ตอนที่ 34 ตัวเลขที่เปลี่ยนแปลง

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 34 ตัวเลขที่เปลี่ยนแปลง

ฟางผิงกำลังตื่นเต้นกับของที่ตัวเองได้มา

ครู่ต่อมาใบหน้ากลับเปลี่ยนสี รีบแบกกระเป๋ากลับบ้านของเขา

ห้อง 101

ภายในห้อง

ฟางผิงเผยสีหน้ากลัดกลุ้ม ก่นด่าในใจ “ฉันว่าแล้วนายมันไว้ใจไม่ได้ เป็นเหมือนที่คิดจริงๆ ด้วย!”

“ไม่ใช่ว่าเห็นเงินแล้วคิดจะฮุบไว้คนเดียวหรอกนะ?”

ก็เมื่อกี้ตอนที่เขากำลังตื่นเต้น จู่ๆ ตัวเลขสามแถวตรงหน้าก็หายไปซะงั้น!

ดับพรึบหายไปอย่างกับถูกตัดไฟ ว่างเปล่าไม่เหลืออะไรเลย

ไอ้ระบบเฮงซวยนี่ ก่อนหน้านี้ไม่บอกวิธีใช้อะไร ฟางผิงก็คิดว่ามันแปลกๆ แล้ว

ตอนนี้อุตส่าห์รวบรวมทรัพย์สินกว่าสองล้านมาได้อย่างลำบากยากเย็น

ยังไม่ทันได้ดื่มด่ำกับความสุข กลับหายไปซะแล้ว!

ถ้าไม่ใช่ว่าเห็นเงินแล้วเกิดความคิดชั่วร้าย จะเป็นอะไรไปได้อีก?

ฟางผิงสบถด่าอยู่ในใจ แต่ก็ไม่คิดยอมแพ้ เบิกตากว้างจ้องมองอากาศที่ว่างเปล่า

ยามที่ฟางผิงถลึงตามองจนน้ำตาไหล เบื้องหน้าก็ปรากฏหน้าจอวาบขึ้นมา

ไม่นาน ตัวเลขสามแถวก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง

ฟางผิงค่อยถอนหายใจอย่างโล่งอก ขยี้ตาเล็กน้อย ลอบด่าในใจ “แกคิดจะอัปเกรดก็อัปเกรด จะบอกกล่าวกันก่อนไม่ได้เลยหรือไง เล่นหายไปดื้อๆ คิดจะทำให้ฉันหัวใจวายอย่างนั้นเหรอ?”

นับวันฟางผิงก็ไม่พอใจระบบล้าสมัยนี่เรื่อยๆ

ไม่บอกวิธีใช้ยังพอว่า คิดจะโผล่ก็โผล่มา คิดจะหายก็หายแวบไป เห็นเขาเป็นอะไรกัน

ถึงจะด่าอย่างนั้น ฟางก็ยังมองไปที่ตัวเลขสามแถวอย่างตั้งใจ

ทรัพย์สิน : 2,403,800

ปราณ : 121 แคล

จิตใจ : 110 เฮิรตซ์

มีการเปลี่ยนแปลงหน่วยนับใหม่เท่านั้น

“หน่วยปราณเปลี่ยนแปลงเหมือนคนอื่นแล้ว?”

ฟางผิงครุ่นคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ตกลงแล้วมีประโยชน์อะไร

ถ้าคิดง่ายๆ ก็ประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องไปตรวจในโรงพยาบาล

การอัปเกรดครั้งนี้ เป็นเพราะค่าทรัพย์สินพุ่งแตะถึงมาตรฐานบางอย่างละมั้ง ระบบจึงได้อัปเกรดให้ดีขึ้นกว่าเดิม

ไม่นานฟางผิงก็นึกบางอย่างได้ อาจจะมีประโยชน์อีกอย่าง

“ก่อนหน้านี้มักจะเพิ่มขึ้นทีละ 0.1 เงินหนึ่งหมื่นเพิ่มค่าปราณได้สิบแคล ตอนนี้เงินหนึ่งพันก็จะเพิ่มค่าปราณได้หนึ่งแคลใช่หรือเปล่า?”

ฟางผิงคิดว่าควรจะลองดูสักหน่อย

เขาไม่ลังเลอีก ตอนนี้เขามีเงินมาก แค่หนึ่งพันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา

คิดในใจว่าจะเพิ่มค่าปราณขึ้นมาอีกหนึ่งแคล…

ไม่นานตัวเลขเบื้องหน้าก็มีความเปลี่ยนแปลง

ทรัพย์สิน : 2,402,800

ปราณ : 122 แคล

จิตใจ : 110 เฮิรตซ์

“ใช่จริงๆ ด้วย!”

ฟางผิงดีใจที่เป็นดังคาด

การเปลี่ยนแปลงใหม่ของระบบ นอกจากจะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการตรวจปราณ ยังทำให้ฟางผิงสามารถทำความเข้าใจสภาพร่างกายของเขาได้คร่าวๆ

อย่างก่อนหน้านี้ปราณของฟางผิงจะเพิ่มขึ้นครั้งละสิบแคล

ครั้งก่อนที่ร่างกายเขาแทบจะรับไม่ไหว ปวดจะเป็นจะตาย ก็เพราะว่าเพิ่มปราณจำนวนมากในครั้งเดียว

ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว เพิ่มครั้งละหนึ่งแคล ฟางผิงไม่จำเป็นต้องปรับตัวมากมาย ทั้งยังสามารถควบคุมร่างกาย ไม่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บของเส้นเลือดแล้ว

นอกจากจุดนี้ ฟางผิงยังนึกประโยชน์ได้อีกอย่าง

เขาสามารถปกปิดเรื่องค่าปราณเป็นความลับได้!

เพิ่มรวดเดียวครั้งละสิบแคล ผู้ฝึกยุทธ์อย่างหวังจินหยางต้องสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงได้แน่

เหมือนก่อนหน้านี้ ฟางผิงทำได้เพียงต้องหาข้ออ้างมากลบเกลื่อน

ถ้าเปลี่ยนเป็นเพิ่มทีละแคลสองแคล ความแตกต่างไม่ชัดเจนมาก หวังจินหยางคงไม่รู้หรอก

ตอนนี้ค่อยดีหน่อย ผู้ฝึกยุทธ์ที่เขารู้จักมีเพียงหวังจินหยางคนเดียว

พอเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว คงจะมีผู้ฝึกยุทธ์รายล้อมเยอะกว่านี้

ไม่พบกันเพียงวันเดียว ค่าปราณเพิ่มขึ้นมาสิบแคล ยังไงก็ต้องมีคนรู้ถึงความไม่ชอบมาพากล

หากเปลี่ยนเป็นเพิ่มสิบแคลในหนึ่งอาทิตย์ หรือสิบวัน นั่นก็ไม่แปลกอะไรแล้ว

คิดเรื่องพวกนี้ได้ เขาก็พอใจอย่างยิ่ง

การอัปเกรดครั้งนี้ ให้ผลดีทีเดียว มีหน่วยนับโผล่ขึ้นมาให้ด้วย

“นี่เป็นเรื่องดี ค่อยน่าเชื่อถือขึ้นมาหน่อย”

ฟางผิงชมระบบขึ้นมา ในใจกลับยังคงลอบด่า เป็นระบบที่เห็นแก่เงินสินะ!

ตอนที่ไม่มีเงิน วิธีใช้อะไรก็ไม่บอก เขาต้องคลำทางเอาเอง

ตอนนี้ค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น หน่วยนับอะไรก็แสดงขึ้นมาอย่างชัดเจน

เลือกปฏิบัติจริงๆ!

แม้ระบบจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ ฟางผิงก็ไม่ได้รีบเพิ่มค่าจิตใจแต่อย่างใด

หวังจินหยางยังอยู่ข้างบน ถ้าเขาเพิ่มตอนนี้ต้องถูกจับโป๊ะได้แน่

รอเขาไปแล้ว ค่อยเพิ่มก็ไม่สาย

พอนึกได้ว่าหวังจินหยางยังอยู่บนตึกพร้อมกับศพชายคนนั้น ฟางผิงก็อยู่ไม่สุข

ไม่คิดจะรั้งตัวอยู่ที่บ้านนาน ซ่อนเงินไว้ดีแล้ว ก็พกยาบำรุงกำลังไปโรงเรียนด้วย

ระหว่างทาง ฟางผิงยังคิดว่าควรจะซื้อบ้านใหม่ หรือเช่าบ้านใหม่ดีหรือไม่

บ้านเขาคับแคบเกินไป!

พ่อแม่ยังพอว่า ปกติไม่เข้าไปรื้อข้าวของเขาอยู่แล้ว

แต่ฟางหยวนนั้นไม่น่าไว้ใจ อยากรู้อยากเห็นไปทุกสิ่ง

ชอบเข้าไปค้นห้องเขาหาขนมเอย หนังสือการ์ตูนเอย ของเล่นเอย…

มีแต่เด็กคนนั้นแหละที่ชอบวุ่นวาย!

ตอนนี้ในห้องของเขา มีเงินทั้งหมดสองแสนสองหมื่นกว่า

แม้ว่าตัวเองจะซ่อนไว้ แต่เงินสองแสนกว่าบาทไม่ใช่เพียงแบงก์สองแบงก์ หากถูกเด็กนั่นค้นออกมาก็เป็นเรื่องแล้ว

“กลับไปต้องทำบัตรเอทีเอ็มซะแล้ว”

ฟางผิงพึมพำ ยังไงหวังจินหยางก็ยังไม่โอนเงินหนึ่งล้านมา

ต้องรีบไปทำบัตรสักหน่อย เผื่อหมอนั่นกลับไปทะลวงด่านแล้วจะลืมเรื่องนี้

หลังจากนี้คงจะฝึกฝนวิชา ออกกำลังกายที่ห้องของตัวเองไม่ได้แล้ว ในลานบ้านก็เหมือนกัน

ตอนที่ยังไม่มีเงิน ฟางผิงคงไม่นึกถึงเรื่องนี้

แต่ตอนนี้มีเงินแล้ว ต้องหารังลับให้ตัวเองสักหน่อย

“เช่าหรือซื้อห้องชุดใหม่ดี…”

เขาเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ วางแผนจะไปหาในวันอาทิตย์นี้แทน

ทนเรียนจนจบคาบบ่ายแล้ว ฟางผิงก็ตรงดิ่งกลับบ้านทันที

เขากังวลใจอยู่ไม่น้อย ในห้องมีเงินซ่อนอยู่ ฟางผิงกลัวฟางหยวนจะไปค้นออกมา

ปรากฏว่าเพิ่งจะถึงบ้าน เขากลับใบหน้าเขียวคล้ำ

ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องที่แย่กว่าฟางหยวนค้นเงินพวกนั้นเจอเสียแล้ว!

ทางเดินตึก

หน้าประตูบ้านของฟางผิง

ตอนนี้กลับมีคนที่ฟางผิงคิดว่าไม่ควรจะมายืนอยู่ตรงนี้ หวังจินหยาง!

แม้หวังจินหยางจะบอกว่า เขาจะออกไปตอนกลางคืน แต่ฟางผิงก็คิดว่าหมอนี่คงไม่ออกมาเอ้อระเหยลอยชายข้างนอกหรอก

ใครจะรู้ว่าเขากลับเดินออกมาอย่างโจ่งแจ้ง!

ถ้ามีหวังจินหยางคนเดียว ฟางผิงคงไม่คิดอะไร แต่ตอนนี้หวังจินหยางกำลังพูดกับฟางหยวนอยู่!

ฟางผิงรีบเดินเข้าไปทันที

หวังจินหยางที่กำลังพูดคุยเห็นฟางผิงก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

ฟางหยวนนั้นหัวเราะอย่างเริงร่า เมื่อเห็นฟางผิงก็ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง “ฟางผิง กลับมาแล้วเหรอ!”

“อืม นี่พวกนาย?”

“ฟางผิง นายว่าบังเอิญหรือเปล่า นึกไม่ถึงว่าฉันจะเจอรุ่นพี่หวัง!”

ฟางหยวนตื่นเต้นอย่างยิ่ง ก่อนจะถามอย่างแปลกใจ “นายรู้จักเขาไม่ใช่เหรอ?”

ฟางผิงเผยสีหน้าขื่นขม ปัญญาอ่อน เขาต้องรู้จักสิ!

ประเด็นอยู่ที่ทั้งสองมาพูดคุยกันได้ยังไงต่างหาก?

อีกอย่างเจ้าบ้าหวังจินหยาง ทำไมนายไม่เฝ้าศพดีๆ ลงมาทำซากอะไรกัน!

ฟางหยวนไม่คิดปิดบัง ทั้งไม่สนใจฟางผิงที่งุนงง พูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันเพิ่งจะกลับมา ก็บังเอิญพบรุ่นพี่หวังอยู่ด้านนอก! ฟางผิง นึกไม่ถึงว่ารุ่นพี่หวังจะมีญาติพักอยู่แถวบ้านเรา ถ้าเมื่อวานเพื่อนฉันไม่เอารูปภาพพร้อมลายเซ็นรุ่นพี่หวังมาอวด ฉันคงจะจำรุ่นพี่หวังไม่ได้ ครั้งก่อนฉันพูดว่าเสียดายที่ไม่เจอรุ่นพี่หวัง คาดไม่ถึงว่ากลับมาเจอในวันนี้!”

“ฟางผิง ครั้งก่อนนายยังโกหกฉันว่ารุ่นพี่หวังไปแล้ว…”

ใบหน้าฟางผิงเขียวคล้ำยิ่งกว่าเดิม ไม่ใช่อะไร ก็คำโกหกที่สมบูรณ์แบบครั้งก่อนของเขานั่นไง!

เขาคิดว่าครอบครัวของเขาคงไม่มีโอกาสได้พบหวังจินหยาง ดังนั้นครั้งก่อนจึงอ้างว่าหวังจินหยางขายยาให้เขา

ถ้าน้องเขาโพล่งออกมา นั่นก็ซวยแล้ว!

แต่ฟางหยวนยังดูปกติดี ตอนนี้คงยังไม่ทันได้พูดอะไร

ฟางผิงละล่ำละลักเอ่ย “อย่ารบกวนพี่หวัง เขากำลังยุ่งอยู่ เธอเข้าไปในห้องก่อนเถอะ!”

ฟางหยวนหุบยิ้มทันที ทำปากขมุบขมิบ “ไม่เอา รุ่นพี่หวังไม่ได้พูดว่ายุ่งอยู่สักหน่อย”

“เข้าไป อย่าทำให้พี่เธอขายหน้า”

ฟางผิงตำหนิ ก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆ ให้หวังจินหยาง “ครั้งก่อนน้องสาวผมจะให้ผมมาขอลายเซ็นพี่ให้ได้ ยังบอกว่าให้เซ็นร้อยแผ่น เอาไปขายได้ตั้ง…”

ตอนนี้ฟางผิงทำได้เพียงเปลี่ยนเรื่อง หวังจินหยางได้ฟังก็หลุดขำออกมา

ฟางหยวนนั้นถลึงตามองฟางผิงอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน คนนิสัยไม่ดี มาทำลายแผนที่เธอเตรียมจะขอลายเซ็นหวังจินหยางซะได้

ตอนนี้ถูกพี่ชายพูดเช่นนี้ สาวน้อยจะยอมรับได้อย่างไร

รีบส่ายหัวส่งให้หวังจินหยาง ก่อนจะเปิดประตู เข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว “พวกนายคุยกันเถอะ ฉันจะไปทำการบ้านแล้ว!”

‘ปัง!’

เสียงปิดประตูดังอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวโมโหฟางผิง

ฟางผิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อดมองไปทางหวังจินหยางไม่ได้ เจ้าหมอนี่ออกมาทำอะไรกัน?

ราวกับล่วงรู้ถึงความคิดของเขา หวังจินหยางระบายยิ้ม “ไม่ต้องกังวลหรอก ฉันไม่ใช่คนเลวอะไรสักหน่อย แค่กลัวว่าลากเขาออกไปโต้งๆ แล้วจะถูกคนเห็น”

ฟางผิงหัวเราะแห้งๆ ไม่พูดอะไร

นับเป็นเรื่องยากที่หวังจินหยางจะอธิบายซ้ำ “ไม่มีกระเป๋าเดินทาง ทำอะไรไม่สะดวก ฉันเลยไปซื้อกระเป๋ามา แวะซื้ออาหารง่ายๆ กลับมาด้วย”

พูดจบก็ยังชูอาหารในมือให้ฟางผิงดู

กระเป๋าเดินทางที่เขาพูดถึง ฟางผิงแทบไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเขาเอามาใส่อะไร

แต่เขาพูดถึงอาหาร จู่ๆ ฟางผิงก็ขนหัวลุก!

เจ้าหมอนี่ปกติดีหรือเปล่า?

นายกินข้างนอกให้เรียบร้อยจะดีเสียกว่า ยังซื้อกลับมาอีก ลืมแล้วเหรอว่าข้างบนมีศพอยู่

นึกถึงหมอนี่กินข้าวไปด้วยดูศพหวงปินไปด้วย ฟางผิงก็คิดว่าดูโรคจิตอยู่บ้าง

หวังจินหยางกลับไม่นึกถึงเรื่องนี้ เอ่ยว่า “ตอนกลับมาเจอน้องสาวนายพอดี ดูน่าสนใจไม่น้อย”

“ห้ามยุ่งกับน้องสาวผม!”

เมื่อฟางผิงพูดออกมา หวังจินหยางที่อยู่ด้านข้างก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนริมฝีปากจะกระตุกขึ้นมา

นายเป็นพวกหวงน้องสาวสินะ?

ต้องเป็นแบบนั้นแน่!

ให้ตายเถอะ เขาน่ะมีสาวงามในมหาลัยไล่ตามเป็นขบวน ด้านนอกก็มีอยู่ไม่น้อย

อาจารย์สวยๆ ดาวเด่นของห้อง สาวเศรษฐีไฮโซ…

คนอย่างหวังจินหยางขาดของจนต้องไปยุ่งเกี่ยวกับสาวน้อยแรกรุ่นที่ไหน?

เมื่อสักครู่ฟางหยวนจำเขาได้ ชวนเขาคุยราวกับสนิทกันมาก่อนตลอดทาง หวังจินหยางเลยรู้สึกสนใจเท่านั้น

พอดีที่ทั้งสองคนไปทางเดียวกัน เขาจึงไม่คิดหลีกเลี่ยงอะไร

ปรากฏว่าเจ้าฟางผิงกลับมาสงสัยในตัวเขาเสียได้!

หวังจินหยางมองฟางผิงด้วยแววตาไม่พอใจอยู่บ้าง ฟางผิงนั้นยิ้มเจื่อนๆ เขาก็แค่คุ้นชินเท่านั้น!

ชาติก่อนมีชายหนุ่มมายุ่งกับน้องสาวเขาไม่น้อย ฟางผิงออกหน้าช่วยฟางหยวนจัดการอยู่บ่อยครั้ง

เมื่อกี้ได้ยินหวังจินหยางพูด เขาจึงเผลอหลุดออกไป

ทั้งสองคนสบตากันอยู่พักใหญ่ ก่อนหวังจินหยางจะหลุดยิ้ม เอ่ยว่า “ฉันจะออกไปคืนนี้ พรุ่งนี้ต้องกลับมหาลัยแล้ว หวังว่าครั้งหน้าจะได้เจอกันที่นั่น นายน่าสนใจไม่น้อย”

ใจกล้า รอบคอบ ทั้งยังลงมืออย่างโหดเหี้ยม รู้จักแลกเปลี่ยน…

นี่เป็นความประทับใจที่หวังจินหยางมีต่อฟางผิง

ดังนั้นเขาจึงให้ความสนใจกับฟางผิง อยากรู้ว่าหมอนี่กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว จะทำเรื่องที่น่าสนใจกว่านี้หรือเปล่า

ฟางผิงหัวเราะ พยักหน้าไม่พูดอะไร

หวังจินหยางก็ไม่รั้งอยู่นาน ถืออาหารเดินขึ้นไปบนตึกอย่างสบายๆ

พอเขาไปแล้ว ฟางผิงค่อยถอนหายใจ

ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ แม้จะดูเป็นมิตร แต่ฟางผิงก็ยังกดดันอยู่บ้าง

กลางดึกเงียบสงัด

ตอนที่ได้ยินเสียงปิดประตูแผ่วเบาจากด้านบน ฟางผิงที่ทำเป็นอ่านหนังสืออยู่ในห้องก็พึมพำออกมา “ในที่สุดก็ไปสักที!”

หวังจินหยางไม่ไปไหน เขาคงเครียดอยู่อย่างนี้

ตอนนี้ออกไปแล้ว เรื่องของหวงปินก็เป็นอันจบลง ถึงเวลาที่เขาต้องใช้ประโยชน์จากของที่ได้มาครั้งนี้แล้ว

——————