ตอนที่77 เลือกมาจากหนึ่งในสอง

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล]

ตอนที่77 เลือกมาจากหนึ่งในสอง

จ้าวเฉียนรีบขับไปยังหมู่บ้านของหงซิ่วโดยเร็วที่สุด เบรกเอี๊ยดจอดขวางกลางถนนแบบนั้นและรีบวิ่งไปที่ป้อมยาม ทว่าเขากลับไม่เห็นหงซิ่วแล้ว

“ผู้หญิงที่เข้ามาซ่อนตัวที่นี่อยู่ไหนแล้ว?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามด้วยความวิตกกังวล

ยามรีบเอ่ยตอบไปว่า

“มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งบุกเข้ามาและฉุดเธอออกไปแล้ว แถมยังขู่ไม่ให้ผมโทรแจ้งตำรวจอีก ไม่อย่างนั้นมันจะจับผมไปเผาทั้งเป็น”

“พวกนั้นมานานแค่ไหนแล้ว ขับรถอะไร?”

“ประมาณ2-3นาทีเองครับ รู้สึกว่าจะเป็นรถรุ่นBuick GL8”

ทันใดนั้นจ้าวเฉียนก็นึกอะไรออก ระหว่างที่ขับมาที่นี่จำได้ว่ามีรถรุ่นBuick GL8ขับสวนออกไปเร็วมาก

“งั้นเอาภาพจากกล้องวงจรปิดมาให้ผมดูหน่อย”

ยามึนนั้นรีบวิ่งไปที่คอมพิวเตอร์และเปิดคลิปย้อนหลังให้จ้าวเฉียนดูทันที พวกมันมากันทั้งหมดสี่คน สามคนแรกวิ่งไปจับหงซิ่วโดยมีอีกคนคล้ายว่าเป็นผู้นำกลุ่มอยู่ไม่ห่าง แน่นอนว่าจ้าวเฉียนเคยเห็นบุคคลเหล่านี้ พวกเขาคือลูกน้องของหลิวซี

จ้าวเฉียนกัดฟันแน่นแววตาดุดัน เขารีบโทรหาหยางหู่ทันที

“ฮาโหล เสี่ยวหู่ คนของหลิวซีมันจับคนของฉันไป นายโทรไปหาหลิวเปาเดี๋ยวนี้เลย บอกมันว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหงซิ่ว กูไม่ไว้หน้ามึงแน่!”

“เข้าใจแล้วครับ!”

จากนั้นหยางหู่ก็รีบโทรหาหลิวเปาและตะคอกใส่อย่างโกรธเกรี้ยวว่า

“หลิวเปา นี่แกทำแบบนี้หมายความว่ายังไง ส่งคนมาจับลูกค้าของฉัน คิดจะประกาศสงครามกับฉันใช่ไหม?”

หลิวเปาเอ่ยถามกลับไปด้วยท่าทีมึนงงว่า

“แกนั้นแหละหมายความว่ายังไง? ฉันส่งลูกน้องไปจับลูกค้าแกตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“หยุดเล่นลิ้นได้แล้ว! หลิวซีน้องชายแกเพิ่งบุกไปจับผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่าหงซิ่ว เธอคนนี้เป็นลูกค้าคนสำคัญของฉัน! ถ้าพวกแกแตะต้องเธอแม้แต่ปลายผม ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อฆ่าแกจำเอาไว้! พวกเราต่อสู้กันมาก็นานมากแล้ว แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป เกิดอะไรขึ้นกับเธอแม้สักนิด ฉันจะสู้กับแกให้ตายไปข้าง!!”

หลิวเปาที่ได้ยินแบบนั้นเริ่มกระวนกระวายใจหนัก เฉกเช่นเดียวกับที่หยางหู่พูดไปนั้นแหละ พวกเขาต่อสู้กันมานานกว่าสิบปีแล้ว แต่ไม่มีครั้งไหนที่หยางหู่พูดอะไรที่สิ้นหวังขนาดนี้มาก่อ การที่เขากล้าพูดแบบนี้ออกมาจากปาก แสดงว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นแน่นอน

“นี่แก…พูดจริงเหรอ? ลูกค้าคนไหนกันถึงขั้นทำให้แกสู้ตายไปข้างแบบนี้?”

“พูดจริง! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ฉันจะยกพวกทั้งหมดที่มีไปบุกฐานของแก ครั้งนี้ไม่แกตายก็ฉันตาย! ไม่มีทางเลือกที่สาม!!”

“เออรู้แล้วโว้ย! ฉันจะรีบโทรถามเดี๋ยวนี้แหละ รอข้อความจากฉันล่ะกัน!”

หลิวเปาวางสายไปและโทรหาหลิวซีต่อทันที

“หลิวซี แกมีเรื่องอะไรอยากจะบอกฉันไหม? หยางหู่เพิ่งโทรมาหาฉันเมื่อกี้ แถมยังบอกว่าถ้ามเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนั้นแม้แต่น้อย มันขอสู้ให้ตายไปข้างกับฉัน! ไหนแกบอกว่าผู้หญิงที่เป็นเป้าหมายครั้งนี้ไม่มีภูมิหลังอะไรไง? แล้วทำไมหยางหู่ถึงออกโรงได้?”

หลิวซีตกใจอย่างยิ่งเมื่อได้ยิน และรีบอธิบายให้ฟังทันทีว่า

“พี่เปา ผมไม่ได้โกหกพี่จริงๆ ผู้หญิงที่จับตัวมามันไม่มีภูมิหลังหรือข้องเกี่ยวกับบุคคลผู้มีอำนาจไหนเลย แค่ว่า…”

“แค่ว่าอะไร? รีบๆ บอกมา!”

“เธอไม่มีภูมิหลังอะไรเลยจริงๆ แค่เธอเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มเทียนซูวที่กำลังดังอยู่ในช่วงนี้ ในฐานะคู่แข่งหยางหมิงจึงต้องการจะจัดการเธอขั้นเด็ดขาดก็เท่านั้น”

หลิวเปาเดือดดาลหนักเข้าไปใหญ่ ตะคอกสวนกลับไปทันที

“เท่านั้นกับผีแกสิ! ยังกล้าพูดอีกเหรอว่าเธอไม่มีภูมิหลัง การที่แพลตฟอร์มไลฟ์สตีมดังขึ้นในชั่วข้ามคืนอย่างเทียนซูว แสดงว่าเธอต้องมีสปอนเซอร์รายใหญ่คอยหนุนหลัง! เรื่องแค่นี้แกคิดไม่ออกรึไงวะ!? รีบๆ ปล่อยเธอไปกลับไปเดี๋ยวนี้! ถ้าเธอเปิดอะไรไปล่ะก็ ฉันส่งแกเข้าตารางแน่พรุ่งนี้!”

หลิวซียื่งตื่นตกใจหนัก และรีบตอบตกลงในบัดดลอย่างร้อนรน พอวางสายไป เขาก็โทรสายตรงไปหาลูกน้องที่ออกไปจับตัวหงซิ่วทันที

“นี่พวกแก! รีบส่งตัวผู้หญิงคนนั้นกลับไปซะ!”

“หื้ม? มีอะไรรึเปล่า?”

“พี่เปากำลังโมโหอย่างมาก! รีบส่งเธอกลับไปเดี๋ยวนี้! แล้วพวกแกทำอะไรเธอไปแล้วบ้างห่ะ?”

“เออ…ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่พูดข่มขู่ไปไม่กี่คำ แล้วก็จับโน้นนี่นิดหน่อย…”

“ไอ้บัดซบ อย่าทำให้เธอเสียขวัญ ไม่งั้นพวกเราเสียชีวิตยกแผง! รีบส่งตัวเธอกลับเร็วเข้า!”

“ครับ ครับ…ผมจะรีบส่งเธอกลับเดี๋ยวนี้แหละครับ!”

หลิวซีวางสายไปและรีบโทรหาหลิวเปาต่อเนื่องในทันใด

“พี่เปา ผมสั่งให้ลูกน้องส่งตัวเธอกลับแล้ว”

“พวกมันทำอะไรกับเธอบ้าง?”

“แค่…พูดจาข่มขู่กับลวนลามเธอนิดหน่อยครับ”

“ไอ้เวร! พวกเอ็งไปลงอ่างในอาบอบนวดกันแทบทุกวัน ยังผสมพันธุ์ไม่พอใจอีกรึไง? หรือเป็นพวกไม่มีสติปัญญา เจอผู้หญิงก็วิ่งเข้าใส่อย่างเดียวห๊ะ?!”

หลิวเปาปวดเศียรจัดจนแทบไม่อยากด่าอะไรอีกต่อไป เขากดตัดสายทิ้งทันทีก่อนโทรไปหาหยางหู่โดยไว

“ฮาโหล หยางหู่ ฉันบอกให้ลูกน้องส่งตัวเธอกลับไปแล้ว เออฉันมีอะไรจะบอกแกตามตรง ไอ้พวกงั่งของฉันดันไปลวนลามเธอนิดหน่อย หวังว่าจะไม่ถือสากันนะ?”

หยางหู่ตอบกลับน้ำเสียงเย็นชา

“มันก็ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าของฉันจะโกรธหรือเปล่า พวกเราที่ต่อสู้กันมานานก็น่าจะรู้กันดี ลูกค้าเหล่านี้เป็นหัวน้ำเลี้ยงสำคัญให้เราและลูกน้องอยู่รอดต่อไปได้ ถ้าแกเป็นฉัน แกคงต้องทำแบบที่ฉันทำอยู่ในตอนนี้แน่นอน”

“ชั่งแม่งไปเถอะ หากรู้แต่แรกว่าเธอเป็นลูกค้าของแก ฉันคงไม่รับงานนี้มาหรอก สุดท้ายทั้งหมดมันเป็นเพราะความคับข้องใจระหว่างหยางหมิงกับเธอ ฉันว่าแกควรจะไปพบหยางหมิงสักครั้งนะ แล้วไปคิดบัญชีกันเอง อย่ามายุ่งกันฉัน!”

“ฉันบอกอะไรไม่ได้เหมือนกัน เอาล่ะ ฉันโทรไปรายงานกับลูกค้าคนสำคัญของฉันก่อน”

หยางหู่วางสายไปและโทรกลับไปหาจ้าวเฉียนอีกครา

“คุณชายจ้าว หลิวเปาบอกว่าลูกน้องกำลังส่งตัวเธอกลับ แต่ไอ้พวกนั้นลวนลามเธอไปนิดหน่อย คุณจะลงโทษพวกนั้นหน่อยไหม?”

“แน่นอน บอกหลิวเปาให้ตัดนิ้วของพวกมันมา หรือไม่ก็ให้ฉันไปตัดนิ้วมันเอง!”

“เข้าใจแล้วครับ”

หยางหู่กดวางสาย และรับโทรหาหลิวเปาซ้ำสอง

“เห้ยหลิวเปา ลูกค้าของฉันบอกให้แกไปตัดนื้วลูกน้องแกมา เรื่องทุกอย่างถือว่าเป็นอันจบ แต่ถ้าไม่ เขาจะออกไปตัดนิ้วแกด้วยตัวเอง เรื่องนี้ฉันเองก็ช่วยอะไรแกไม่ได้ หวังว่าจะจ่ายค่าชดเชยครั้งนี้ไหว?”

คล้อยหลังพูดจบ หยางหู่ก็กดวางสายไป

หลิวเปากุมขมับปวดหัวหนัก ฟังจากน้ำเสียงของหยางหู่แล้ว อีกฝ่ายคงกลัวลูกค้าคนนั้นอย่างมาก นี่ไม่ต้องสงสัยเลย ใครบ้างที่สามารถกระตุ้นให้หยางหู่ยื่นคำขาดแบบนี้มาให้แก่เขา? บุคคลระดับนี้หลิวเปาจะสามารถสู้ได้ไหวหรือไม่?

หลิวเปายิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเขาจึงรีบโทรเรียกหลิวซีกลับมาทันที เพื่อมาสั่งสอนไม่ให้ทำตัวโง่เง่าแบบนี้อีกต่อไป

ในไม่ช้าพวกลูกน้องของหลิวซีก็ส่งตัวหงซิ่วกลับมาไปทีเดิม จ้าวเฉียนรีบวิ่งไปหาและเอ่ยถามเธอว่า ถูกรังแกตรงไหนหรือไม่

หงซิ่วรู้สึกอับอาบเกินสู้หน้าไหว ได้แต่ก้มหน้าก้มตาบอกแค่ว่า เธอถูกลวนลาม ก่อนจะโผเข้าสวมกอดจ้าวเฉียน

จ้าวเฉียนเงยหน้าขึ้นมาและพูดกับพวกลูกน้องหลิวซีว่า

“แกกลับไปบอกหลิวเปาว่า ถ้ามันไม่ยอมทำตามที่ตกลง ฉันจะไปตัดนิ้วมันเอง”

“ฮ่าฮ่าๆ … มึงคิดว่าตัวเองเป็นใครวะ? ถึงอยากสับนิ้วพี่เปาของเรา? หุบปากเน่าๆ ของมึงไปซะ กูนี่แหละจะตัดนิ้วมึงเดี๋ยวนี้!”

“พวกกูอยู่เมืองตงไห่มาก็นาน ไม่เห็นเคยได้ยินเลยว่า มีใครกล้าสับนิ้วพี่เปา แม้แต่พี่หยางหู่ยังต้องสุภาพกับเขา แล้วแกเป็นบ้าอะไรวะ?”

ข้าวเฉียนเริ่มเดือดขึ้นแล้วเช่นกัน ไอ้พวกลูกกระจ๊อกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะปล่อยให้หลิวเปาจัดการกันเอง แต่ดูท่าจะช่วยไม่ได้แล้ย

“หงซิ่ว คุณกลับไปรอในรถผมก่อน”

หงซิ่วรีบกอดแขนของเขาไว้แน่น กล่าวทั้งน้ำตาขึ้นว่า

“อย่าไปยุ่งกับพวกมันเลย โทรเรียกตำรวจดีกว่า”

จ้าวเฉียนส่งยิ้มให้หงซิ่วและตอบไปว่า

“ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ปล่อยให้ฉันจัดการเอง ไปรอในรถเถอะ ไม่งั้นฉันจะเสียสมาธิได้”

หงซิ่วไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากผงกศีรษะและวิ่งกลับไปรถ

จ้าวเฉียนเริ่มโกรธจริงๆ แล้วในขณะนี้ โดยธรรมชาติเขาไม่อยากเสียเวลาอันใดอีกต่อไป สองคู่เท้ากระตุกวูบ ร่างของเขาปราดพุ่งเข้าใส่กลุ่มลูกน้องหลิวซีทั้งสี พร้อมประเคนกำปั้นหนักเข้าใส่ไม่มียั้งมือ

“กลับไปบอกหลิวเปา มีสองทางให้มันเลือก!”

“ได้ครับ! ได้ครับได้ครับ…”

“พวกเราไป!”

ลูกน้องตัวน้อยทั้งสี่ของหลิวซีรีบลุกขึ้นจากพื้นพร้อมใบหน้าโชกเลือด แต่ละคนวิ่งหนีออกไปโดยไว และพอทิ้งระยะห่างได้สักพัก พอจะมั่นใจได้แล้วว่าจ้าวเฉียนตามไม่ทันแน่นอน ท่าทีของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนไปพร้อมตะคอกข่มขู่สวนไปว่า

“ไอ้สวะ รอกูไปหาพี่เปาก่อนเถอะ! มึงไม่ตายดีแน่!”

จ้าวเฉียนมองดูพวกนั้นวิ่งหางจุกตูดออกไปอย่างน่าสังเวช พลางระเบิดหัวเราะเยาะเสียงดังลั่น