บทที่ 459 ร่วมทุกข์ร่วมสุข + บทที่ 460 เดินทางกลับหมู่บ้าน

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 459 ร่วมทุกข์ร่วมสุข

มู่เฉินมองเซียวฉีเทียนอย่างเซ่อๆ ดูเหมือนว่าเขาจะลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท

อวี้เฟิงหัวเราะลั่น เขายื่นมือไปตบไหล่มู่เฉิน “ขอให้เจ้าโชคดี”

มู่เฉินขมวดคิ้ว เขาผลักมือที่กำลังตบไหล่ตัวเองออกไป “เจ้าระวังตัวไว้ให้ดี ข้าจำได้ว่ามีหญิงผู้หนึ่งมาเสนอขายบริการกับเจ้าเมื่อไม่นานมานี้ สงสัยนักว่ารั่วหลินจะมีปฏิกิริยาอย่างไรหากนางได้ยินเข้า”

เขากระซิบเบาๆ เหมือนพูดกับตัวเอง แต่ก็ยังดังพอให้อวี้เฟิงได้ยินเช่นกัน สีหน้าของอวี้เฟิงเปลี่ยนไปในทันที “มู่เฉิน ข้าจะหักแขนขาเจ้าแน่หากเจ้ากล้าปากโป้งบอกกับรั่วหลิน”

“น่าขายหน้าเกินไปหรือ”

เซียวฉีเทียนขมวดคิ้วมองดูทั้งสองทะเลาะกันขณะเดินจากไป เขามองขวดในมือด้วยความสะอิดสะเอียน และปล่อยมือในทันที เมื่อขวดร่วงหล่นลงพื้น มันก็แตกกระจาย ก่อนจะระเบิดออก

การระเบิดเล็กๆ นั้นไม่ได้ทำอันตรายต่อเซียวฉีเทียน แต่ทำให้เขาต้องอยู่ในสภาพอเนจอนาถแทน

เสื้อผ้าและผมของเขาล้วนยุ่งเหยิง ใบหน้าของเขาดำปี๋ นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของคนพวกนั้นใช่หรือไม่

เซียวฉีเทียนหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อข่มความโกรธภายในใจของตน จากนั้นจึงหันหลังกลับเข้าห้อง

มู่เสวี่ยที่เห็นสภาพของเซียวฉีเทียนหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

จะโทษนางก็ไม่ได้ เพราะสภาพของเซียวฉีเทียนนั้นน่าตลกจริงๆ

เซียวฉีเทียนเดินไปที่เตียงด้วยสีหน้ามืดทะมึน เขาเอื้อมมือไปกอดมู่เสวี่ยเอาไว้ แล้วเอาหน้าตัวเองไปถูกับหน้านาง ในไม่ช้าใบหน้าของมู่เสวี่ยก็เปื้อนเขม่าสีดำไปด้วย “เราจะร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน เอาล่ะ ไปล้างตัวกันเถอะ” การอาบน้ำด้วยกันคือสิ่งใดน่ะหรือ มันคือกิจกรรมที่เต็มไปด้วยความรักใคร่น่ะสิ

มู่เสวี่ยเหม่อและปล่อยให้เซียวฉีเทียนอุ้มนางออกไป แก้มของนางขึ้นสีในเวลาต่อมา “เจ้า… ข้า…” นางละล่ำละลัก

เซียวฉีเทียนมองแก้มสีแดงราวกับดอกกุหลาบของนาง เขาก้มหน้าลงและขบมันเบาๆ

“อย่างกับผลผิงกั๋ว[1]สีแดง”

ไม่ไกลจากห้องหอ อวี้เฟิงและมู่เฉินได้ยินเสียงระเบิด พวกเขากลั้นหัวเราะกันแทบไม่ไหว สมน้ำหน้าเจ้าเด็กนั่นแล้ว โยนขวดทิ้งไปหรือ คิดหรือว่าพวกเขาจะยอมให้จบแค่ดื่มเฉยๆ แน่นอนว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้นอยู่แล้ว

ในจวนไม่มีผู้เฒ่าผู้แก่อยู่ มู่เสวี่ยตื่นขึ้นเมื่อฟ้าเริ่มสว่าง เมื่อนางลืมตาขึ้นมา นางเห็นเซียวฉีเทียนใช้แขนข้างหนึ่งของตัวเองหนุนศีรษะของนางเอาไว้พร้อมกับมองนางไปด้วย ทำให้นางเขินยิ่งนัก

“เจ้า…. เหตุใดจึงมองข้าเช่นนั้น”

“เหตุใดภรรยาของข้าจึงงดงามถึงเพียงนี้” เขาก้มหน้าลงจุมพิตหน้าผากของมู่เสวี่ย

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเฉียวเทียนช่างถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนั้นหลังจากแต่งงาน

เมื่อได้อยู่กับผู้หญิงที่ตนรัก ได้เห็นนางตื่นขึ้นในอ้อมกอดของตนเช่นนี้ ความรู้สึกนั้นมันช่างสุขจนเกินทานทนยิ่งนัก

ถึงแม้พวกเขาจะร่วมเตียงกันแล้ว แต่มู่เสวี่ยก็ยังคงรู้สึกเขินอายอยู่ดี นางผลักเซียวฉีเทียนออกไป “รีบแต่งตัวได้แล้ว”

เซียวฉีเทียนคว้ามือของมู่เสวี่ยเอาไว้ ก่อนนำมาทาบลงตรงปากตัวเองและขบกัดมันเบาๆ “ไม่เป็นไรหรอก ท่านพี่บอกว่าวันนี้ไม่จำเป็นต้องเข้าวัง ค่อยเข้าไปวันพรุ่งนี้ก็ได้”

“ท่านตากับคนอื่นๆ…”

“ข้าส่งคนให้พาท่านตาและคนที่เหลือเดินเที่ยวชมเมืองแล้ว มู่เฉินเองก็อยู่กับเขาด้วย เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก วันนี้เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่เถิด”

ทั้งสองนอนคุยกันเบาๆ อยู่บนเตียง

ภายในจวนแม่ทัพ หนิงเมิ่งเหยามองเฉียวเทียนช่าง

“ฝ่าบาทเห็นด้วยกับเรื่องนี้จริงหรือ”

“ใช่ รออีกสองวัน หลังจากส่งราชครูหลินและคนอื่นๆ กลับไปแล้ว พวกเราก็ออกจากเมืองได้” เฉียวเทียนช่างรู้ว่าภรรยาของตนนั้นคงจะดีใจอย่างยิ่ง เมื่อเห็นนางมีความสุข เขาเองก็รู้สึกพึงพอใจไปด้วย

เขาก้มหน้าลงหอมแก้มนาง “ข้าเตรียมบางอย่างไว้ให้เจ้าด้วย”

“อะไรหรือ” หนิงเมิ่งเหยาถามขึ้นด้วยความสงสัย

“พอเรากลับไป เจ้าจะได้รู้แน่ แต่ตอนนี้ข้าไม่บอกเจ้าหรอก” เฉียวเทียนช่างส่ายศีรษะ ทำเหมือนว่าต้องเก็บมันเป็นความลับ

นางกลอกตาใส่เฉียวเทียนช่าง หากชายผู้นี้ไม่อยากจะบอกนาง แล้วทำไมต้องเอ่ยถึงมันขึ้นมาด้วย ปล่อยให้นางค้างคาใจเช่นนี้น่ะหรือ

เฉียวเทียนช่างยื่นมือไปสัมผัสแก้มของหนิงเมิ่งเหยา “เจ้าจะต้องถูกใจแน่”

หนิงเมิ่งเหยาเอียงศีรษะและมองเฉียวเทียนช่าง นางไม่ได้ถามต่อเมื่อเห็นว่าเขาไม่คิดที่จะบอกอะไรกับนางอีก อย่างไรเสียวันที่นางและเขาจะได้กลับไปที่นั่นก็เหลืออยู่อีกแค่ไม่กี่วันเท่านั้น

ราชครูหลินและคนอื่นๆ เดินชมรอบเมืองภายใต้การดูแลของอวี้เฟิงและพรรคพวก พวกเขาแยกชายหญิงออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มผู้หญิงซึ่งนำโดยซือถูเซวียนเดินทางไปดูเครื่องประดับและพวกเสื้อผ้า ส่วนกลุ่มผู้ชายนั้นเดินเที่ยวในเมืองเล็กน้อยก่อนตรงไปนั่งดื่มชาพลางพูดคุยกัน

สามวันต่อมา ราชครูหลินและแขกคนอื่นๆ จึงเดินทางกลับ มู่เฉิน อวี้เฟิง และเซียวฉีเทียนส่งคนมาส่งพวกเขากลับ ในช่วงสามวันที่ผ่านมานั้น ราชครูหลินและเซียวชวี่เฟิงได้ปรึกษาหารือกันเรื่องกำหนดวันพิธีแต่งงานระหว่างซือถูเซวียนกับมู่เฉินในอีกครึ่งปีให้หลัง

บทที่ 460 เดินทางกลับหมู่บ้าน

หลังจากที่มู่เฉินและคณะเดินทางกลับแล้ว เฉียวเทียนช่างจึงเข้าไปยังวังหลวง และพูดคุยกับเซียวชวี่เฟิงเป็นเวลานานก่อนที่จะกลับไป

วันถัดมา เฉียวเทียนช่างและหนิงเมิ่งเหยาเก็บข้าวของและเตรียมตัวที่จะเดินทางกลับหมู่บ้านไป๋ซาน

ตอนนี้หนิงเมิ่งเหยาตั้งท้องได้เจ็ดเดือน ท้องของนางใหญ่พอสมควร เฉียวเทียนช่างและชิงเซวียนช่วยพยุงหนิงเมิ่งเหยาขึ้นเกวียนก่อนจะค่อยๆ เดินทางกลับ ส่วนคนที่เหลือนั้นล่วงหน้าไปก่อนแล้ว

การเดินทางตามปกตินั้นจะใช้เวลาสองวัน แต่พวกหนิงเมิ่งเหยากลับใช้เวลาถึงห้าวันกว่าจะมาถึง

กลับไปที่หมู่บ้านไป๋ซานคราวนี้หมู่บ้านเปลี่ยนไปมาก หลายคนเริ่มสร้างบ้านโดยใช้อิฐแล้ว และยังมีโรงงานขนาดใหญ่ตั้งขึ้นอีก แต่สิ่งที่แตกต่างที่สุดสำหรับหนิงเมิ่งเหยาก็คือบ้านของพวกนางหายไป

จะบอกว่ามันหายไปก็ไม่ได้เสียทีเดียว แต่ดูเหมือนว่าบ้านสองหลังกลายเป็นหลังเดียวโดยมีประตูทางเข้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้าแทน

นางหันหน้าไปมองชายที่ยืนอยู่ข้างกาย “เกิดอะไรขึ้น”

“เดี๋ยวเจ้าก็รู้” เฉียวเทียนช่างประคองหนิงเมิ่งเหยาอย่างระมัดระวังระหว่างเดินไปยังบ้านของพวกเขา

ทันทีที่พวกเขาเดินมาถึงทางเข้าบานประตูก็เปิดออก เมื่อนางเห็นทุกอย่างด้านใน นางก็ถึงกับตกตะลึงจนจับต้นชนปลายไม่ถูก

นางเห็นทุ่งดอกไม้แผ่กว้างออกไปราวกับท้องทะเล ในนั้นมีดอกไม้หลากหลายชนิด และทั้งหมดล้วนเป็นดอกไม้ที่นางชอบ เมื่อเดินเข้าไป มีต้นไม้ถูกปลูกไว้เป็นแนวยาว บนต้นมีดอกอิงฮวา[2] สีชมพูขึ้นอยู่ประปราย

หนิงเมิ่งเหยาเพิ่งนึกถึงสิ่งที่เฉียวเทียนช่างบอกกับนางก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ “เจ้าเตรียมไว้ให้ข้าหรือ”

“ใช่แล้ว เจ้าอยากจะสร้างบ้านตรงนี้ไม่ใช่หรือ” หากมองจากด้านนอก บ้านดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ข้างในนั้นเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์เลยทีเดียว

“เข้าไปดูข้างในกันเถอะว่าถูกใจเจ้าหรือไม่” สุดทางเดินมีเรือนเล็กๆ ขนาดสองชั้นตั้งอยู่ มีบ้านหลายหลังตั้งอยู่ด้านหลัง แต่ละหลังมีลักษณะคล้ายกับเรือนด้านหน้า ทว่ามีขนาดเล็กกว่า

ภาพที่เห็นนั้นตรงกับบ้านที่นางเคยออกแบบไว้ไม่มีผิด นางคิดจะสร้างบ้านหลังจากคลอดลูกแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าพอนางกลับมา บ้านทั้งหลังกลับถูกสร้างขึ้นจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว ไม่เพียงแค่นั้น นี่ยังเป็นบ้านในฝันของนางอีกด้วย

“เทียนช่าง…”

“เข้าบ้านกันเถอะ” เฉียวเทียนช่างยิ้มกว้าง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความรักใคร่ขณะมองหนิงเมิ่งเหยา

หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้า นางเดินเข้าไปยังเรือนหลักกับเฉียวเทียนช่าง มันเป็นไปตามที่หนิงเมิ่งเหยาเคยจินตนาการเอาไว้ ชั้นสองก็เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้เหมือนกัน

“ขึ้นไปพักผ่อนข้างบนเถอะ” เฉียวเทียนช่างยื่นมือมาโอบเอวของหนิงเมิ่งเหยาเอาไว้แล้วพานางขึ้นบันได

หลังจากที่ทั้งสองเดินเข้ามาในบ้าน เฉียวเทียนช่างก็ยกมือขึ้นปิดตาของหนิงเมิ่งเหยาเอาไว้

“ข้ามีเรื่องประหลาดใจเตรียมไว้ให้เจ้า”

หนิงเมิ่งเหยาพิงตัวอยู่กับเฉียวเทียนช่างและถูกพาก้าวไปข้างหน้า

เฉียวเทียนช่างปล่อยมือหลังจากพวกเขาเข้ามาด้านในแล้ว

หนิงเมิ่งเหยาเกือบร้องไห้เมื่อเห็นทุกอย่างในบ้าน มันคล้ายกับบ้านในโลกที่นางจากมายิ่งนัก นอกจากความรู้สึกย้อนยุคแล้ว ทุกอย่างล้วนใกล้เคียงกับบ้านในยุคสมัยใหม่ทั้งสิ้น

นางเดินไปที่ระเบียงแล้วมองดอกไม้ที่ถูกปลูกเอาไว้ในกระถางน้อยใหญ่ บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏขึ้น “ขอบใจเจ้ามาก เทียนช่าง”

เขาเอื้อมมือไปโอบกอดหนิงเมิ่งเหยาจากทางด้านหลัง “ไม่ต้องขอบใจข้าหรอก จากนี้ไปบ้านของเราจะอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าพวกเราจะไปที่ไหน สุดท้ายพวกเราก็จะกลับมาที่นี่”

“อืม”

ทั้งสองยืนอยู่บนระเบียงและมองทิวทัศน์ด้านนอก ข้ารับใช้ภายในบ้านมีรอยยิ้มตื่นเต้นบนใบหน้าหลังจากเห็นท่าทางอันแสนมีความสุขของทั้งสอง คุณหนูกับนายน้อยช่างเป็นคู่ที่สวรรค์ประทานมาให้กันและกันเสียจริง

ในไม่ช้าหนิงเมิ่งเหยาที่พิงกายอยู่ในอ้อมแขนของเฉียวเทียนช่างก็ผล๊อยหลับไป เขาได้ยินเสียงนางหายใจสม่ำเสมออยู่ข้างหูจึงอุ้มนางขึ้น ก่อนวางนางลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา

เขาก้มหน้าลงจูบหน้าท้องของนาง ก่อนจะหอมแก้มนางแล้วเดินออกไป

เจี่ยงเฉวียนรออยู่ด้านล่าง หลังจากเฉียวเทียนช่างเดินลงมา เขาก็ยิ้มให้ “ขอบคุณมาก ท่านลุงเจี่ยง”

“นายน้อย ไม่จำเป็นต้องสุภาพกับข้ารับใช้แก่ๆ เช่นข้าก็ได้ขอรับ นี่เป็นสิ่งที่ข้าควรทำอยู่แล้ว ส่วนนี่เป็นสมุดบัญชีของโรงกลั่นสุรากับโรงงานน้ำปรุงรสขอรับ แล้วก็ยังมีพวกกุ้งกับปลาด้วย” นอกจากนั้นยังมีค่าจ้างคนงานและเรื่องอื่นๆ อีก

“ข้ารู้เรื่องนี้แล้ว ข้าวางแผนไว้ว่าจะไปดูที่โรงงานด้านหลังเสียหน่อย” โรงงานเพิ่งเปิดเมื่อเดือนที่ผ่านมา เขาไม่รู้ว่ากำลังคนพอหรือไม่ และคนที่จ้างมานั้นคุ้นเคยกับงานหรือยัง

“สินค้าจากโรงงานจะเสร็จในเร็วๆ นี้ขอรับ สามารถส่งให้กับร้านค้าทั้งเจ็ดร้านได้โดยไม่มีปัญหา” อย่างไรเสียมันก็เป็นเพียงแค่ของชิ้นเล็กๆ เท่านั้น

[1] แอปเปิ้ล

[2] อิงฮวา เป็นดอกไม้สีชมพูขนาดเล็ก คนไทยคุ้นเคยกันในชื่อดอกซากุระ