บทที่ 60 ถูกคนใช้เป็นเครื่องมือ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

บทที่ 60 ถูกคนใช้เป็นเครื่องมือ

 

แต่ก่อนที่หนอนไหมสีทองจะเข้ามาใกล้คมมีดของหนานกงเย่ เขาใช้ขวดเก็บหนอนไหมสีทองขึ้นมา จากนั้นก็โยนขวดทิ้งออกไป ทำให้เกิดเสียงที่คมชัด เมื่อฉีเฟยอวิ๋นมองไป ขวดนั่นก็แตกแล้ว ของบางอย่างสีดำค่อย ๆ ไหลลงสู่พื้น และหลังจากนั้นไม่นานมันก็ไม่ขยับแล้ว

“มันกลัวหนาว?”

นี่คือสิ่งแรกที่ฉีเฟยอวิ๋นรู้

หนานกงเย่กล่าวอย่างเฉยเมยว่า:“ตอนที่มันยังเป็นไข่สามารถมีชีวิตอยู่ในอุณหภูมิสูงได้ แต่เมื่อถูกความหนาวเย็น เลือดจะจับตัวเป็นก้อน แล้วมันก็จะแข็งตัว ส่วนพวกที่กลายเป็นหนอนแล้ว เมื่อออกมาจากที่อาศัยไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้เกินครึ่งชั่วยาม ไม่มีผิวหนังและเลือดเนื้อค่อยหล่อเลี้ยง พวกมันก็จะตายเช่นกัน”

“เป็นเช่นนี้นี่เอง” ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกขายหน้าหนานกงเย่ ดูไม่ออกเลยว่าจะรู้เยอะขนาดนี้

ฉีเฟยอวิ๋นดึงมือกลับมา แล้วหยิบผ้ามาพันไว้ นางมีความสามารถในการรักษาตัวเองให้หายได้ จึงไม่กังวลมากนัก

และหนานกงเย่ที่อยู่ตรงข้าม มือของเขาก็มีเลือดไหลเช่นกัน

ฉีเฟยอวิ๋นมือไม้ชา และลุกขึ้นเดินไปที่ด้านหน้าของหนานกงเย่ นางวางเข่าข้างหนึ่งลงบนผ้าห่ม แล้วหยิบยาผงห้ามเลือดมาโรยลงไป หลังจากนั้นก็พันผ้าให้หนานกงเย่อย่างรวดเร็ว

หนานกงเย่ก้มมองลงใบหน้าที่สะอาดสะอ้านและจริงจังของฉีเฟยอวิ๋น เขารู้สึกสบายใจเล็กน้อย และดึงมือกลับไปอย่างหงุดหงิดใจ จากนั้นก็มองออกไปนอกรถม้า

“พักเถอะ” ดูเย็นชาและเหินห่าง

ฉีเฟยอวิ๋นชินแล้ว และนี่ถือว่าเป็นท่าทางที่ดี ซึ่งปกติแล้วเขาไม่ได้ดีเท่าตอนนี้

ระหว่างทางกลับไปก็นั่งในรถม้าอย่างเรียบร้อย และไม่พูดอะไรตลอดทาง

เมื่อลงจากรถม้า ท้องฟ้าก็มืดแล้ว ข้างนอกจวนอ๋องเย่มีพ่อบ้านและทังเหอยืนรออยู่ ฉีเฟยอวิ๋นแปลกใจที่ไม่เห็นอาอวี่ แต่นางก็ไม่ได้ถาม หลังจากที่กลับมาแล้วนางจึงถามพ่อบ้านว่าอาอวี่เป็นอย่างไรบ้าง

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ พ่อบ้านก็ไม่ทันตั้งตัวและทำอะไรไม่ถูก ฉีเฟยอวิ๋นจึงถามว่า:“อาการของอาอวี่ทรุดลงหรือ?”

“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ”

พ่อบ้านรู้สึกลำบากใจ และมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร จึงกล่าวว่า:“พระชายา มีเพียงท่านเท่านั้นที่จะช่วยอาอวี่ได้ ได้โปรดช่วยอาอวี่ด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ อาอวี่เป็นเด็กที่น่าสงสารคนหนึ่ง พ่อแม่ตายตั้งแต่ยังเด็ก เขาและน้องสาวประคับประคองชีวิตกันมาเรื่อย ๆ ต่อมาก็พบกับท่านอ๋อง และได้รับคัดเลือกจากท่านอ๋อง เดิมทีเขาเป็นคนดี แต่ไม่คิดว่าน้องสาวที่ไร้เดียงสา จะทิ้งเขาไว้เพียงลำพัง”

“น้องสาวของอาอวี่ตายเพราะข้า ข้ารู้แล้ว ท่านไม่ต้องหลบเลี่ยง มีอะไรก็พูดมาเถอะ” เมื่อนึกถึงเจ้าของร่างเดิมก็ทั้งสงสารและเกลียดชัง ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวจริง ๆ !

พ่อบ้านจึงไม่หลบเลี่ยงและกล่าวว่า:“มีเรื่องเกิดขึ้นกับพระชายาตอนที่อยู่ในรถม้า?”

อันหลิงประหลาดใจ:“อาอวี่เป็นคนทำหรือ?”

“ไม่ใช่เช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านรีบพูดต่อ:“เป็นอาซิว”

“อาซิว?” ฉีเฟยอวิ๋นไม่รู้จักคนนี้และไม่มีความจำใด ๆ เลย

พ่อบ้านอธิบายว่า:“เป็นคนรักของน้องสาวอาอวี่ เดิมทีพวกเขากำลังจะแต่งงานกัน ถ้าไม่เกิดเรื่องนั้นขึ้นเสียก่อน ในตอนนี้อาซิวเป็นพ่อของลูกแล้ว”

“เช่นนั้นก็หมายความว่าอาซิวเป็นคนทำร้ายข้างั้นหรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นไม่ใช่คนโง่ นี่ก็ชัดเจนแล้วว่ามาหานางเพื่อแก้แค้น

“พ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นอาซิวล่ะ?”

เกิดเรื่องขึ้นกับอาอวี่ ไม่ใช่เพราะรับโทษให้อาซิวหรือ!

“อาซิวก็ถูกกักขังเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ แต่เขาไม่กินไม่ดื่มมาสองวันแล้ว อาซิวสามารถทนได้ เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่อาอวี่ กระหม่อมกังวลว่าจะเกิดเรื่องขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”

พ่อบ้านคิดมาโดยตลอดว่าจะขอความช่วยเหลือในเรื่องนี้จากใคร จะขอความช่วยเหลือจากทังเหอก็ไม่มีประโยชน์

การควบคุมในจวนนั้นเข้มงวด และเมื่อสองสามปีก่อนก็มีเรื่องเช่นนี้ และท่านอ๋องก็ไม่เคยใจอ่อนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร และการฆ่าก็เป็นสิ่งที่น่ากลัว

ครั้งนี้ทังเหอก็อยากช่วย แต่เกินความสามารถที่จะช่วยได้

คนเดียวที่พ่อบ้านนึกได้ก็คือฉีเฟยอวิ๋น แม้ว่าจะเสี่ยงอันตรายเล็กน้อย แต่ไม่แน่นางอาจจะช่วย และพ่อบ้านก็ไม่สามารถมองดูอาอวี่อย่างไม่สนใจได้

อาซิวทำผิด และอาอวี่ก็รับผิดแทน พ่อบ้านทนไม่ได้

“ข้าอยากพักผ่อนสักเดี๋ยว และถือโอกาสอาบน้ำ ท่านออกไปก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะไปพบท่านอ๋อง หวังว่าจะยังมีทางออก”

จากนั้นพ่อบ้านก็ถอยออกไป ฉีเฟยอวิ๋นอาบน้ำและออกไปหาหนานกงเย่

เมื่อเดินมาถึงหน้าห้อง นางก็ไปเคาะประตู แม้ว่าจะไม่เต็มใจมา และรู้ดีว่าพ่อบ้านใช้นางเป็นเครื่องมือ แต่นางก็ทนไม่ได้ ถึงอย่างไรอาอวี่ก็เป็นคนไข้ของนาง

“เข้ามา”

เสียงของหนานกงเย่ดังมาจากข้างใน และฟังดูเหมือนว่าเขากำลังพักผ่อนอยู่

เมื่อเปิดประตูแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็มองเข้าไปข้างใน และเป็นไปอย่างที่คาดไว้ หนานกงเย่กำลังจะพักผ่อน

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจ จะพักผ่อนในเวลากลางวันแสก ๆ

“คารวะท่านอ๋องเพคะ”

ในเมื่อชอบจับผิด เช่นนั้นก็ชดเชยให้กับเขา เมื่อเขาอารมณ์ดีแล้ว จะได้จัดการกับสิ่งต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย

หนานกงเย่กำลังจะนั่งลงบนเตียง ในมือของเขาถือหนังสือทางทหารอยู่ และเห็นฉีเฟยอวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า:“ปิดประตู”

ฉีเฟยอวิ๋นจึงนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ปิดประตู

ฉีเฟยอวิ๋นหันหลังไปปิดประตู และมองไปที่หนานกงเย่:“ท่านอ๋องพักผ่อนเร็วจังเพคะ?”

“มีอะไรหรือ?” ยังคงเฉยเมยและเหินห่าง

ฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้ามา:“มีเรื่องหนึ่งเพคะ”

“ว่ามาเถอะ”

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่าประหม่า ยิ่งชายคนนี้สงบนิ่งมากเท่าไร นางก็ยิ่งรู้สึกกดดันมากขึ้นเท่านั้น

“ท่านอ๋อง ไม่รู้ว่าเรื่องของอาอวี่สามารถผ่อนปรนได้หรือไม่เพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นคิดไม่ออกว่าจะอ้อนวอนอย่างไร จึงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

หนานกงเย่วางหนังสือทางทหารในมือลง:“ใครขอให้เจ้ามา?”

“ข้ามาเอง” ในเมื่อมาแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่จำเป็นต้องทำให้คนอื่นลำบาก

หนานกงเย่เงยหน้าขึ้น:“เจ้า?”

“อืม”

หัวใจของฉีเฟยอวิ๋นเต้นตึกตัก การโกหกช่างน่าหวาดผวาจริง ๆ

แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน ไม่ใช่ว่าไม่รู้จะพูดอย่างไร แต่ทำไมการเผชิญหน้ากับหนานกงเย่จึงน่ากลัวเช่นนี้!

“อาอวี่ทำผิด เจ้าสามารถขอความเมตตาได้หรือ?” หนานกงเย่ยกผ้าห่มขึ้นและลุกขึ้นจากเตียง เสื้อคลุมสีขาวนวลด้านในที่ถูกสวมทับด้วยชุดขุนนาง ฉีเฟยอวิ๋นมองตามไป และพบว่าหากชายคนนี้ไม่ถอดเสื้อผ้า ดูไม่ออกเลยว่าเขาบึกบึนแค่ไหน เห็นได้ชัดว่าเขาแข็งแกร่งมาก แต่กลับดูเหมือนนักปราชญ์ที่อ่อนแอ

หลังจากรินน้ำหนึ่งแก้วแล้ว หนานกงเย่ก็นั่งลง ในขณะที่ดื่มน้ำ เขาก็มองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น:“อาอวี่เป็นคนในจวนของข้า เจ้าอยากจะช่วย แล้วจะเอาอะไรมาช่วย?”

ยังมีหวัง?

ฉีเฟยอวิ๋นดีใจนิดหน่อย และมองไปที่หนานกงเย่:“ท่านอ๋องต้องการให้ข้าช่วยเรื่องอะไรเพคะ?”

“ข้ามีเรื่องอะไรที่จำเป็นต้องให้เจ้าช่วยหรือ?” หนานกงเย่หัวเราะเยาะและก้มหน้าดื่มน้ำ แต่ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้

“หากเจ้าไม่พูด ข้าก็คงลืมไปแล้ว ไข่มุกราตรีนั่นยังอยู่ใช่หรือไม่?” หนานกงดื่มน้ำอย่างช้า ๆ ฉีเฟยอวิ๋นเจ็บใจ และด่าในใจว่าหน้าไม่อาย!

ฉีเฟยอวิ๋นคิดอยู่ครู่หนึ่ง:“ท่านอ๋อง ท่านหมายความว่าสามารถใช้ไข่มุกราตรีแลกกับชีวิตของอาอวี่ได้อย่างนั้นหรือเพคะ?”

เดิมทีไข่มุกราตรีเม็ดนั้นมีไว้เพื่อรักษาโรคและช่วยชีวิตผู้คน แม้ว่าจะไม่เต็มใจที่จะส่งคืนให้หนานกงเย่ แต่มันก็เป็นประโยชน์

ขอเพียงแค่อาอวี่ไม่เป็นอะไรก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว!

อีกอย่างต่อให้ไม่มีอาอวี่ ก็อาจจะต้องถูกส่งคืนกลับไป

“เจ้าไม่จำเป็นต้องแลกก็ได้ แต่ข้าก็ไม่สามารถรับประกันได้เช่นกัน”

ฉีเฟยอวิ๋นกัดฟัน เช่นนั้นก็ไม่ใช่ว่าไข่มุกสูญเปล่าหรือ

“ท่านอ๋องใจกว้างและมีเมตตา เหตุใดต้องหาประสบการณ์กับคนทั่วไปด้วยล่ะเพคะ?”

“ข้าไม่จำเป็นต้องหาประสบการณ์กับคนทั่วไป เช่นนั้นพระชายาก็ไม่จำเป็นต้องต่อรองใด ๆ แล้ว”

ฉีเฟยอวิ๋นกลัดกลุ้ม ไม่เคยเจอคนเช่นนี้มาก่อนเลย

ไข่มุกเม็ดนี้ นางพะวงอยู่ในใจตลอดเวลา

“ไข่มุกเม็ดนี้ข้าจะคืนใท่านอ๋อง ท่านอ๋องได้โปรดละเว้นอาอวี่ด้วย ”

ฉีเฟยอวิ๋นเอาไข่มุกราตรีออกมาวาง นางไม่ต่อรองอีกต่อไป ถ้าหากยังไม่ปล่อยคน นางจะคิดหาวิธีอื่น

 

 

**********************