ตอนที่ 255 ศึกช่วงชิงกระบี่เซียน

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ก้าวเข้าไปในตำหนักพสุธาก่อน จ้องเบื้องหน้าอย่างระแวดระวัง ไม่มีท่าทีอื่น

ชายวัยกลางคนผมเงิน มีเขามังกรบนศีรษะคนหนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ภายในตำหนัก

เขาสวมชุดมังกรสีม่วง นัยน์ตาเรียบนิ่งมองทุกคนที่เดินเข้ามาในตำหนักอย่างประเมินเจือความสงสัย

“ยินดีต้อนรับผู้มีวาสนาทุกคนเข้าสู่ตำหนักพสุธา” เสียงไพเราะเจือความอ่อนโยนดังออกมาจากปากของชายวัยกลางคน ให้ความรู้สึกปลอบประโลมใจคน

อันหลินเห็นชายวัยกลางคนใบหน้าธรรมดา แต่กลับสุภาพอ่อนโยนอย่างยิ่ง กลับไม่กล้าผ่อนคลาย ใครจะรู้ว่าท่าทางที่เจรจาง่ายๆ เช่นนี้จะเสแสร้งหรือเปล่า

“ผู้อาวุโสท่านนี้ ในตำหนักของท่านมีของดีอะไรให้พวกเราบ้างไหม โฮ่ง!” ต้าไป๋ได้รับการสืบทอดจากอันหลินโดยตรง บัดนี้จึงเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา

ชายวัยกลางคนหลุดขำออกมา ไม่คิดว่าผู้มีวาสนาในครั้งนี้ แม้แต่สุนัขก็จะน่าสนใจมากปานนี้

เขาพูดอย่างมีเลศนัยว่า “ตลอดทางมานี้ พวกเจ้าชิงของดีในสุสานมังกรเหมันต์ไปแทบหมดแล้ว ยังไม่พอใจอีกหรือ”

ดูพูดเข้าสิ ทุกคนกระดากอายขึ้นมาทันที

“แต่ว่านะ…ข้าก็มีของดีชิ้นหนึ่งจริงๆ นั่นแหละ” ชายวัยกลางคนเปลี่ยนประเด็น จ้องทุกคนอย่างมีเลศนัย “ทว่าของชิ้นนี้ไม่ได้อาศัยวรยุทธ์ ถ้าอยากได้มัน พวกเจ้าจำต้องได้หัวใจของมัน…”

อันหลินตาลุกวาว “ไม่ต้องต่อสู้หรือ งั้นก็สุดยอดไปเลย! ยุคนี้ส่งเสริมให้บำเพ็ญเซียนกันอย่างมีอารยธรรม ใช้อาวุธใช้กำลังล้วนไม่เป็นมิตร ไม่คิดเลยว่าผู้อาวุโสจะมีวุฒิภาวะเช่นนี้ สมกับเป็นสหายร่วมอุดมการณ์!”

ชายวัยกลางคนชะงักไปครู่หนึ่ง แต่เห็นด้วยกับการบำเพ็ญเซียนอย่างมีอารยธรรมที่อันหลินว่า จึงพยักหน้าแล้วพูดต่อว่า “ข้ามีอาวุธเซียนชิ้นหนึ่ง ชื่อว่ากระบี่วิหคมังกร เป็นอาวุธที่เสิ่นอิงใช้ก่อนตาย ประทานให้ผู้มีวาสนา กระบี่เล่มนี้มีปราณ ปราบพยศยากยิ่ง พวกเจ้าเป็นฝ่ายสื่อสารกับมัน ลองดูว่าจะทำให้มันยอมรับได้หรือไม่!”

พูดแล้วก็โยนกระบี่เล่มหนึ่งออกไป

ทันใดนั้น ไอกระบี่ก็ลอยไปทั่วทั้งผืนฟ้า เสียงมังกรแผดร้องหงส์คำรามดังก้องสวรรค์เก้าชั้นฟ้า

กระบี่วิหคมังกรขาวแวววาว แลดูบริสุทธิ์ไร้มลทิน

คมกระบี่สองฝั่งแตกต่างกัน ฝั่งหนึ่งแดงฉานประหนึ่งพญาหงส์อาบไฟ อีกฝั่งเป็นสีน้ำเงินน่าสะพรึงปานมังกรอาบสายฟ้า คมกระบี่ที่ไม่เหมือนกันเช่นนี้ กลับเป็นการผสมผสานอย่างสมบูรณ์แบบ ชวนให้รู้สึกเข้ากันอย่างลงตัว

กระบี่วิหคมังกรลอยอยู่กลางอากาศเช่นนั้น สีขาว แดง น้ำเงินแบ่งกันอย่างชัดเจน แผ่รัศมีอันไร้สิ่งใดเทียบออกมา

พวกอันหลินจ้องตาเป็นมัน เพียงแค่รูปร่างและลักษณะ ก็มีมูลค่าเทียบเท่าอาวุธเซียนแล้ว!

กระบี่พิชิตมาร ตะปูทะลุมิติที่เป็นอาวุธเซียนเช่นเดียวกัน เมื่อมองภายนอกก็กลายเป็นเทียบไม่ติดเลย ใช้ได้ที่ไหนกัน!

อดพูดไม่ได้ว่า อาวุธเซียนมีแรงดึงดูดใจมหาศาล โดยเฉพาะอาวุธที่งดงามปานนี้ ชั่วชีวิตนี้แทบจะไม่เคยพบเห็น ทุกคนตาลุกวาว ต่างก็เริ่มอยากรู้อยากลองกันขึ้นมา

“ข้าขอสั่งสอนสักหน่อย โฮ่ง!”

ต้าไป๋ขันอาสาก่อนใคร ย่างฝีก้าวเข้าไปหากระบี่วิหคมังกร

มันยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ดวงตากลมโตดำขลับสุกใสเปี่ยมความรู้สึก เชิดหน้าขึ้นอย่างลำพองตน พูดเสียงนุ่มว่า “ที่รัก ไปกับข้า ข้าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี อยู่กับเจ้าไปชั่วชีวิต ชมทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดกับเจ้า เที่ยวซ่องคณิกาที่ดีที่สุด สังหารศัตรูที่เก่งฉกาจที่สุด…หากว่าเจ้ายอม ข้าก็จะเลียเจ้าทุกวัน ดูแลเจ้าทุกวันได้…”

เปรี้ยง!

ยังพูดไม่ทันจบ สายฟ้าเส้นหนึ่งก็ฟาดใส่ต้าไป๋โดยพลัน ทำให้มันกรอบนอกนุ่มใน

ต้าไป๋อ้าปากค้าง ควันขาวลอยออกจากปาก น้ำตารื้นขอบตา น่าสงสารยิ่งนัก

“ฮือ…ต่อให้เจ้าไม่ชอบคำสารภาพของข้า แต่ก็อย่าโหดร้ายขนาดนี้ได้ไหม โฮ่ง…”

กระบี่วิหคมังกรระเบิดสายฟ้า เห็นได้ชัดว่าระดมพลังจะฟาดอีกหลายครา ต้าไป๋เห็นดังนั้นก็ตกใจจนเผ่นแน่บ ไม่กล้ายั่วยุกระบี่เซียนที่อารมณ์ร้อนโมโหร้ายเล่มนี้อีก

กลยุทธ์แย่งชิงของต้าไป๋ล้มเหลว

อันหลินไม่คิดเลยว่าต้าไป๋จะใช้วิธีแบบนี้เอาใจกระบี่วิหคมังกร ยิ่งไปกว่านั้นไม่คิดว่าต้าไป๋จะพูดจาที่หวานเลี่ยนน่าสะอิดสะเอียนปานนี้ได้ ทำเอาเขาขนลุกขนพอง

อย่าว่าแต่กระบี่วิหคมังกรจะฟาดมัน ขืนยังพูดต่อไป อันหลินก็คงจะตีหมาแล้ว

“ขอข้าลองดูหน่อย!”

เจ้าอัปลักษณ์เดินเข้าไปหากระบี่วิหคมังกรอย่างเคร่งขรึม

แววตาของมันจริงใจ ดวงตาโตดุจโคมไฟมีชีวิตชีวา พูดเสียงดังว่า “น้องชายวิหคมังกร เจ้าจะยอมตามข้าไปพิชิตสี่ทิศ รอวันข้าเป็นใหญ่ในหล้า จะให้เกียรติให้ศรีกับเจ้า”

อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานสะดุ้งโหยงเมื่อได้ฟัง บทพูดที่ย่ำแย่เช่นนี้ได้แต่ใดมา

เจ้าอัปลักษณ์ยังพูดต่อว่า “กระบองเหล็กนี่เป็นอาวุธคู่ชะตาของข้า แต่เพื่อเจ้าแล้ว…ข้าฝึกกระบี่ได้! ข้ายอมเป็นเซียนกระบี่วานร!”

แม้แต่อาวุธคู่ชะตาก็ไม่เอาแล้ว อย่างที่คิด…กระบี่วิหคมังกรยอมสยบต่อเจ้าอัปลักษณ์แล้ว

กระบี่วิหคมังกรส่งเสียงดังวิ้ง เปลวไฟสีแดงมากมายปรากฏกายกลางอากาศ

เจ้าอัปลักษณ์ตึงเครียดขึ้นมาทันที คิดว่าจะถูกลงทัณฑ์อย่างโหดเหี้ยมเฉกเช่นต้าไป๋

ไม่นานมันก็พบว่าตนคิดผิดไป

ลูกไฟสีแดงก่อตัวเป็นอักษรหลายตัว ต้องการจะพูดนี่เอง!

เจ้าอัปลักษณ์ อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานตาลุกวาว นึกว่าจะได้ผลแล้ว

ตัวอักษรค่อยๆ ปรากฏให้เห็น

‘ขอบคุณความรักของน้องวานร แต่โปรดอย่าเรียกข้าว่า ‘น้องชายวิหคมังกร’ พี่สาวเป็นผู้หญิง’

‘อีกอย่าง เจ้าอัปลักษณ์เกินไป ไม่ตรงกับความชอบของข้า ฉะนั้นตั้งใจเล่นกระบองเงินของเจ้าต่อไปเถอะ’

อักษรไฟค่อยๆ ลุกไหม้กลางอากาศ ทุกคนจ้องเนื้อหาด้านบนอึ้งๆ

ตูม!

‘เจ้าอัปลักษณ์เกินไป’ เป็นเหมือนการโจมตีที่รุนแรงที่สุด ตบหน้าเจ้าอัปลักษณ์จนเหม่อลอย

นี่เป็นการโจมตีทางจิตใจที่น่ากลัวกว่าการโจมตีด้วยพลังคาถาเสียอีก!

อันหลิน สวีเสี่ยวหลาน รวมถึงต้าไป๋ที่เพิ่งถูกสายฟ้าฟาดไป ต่างก็มองเจ้าอัปลักษณ์ด้วยแววตาเห็นใจ

ลูกไฟค่อยๆ จางหายไป

เจ้าอัปลักษณ์หันหลังเดินโซเซจากไป…

สวีเสี่ยวหลานมองดูท่าทางหมดอาลัยตายอยากของเจ้าอัปลักษณ์ อดเป็นห่วงไม่ได้ “อันหลิน เจ้าอัปลักษณ์ไม่เป็นไรใช่ไหม”

อันหลินโบกมือ “ไม่เป็นไร มันต้องทำใจให้ชิน…”

ต้าไป๋กับเจ้าอัปลักษณ์ล้มเหลวทั้งคู่ ตอนนี้ถึงคราวเจ้านายกู้หน้าให้พวกมันแล้ว

หากวิเคราะห์จากคำตอบของกระบี่วิหคมังกรแล้ว กระบี่เล่มนี้ชอบคนหน้าตาดี!

อันหลินหยุดคิดไปครู่หนึ่ง เขาหล่อเหลาปานนี้ ครั้งนี้จึงมั่นใจไม่น้อยเลย

เมื่อคิดได้ดังนั้น ใบหน้าของเขาก็เปื้อนรอยยิ้มมั่นอกมั่นใจ

กำลังจะก้าวออกไป จู่ๆ เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหยุดฝีก้าวทันที

ไม่สิ…เข้าไปไวปานนี้ไม่ได้!

ตามการเดินเรื่องของละครทั่วไป คนที่เข้าไปไวที่สุดมักจะคว้าน้ำเหลว ส่วนใหญ่แล้วตัวเอกจะออกโรงคนสุดท้าย!

อันหลินจ้องสวีเสี่ยวหลานแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยนว่า “เสี่ยวหลาน เลดี้เฟิร์ส เชิญเจ้าก่อนเลย”

“ฮะ” ดวงตาสุกใสของสวีเสี่ยวหลานกะพริบปริบๆ จากนั้นก็พยักหน้า “อ่อ”

นางไม่คิดอะไร ก้าวเท้าเข้าไปหากระบี่วิหคมังกรทันที

อันหลินยังคงมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม หึๆ…กระบี่วิหคมังกรเป็นตัวเมีย เพศเดียวกันต้านกัน เพศตรงข้ามดึงดูดกัน นี่เป็นสัจธรรมแห่งโลก ในนี้เราหล่อที่สุด กระบี่วิหคมังกรต้องเป็นของเรา!

สวีเสี่ยวหลานเดินไปยืนตรงหน้ากระบี่วิหคมังกรที่ลอยกลางอากาศ เริ่มลังเลขึ้นมา

นางยังไม่ได้คิดว่าจะสื่อสารกับกระบี่วิหคมังกรอย่างไร จึงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

“สวัสดี…” นางทักทายด้วยเสียงที่ไพเราะเสนาะหู

วิ้ง… กระบี่วิหคมังกรก็ร้องเบาๆ ราวกับว่ากำลังทักทายเช่นกัน

สวีเสี่ยวหลานโล่งใจเล็กน้อย ท่าทางกระบี่วิหคมังกรจะนิสัยดีมากทีเดียว

เมื่อนางเห็นกระบี่ที่งดงามปานนี้ ก็อดยื่นนิ้วออกไปแตะกระบี่สีขาวแวววาวของมันไม่ได้

อืม…เนื้อสัมผัสไม่เลว เรียบลื่นอย่างยิ่ง มีความเย็นเจืออยู่ด้วย

“โอ้โฮ! ลามกจังเลย แค่ทักทายก็เริ่มลงไม้ลงมือแล้ว โฮ่ง!” ต้าไป๋อดแขวะไม่ได้

แต่อันหลินกลับรู้สึกไม่ชอบมาพากล เพราะชั่วขณะที่สวีเสี่ยวหลานสัมผัสกระบี่วิหคมังกร มันก็ส่งเสียงดังวิ้งๆ ๆ… เสียงนั่นฟังดูสุขใจมาก…

มีเปลวไฟสีทองปรากฏขึ้นตรงปลายนิ้วของสวีเสี่ยวหลานไม่รู้ตอนไหน

“เกิดอะไรขึ้น พลังของข้าถูกกระตุ้นหรือ” สวีเสี่ยวหลานเบิกตากว้าง มองเปลวไฟสีทองตรงปลายนิ้วอึ้งๆ

ทำไมกระบี่วิหคมังกรตัวนี้ถึงกระตุ้นพลังภายในของตัวเองได้ ทั้งๆ ที่ยังไม่ยอมรับเลย…

ชายวัยกลางคนที่อยู่บนบัลลังก์ลุกพรวดขึ้น ใบหน้าฉายความตกใจ

เกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงทันใด!

กระบี่วิหคมังกรพุ่งขึ้นฟ้า มีมังกรครามห้อมล้อมกระบี่ เสียงมังกรคำรามทรงพลังประหนึ่งอสนีบาต ภาพของพญาหงส์เหาะเหิน แผ่รัศมีสว่างไสว

“กระบี่วิหคมังกรฟื้นคืนชีพแล้ว…มัน…มันยอมรับเจ้าของแล้ว!” ชายวัยกลางคนตื่นเต้นจนสั่นไปทั้งตัว

อันหลินยืนนิ่งอยู่ที่เดิม พับผ่าสิ ยอมรับเจ้าของแล้วเหรอ!