ร่างของพังพอนจันทราสีเงินอยู่ห่างจากเย่เทียนไม่ถึงสามเมตร ตอนนั้นเย่เทียนตื่นตระหนกอย่างมาก โชคดีที่มันถูกธนูโจมตีจนตายเสียก่อน มิเช่นนั้นเขาอาจถูกมันฆ่าไปแล้วก็ได้
เย่เทียนรู้สึกว่าตนโชคดีมากจริงๆ
เมื่อเห็นพังพอนจันทราสีเงินไม่ขยับ เขาพลันคิดถึงการคัดลอกพรสวรรค์ของพังพอนจันทราสีเงิน
[สัตว์ร้าย: พังพอนจันทราสีเงิน
พรสวรรค์ทางสายเลือด: ระดับรอง
พรสวรรค์ด้านความเร็ว: ระดับเริ่มต้น]
เมื่อเห็นพรสวรรค์นี้ เย่เทียนก็ตกตะลึก เขาสามาถคัดลอกพรสวรรค์ของสัตว์ร้ายได้ด้วย
สัตว์ร้ายส่วนใหญ่ความแข็งเเกร่งของมันขึ้นอยู่กับสายเลือดเช่นเดียวกับพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของมนุษย์ หากไม่มีสายเลือดที่แข็งแกร่ง สัตว์ร้ายก็ไม่สามารถกลายเป็นอสูรที่แข็งแกร่งได้
พังพอนจันทราสีเงินตนนี้มีพรสวรรค์ทางสายเลือดระดับรองเท่านั้น หากเทียบกับระดับการบ่มเพาะของมนุษย์นั้นเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธขั้นต้น แต่มันกลับสามารถสร้างความยุ่งยากให้แก่นักรบจำนวนมากได้ แม้แต่กัปตันหมาป่าวายุที่อยู่ขั้นท้ายของนักรบก็ยังรู้สึกลําบากใจ มันคงจะอาศัยพรสวรรค์อีกอย่างหนึ่งของมัน นั่นคือพรสวรรค์ด้านความเร็ว
พรสวรรค์ด้านความเร็วทำให้มันกลายเป็นสัตว์ร้ายที่น่าสะพรึงกลัว มิฉะนั้นสัตว์ร้ายที่มีพรสวรรค์ทางสายเลือดระดับต่ำธรรมดาจะต้านทานการโจมตีจากผู้ฝึกยุทธหลายคนได้อย่างไร?
ในเวลานี้ เย่เทียนได้จําลองพรสวรรค์ด้านความเร็วของพังพอนจันทราสีเงินมาแล้ว เมื่อผสานพรสวรรค์ด้านความเร็ว ความเร็วในอนาคตของเขาจะสูงกว่าคนระดับเดียวกัน การต่อสู้ข้ามระดับไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป
“ต้องรีบกลับบ้านก่อน!”
เย่เทียนวิ่งกลับบ้านทันที
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เย่เทียนทานอาหารเย็นพร้อมกับเย่หยู ก่อนจะกลับไปยังห้องนอนของเขาเพื่อผสานหลอมรวมพรสวรรค์
“ภายใต้สถานการณ์ปกติ พรสวรรค์ด้านอื่นๆ นอกเหนือจากพรสวรรค์ในการบ่มเพาะจะค่อยๆตื่นขึ้นเมื่อเริ่มก้าวเป็นผู้ฝึกยุทธ แต่พรสวรรค์ในการคัดลอกของเราสามารถทําลายกฎเกณฑ์ข้อนี้ได้ เราน่าจะสามารถผสานพรสวรรค์ด้านความเร็วได้อย่างปลอดภัย” เย่เทียนเพียงคาดเดา
“ชักอยากจะรู้เเล้ว เมื่อหลอมรวมพรสวรรค์ด้านความเร็ว ความเร็วของเราจะเพิ่มขึ้นขนาดไหน!”
เย่เทียนหยิบผ้ามากัดไว้และเริ่มเปิดใช้งานหลอมรวมพรสวรรค์
อัก!!!!
ความเจ็บปวดที่ไหลเข้าสู่จิตใจเช่นเดียวกับกระบวนการผสานพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับกลางก่อนหน้านี้ได้ไหลเข้ามาในสมองเย่เทียนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาเตรียมใจไว้นานแล้ว ไม่ว่าจะต้องทรมานแค่ไหนเขาก็ต้องทนรับทั้งหมดให้ได้
แฮ่ก!! แฮ่ก!!
สิบนาทีต่อมา ความเจ็บปวดก็ค่อยๆ หายไป ความสดชื่นและความรู้สึกเบาสบายก็ผุดขึ้นมาในใจอีกครั้ง
เย่เทียนรู้ว่าตนเองหลอมรวมพรสวรรค์ด้านความเร็วสําเร็จแล้ว
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็รีบตรวจสอบพรสวรรค์ของเขาทันที
[มนุษย์: เย่เทียน
พรสวรรค์ในการฝึกฝน: ปานกลาง
พรสวรรค์ด้านความเร็ว: ระดับเริ่มต้น]
เนื่องจากเขาร่างกายเขาเหนื่อยล้าเกินไป ประกอบเหตุการณ์การถูกโจมตีจากสัตว์ร้ายก่อนหน้านี้ เย่เทียนจึงค่อยๆผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
เช้าวันรุ่งขึ้น เย่เทียนมาถึงป่าขนาดเล็กของสถาบันตั้งแต่เช้าตรู่ เขาตื่นเต้นจนแทบจะอดใจรอไม่ไหว
ในเวลานี้ที่แห่งนี้ยังไม่มีใครอยู่
“ถึงเวลาทดสอบพรสวรรค์ด้านความเร็วแล้ว!”
เย่เทียนใช้พรสวรรค์ด้านความเร็วในทันที เขาขยับตัวและพุ่งออกไปไกลอย่างรวดเร็วราวกับเป็นภาพติดตา
“เร็วมาก!”
เย่เทียนอุทานด้วยความตกใจ
หลังจากการทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดเขาก็มั่นใจว่าความเร็วของเขาเพิ่มมากกว่าก่อนหน้านี้ถึงสามเท่า นี่เพียงแค่พรสวรรค์ระดับเริ่มต้นก็ทําให้เขามีความเร็วขนาดนี้ มันเทียบได้กับความเร็วของนักรบทั่วไป และเมื่อระดับการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้น ความเร็วของเขาจะเร็วยิ่งขึ้นกว่านี้
“ในตํานานมนุษย์ที่มีพรสวรรค์มากมายเปรียบได้กับลูกรักของสวรรค์ และมันก็เป็นอย่างที่คิด เราแค่มีพรสวรรค์ด้านความเร็วขั้นต้น หากปะทะผู้ฝึกยุทธทั่วไปก็สามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย อีกไม่นานเกรงว่าเราอาจจะต่อกรกับนักรบได้!”
เย่เทียนคิดอย่างตื่นเต้น
แต่เขารู้ว่าพื้นฐานที่แท้จริงของผู้ฝึกตนคือระดับการบ่มเพาะ หากไม่มีพลังบ่มเพาะที่แข็งแกร่งคอยหนุนค้ำจุน พรสวรรค์ของเขาก็ไร้ประโยชน์ ยากที่จะไปเทียบกับผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงได้
“ยังมีเวลาอีกหนึ่งเดือนกว่าจะคัดลอกพรสวรรค์ใหม่ได้อีกครั้ง เป้าหมายของเดือนนี้คือการฝึกฝนร่างกายและทะลวงผ่าน 300 จินให้ได้!” เย่เทียนตั้งเป้าหมายเล็กๆให้กับตัวเอง
ด้วยเป้าหมายเช่นนี้ เย่เทียนจึงต้องฝึกฝนอย่างหนัก
อีกทั้งเขาเองก็ได้เปิดเผยกับศิษย์คนอื่นๆว่า ตนนั้นสามารถฝึกปรือวิชาหลอมกายาได้แล้ว อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาเดียวกับเขามีศิษย์หลายคนที่สามารถฝึกปรือได้เช่นกัน มันจึงไม่ใช่เรื่องผิดสังเกตุ
นอกเหนือจากการฝึกฝนเย่เทียนใช้เวลาว่างตรวจสอบพรสวรรค์ของศิษย์ในสถาบันกองทัพที่ห้า แต่โดยพื้นฐานแล้วศิษย์ส่วนใหญ่มีพรสวรรค์ไม่ดีนัก นอกจากเฉินตงแล้ว พรสวรรค์ที่ดีที่สุดของบรรดาศิษย์เป็นเพียงพรสวรรค์ระดับเริ่มต้นเท่านั้น
เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เย่เทียนบรรลุเป้าหมายเล็ก ๆ ที่เขาตั้งไว้ ตอนนี้เขาสามารถยกก้อนหินที่หนัก 300 จินได้แล้ว
“ความเร็วนี้ยังช้าเกินไป หากเราสามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนได้อีกก็คงจะดีไม่น้อย!”
เย่เทียนคิดพร้อมถอนหายใจ
ขณะที่เขากําลังเดินออกจากสถาบัน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“เย่เทียน เดี๋ยวก่อน รอฉันด้วย!” ”
เย่เทียนหันกลับไปและพบว่าเป็นเจ้าอ้วนจางเป่า เขาจึงหยุดเดิน
“เย่เทียน นายกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้วใช่ไหม?” จางเป่าถามเสียงเบา
“ใช่!”
เย่เทียนพยักหน้า การจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ไม่ใช่เรื่องยาก ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบัง ขอแค่ไม่เปิดเผยว่าตัวเองมีพลังถึงสามร้อยจินก็พอแล้ว
“เย่เทียน นายอยากจะเพิ่มระดับการบ่มเพาะของนายได้เร็วขึ้นไหม?”
จางเป่ารีบถาม
“มีวิธีอย่างนั้นหรือ?” เย่เทียนตกใจ
“นายเคยได้ยินเรื่องเลือดสัตว์ร้ายมาก่อนหรือไม่?” จางเป่ากล่าว
“แน่นอนฉันเคยได้ยิน!”
เย่เทียนพยักหน้า พ่อแม่ของเขาก็เป็นนักสู้เช่นกัน เขาย่อมรู้สถานการณ์ของนักสู้มากมายที่คนธรรมดาไม่รู้
โลหิตของสัตว์ร้ายมีพลังงานมหาศาลหากใช้โลหิตของสัตว์ร้ายในการฝึกวิชาหลอมกายาแล้วละก็ มันสามารถเร่งการขัดเกลาร่างกายได้
น่าเสียดายที่พ่อแม่ของเขาไม่อยู่แล้ว จึงไม่สามารถหาเลือดของสัตว์ร้ายมาใช้
“เย่เทียน พรสวรรค์ของพวกเราไม่ค่อยดีนัก หากพวกเราฝึกฝนตามปกติ ต้องรอจนแก่เฒ่าถึงจะสามารถเลื่อนขั้นเป็นนักสู้ได้ แต่การมีเลือดสัตว์อสูรนั้นต่างกัน ไม่แน่ว่าตอนอายุ 20 ปี พวกเราอาจจะได้เลื่อนขั้นเป็นนักสู้เลยก็ได้ ถึงตอนนั้นต่อให้พรสวรรค์ถูกจํากัดจนไม่สามารถยกระดับพลังยุทธ์ได้อีก แต่อาศัยความแข็งแกร่งของนักสู้ขั้นต้นก็สามารถมีชีวิตที่ดีได้แล้ว” จางเป่ากล่าว
“ก็จริง แต่พวกเราไม่มีทางหาเลือดสัตว์ร้ายมาได้หรอก!”
เย่เทียนพูดอย่างจนปัญญา
เขาเองก็อยากได้เลือดสัตว์ร้ายเช่นกัน แต่เขาไม่มีหนทางที่จะหามันมา!
“เย่เทียน ความสัมพันธ์ของเราค่อนข้างดี ฉันถึงเอาเรื่องนี้มาบอกนาย ห้าสถาบันใหญ่ของฐานหลินไห่เตรียมเปิดการทดสอบ เหล่าผู้อาวุโสของฐานหลินไห่ได้เปิดพื้นที่ป่าขนาดเล็กที่เหยียนเว่ย สัตว์อสูรที่อยู่ภายในถูกสังหารจนหมด แล้ว เหลือไว้เพียงสัตว์ร้ายเท่านั้น สัตว์ร้ายเหล่านั้นยังอยู่ในระดับต่ำ แม้แต่คนธรรมดาที่มีอาวุธก็พอจะสู้กับมันได้ เมื่อเราฆ่าสัตว์ร้ายเหล่านั้นแล้ว ก็นําของชิ้นส่วนของมันไปแลกกับเลือดของสัตว์ร้าย ฉันได้ยินมาว่าผู้ที่ได้อันดับหนึ่งจะได้รับรางวัลเป็นเลือดสัตว์ร้ายระดับกลางอีกด้วย” จางเป่าพูดด้วยความอิจฉา
เลือดสัตว์ร้ายระดับกลาง!
เย่เทียนเองก็รู้สึกหวั่นไหว สัตว์ร้ายระดับกลางเป็นสัตว์ร้ายที่ทรงพลังชนิดที่ว่ามีเพียงนักรบชั้นยอดเท่านั้นจึงจะสามารถฆ่าพวกมันได้ หากเขาได้รับเลือดของสัตว์ร้ายระดับกลาง เขาก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นนักรบภายในครึ่งปี
“นายรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”
เย่เทียนขมวดคิ้ว เพราะเขาไม่ได้รับการแจ้งเตือนใดๆถึงเรื่องนี้เลย!
จางเป่าพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจว่า “ข้ารู้จักศิษย์เก่าคนหนึ่ง ที่มีพลังถึง 500 จิน จากคำบอกเล่าของเขาบอก การทดสอบครั้งนี้ค่อนข้างอันตราย ดังนั้นทางสํานักจึงไม่ได้แจ้งให้ศิษย์ที่เพิ่งกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ทราบ ”
“เย่เทียน ฉันรู้ดีถึงประโยชน์ของเลือดสัตว์ร้าย ฉันรู้ดีกว่านาย พรสวรรค์ของฉันไม่ดีนัก แต่เมื่อไม่นานมานี้ พ่อแม่ของฉันใช้เงินเก็บกว่าครึ่งเพื่อซื้อเลือดสัตว์ร้ายระดับต่ำมาตอนนี้ ฉันกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ด้วยเลือดสัตว์อสูรระดับต่ำ พรสวรรค์ของนายดีกว่าฉัน ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อนายมีเลือดสัตว์อสูรแล้ว พลังการฝึกตนของนายก็จะพัฒนาขึ้นหลายเท่า พวกเราลงทะเบียนด้วยกันเข้าร่วมการทดสอบแบบกลุ่ม แน่นอนว่านี่จะทำให้พวกเราจะมีโอกาสมากขึ้นที่จะได้รับเลือดสัตว์ร้าย! “จางเป่ากล่าว
“จางเป่า นายไม่ได้ชวนฉันคนเดียวใช่ไหม?” เย่เทียนถาม
“แน่นอนว่าฉันไม่ใช่แค่เชิญนายแค่คนเดียว พวกเราเพิ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตผู้ฝึกยุทธ์ หากไม่เข้าร่วมเป็นทีมแล้วพวกเราจะแข่งขันกับผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งเหล่านั้นได้อย่างไร? ฉันได้เชิญผู้ฝึกยุทธ์อีกแปดคน พวกเขาตอบตกลงแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงนาย! “จางเป่าเผยสีหน้าเหมือนว่าเย่เทียนกับเขามีชะตากรรมเดียวกัน
“ขอโทษนะ ฉันไม่อยากเข้าร่วมทีม!”
เย่เทียนปฏิเสธ
“เอางั้นก็ได้!”
จางเป่าแสดงท่าทีผิดหวังเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
เขาแค่มาถามเท่านั้น เย่เทียนปฏิเสธก็ปฏิเสธไป เพราะเย่เทียนเองก็เพิ่งกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์
แต่สิ่งที่จางเป่าคาดไม่ถึงก็คือ เย่เทียนไม่ได้ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการทดสอบ แต่เขาเพียงไม่อยากเข้าร่วมแบบทีมเท่านั้น
“การทดสอบนี้ อาจเป็นโอกาสที่ดีของเรา!”
เย่เทียนพึมพํา