บทที่ 255 เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกเยือนแดนเทพสวรรค์

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 255 เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกเยือนแดนเทพสวรรค์

ดินแดนบูรพา แดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก

ณ วิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ม่านผ้าขาวบางวางขวางกลางวิหารใหญ่ หากมองผ่านผ้าขาวบางจะเห็นร่างอรชรร่างหนึ่งนอนอย่างเกียจคร้านบนบัลลังก์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีแสงตะวันส่องสะท้อน

ข้างหน้าวิหารใหญ่ยังมีผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กับเซียวหลิงยืนอยู่ ตอนนี้กำลังรายงานสถานการณ์กับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก

“พวกเจ้าบอกว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนผ่านการทดสอบหอคอยเทพสงครามรึ”

เสียงสตรีหลังผ้าขาวบางเย็นชาและล่องลอย เหมือนราชินีเซียนจากสวรรค์เก้าชั้น ทำให้คนใจโคลงเคลงและเกิดความรู้สึกที่จะไม่เคารพไม่ได้แม้แต่นิด

คนนี้คือเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก หนึ่งในสตรีที่ทรงอำนาจที่สุดในดินแดนบูรพา

ด้วยฐานะ ตำแหน่ง ศักยภาพรวมถึงพรสวรรค์ของนาง ผู้มีอิทธิพลมากมายในดินแดนบูรพายังต้องให้ความเคารพสามส่วน

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์และผู้อาวุโสจากสิบสองแดนศักดิ์สิทธิ์พวกนั้น ตอนยังหนุ่มสาวส่วนใหญ่ก็เป็นผู้เลื่อมใสเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก มีใจหลงใหลนาง

จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ลืมเลือน

กล่าวได้ว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกอาจจะไม่ใช่หนึ่งในเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ที่แกร่งที่สุดในดินแดนบูรพา แต่นางเป็นหนึ่งในเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ล่วงเกินไม่ได้มากที่สุดในดินแดนบูรพา

หากล่วงเกินนางจริงๆ บางทีสักวันหนึ่งอาจจะถูกกลุ่มผู้อริยะเอาถุงคลุมรุมทุบตีก็เป็นได้

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่เดินเข้ามา “เจ้าค่ะ อีกทั้งจากข่าวลือที่น่าเชื่อถือ เสิ่นเทียนได้มอบหอคอยเทพสงครามให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์และเริ่มเปิดกว้างให้กับทั้งห้าดินแดน”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกหัวเราะเบาๆ “จางหลงหยวนเก็บสมบัติล้ำค่าได้เลยจริงๆ ไม่กี่เดือนสั้นๆ ก็เกิดเรื่องดีขึ้นมากขนาดนี้”

แดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีอาณาเขตติดกัน มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมาตั้งแต่โบราณ ทั้งยังมีเชื่อมสัมพันธ์ตบแต่งกันไม่น้อย

ดังนั้นไม่ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะมีข่าวอะไร แดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกก็จะรู้เป็นคนแรก ในทางตรงข้ามหากแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกมีเรื่องนินทาอะไร ศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็จะรู้เร็วมากเช่นกัน

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกก็เคยได้ยินเรื่องของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คนนี้มาบ้าง ได้ยินว่าเป็นคนมหัศจรรย์ เพิ่งเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็หาบทต้องห้ามคัมภีร์จักรพรรดิอัสนีที่หายสาบสูญไปหมื่นปีกลับมาให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ได้

ลำพังแค่คุณูปการตรงนี้ก็มากพอจะให้เสิ่นเทียนสร้างคุณความดีครั้งใหญ่ในตารางคุณูปการของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว

ต่อมาเจ้าหนูนี่เจอรังของปีศาจเถาครึ่งผู้อริยะในที่ราบหมอกลับแล ได้ผลประโยชน์มาอู้ฟู้ กระทั่งที่เซียวหลิงหา ‘ถ้ำวารีสวรรค์’ พบก็เพราะได้เจ้าหนูนี่ช่วย

ในไม่กี่เดือนสั้นๆ เจ้าหนูนี่เจอมหาโชคลิขิตแทบไม่เคยขาด

ต่อให้เทียบกับเจ้าหนูแซ่ฉีของแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง เสิ่นเทียนก็ไม่ด้อยไปกว่าเลย

มีศิษย์เช่นนี้ช่างน่าอิจฉาจริงๆ~

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่เอ่ยต่อ “นอกจากนี้ในการฝึกสนามรบบรรพกาลครั้งนี้ยังมีสาวกลัทธิวิญญาณร้ายแฝงตัวเข้ามาทำภารกิจ ได้ยินว่าเพื่อคืนชีพให้วิญญาณร้ายระดับเตรียมเซียนที่ถูกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์วัฏจักรผนึกไว้เมื่อหมื่นปีก่อน แต่ก็ถูกบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทำลายแผนการ

และที่บังเอิญไปกว่านั้นคือตอนที่บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนเคลื่อยย้ายกลับเมืองเล็กเซียน ยันต์เคลื่อนย้ายขัดข้อง เขาถูกส่งไปในหุบเขาที่ซ่อนตัวของผู้อริยะเสวี่ยซาแห่งลัทธิวิญญาณร้าย ทำให้เปิดโปงตัวเขาได้ หากไม่เช่นนั้น ด้วยกลอุบายอำพรางของผู้อริยะลัทธิวิญญาณร้าย คงยากจะพบตัวได้”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกยืดตัวบิดขี้เกียจอย่างสบายๆ ก่อนจะยืนขึ้นบนบัลลังก์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างช้าๆ “เป็นคนมหัศจรรย์จริงๆ หรือว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะรุ่งเรืองขึ้นเพราะเหตุนี้จริงๆ พูดตามตรง ข้าสนใจเจ้าหนุ่มนี่หน่อยๆ แล้ว

ในเมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ได้สมบัติล้ำค่า เราเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ข้างเคียง ข้าก็ต้องไปอวยพรสักหน่อย ไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”

ฉากกั้นผ้าขาวบางเปิดขึ้นช้าๆ ร่างงดงามยิ่งเดินออกมาเนิบนาบ ท่าทีสูงส่ง ไอเซียนปกคลุมอย่างหนาทึบ

ใบหน้านางปิดด้วยผ้าขาวบาง มองเห็นใบหน้าไม่ชัด แต่กลับยิ่งเพิ่มความลึกลับขึ้นไปอีกหลายส่วน

“ศิษย์น้องหญิงตันอู่ เรียกศิษย์น้องหญิงเสวี่ยอู่ ศิษย์น้องหญิงหลิงอู้ไปเยือนแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ด้วยกัน”

……..

แดนเทวาดาวประกายพรึก ข้างหลังภูเขา

หลี่ฉางเกอยังคงฝึกกระบี่ใต้น้ำตก ข้างกายเขายังมีผู้สูงศักดิ์จื่อหยาง

ชายวัยกลางคนผ้าเนื้อหยาบยืนอยู่ข้างน้ำตก เจตจำนงกระบี่คมกริบแผ่ออกมาทั้งตัว “เร็ว เร็วอีกหน่อย! เป็นผู้ฝึกกระบี่ ไม่ว่าทักษะกระบี่ใดก็เป็นเพียงเรื่องเพ้อเจ้อ มีเพียงเร็วกว่า แกร่งกว่า เฉียบคมกว่าเท่านั้นถึงจะเป็นราชธรรม!

ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าเด็กเสิ่นเอ้านั่นจะพลาดโอกาสให้ข้าชี้แนะเพราะไปกับน้องชาย ไม้ผุไม่อาจแกะสลักได้จริงๆ พวกเจ้าอย่าเอาอย่างเขา ต้องรู้ว่าวิถีกระบี่เหมือนกับเรือทวนสายน้ำ ต้องยืนหยัดด้วยความอดทน”

ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางร้องโอดครวญไม่หยุด เขาจับตัวหลี่เหลียนเอ๋อร์กลับมาแล้วชัดๆ ทว่าคิดคำนวณทุกอย่าง แต่ไม่คิดเลยว่าหลี่เหลียนเอ๋อร์จะร้องโวยวายจะไปหาเสิ่นเทียนต่อหน้าหลี่ชางหลัน

ศิษย์พี่ธารนิรันดร์โมโหจึงลงโทษให้หลี่เหลียนเอ๋อร์ปลูกน้ำเต้าหันหน้าเข้ากำแพง ส่วนเขาโดนศิษย์พี่พาลให้มาฝึกฝนด้วย

เสิ่นเอ้าศิษย์ข้า อาจารย์ทุกข์ใจเหลือเกิน!

ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางถอนหายใจด้วยความจนปัญญา “ศิษย์พี่ ข้าได้ยินว่าการฝึกครั้งนี้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ได้หอคอยเทพสงครามจากสนามรบบรรพกาลด้วย ตอนนี้หอคอยเทพสงครามอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เปิดกว้างกับห้าดินแดน ในหอคอยมีร่างเงาโอรสสวรรค์จากโลกเซียนและมนุษย์สองโลกมากมาย

ด้วยพรสวรรค์เหนือชั้นของศิษย์พี่ หากเข้าหอคอยเทพสงครามจะต้องบุกฝ่าสี่ทิศ มีชื่อเสียงในศึกเดียวอย่างแน่นอน ศิษย์พี่ ท่านไม่คิดจะไปดูที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จริงๆ รึ”

บุกฝ่าสี่ทิศ มีชื่อเสียงในศึกเดียวหรือ

หลี่ชางหลันตาเป็นประกายขึ้นมา ถ้าเป็นเช่นนั้น จากนี้ยังต้องกังวลว่าจะไม่มีใครมาเรียนกระบี่กับข้าอีกหรือ

แค่กๆ

หลี่ชางหลันกระแอมไอเบาๆ สองทีก่อนแค่นเสียงขึ้นจมูก “ความรู้ตื้นเขิน มีชื่อเสียงอะไรกัน เป็นเรื่องที่ผู้ฝึกกระบี่อาวุโสอย่างข้าต้องกังวลรึ

ผู้ฝึกกระบี่อาวุโสอย่างข้าแค่ใช้ยอดเขาเขียวสามฉื่อในมือก็ฝ่าได้ทุกอุปสรรค รุดหน้าไปอย่างห้าวหาญก็พอ หากโดนชื่อเสียงและผลประโยชน์ถ่วงขา ชีวิตนี้ก็อย่าหวังจะได้ผลลัพธ์ในวิถีกระบี่อย่างแท้จริงเลย”

ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางเอ่ย “ศิษย์พี่พูดถูกต้องที่สุด จื่อหยางรู้สำนึกแล้ว”

หลี่ชางหลันพูดต่อ “แต่ในหอคอยเทพสงครามมีร่างเงาโอรสสวรรค์นับไม่ถ้วน เป็นที่ขัดเกลาทักษะกระบี่ วิถีกระบี่ จิตกระบี่และเจตจำนงกระบี่ที่ดี

จื่อหยาง ฉางเกอ ข้าก็ฝึกพวกเจ้ามานานมากแล้ว ถึงเวลาที่ต้องประลองกับโอรสสวรรค์ที่แท้จริงแล้ว ครั้งนี้พวกเจ้าตามข้าไปแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ไปเปิดหูเปิดตากับสมบัติที่ตกมาจากโลกเซียน!”

เมื่อพูดจบ หลี่ชางหลันระเบิดเจตจำนงกระบี่ไร้พรมแดนออกมา บดทำลายชั้นเมฆ

ก้อนเมฆแตกกระจายและรวมขึ้นใหม่อีกครั้งเป็นกระบี่เซียนเมฆาขาวยาวพันจั้งเล่มหนึ่งชี้ไปทางแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์!

ไอกระบี่ตัดสลับกันสามหมื่นลี้ แสงหนึ่งกระบี่หนาวเยือกสิบเก้าทวีป!

ทันใดนั้นเองมีเสียงสาวโลลิดูขลาดกลัวดังขึ้นข้างๆ

“ท่านพ่อ ท่าน…ท่านจะไปแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รึ พาเหลียนเอ๋อร์ไปด้วยได้หรือไม่”

เจตจำนงกระบี่แหลกสลายไปทันที

………………..

หอคอยเทพสงครามปรากฏขึ้น ทำให้ขุมอำนาจใหญ่ๆ ในดินแดนบูรพาสั่นสะเทือน

ขุมอำนาจที่อยู่ค่อนข้างใกล้เช่นแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกกับแดนเทวาดาวประกายพรึกก็เดินทางมาอวยพรกันแล้ว

ขุมอำนาจที่อยู่ค่อนข้างไกลหรือมีความสัมพันธ์ค่อนข้างธรรมดา ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเฝ้าสังเกตการณ์ เคลื่อนไหวกันลับๆ

และตอนนี้ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับเสิ่นเทียนยังอยู่ในคุกสายฟ้า

มองประมุขชุดคลุมโลหิตผู้ ‘องอาจไม่เกรงกลัว’ โดนแส้สายฟ้าฟาดกาย เสิ่นเทียนรู้สึกแสบดวงตาขึ้นมา

ทว่าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กลับยังคงสงบนิ่ง “เสวี่ยซา เจ้าคิดว่าข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้จริงๆ รึ”

ประมุขชุดคลุมโลหิตหัวเราะเยาะ “มีวิธีอะไรก็เอาออกมาให้หมดเลย! ข้าเกิดเป็นคนลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ตายก็ขอตายเป็นผีของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้เจ้าเฆี่ยนตีข้าสามหมื่นครั้ง ข้าก็จะไม่ทรยศลัทธิศักดิ์สิทธิ์”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะคว้ามือขวากับอากาศ การโจมตีด้วยแส้สายฟ้าทั้งหมดหายไปทันที

“ข้ารู้ว่าเจ้าฝึกวิชาพิเศษ เปลี่ยนการโจมตีต่อเนื่องมาเพิ่มศักยภาพของตัวเองได้ แส้พวกนี้ไม่มีผลกับเจ้าเลย กระทั่งเปลี่ยนเป็นความสุขให้เจ้าทางกายภาพ”

ประมุขชุดคลุมโลหิตยิ้มเยาะ “เจ้ารู้แล้วอย่างไร มีวิธีทรมานอะไรก็เอามาได้เลย!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มองประมุขชุดคลุมโลหิต “ในเมื่อเจ้าไม่กลัวเจ็บ ข้าก็จะไม่เสียเวลา มาเดิมพันกันหรือไม่ หนึ่งเค่อ ภายในหนึ่งเค่อ ข้าจะให้เจ้าสารภาพทุกอย่าง”

เมื่อเห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ปกคลุมอยู่กลางประกายเซียนและพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชายิ่งแล้ว

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ประมุขชุดคลุมโลหิตถึงรู้สึกว่ารูก้นขมิบแน่น

เหมือนกำลังจะมีเรื่องไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้น

……………………