ตอนที่ 241 เจ๊หร่าน “ฉันก็แค่เล่นๆ”

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เลือกท้าชิงกับคนที่ลำดับสุดท้าย ต่อให้ชนะก็ดูเหมือนไม่มีความหมายอะไรสำหรับถังชิง 

 

 

ก่อนหน้านี้ถังชิงได้สอบถามจากคนอื่นๆ ผู้เข้าร่วมคนใหม่ที่สามารถท้าชิงสมาชิกรายชื่ออันดับร้อยคนแรกได้ จะสามารถเข้าฝ่ายยุติธรรมได้ ส่วนใหญ่ที่เข้าไม่ได้ก็จะถูกส่งไปอยู่ฝ่ายจัดซื้อหรือไม่ก็ฝ่ายการค้าระหว่างประเทศ

 

 

ในหน่วยเหล่านี้หน่วยยุติธรรมมีสวัสดิการที่ดีที่สุด ความสามารถแข็งแกร่งที่สุด และยังได้รับการแนะนำจากเฉิงสุ่ยบ่อยๆ

 

 

เพียงแต่หน่วยข่าวกรองขอเพียงมีความสามารถทางด้านคอมพิวเตอร์ดี ก็จะท้าประลองกับระดับไหนหน่วยไหนก็ได้ ไม่มีข้อกำหนด

 

 

ถังชิงคิดไม่ถึงว่าฉินหร่านจะถูกจัดอันดับไว้ลำดับสุดท้าย

 

 

เธอรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง แต่ก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนคน

 

 

“คุณเฉิงสุ่ย ฉันเลือกได้แล้ว” คิดดังนั้น ถังชิงก็มองไปยังเฉิงสุ่ย 

 

 

เฉิงสุ่ยพยักหน้า “เธอว่ามาสิ”

 

 

ถังชิงหัวเราะเบาๆ หนึ่งที แล้วพูดขึ้นว่า “421”

 

 

ในขณะที่เฉิงสุ่ยกำลังจัดลำดับฉินหร่านในรายชื่อ เฉิงสุ่ยก็คิดว่า โดยหลักการแล้วอันดับที่หนึ่ง ก็ต้องถูกจัดอยู่ในลำดับหนึ่ง  ย่อมมีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดจะท้าทายเธอ 

 

 

ในหมู่ผู้คนเหล่านี้มีบางคนที่รู้สึกสงสัยอยากรู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของฉินหร่าน และก็มีที่อยากรู้ว่าเธอจะคู่ควรกับอันดับที่หนึ่งหรือเปล่า…

 

 

คำเล่าลือเกี่ยวกับฉินหร่านมีมาก หากชื่อของเธออยู่ในลำดับหนึ่ง ต้องมีคนจำนวนไม่น้อยจดจ้องอยู่แน่

 

 

เฉิงสุ่ยครุ่นคิดหลายตลบจึงได้ลากชื่อของเธอไปไว้ในอันดับสุดท้าย

 

 

ลำดับรายชื่อบนนั้นถูกจัดเรียงตามความสามารถจริงๆ ปกติผู้เข้าร่วมคนใหม่ที่จะท้าส่วนใหญ่อยู่ในลำดับระหว่างสองร้อยถึงสามร้อย ไม่มีใครที่จะคิดท้าประลองกับลำดับสุดท้าย 

 

 

แม้ว่าผู้คนในคฤหาสน์จะรู้ว่าความสามารถของฉินหร่านอาจจะไม่ได้ต่ำต้อย แต่เมื่อเห็นชื่อของเธอจัดอยู่ในลำดับสุดท้าย ก็รู้ได้ทันทีว่าเฉิงสุ่ยไม่ค่อยอยากให้พวกเขาท้าประลองกับฉินหร่าน ดังนั้นจึงไม่คิดที่จะท้าชิงกับคนนี้

 

 

เป็นเพราะเชื่อดังนี้ เฉิงสุ่ยจึงได้วางชื่อของฉินหร่านไว้ในลำดับท้ายสุด

 

 

ลำดับ 421 เฉิงสุ่ยจำได้เป็นอย่างดี 

 

 

แต่ถ้าว่าเขาคิดไม่ถึง ถังชิงผู้ขึ้นสู่เวทีอันดับแรกก็สุ่มได้รางวัลชิ้นใหญ่ เลือกที่จะท้าฉินหร่าน?

 

 

เฉิงสุ่ยหรี่ตา มองไปยังถังชิง “เธอแน่ใจแล้วนะที่จะเลือกท้าหมายเลข 421 ผู้เข้าร่วมใหม่เลือกท้าชองอันดับที่สองร้อยถึงสามร้อยน่าจะดีที่สุดนะ” 

 

 

พลังหมัดระดับเจ็ดร้อยกว่าในเริ่มแรกของถังชิงเป็นที่ร่ำลือในคฤหาสน์อยู่นาน เฉิงสุ่ยก็พอได้ยินมาบ้าง

 

 

เขาให้คำแนะนำกับเธอ

 

 

แต่คำพูดนี้เมื่อได้ยินถึงหูของถังชิง กลับดูเหมือนว่าเฉิงสุ่ยกำลังปกป้องฉินหร่านอย่างน่าประหลาด

 

 

เดิมทีเป็นเพราะลุงของเธอและก็เรื่องของหน่วยข่าวกรองนั้น ถังชิงก็รู้สึกคับแค้นในตัวฉินหร่านอยู่พอตัว ตอนนี้ในใจเธอยิ่งรู้สึกอึดอัดมากขึ้น

 

 

ถังชิงมองไปยังฉินหร่าน อีกฝ่ายยังคงใส่หูฟัง ดูเหมือนกำลังเล่นเกมอยู่ ถังชิงเลื่อนสายตาลง แล้วพูดขึ้นทำทีเป็นไม่ใส่ใจ “ใช่แล้ว คุนเฉิงสุ่ย หรือว่าไม่ได้ มีกฎที่ว่าคนที่มีคนหนุนหลังจะถูกท้าชิงไม่ได้ด้วยหรือ”

 

 

ถึงแม้รู้ว่าชื่อของฉินหร่านถูกจัดไว้อันดับสุดท้าย ความสามารถไม่ได้สูงส่ง แต่ถังชิงก็ยังอยากที่จะเตะเธอออกไปให้พ้น

 

 

เฉิงสุ่ยมองลึกไปยังถังชิง ตอนแรกเขายังคิดที่จะเตือนสักคำ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของถังจริงเช่นนั้น เขาก็กลืนคำเตือนนั้นกลับลงไป จากนั้นก็พยักหน้า “ได้สิ” 

 

 

“จริงหรือ” ถังชิงตอนแรกคิดว่าเฉิงสุ่ยจะมีกฎไม่ให้เลือกท้าอันดับท้ายๆ แต่คิดไม่ถึงว่าเฉิงสุ่ยจะตอบรับเสียเฉยๆ ถังชิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย 

 

 

รู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าเฉิงสุ่ยเองก็ยืนอยู่ฝั่งเธอหรือเปล่า

 

 

ในความจริงแล้วเฉิงหั่วในตอนแรกให้ความสำคัญกับตนอย่างมาก ถังชิงเองก็รู้สึกได้ แต่ไม่นานมานี้กลับรู้สึกว่าผู้คนทั้งหลายต่างมองข้ามเธอไป

 

 

ตอนนี้ท่าทีของเฉิงสุ่ยเช่นนี้ ทำให้คิดมากอย่างเลี่ยงไม่ได้…

 

 

“อืม เธอลองทดสอบพลังหมัดพื้นฐานก่อน” เฉิงสุ่ยพูดออกมาโดยไม่ได้มองไปยังถังชิง “เตรียมตัวสักครู่ อีกห้านาทีเริ่มทดสอบ”

 

 

“ได้ค่ะ” ถังชิงเดินตรงไปยังด้านข้างแท่นทดสอบพลังหมัด 

 

 

**

 

 

ในเวลาเดียวกัน ผู้คนที่นั่งเรียงเป็นแถวยาวบนที่นั่งผู้ชมได้เห็นใบหน้าที่หยิ่งยโสนั้นของถังชิง ก็พากันพูดไม่ออกอยู่ชั่วขณะหนึ่ง…

 

 

เธอรู้สึกผยองสินะ คงไม่คิดว่าเฉิงสุ่ยกำลังช่วยเธอหรอกนะ

 

 

แน่นอน เฉิงสุ่ยในตอนแรกพูดเตือนด้วยความหวังดี แต่สุดท้ายก็เคาะสัญญาณเริ่มการแข่งขัน…

 

 

ผู้คนที่นั่งอยู่ในแถวบางคนที่นึกถึงเรื่องเนื้อย่างในวันนั้น ก็พอเดาได้อีกสักครู่ฉากต่อไปจากนี้จะเป็นอย่างไร

 

 

เฉิงสุ่ยให้ถังชิงทดสอบพลังหมัดแล้ว ก็ไปบอกเรื่องของฉินหร่านกับเฉิงเจวี้ยน

 

 

เขามองไปยังเฉิงเจวี้ยนทีหนึ่ง “นายท่าน เรื่องนี้มันอะไรกัน”

 

 

เฉิงเจวี้ยนกำลังมองไปยังถ้วยชาร้อนกรุ่นอย่างใจเย็น เมื่อได้ยิน ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ “จัดลำดับตามปกติ” 

 

 

เฉิงสุ่ยเดาคำตอบของเฉิงเจวี้ยนได้แต่แรกแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจ เพราะแต่แรกคนพวกนี้ก็เตรียมมาเพื่อให้คุณหนูฉินได้เล่นสนุก

 

 

คิดดังนั้น เฉิงสุ่ยก็มองไปยังฉินหร่าน

 

 

ฉินหร่านกำลังเล่นเกม เธอใส่หูฟัง ตัวโน้มไปด้านข้างเล็กน้อย ฮู้ดเสื้อคลุมอยู่บนศีรษะ 

 

 

กู้ซีฉือและ เจียงตงเยี่ยกำลังเรียกเธอ “เสี่ยวหร่าน ไม่ต้องเล่นเกมแล้ว มีคนท้าเธอแล้วนะ!”

 

 

เธอใส่หูฟัง เปิดเสียงค่อนข้างดัง กู้ซีฉือเรียกอยู่หลายครั้งกว่าเธอจะรู้สึกตัว

 

 

ใบหน้าที่ดูเฉยชาในตอนแรก พอได้ยินคำพูดของกู้ซีฉือ ฉินหร่านก็สะดุ้งตัวขึ้นมา “นายว่าอะไรนะ มีคนท้าฉันหรอ”

 

 

เฉิงสุ่ยตอบรับ เขามองตาฉินหร่านหนึ่งที

 

 

เขา “…”

 

 

ยังเล่นเกมไม่จบ

 

 

แต่ฉินหร่านก็ได้พบกับความสนุกอีกอย่างหนึ่ง เธอเอาหูฟังออก จากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้กับเฉิงเจวี้ยน แล้วไปหากู้ซีฉือและเฉิงสุ่ย

 

 

“ถูกแล้ว คุณฉิน คนที่ท้าคุณคือถังชิง” เฉิงสุ่ยเดินไปยังด้านหลังฉินหร่าน แล้วตอบอย่างนอบน้อม 

 

 

แอบใช้หางตามองไปยังเฉิงเจวี้ยน นายใหญ่ของบ้านรับโทรศัพท์มือถือเอาไว้…

 

 

“อ๋อ” ฉินหร่านพยักหน้า แล้วมองไปยังถังชิงที่อยู่บนเวทีมวย อีกฝ่ายกำลังทดสอบพลังหมัด 

 

 

รายชื่อทั้งสี่ร้อยยี่สิบเอ็ดคนบนหน้าจอใหญ่หายไป กลายเป็นฉากแท่นวัดพลังหมัด

 

 

เจียงตงเยี่ยนั่งถัดจากกู้ซีฉือ เขานั่งไขว่ห้างพลางหัวเราะ “นายวางใจเถอะ เป็นผู้หญิงด้วยกัน คงไม่มีอะไรมากหรอก”

 

 

พูดยังไม่ทันขาดคำ เลขค่าของถังชิงก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอใหญ่

 

 

769

 

 

เจียงตงเยี่ย “…”

 

 

เมื่อว่าได้รับคำอธิบายจากเฉิงมู่และซือลี่หมิง เจียงตงเยี่ยก็พอจะเข้าใจว่าพลังเป็นแค่ค่าวัดอย่างหนึ่ง

 

 

“เธออย่าไปท้าหล่อนดีกว่านะ ผู้หญิงคนนั้นมีพลังหมัดถึง 769 เชียวนะ” เจียงตงเยี่ยเผยอปาก “หล่อนเป็นนักกล้ามหรือไงนะ”

 

 

เจียงตงเยี่ยเองก็เคยรับการฝึกพิเศษมา ความสามารถของเขาในเมืองหลวงสามารถอยู่ในอันดับต้นๆ ได้

 

 

ถึงแม้เช่นนั้น แต่เมื่อวานกลับได้ค่าเพียง 650 เท่านั้น 

 

 

แค่ผิวเผินพลังของผู้หญิงคนนี้ก็เหนือกว่าเขาตั้งร้อยกว่า เจียงตงเยี่ยอดเป็นห่วงแทนฉินหร่านไม่ได้

 

 

เขามองไปยังฉินหร่าน สีหน้าดูเคร่งขรึมมาก “เธอไม่ใช่สมาชิกนี่นา การท้าประลองพวกนี้ให้คุณชายเจวี้ยนยกเลิกดีไหม”

 

 

กู้ซีฉือไม่ค่อยเข้าใจว่า 769 นั้นต่างจากบุคคลธรรมดาทั่วไป

 

 

แต่เขาก็เอามือลูบคาง มองไปยังฉินหร่าน “เธอไหวไหม”

 

 

ฉินหร่านกำลังจะถอดเสื้อคลุมออก ตอนได้ยินคําถามนี้ เธอเลิกคิ้วสูง “แน่นอน”

 

 

พูดจบเธอก็เดินไปยังเวทีมวย

 

 

เจียงตงเยี่ยมองไปยังแผ่นหลังของฉินหร่าน จากนั้นก็มองไปยังกู้ซีฉืออย่างกังวล “พลังหมัดเหนือกว่าฉันตั้งร้อยกว่า ต่อให้เป็นฉันก็คงเอาชนะไม่ได้ เธอคงไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

 

 

กู้ซีฉือมองไปยังเฉิงเจวี้ยนก่อน อีกฝ่ายกำลังเล่นเกมอย่างใจเย็น และอีกฟากหนึ่งเฉิงมู่ เฉิงหั่วและคนอื่นดูนิ่งเงียบผิดปกติ เขาคิดไปมา จากนั้นก็ส่ายหน้า “ไม่น่าจะเป็นอะไร”

 

 

เจียงตงเยี่ยมองไปยังเรือนร่างอันบอบบางของฉินหร่าน รู้สึกลังเลอยู่เล็กน้อย “มั้งนะ…”

 

 

**

 

 

กลางเวทีมวย

 

 

ฉินหร่านหยุดฝีเท้า ท่าทีเป็นธรรมชาติ ใบหน้าเจือด้วยความตื่นเต้นเล้กน้อย เธอโคลงศีรษะเบาๆ แล้วบีบคลึงข้อมือทั้งสองข้าง

 

 

ไม่เห็นความกังวลแม้สักนิด

 

 

แท่นวัดพลังหมัดอยู่ด้านข้างเวทีมวย ถังชิงทดสอบแล้วก็เดินมาตรงกลาง ซึ่งห่างออกไปไม่กี่เมตร

 

 

เธอตัวสูง เกือบจะหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร โครงสร้างดูใหญ่กว่าชาวตะวันออกทั่วไป เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอย่างเห็นได้ชัด ดูราวกับนางแบบในเวทีนานาชาติ 

 

 

คนเช่นนี้ดูโดดเด่นท่ามกลางคนทั่วไป

 

 

แต่เมื่อเทียบกับฉินหร่านแล้ว ก็ยังดูเสียเปรียบจริงๆ 

 

 

ตอนที่ทดสอบพลังหมัด ถังชิงก็ได้มองทางฝั่งเฉิงสุ่ยอยู่ตลอด เห็นเฉิงสุ่ยเข้าไปคุยกับเฉิงเจวี้ยนและฉินหร่าน ข้างกายของฉินหร่านยังมีอีกสองคนที่สีหน้าดูกังวล 

 

 

ถังชิงยิ้มขึ้นมาอย่างท่าทีดูสนุก

 

 

เธอเลือกไม้กระบองขึ้นมาหนึ่งอัน นี่คือวิธีต่อสู้โดยอาศัยกำลังทั่วไปในคฤหาสน์แห่งนี้ ส่วนใหญ่ผู้ที่มีพลังหมัดในช่วงเจ็ดร้อยถึงแปดร้อยต่างก็ชอบยืมพลังจากไม้กระบอง 

 

 

ผู้ที่รับหน้าที่เป็นกรรมการตัดสินยังคงเป็นคนจากฝ่ายยุติธรรม

 

 

เขามองไปยังถังชิง “ถังชิง พร้อมแล้วใช่ไหม”

 

 

ถังชิงกระทุ้งกระบอง จากนั้นก็เลียริมฝีปากมองไปยังฉินหร่าน “แน่นอน”

 

 

มือข้างที่ถือไม้กระบองสั่นเบาๆ เห็นถึงความตื่นเต้นอันมากของถังชิง

 

 

จากนั้นกรรมการก็มองไปยังฉินหร่าน “คุณฉิน คุณต้องการอาวุธไหม” 

 

 

ฉินหร่านถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก จากนั้นก็โยนไปอีกด้าน น้ำเสียงดูสบายอารมณ์ “ไม่เป็นไร ฉันแค่มาเล่นๆ”

 

 

กรรมการ “…”

 

 

“คุณกรรมการ ยังไม่เริ่มอีกเหรอ”

 

 

ฉินหร่านที่ยืนห่างออกไปสองเมตรแม้สีน่าจะไม่ได้แสดงออก แต่น้ำเสียงคือด้วยความหงุดหงิดรอไม่ได้

 

 

เธอไม่ชอบน้ำเสียงเช่นนี้ของฉินหร่าน

 

 

เธอจะทำให้ฉินหร่านรู้ว่า ไม่ใช่ทุกที่จะมีคนคอยตามประคบประหงมเธอไม่หยุดไม่หย่อน!

 

 

ความสามารถแค่ไหนก็ควรค่ากับตำแหน่งแค่นั้น

 

 

กรรมการขมวดคิ้วมองไปยังถังชิง  จากนั้นก็ถอยสองสามก้าว “เริ่มได้!” 

 

 

เสียงของกรรมการยังไม่ทันขาด ไม้กระบองในมือของถังชิงก็กวัดแกว่งออกไปอย่างรุนแรง พุ่งตรงไปที่หน้าของฉินหร่าน