฤต ยิ่งไปกว่านั้นคริสยังรับเฉพาะนักเรียนที่มีความสามารถมากที่สุดมา ดังนั้นจึงมีสมาชิกไม่มากในห้องเรียนของเธอ ทำให้นักเรียนของเธอสนิทสนมกันมาก

เหตุผลหนึ่งที่ลิเลียนเลือกคริสเป็นที่ปรึกษาด้านวิชาการของเธอ เป็นเพราะตำแหน่งที่เป็นกลางของอาจารย์สาว เนื่องจากเธอเป็นคนในพื้นที่ของอาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนล ดังนั้นอีกฝ่ายไม่มีทางประจบประแจงหรือเป็นศัตรูต่อลิเลียนแน่ นอกจากนี้เธอยังจับตาดูเครือข่ายสายสัมพันธ์อันน่าเกรงขามของอาจารย์นักปราชญ์ผู้เคร่งครัดคนนี้มาเป็นระยะเวลาหนึ่งด้วยเช่นกัน

คริสเคยดูแลนักเรียนที่มีพรสวรรค์มาแล้วมากมาย ภายในเวลาไม่ถึงสองทศวรรษ ดังนั้นแม้แต่นักเรียนกลุ่มแรกสุดของเธอก็ยังอยู่ในวัยสามสิบต้น ๆ คนเหล่านี้ล้วนมีอายุน้อยและมีศักยภาพสูง ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าอิทธิพลของพวกเขาจะเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามกาลเวลา

แม้แต่องค์หญิงว่าที่จักรพรรดินีของจักรวรรดิออสทีนอย่างลิเลียน ก็ยังเล็งเห็นว่าเครือข่ายสายสัมพันธ์นี้เป็นทรัพย์สินที่มีค่า

สถานการณ์ทางการเมืองในจักรวรรดิออสทีนเริ่มตึงเครียดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาเหตุการณ์ในอนาคต ลิเลียนจึงคิดที่จะริเริ่มขยายอิทธิพลของตน เพื่อให้สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง

แม้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความตั้งใจเริ่มแรกของลิเลียนเบื้องหลังการเลือกคริสเป็นที่ปรึกษาด้านวิชาการ แต่ภายในช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมา คริสได้กลายเป็นหนึ่งในเพื่อนไม่กี่คนที่เธอมี ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมลิเลียนจึงไม่ลังเลที่จะยอมรับคำขอของเธอ

“ปีนี้มีนักเรียนเยอะไหมคะ?”

“ไม่เลย ปีนี้ฉันรับมาแค่คนเดียว”

“เข้าใจแล้ว เป็นผู้หญิงเหมือนเดิมงั้นเหรอ?”

“เรื่องนั้น… คราวนี้เป็นผู้ชาย”

คริสตอบอย่างงุ่มง่าม

ลิเลียนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดนั้น

มันอาจจะฟังดูหลงตัวเองเมื่อหลุดออกมาจากปากของลิเลียน แต่ความสัมพันธ์ระยะยาวที่เธอมีกับผู้ชายส่วนมาก มักส่งผลให้เกิดผลลัพธ์เพียงอย่างเดียวก็คือการสารภาพรัก

ในชั้นเรียนของนักเรียนรุ่นน้องก่อนหน้านี้ ลิเลียนสามารถสอนได้โดยไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากนักเรียนทั้งหมดเป็นผู้หญิง เด็กสาวจึงลังเลมากที่จะสอนผู้ชาย เนื่องจากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ของเธอบอกว่าสิ่งต่าง ๆ มักจะจบลงที่ความน่าอึดอัดและลำบากใจ

เมื่อสัมผัสได้ถึงความคิดของเด็กสาวผมดำ คริสก็ถอนหายใจเบา ๆ แล้วกล่าวเสริม

“มันช่วยไม่ได้นี่นา เด็กคนนั้นมีความสามารถมากเสียจนฉันไม่คิดว่าจะมีใครสามารถรับมือเขาได้ อันที่จริงฉันก็อยากจะสอนเขาด้วยตัวเอง แต่ฉันกังวลว่าคนอื่นอาจตีความในแง่ของอคติจนมากเกินไป และมันก็คงจะไม่ยุติธรรมสำหรับนักเรียนคนอื่น ๆ ของฉันด้วย”

“ค่ะ นั่นคงจะต้องเป็นปัญหาแน่”

“มันคงจะเหมาะสมกว่าถ้าเธอเป็นคนสอน เพราะเธอเองก็เป็นผู้ถือแหวนเหมือนกันกับเขา”

“เอ๋? เดี๋ยวก่อนนะคะ…”

ลิเลียนสัมผัสได้ถึงความหมายโดยนัยที่อยู่เบื้องหลังคำพูดของคริสอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่เธอจะชี้แจงถึงเรื่องนี้ได้ จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่เด็กหนุ่มผู้สวมผ้าคลุมและผ้าพันคอจะเดินเข้ามา

เด็กหนุ่มรีบปิดประตูด้านหลัง ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาถอดผ้าคลุมและผ้าพันคอออก ก่อนจะกล่าวทักทายทั้งสองคนในห้อง

“อาจารย์คริส มาถึงแล้วเหรอครับ? ส่วนเธอคนนี้คือรุ่นพี่ที่จะมาเป็น… หา?”

“เธอคือ…!”

คำทักทายของโรเอล หยุดลงเมื่อได้เห็นใบหน้าอันคุ้นเคยในห้อง ขณะเดียวกัน ลิเลียนก็ลุกขึ้นยืนจ้องมองโรเอลด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ดวงตาของทั้งสองคนสบกัน ในขณะที่แหวนของพวกเขาเปล่งประกายแสงออกมาจาง ๆ

แม้ว่าเรื่องที่โรเอล แอสคาร์ดกลายเป็นนักเรียนของคริส ไวลด์ อาจารย์ระดับสูงที่มีอายุน้อยที่สุดของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าจะเป็นความลับ แต่นั่นไม่ใช่สำหรับเด็กสาวสองคนที่ใกล้ชิดกับเขามากที่สุด ทั้งนอร่าและชาร์ล็อตต่างก็รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ตั้งแต่แรก

พวกเธอรู้สึกเสียใจเล็กน้อยเกี่ยวกับการตัดสินใจของโรเอล แต่พวกเธอเลือกที่จะยอมรับมัน

ห้องเรียนของ ‘คริส’ ไม่ได้มีแค่ความยากด้านการทดสอบเท่านั้น แต่ยังมีอุปสรรคมากมายในการเข้าเรียน หลังจากที่ได้รับตำแหน่ง “อาจารย์ระดับสูง” เมื่อไม่กี่ปีก่อน คริสก็เริ่มรับนักเรียนน้อยลงกว่าเดิม และในปีนี้เธอก็เลือกที่จะรับเฉพาะโรเอลเพียงคนเดียวเท่านั้น นี่เป็นข้อบ่งชี้ว่าเธอตั้งใจที่จะทุ่มเทความสามารถทั้งหมดของเธอให้กับเขา

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นโอกาสที่หายาก ดังนั้นเด็กสาวทั้งสองคนผู้ปรารถนาในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับโรเอลจึงไม่สามารถแสดงความเห็นคัดค้านการตัดสินใจของเขาได้ อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเธอจะไม่เป็นกังวล

“ถ้าข้าจำไม่ผิด ลิเลียน แอคเคอร์มันน์ ก็เป็นหนึ่งในนักเรียนของคริสเหมือนกันใช่ไหม?”

นอร่าหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ ก่อนจะพูดออกมาด้วยความเป็นห่วง โดยมีชาร์ล็อตที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพยักหน้าพร้อมขมวดคิ้วลงเล็กน้อย

“ใช่แล้วค่ะ มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ที่คนที่มีความสามารถอย่างลิเลียนจะได้เป็นนักเรียนของคริส นี่เป็นความรู้ทั่วไปในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า”

“ข้าไม่เคยคิดว่าจะต้องถูกบังคับให้เผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนั้นด้วยวิธีการเช่นนี้”

“เนื่องจากพวกเขาเป็นนักเรียนภายใต้อาจารย์คนเดียวกัน ดิฉันคิดว่าเธอคงจะไม่ทำเรื่องให้มันยุ่งยากสำหรับโรเอลแน่ แต่แค่คิดว่าเขาจะต้องไปเรียนกับผู้หญิงคนนั้นก็ทำให้ดิฉันรู้สึกไม่สบอารมณ์แล้ว”

ชาร์ล็อตกล่าวด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น

ด้วยเชื้อสายโดยธรรมชาติของชาร์ล็อต เด็กสาวจึงมีความเกลียดชังต่อคนของจักรวรรดิออสทีนมากเป็นพิเศษ มันจึงช่วยไม่ได้ที่ความประทับใจของเธอที่มีต่อลิเลียนจะแย่ลงไปด้วยเช่นกัน ทำให้ชาร์ล็อตรู้สึกผิดหวังสุด ๆ ที่ตนไม่สามารถทำอะไรกับสถานการณ์นี้ได้

ต่างจากลิเลียน ทั้งนอร่าและชาร์ล็อตไม่จำเป็นจะต้องขยายความสัมพันธ์และเครือข่ายทางสังคมของตน เพราะพวกเธออยู่ในตำแหน่งที่มั่นคงอยู่แล้ว สิ่งที่พวกเธอต้องกังวลก็คือการถูก “ล้างสมอง” โดยอาจารย์ต่างชาติที่มีอุดมการณ์ต่างกัน หรืออย่างน้อย ๆ นั่นก็คือสิ่งที่เหล่าขุนนางในอาณาจักรของพวกเธอต้องกังวล

ด้วยเหตุผลนี้ อาจารย์ของนอร่าและชาร์ล็อตควรจะเป็นคนที่มาจากอาณาจักรของพวกเธอ ผู้ที่สามารถให้ความมั่นใจกับเหล่าขุนนางรอบตัวพวกเธอ ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงไม่สามารถติดตามโรเอลไปได้

พวกเธอทำได้เพียงปลอบโยนตัวเองว่าจะไม่มีจิ้งจอกในห้องเรียนของ ‘คริส’ เนื่องจากนักเรียนทุกคนที่นั่นยุ่งอยู่กับการพยายามสอบให้ผ่านเกินกว่าจะพยายามมองหาคนรัก

บางทีลิเลียนที่ฉลาดมากอาจจะเป็นข้อยกเว้น แต่ทั้งนอร่าและชาร์ล็อตเห็นพ้องต้องกันว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่โรเอลและเธอจะรักกัน

ประการแรก มันเป็นไปไม่ได้ที่ว่าที่จักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิออสทีนจะแต่งงานกับขุนนางต่างอาณาจักร ยิ่งไปกว่านั้นลิเลียนยังเป็นที่รู้จักในเรื่องความเย็นชา และเหินห่างจากคนอื่นโดยธรรมชาติ จึงไม่มีทางเลยที่โรเอลจะริเริ่มเข้าใกล้เธอ

ไม่มีใครรู้จักโรเอลดีไปกว่าเด็กสาวทั้งสอง เขาเป็นคนมีความรับผิดชอบสูง ดังนั้นเขาจะไม่เข้าหาผู้หญิงอื่นที่ตัวเองไม่สามารถรับผิดชอบได้แน่ ไม่ว่าจะเป็นอลิเซีย นอร่า หรือชาร์ล็อต อย่างน้อย ๆ พวกเธอก็เป็นคนที่เขาเอื้อมถึงได้

คนที่อาศัยอยู่ไกลเกินกว่าขอบเขตของโรเอลอย่างลิเลียน ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ แม้ว่าโรเอลจะยอมจำนนต่อความงามของลิเลียนจริง ๆ แต่ในช่วงเวลาที่สำคัญ มาร์ควิสคาร์เตอร์จะต้องก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อต่อต้านความสัมพันธ์ของพวกเขาแน่ หากพิจารณาว่าโรเอลรักครอบครัวของตนมากเพียงใด มันจึงมีโอกาสน้อยมากที่เขาจะขัดต่อความต้องการของคาร์เตอร์

สิ่งที่นอร่าและชาร์ล็อตกังวลมากที่สุดคือโรเอลอาจจะมีเรื่องขัดแย้งกับลิเลียนได้ เพราะการเผชิญหน้าครั้งก่อนของพวกเขา ในพิธีเปิดการศึกษาเป็นเหตุการณ์ที่ตึงเครียดมาก และตอนนี้สิ่งต่าง ๆ ก็เริ่มแย่ลงไปอีก เพราะโรเอลได้กลายมาเป็นผู้ถือแหวน

“ที่รักน่าจะคาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ตอนนี้เราทำได้เพียงแค่วางใจให้เขาจัดการเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง”

ชาร์ล็อตกล่าวขณะจิบชา

นอร่าพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมรอยยิ้มแห่งความโล่งใจที่ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเธอ

ทว่าพวกเธอไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้ โรเอลนั้นกำลังเผชิญหน้ากับลิเลียนเป็นครั้งที่สอง