บทที่ 245: อิฐ

สการ์เล็ต 01 ชักดาบคาตานะของตนออกมาจากข้างเอว “พวกเจ้าได้ใช้ชีวิตอยู่บนเกียรติยศมานานเกินไปแล้ว ข้ามั่นใจเลยว่าท่านอิซานามิจะต้องมอบคำชมให้แก่เราหากสามารถกำจัดเจ้าได้”

“ไม่ต้องห่วง มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตอบแทนเลยสักนิด เพราะอย่างไร สิ่งที่ตายไปแล้วก็คือตายไปแล้ว ญี่ปุ่นเองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องมารยาทมาก พวกเราไม่รังเกียจที่จะโยนเศษอาหารให้กับพวกสุนัขที่หิวโหย”

มือของยมทูตญี่ปุ่นอีกตนหนึ่งสั่นเล็กน้อย และกริชสองเล่มก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาอย่างรวดเร็ว “เจ้าลืมแล้วหรือว่าคนป่วยแห่งเอเชีย [1] เคยเกือบจะยอมจำนนต่อญี่ปุ่นในสมัยก่อน ? พวกที่มีชีวิตอยู่ในยุคสมัยนั้นคงจะอยู่ในยมโลกกันหมดแล้ว หากสงครามระหว่างยมโลกเกิดขึ้นอีกครั้ง ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าพวกนั้นยังจะคลานเข่ามาหาเราและอ้อนวอนขอความเมตตาอีกครั้งหรือไม่ ?”

“หึหึ” ฉินเย่แค่นหัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน “ปากดีเสียจริง เอาล่ะ บอกมา… พวกเจ้าอยากจะตายอย่างไร ?”

“ด้วยพลังของเจ้าเพียงตนเดียวน่ะหรือ ?”

“อยู่เพียงขั้นยมทูตขาวดำระดับต้นแต่กลับกล้าพูดเช่นนี้ ? ยมโลกของจีนกลายเป็นอะไรแบบนี้ไปแล้วอย่างนั้นหรือ ? ฮ่า ๆๆๆๆๆ”

“เข้าใจแล้ว” ฉินเย่พยักหน้า “หมายความว่าพวกเจ้าอยากจะตายเร็วขึ้นสินะ ข้าเข้าใจแล้ว”

สิ้นสุดเสียงพูด เขาก็พุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับไม้ขกสังปั๊งที่ยื่นออกไป ทันใดนั้นไม้ขกสังปั๊งในมือของเขาก็กางออกราวกับร่มและเริ่มหมุนไปรอบ ๆ ในขณะเดียวกันแผ่นยันต์ที่ติดไว้ทั่วตัวไม้ก็เริ่มกระพือและเปล่งแสงสีแดงน่าขนลุกออกมา

ฟึ่บ ! ร่างของฉินเย่เข้าสู่สภาพกึ่งจริงกึ่งลวงตาอีกครั้งขณะที่เขาพุ่งไปพร้อมกับคลื่นพลังหยิน แววตาของยมทูตญี่ปุ่นทั้งสองเปลี่ยนไปเคร่งขรึมและจริงจังขึ้นทันที ทั้งสองแยกออกจากกันอย่างไม่ลังเล ส่วนทหารของพวกเขาที่ก่อตัวขึ้นจากพลังหยินก็ได้ยิงธนูเพลิงจำนวนใส่ฉินเย่อีกครั้ง !

ยมทูตขาวดำนั้นเป็นหนึ่งในกองกำลังหลักของยมโลก และพวกเขาก็ได้รับหน้าที่ให้รับผิดชอบกิจการระดับเมือง หากพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ต่อให้พวกเขาจะไม่สามารถระงับการเกิดจลาจลภายในเมืองได้ แต่พวกเขาก็มีความสามารถที่จะถ่วงเวลาไว้จนกว่ากำลังเสริมจะมาถึงได้

แน่นอนว่าแรงจากการปะทะกันระหว่างขั้นยมทูตขาวดำนั้นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แม้ว่าทาดายูกิ โดจินซัง จินโกะวัง และอิวาซากิจะไม่เห็นการเผชิญหน้ากันครั้งนี้ แต่พวกเขาก็รู้สึกได้ว่าอุณหภูมิโดยรอบลดลงอย่างรวดเร็ว

ลูกธนูเพลิงลุกโชนอย่างบ้าคลั่งขณะมันถูกยิงมาที่ฉินเย่ราวกับน้ำตกที่ถาโถมลงมา ทว่าทันใดนั้นเอง ‘ร่ม’ สีขาวที่เปล่งประกายด้วยแสงสีแดงเลือดพลันปรากฏขึ้นในแนวนอนเบื้องหน้าของสการ์เล็ต 01 ที่ถือดาบวิ่งเข้ามา ลูกธนูเพลิงที่ได้รับการสนับสนุนจากพลังหยินอันหนาแน่นพุ่งเข้าหาเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นเสียงดังสนั่น แต่ทันทีที่มันปะทะเข้ากับไม้ขกสังปั๊ง พวกมันกลับกระจัดกระจายไปโดยรอบและระเบิดออกเป็นประกายแสงสีเขียวมากมาย การป้องกันของฉินเย่นั้นไม่สามารถทะลวงได้

“โง่สิ้นดี” สการ์เล็ต 01 กัดฟันแน่นขณะที่ไม้ขกสังปั๊งของอีกฝ่ายกำลังจะแทงเข้ามาที่อกของเขา ก่อนที่ร่างของเขาจะกลายเป็นกลุ่มก้อนพลังหยินและกระจายหายไป

อย่างไรก็ตาม การกระทำของฉินเย่เมื่อครู่หมายความว่าร่างของเขาต้องปะทะเข้ากับยมทูตที่ใช้กริชโดยตรง อีกฝ่ายกรีดร้องออกมาและพุ่งเข้าหาเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็วพร้อมกับกริชในมือ !

แต่ขณะที่เขากำลังจะโจมตี ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม

มันเป็นรอยยิ้มที่สงบสุข

เหมือนกับสมาชิกในครอบครัวที่มองผู้ตายเวลาที่ส่งพวกเขาไปตามทางของตัวเอง

ฉึก !

พร้อมกับไม้ขกสังปั๊งที่อยู่ในมือซ้าย ฉินเย่ยังคงมีแขนข้างหนึ่งว่างอยู่ เขารีบตวัดแขนขวาของตนไปด้านหลัง และหมิงชีหยินก็ตะโกนออกมาทันทีว่า “เจ้าคนชั่ว !”

แต่คำก่นด่าทั้งหมดก็เปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องที่สูงขึ้นสามอ็อกเทฟอย่างรวดเร็ว

ฉินเย่ถือกระจกส่องกรรมไว้ในมือและฟาดมันลงไปที่ยมทูตถือกริชราวกับมันเป็นอาวุธ

สการ์เล็ต 03 ตกตะลึง

จากนั้น ความตกตะลึงของเขาก็เปลี่ยนเป็นความโกรธเกรี้ยวอย่างรวดเร็ว

นี่อีกฝ่ายดูถูกเขาอย่างนั้นหรือ ?

นั่นมันก็แค่กระจกเก่า ๆ ที่ไม่มีพลังหยินเลยแม้แต่น้อย มันจะสามารถทำอะไรเขาได้กัน ?

เขาสามารถรับการโจมตีและยังสามารถแทงกริชเข้าไปในกะโหลกของยมทูตตรงหน้าได้อยู่ !

ดังนั้น สการ์เล็ต 03 จึงไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เขารวบรวมพลังหยินทั้งหมดในร่างกายและส่งไปไว้ที่แขนของตน หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเสียงดังก้อง ซึ่งในขณะเดียวกัน ร่มที่หมุนอยู่ในมือซ้ายของฉินเย่ก็หยุดนิ่ง

ดวงตาของสการ์เล็ต 01 เป็นประกาย ยมทูตตรงหน้าเขาได้ทำเรื่องที่โง่ที่สุดลงไป หากดูจากระดับพลัง อีกฝ่ายสามารถต้านการโจมตีของพวกเขาสองตนได้พร้อมกัน แต่ฉินเย่กลับเลือกที่จะโจมตีเขาและยอมปะทะเข้ากับการโจมตีของสการ์เล็ต 03 โดยตรง การต่อสู้ครั้งนี้… พวกเขาชนะแล้ว !

แผ่นยันต์ที่กระพืออยู่บนไม้ขกสังปั๊งของฉินเย่สงบลงในที่สุด และเป็นเวลานั้นเองที่สการ์เล็ต 01 ได้เห็นภาพที่น่าตกตะลึง

มือขวาของฉินเย่ยังคงถือกระจกโบราณที่ฟาดลงไปที่ศีรษะของสการ์เล็ต 03

กริชในมือของสการ์เล็ต 03 อยู่ห่างจากศีรษะของฉินเย่เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น ทว่าผู้เป็นมือสังหารกลับไม่สามารถเข้าไปใกล้มากกว่านี้ได้

มือยังคงขยับอย่างสั่นเทา

อย่างไรก็ตาม มันคงจะถูกกว่าหากบอกว่ามีเพียงมือของสการ์เล็ต 03 ที่สั่นเทา ศีรษะของเขาหายไป และพลังหยินกับวิญญาณจำนวนมากต่างก็พรั่งพรูออกมาจากจุดที่ศีรษะเคยอยู่ นอกจากนี้อาการสั่นของเขามันก็ไม่ต่างอะไรกับการชักที่มนุษย์ประสบก่อนที่จะเสียชีวิตอย่างเจ็บปวดเลยสักนิด หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที ร่างทั้งร่างของสการ์เล็ต 03 ก็ระเบิดออกเป็นพลังหยินที่หนาแน่นและแพร่กระจายหายไปพร้อมกับสายลม สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงเสียงกรีดร้องที่ดังก้องไปทั่วห้องเก็บสินค้า ก่อนที่มันจะเงียบหายไปราวกับประกายไฟที่ริบหรี่อยู่ชั่วครู่…

เขาตายแล้ว !

สการ์เล็ต 01 ตกตะลึงเป็นอย่างมาก เขาแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเห็น

นั่นมันบ้าอะไรกัน ?! มันสามารถทำลายสการ์เล็ต 03 ได้ในทันทีได้อย่างไร ?!

นั่นมันเป็นไปไม่ได้ ! สการ์เล็ต 03 ได้อันดับรองจากเขาเพียงแค่สองอันดับเท่านั้น ความแตกต่างของความสามารถระหว่างเราไม่ได้ห่างกันมาก พวกเขาต่างถูกจัดให้เป็นหนึ่งในขนนกทมิฬระดับสูงของญี่ปุ่น อีกฝ่ายจะตายด้วยความตายเช่นนี้ได้อย่างไร แถมจากการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียวด้วย ?!

สหายของเขาตายแล้วจริง ๆ น่ะหรือ ?

หรือว่าเขาจะมองผิดไป ?

นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?

ที่แท้แล้ว… ใครตีเขา ?

ห้องเก็บสินค้าถูกปกคลุมด้วยความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง… อย่างน้อยก็จนกระทั่งหมิงชีหยินเริ่มสั่นเทาด้วยความโกรธ “เจ้า ! ไม่ใช่ว่าเจ้าบอกว่าต้องการจัดการพวกมันด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ ? เหตุใดจึงทำให้ข้าต้องตกใจเช่นนั้น ?! อย่างน้อยที่สุดเจ้าก็ควรจะให้เวลาข้าเตรียมใจสักนิดไม่ใช่หรือ ?”

ฉินเย่มองหมิงชีหยินราวกับปฏิกิริยาของมันที่มีต่อสถานการณ์นั้นไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ “เหตุใดต้องเสียเวลาด้วยในเมื่อท่านสามารถจบมันได้ในทันที ?”

กระจกโบราณเดือดดาลเป็นอย่างมาก มันกัดฟันกรอดและตะคอกเสียงดัง “ข้าขอเตือนเจ้าไว้เลยนะ ! ข้าบอกเจ้าว่าเจ้าสามารถใช้พลังของข้าได้ แต่นี่มันไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องในการใช้ข้า !”

“นี่มันบ้าอะไรกัน ?” สการ์เล็ต 01 เอ่ยกับตัวเองด้วยเสียงที่แหบพร่า หอบหายใจอย่างหนักหน่วงขณะที่ถอยออกห่างอย่างระมัดระวัง ตอนนี้ประสาทสัมผัสของเขาตื่นตัวเต็มที่แล้ว

“เจ้าเพิ่งสังเกตเห็นข้าอย่างนั้นหรือ ?!!” ในที่สุดหมิงชีหยินก็เจอกระสอบทรายเพื่อระบายความโกรธ และมันก็เริ่มตวาดกร้าวออกไปทันที ทว่าฉินเย่กลับเพียงมองอีกฝ่ายอย่างเหลือเชื่อและถามขึ้นว่า “เจ้าไม่รู้หรือว่านี่คือผู้ใด ?”

สการ์เล็ต 01 กัดฟันแน่น เขารู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขากำลังมีเลือดออก

ข้าจะไปเคยเห็นมันมาก่อนได้อย่างไร ?

มันคือกระจกประหลาดที่ทุบศีรษะของสการ์เล็ต 03 จนสลายหายไปก่อนที่เขาจะทันได้ตอบสนอง ยมทูตจีนไม่เคยใช้วิชาเวทมนตร์อะไรพวกนี้มาก่อน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กัน ?!

“ไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง” สการ์เล็ต 01 กัดฟันแน่นและเอ่ยตอบ

ฉินเย่พยักหน้า จากนั้นจึงชีไปที่หมิงชีหยิน สการ์เล็ต 01 ขยับเข้าไปใกล้ ๆ กระจกตรงหน้า และเขาก็ได้ยินเสียงฉินเย่เอ่ยต่อ “มันคืออิฐ”

WTF ?!

หมิงชีหยินหันไปมองฉินเย่ราวกับมันเห็นผี เจ้าน่ะสิอิฐ ! ตระกูลของเจ้าทั้งหมดเป็นอิฐ ! ให้ตายเถอะ ! ข้าจัดการกับยมทูตนอกอาณาเขต และยังทำหน้าที่เฝ้าระวังให้เจ้า ! เจ้าเคยเห็นอิฐที่ไหนที่สามารถทำได้หลายอย่างเช่นนี่หรืออย่างไร ?!

นั่นไม่ถูกต้อง นั่นจะเป็นอิฐได้อย่างไรกัน ?!

“มันไม่สำคัญว่าทักษะการต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่อิฐก็ยังสามารถสังหารเป้าหมายได้ในคราวเดียว” ฉินเย่ถือหมิงชีหยินไว้ในมือและเดินเข้าไปหาสการ์เล็ต 01 “จะว่าไป เพื่อนของเจ้านับว่าโชคดีไม่เบาที่ถูกกำจัดไปโดยที่ไม่ต้องรู้สึกเจ็บปวดหรือทรมานใด ๆ แต่สำหรับเจ้า… ข้าไม่คิดว่าความตั้งใจของข้าจะเหมือนกับเมื่อครู่นี้หรอกนะ”

สิ้นสุดเสียงพูด เด็กหนุ่มก็วิ่งเข้าหาอีกฝ่ายราวกับหมาบ้า ถืออิฐในมือและไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น !

ฟึ่บ ! กระแสพลังหยินมหาศาลเริ่มหมุนวนอีกครั้ง หมิงชีหยินกรีดร้องอยู่ภายในมือของฉินเย่ “ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ! เรามาเริ่มกันใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้งและข้าจะสอนวิธีที่ถูกต้องในการเปิดใช้งานข้าให้กับเจ้าเอง ! อย่า—อ๊ากกกก !!!”

ฉินเย่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

แต่แม้ว่าภาพจะไม่สอดคล้องกันเท่าใดนัก แต่สการ์เล็ต 01 ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นยะเยือกไปตามสันหลัง

มันผ่านมานานมากแล้วที่เขาได้รู้สึกถึงวิกฤตที่น่ากลัวเช่นนี้

แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่กล้าลังเลอีกต่อไป

“วิชาลับแห่งคามากุระ” ฉินเย่เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ และสการ์เล็ต 01 ก็เห็นถึงเจตนาฆ่าที่ชัดเจนจากสายตาของอีกฝ่าย ดวงตาของเขาหรี่เล็กลง ก่อนที่มือจะเริ่มประสานอินและประกบฝ่ามือเข้าด้วยกัน “การร่ายรำของวิญญาณนับพัน !”

ฟึ่บ ! เส้นใยจำนวนหนึ่งที่ก่อตัวขึ้นโดยพลังหยินพุ่งออกมาจากร่างของสการ์เล็ต 01 กลายเป็นใยแมงมุมขนาดใหญ่ที่มีเงามากมายซ้อนทับกัน ร่างดำมืดของนักรบโบราณจำนวนนับไม่ถ้วนถือดาบคาตานะไว้ในมือและพุ่งเข้าหาฉินเย่อย่างรวดเร็ว

เร็ว !

เร็วมาก !!

เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ทันทีที่มันปรากฏขึ้น การโจมตีของมันก็ก่อตัวเป็นตาข่ายดาบแสงอันแวววาวและพุ่งตรงไปที่ฉินเย่

ตู้ม !!

พวกมันปะทะกับอิฐ– …ไม่ใช่ มันปะทะเข้ากับกระจกโดยตรง

เคร้ง ! เสียงที่คล้ายกับแก้วแตกดังก้องไปทั่ว อากาศรอบ ๆ พวกเขาเกิดรอยร้าวขึ้นและแตกเป็นเสี่ยง ๆ และเมื่อเสียงแตกหายไป เปลวไฟนรกที่ลอยอยู่กลางอากาศเองก็หายไปเช่นกัน

และเมื่อเปลวไฟนรกหายไป การร่ายรำของวิญญาณนับพันของสการ์เล็ต 01 ก็หายไปเช่นกัน

นักรบโบราณและทักษะพิเศษมากมายของพวกมันล้วนไร้ประโยชน์เมื่อเผชิญหน้ากับอิฐ— … หมายถึงกระจก และพวกมันก็กลายเป็นเพียงลูกไฟนรกที่จางหายไปราวกับหิมะในฤดูใบไม้ผลิ

“นี่มันเรื่องบ้าอะไร ?! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ?!!!” สการ์เล็ต 01 เสียสติ มันรู้สึกราวกับว่าเขาเพิ่งเห็นผี ไม่สิ เขาเองก็เป็นผี แต่เขาก็ไม่เคยเห็นอะไรบ้าบอและไร้เหตุผลอย่างกระจกในมือของฉินเย่มาก่อน

นี่เจ้าเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายของสโนว์ไวท์หรืออย่างไร ?!

ฟึ่บ… แขนอีกสองข้างยื่นออกมาจากด้านหลังของสการ์เล็ต 01 และแขนทั้งสี่บนร่างก็ประสานอินพร้อมกัน พลังหยินที่อยู่โดยรอบเริ่มบิดเบี้ยว จากนั้น ในเสี้ยววินาทีต่อมาเขาก็กรีดร้องออกมาสุดเสียง “แมงมุมดินเริงระบำ !”

อสูรที่มีความสูงกว่าห้าเมตรก่อตัวขึ้นจากพลังหยินคำรามเสียงดังกึกก้อง กลุ่มก้อนพลังหยินที่หน้าแน่นควบแน่นเข้าด้วยกันเป็นเส้นผมสีขาวกว่าหมื่นเส้นที่พริ้วไหวไปมาบนศีรษะราวอสรพิษ ม่านตาของมันเป็นสีดำและมีรูม่านตาเป็นสีขาว เขี้ยวที่แหลมคมสองข้างยื่นออกมาจากปากในลักษณะที่ไขว้กัน เขาสีแดงสองข้างโผล่ขึ้นมาจากกลุ่มผมที่ยุ่งเหยิง มันมีผิวสีม่วงและแต่งกายในชุดยุกาตะสีซีด อสูรตรงหน้ายื่นมือออกมาและประกบฝ่ามือของมันเข้าด้วยกันด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง

ร่างของฉินเย่ถูกจับไว้ในมือคู่นั้น

“ตายซะ !” สการ์เล็ต 01 มองร่างของอสูรตรงหน้าที่เต็มไปด้วยพลังหยิน ดวงตาสีแดงเข้มปรากฏขึ้นในจุดที่หัวใจของมนุษย์คนหนึ่งควรจะอยู่ เขาประกบมือเข้าด้วยกันและประสานอินอีกครั้งทันที “วิชามังกรวิญญาณ–…”

แต่ก่อนที่เขาจะเอ่ยจบ ร่างของอสูรสีม่วงก็ต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดและสลายหายไป สิ่งที่สการ์เล็ต 01 ได้ยินต่อมาก็คือเสียงตะคอกที่เดือดดาลเป็นอย่างมากของหมิงชีหยิน “ข้าจะเป็นบ้า ! เหตุใดเจ้าจึงไม่ฟังที่ข้าพูดเสียบ้าง ?!!”

ฉินเย่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เขาพลิกด้านกระจกโบราณและใช้มันพัดให้ตัวเองอย่างสง่างาม

บ้าหน่า…

แววตาของสการ์เล็ต 01 เปลี่ยนเป็นว่างเปล่า นี่คือวิชาลับที่เขาภูมิใจมากที่สุด นี่คือวิชานินจาลับที่เขาตรากตรำฝึกฝนมาตลอด 20 ปีอย่างยากลำบาก แต่มันกลับไม่สามารถทนต่อการโจมตีเล็กน้อยของกระจกตรงหน้าได้เลย !

นี่มันเป็นเพราะยมทูตตรงหน้าแข็งแกร่งเกินไปหรือว่ากระจกตรงหน้าเป็นปีศาจกันแน่ ?!

แต่นี่คือการต่อสู้กันของผู้มีพลัง และการเสียสมาธิเพียงเล็กน้อยก็สามารถก่อให้เกิดหายนะได้ ในวินาทีที่สการ์เล็ต 01 กำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่นั้น ฉินเย่ก็ลดช่องว่างระหว่างพวกเขาและฟาดอิฐ… ใช่ เราจะเรียกมันว่าอย่างนั้นแหละ ! เขาฟาดมันไปที่ขาของสการ์เล็ต 01 อย่างสุดแรง !!

“อ๊ากกกกก !!!” เสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชดังก้องไปทั่วทั้งห้องเก็บสินค้า

[1] วลีที่ใช้เรียกจีนในยุคสมัยที่อ่อนแอที่สุด โดยเฉพาะหลังจากช่วงสงครามฝิ่น