บทที่ 55 เบาะแสของฉินมู่!

จอมบงการเทพยุทธ์

หลังจากที่ตัวนหยุนเชิงได้เข็มทิศแสวงสมบัตินี้มา เขาก็ยิ้มอย่างมีความสุข

ในตอนนี้ หัวใจของเขาเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ

โอสถสมุนไพรล้ำค่าและสมบัติที่สูญหายไปก่อนหน้านี้นั้น ไม่มีผลอะไรเลยแม้แต่น้อย

ด้วยเข็มทิศแสวงสมบัติที่อยู่ในมือนี้ ยังกลัวว่าจะไม่ได้รับสมบัติในอนาคตอีกงั้นเหรอ?

“เผ่าพันธุ์หมื่นเซียน รอข้าก่อนเถอะ !

สุสานบรรพบุรุษของเจ้า นักพรตผู้นี้จะไปเปิดมันเอง !

สมบัติที่ถูกฝังไว้ เหล่านักพรตกับข้าจะเป็นคนขุดมันเอง !”

ตัวนหยุนเชิงก้าวไปข้างหน้าด้วยความกล้าหาญ โดยหวังว่าจะได้รับสมบัติและโอกาสมากขึ้น

ด้านหลังของวิหารโบราณ เป็นห้องหยกตําหนักเซียนอันงดงาม แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายพันปีแล้ว แต่สถานที่แห่งนี้ก็ไม่เสื่อมโทรมและเปล่งประกายแสงศักดิ์สิทธิ์อันเจิดจ้า

ดวงตาของต้วนหยุนเชิงเป็นประกาย และรีบเข้าไปในห้องหยกตําหนักเซียนนี้และค้นหาอย่างดุเดือด

เหลือเวลาไม่มากสําหรับเขาแล้ว แม้ว่าผู้นํากองกําลังของพันธุ์มนุษย์ทั้งห้าที่อยู่เบื้องหลังจะเคลื่อนไหวช้า แต่ก็คาดว่าไม่นานพวกเขาก็คงจะมาถึงที่นี่

แต่หลังจากที่ค้นหาอยู่นาน ต้วนหยุนเชิงก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

มันว่างเปล่า ไม่มีสมบัติล้ำค่าเทียบเท่ากับเข็มทิศแสวงสมบัติเลยสักชิ้น

แต่เขาก็ยังไม่ตัดใจ และค้นหาอย่างละเอียดอีกครั้ง ร่างอ้วนเห็นขึ้นไปในอากาศ ค้นหาภายในวิหารโบราณและศาลาทุกหลังจนทั่ว ไม่เว้นบริเวณใดเลย

เมื่อมองไปที่ความเร็วในการค้นหาของตัวนหยุนเชิงราวกับตกแตนก่าลังข้ามพรมแดน ฉินมู่ก็อดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้นของเขา

เจ้าอ้วนคนนี้เหมาะที่จะเป็นโจรปล้นสุสานจริงๆ

สุสานของบรรพบุรุษราชันดึกดําบรรพ์ ที่กลัวว่าจะได้รับความเดือดร้อนมากนั้น ผู้ชายคนนี้ก็เคยไปเยือนมาแล้ว
คงไม่ต้องพูดถึงสิ่งที่ฝังอยู่ในหลุมศพ กลัวว่าแม้แต่กระดูกที่ฝังอยู่ในหลุมศพก็จะไม่ปลอดภัย และจะถูกบรรจุ และนําออกไป

อย่างไรก็ตาม ห้องหยกตําหนักเซียนนี้เดิมที่เป็นการจัดตกแต่งโดยฉินมู่เพื่อทําให้ดินแดนลับสมบูรณ์ จะมีโอกาสหรือสมบัติอยู่ในนั้นได้อย่างไร ?

ผู้ชายคนนี้ยังไม่พบของมีค่าใดๆแม้ว่าเขาจะค้นหาหลายครั้งแล้วก็ตาม

แต่…

ฉันมู่นึกบางอย่างขึ้นมาได้

ในตอนที่จัดเตรียมห้องหยกตําหนักเซียนแห่งนี้ เพื่อที่จะทิ้งเบาะแสบางส่วนไว้สําหรับการจัดสร้างดินแดนลับในอนาคต เขาได้ทิ้งบางสิ่งบางอย่างไว้ที่นี่

อย่างไรก็ตาม วัตถุเหล่านี้ใช้เป็นเบาะแสเท่านั้น ซึ่งพบได้ทั่วไปและไม่มีค่า

เจ้าอ้วนคนนี้ จะไม่เว้นแม้แต่สิ่งธรรมดาเหล่านี้ยังงั้นหรือ ?

ปรากฏว่า สิ่งที่ฉันมู่เดาไม่ผิด

หลังจากที่ตัวนหยุนเชิงค้นหาอย่างละเอียดอีกครั้งแล้ว เขาก็พบกับสิ่งใหม่

ในมือของเขา ถือฟูกและกระดูกสีขาวดั่งหยก

ฟูกที่ขาดรุ่งริ่ง มีรอยเปื้อนและมีรูหลายจุดบนพื้นผิวของฟูก

กระดูกมีขนาดใหญ่และมันดูเหมือนจะเป็นกระดูกส่วนขาของสัตว์อสูรตัวใหญ่ชนิดหนึ่งที่เปล่งประกายด้วยความมันวาว

ตัวนหยนเชิงมองไปที่กระดูกและฟูกในมือ นี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาได้รับหลังจากค้นหาอย่างละเอียดอีกครั้ง

เขาวางฟูกไว้ข้างหน้าของเขาแล้วมองเข้าไปใกล้ๆ แล้วพยายามนั่งสังเกตอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้สังเกตเห็นอะไรผิดปกติ

“ถ้าเป็นสิ่งของอะไรธรรมดาจะมาวางที่นี่ได้อย่างไร ? ฟูกนี้ต้องเป็นสมบัติแน่ๆ แต่ข้าก็ยังไม่รู้ว่ามันใช้ทําอะไรได้”

ตัวนหยุนเชิงส่ายหน้าและไม่ได้สํารวจต่อ แต่เขาวางฟูกไว้ในอ้อมแขนแล้วหันไปมองกระดูกที่อยู่ในมืออีกข้างหนึ่ง

“กระดูกนี้อาจจะเป็นสมบัติที่ทรงพลังมากกว่า หลายปีผ่านไปก็ยังขาวราวกับหยก และเป็นสีที่ดีมาก ยังไงก็เก็บเอาไว้ก่อน ! ”

ตัวนหยุนเชิงลบกระดูกนี้อย่างหมกมุ่น และกัดมันสองสามครั้ง

หลังจากพบว่ากระดูกนั้นแข็งมาก เขาก็รู้สึกปลาบปลื้มทันที และเก็บกระดูกราวกับสมบัติล่าค่า

จินม่เห็นทั้งหมดนี้ในสายตาของเขา

พูดตามตรง หลังจากที่ได้เห็นตัวนหยุนเชิงพยายามกัดกระดูกสองสามครั้ง เขาก็อดไม่ได้จริงๆ มุมปากของเขากระตุกและเกือบจะหัวเราะออกมา

เมื่อเห็นสีหน้าที่แสดงออกราวกับเจอสมบัติอันล้ำค่าของตัวนหยุนเชิงแล้ว ฉันมู่อดไม่ได้ที่จะนิ่งเงียบกับผู้ชายคนนี้

สมบัตินั้น ?

บางทีหลังจากที่เขารู้ที่มาที่แท้จริงของฟุกและกระดูกนี้แล้ว เขาคงไม่คิดอย่างนั้น

หลังจากที่ตัวนหยุนเชิงค้นหาสองครั้งติดต่อกัน ในที่สุดผู้นําแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนชูและคนอื่นๆก็มาถึง

แต่เนื่องจากตัวนหยุนเชิงได้เอาเข็มทิศแสวงสมบัติในวิหารโบราณที่อยู่ข้างหน้าไป พวกเขาจึงไม่ได้สิ่งใด

“ห้องหยกตําหนักเซียน…”

ผู้นํากองกําลังทั้งห้ามองหน้ากันจากนั้นพวกเขาก็นําสาวกของตนไปยังที่หนึ่งและเริ่มค้นหา

และในเวลานี้ ตัวนหยุนเชิงผู้ซึ่งเคยค้นหาสถานที่นี้มาแล้วสองครั้งกําลังซ่อนตัวอยู่ด้านข้างอย่างรื่นรมย์พร้อมที่จะดูเรื่องตลกของพวกเขา

“เฮ้ฮ่าฮ่า !

พวกเจ้ากล้าดีอย่างไร มาขโมยโอสถอันล้ำค่าและสมบัติของข้า ?

ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า สมบัติในสถานที่แห่งนี้จะถูกคว้าไปโดยนักพรตผู้นี้แม้ว่าพวกเจ้าจะพลิกสถานที่แห่งนี้หาเจ้าก็จะไม่ได้อะไรเลย !”

เป็นไปตามที่ตัวนหยุนเชิงบอก ผู้ฝึกยุทธ์กองกําลังของเผ่ามนุษย์ทั้งห้า หลังจากค้นหาสถานที่นี้อย่างละเอียดแล้วก็ไม่พบสมบัติใดๆเหลืออยู่เลยจริงๆ

ผู้นําแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ยู่เหิง มีสีหน้าผิดหวัง

ก่อนหน้านี้ เขาได้เก็บเกี่ยวครั้งใหญ่จากใต้ดินนั้นมาก่อนหลังจากค้นพบห้องหยกตําหนักเซียนที่นี่แล้วเขาก็คิดว่าจะมีการเก็บเกี่ยวที่มากขึ้นกว่านี้ แต่เขากลับไม่พบอะไรเลย

แต่ทว่า ในตอนนี้ลูกศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ยเพิ่งเดินออกจากวิหารโบราณพร้อมกับของบางอย่างที่อยู่ในมือและตะโกนด้วยความตกใจ:
“ผู้นํากองกําลังสูงสุด ! ข้าพบบางอย่างในวิหารโบราณ ! ”

โอ้ มีการค้นพบงั้นรี 2

ผู้นํากองกําลังเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งห้า พากันล้อมรอบเขาในทันที

แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์เผ่ามนุษย์คนอื่นๆ ก็ยังจ้องมองไปที่ลูกศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ยู่เหิงที่เดินออกจากวิหารโบราณ

มีการค้นพบ ?

เมื่อได้ยินคําพูดของลูกศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์ยู่เหิง ตัวนหยุนเชิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระวนกระวาย

วิหารโบราณที่ลูกศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ยู่เหิงเดินออกมา คือวิหารโบราณที่เขาเพิ่งเก็บเกี่ยวฟูกและกระดูกได้

มีสมบัติอื่นซ่อนอยู่ในวิหารโบราณอีกงั้นรึ ?

เป็นไปไม่ได้ นักพรตผู้นี้จําได้ว่าค้นหามันทั้งหมดแล้ว !

“วิหารโบราณนี้ ดูเหมือนว่าจะถูกค้นหาแล้วก่อนหน้านี้”

ผู้นําแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ยู่เหิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะที่มองไปยังวิหารโบราณที่ลูกศิษย์เดินออกมา

วิหารโบราณนี้ เขาจําได้ว่าเขาเพิ่งค้นหาและไม่พบอะไรเลย

“ผู้นํากองกําลังสูงสุด ข้าพบสิ่งนี้ที่มุมของวิหารโบราณ”

ลูกศิษย์คนนี้ยกมือขึ้น และพูดด้วยความกระวนกระวายเล็กน้อย

ท้ายที่สุด แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าการค้นพบของเขาสมเหตุสมผลหรือไม่

ทันใดนั้น ทุกสายตาต่างก็จับจ้องไปที่มือที่ยกขึ้นมาของลูกศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

ทุกคนกลั้นหายใจและมองดูจากนั้นสีหน้าของเขาก็ดูแปลกไปในทันใด !

ปรากฏว่า สิ่งที่ศิษย์คนนี้ถืออยู่ในมือกลับกลายเป็นเส้นผมสีดํามันเงา !

เส้นผม ?

ไม่แปลกใจเลยผู้นําแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ยเพิ่งจะไม่สนใจเมื่อทําการค้นหา

มันเป็นแค่เส้นผม ไม่มีความผันผวนของพลังเลยแม้แต่น้อย มันจึงง่ายที่จะถูกมองข้าม

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ผู้นําแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนชู กล่าวด้วยความไม่แน่ใจเล็กน้อย

“ผมนี่ มันดูเหมือน… ขนสุนัขนิดหน่อย พวกท่านว่าไหม ?”

ผู้นํากองกําลังคนอื่นๆลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และหลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็พยักหน้า

ปอยผมน้อยๆ นี้ มันดูเหมือนขนสุนัขจริงๆ

เพียงแค่ ทําไมที่นี่ถึงมีขนสุนัขล่ะ ?

และเมื่อดูจากขนสุนัขตัวนี้แล้ว ดูเหมือนว่ามันเพิ่งจะร่วงหล่น มันไม่น่าจะเป็นสิ่งที่หลงเหลืออยู่เมื่อหลายล้านปีก่อน

เพราะถ้าหากเวลาผ่านไปนานเช่นนั้น มันคงจะเป็นเพียงเสี้ยวของขนสุนัข และเกรงว่ามันจะกลายเป็นเถ้าลอยไปนานแล้ว

เป็นไปได้หรือไม่ ว่ามีสิ่งมีชีวิตอื่นๆ หรือสุนัขมาที่นี่ ?

ทุกคนต่างก็สับสน ไม่เข้าใจโดยสิ้นเชิง

แต่ตัวนหยุนเชิงที่ซ่อนตัวอยู่อีกฟากหนึ่ง ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ และในตอนนี้สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที

เขารีบดึงฟูกที่ขาดรุ่งริ่งในอ้อมแขนออกมา สังเกตอย่างระมัดระวัง

แน่นอนว่า ในรอยแยกของฟูกที่ขาดรุ่งริ่งเขาพบเส้นผมแบบเดียวกันหลายเส้น

ในเวลานี้ ข้อสรุปที่ต้วนหยุนเชิงไม่อยากจะเชื่อก็เข้ามาในหัวของเขา

วิหารโบราณนี้ จะเป็นที่ที่สุนัขอสูรอาศัยอยู่หรือไม่ ?

ฟูกนี้ จะใช่ที่ที่สุนัขเอาไว้รองตอนนอนหลับหรือไม่ ?

และกระดูกนี้ มันอาจจะเป็น…

เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ สีหน้าของตัวนหยุนเชิงก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงใบหน้าของเขาซีดเผือดและแทบจะถุยน้ําลายออกมาทันที

ไอ้บ้าเอ๊ย นักพรตผู้นี้เพิ่งจะแทะกระดูกที่สุนัขเลียไปงั้นรึ ? !

PS: พรุ่งนี้ 14 เมย. ผมจะเดินทางไปต่างจังหวัด ในระหว่างเดินทาง อาจจะไม่ได้อัพนิยายนะครับแต่ถ้าถึงเป้าหมายแล้วก็น่าจะอัพนิยายได้เป็นปกติจึงเรียนมาให้เพื่อนนักอ่านได้รับทราบ

Ps2: วันนี้อาจจะได้ตอนนี้ตอนเดียว ฉุกละหุกมากครับ