บทที่ 285 คำเชิญ
เมื่อเห็นว่าราชาสวรรค์มีท่าทีจะไม่เชื่อคำของตน เฉินเฉียงก็ได้พูดออกมา “ท่านราชาสวรรค์ ท่านยังจดจำบอลเลือดปีศาจที่อยู่ในเลือดของข้าได้หรือไม่”
ราชาสวรรค์ที่ได้ยินก็พยักหน้ารับในทันที “จำได้ แล้วเจ้าพูดออกมาทำไมล่ะ อย่าบอกนะว่าเจ้ายังจัดการพวกมันด้วยตัวเองไม่ได้อีก”
“ข้าจัดการพวกมันได้นานแล้ว แต่กับเรื่องนี้ ท่านราชาสวรรค์ แม้แต่ท่านก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่าสิ่งที่ท่านเรียกมันว่าสิ่งมีชีวิตลึกลับแห่งก้นสมุทรในคาบสมุทรมังกรซ่อนนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับบอลเลือดปีศาจในร่างข้า”
“ในตอนนั้น ก่อนที่ข้าจะได้เก็บดอกไม้ร้อยสีสัน มีกึ่งราชาสี่คนถูกฆ่าตายโดยเจ้าหนวดประหลาดนั่น”
“ส่วนวิธีการที่พวกมันใช้ฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นนั้น มันใช้เพียงการแตะตัวร่างของกึ่งราชาทั้งสี่เพียงเท่านั้น และในตอนที่แตะนี้ มันก็ได้ส่งบอลเลือดปีศาจเข้าไป”
และหลังจากบอลนี้เข้าไปในร่างแล้ว พวกมันจะกลืนกินสายเลือดไปจนหมดสิ้น จึงทำให้ร่างพวกนั้นแห้งกรังอย่างรวดเร็ว
เมื่อราชาสวรรค์ได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของเขาซีดเผือดและตกใจในทันทีก่อนที่จะพูดออกมา “ไม่แปลกใจเลยจริงๆที่แม้แต่นักรบที่แข็งแกร่งยังเหลือรอดออกมาได้เพียงน้อยนิด”
“การกลืนกินพลังสายเลือดของสิ่งมีชีวิตอื่นนี่ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้ายนัก”
“ว่าแต่ เฉินเฉียง ไอ้หนวดพวกนั้นไม่ได้มีผลอะไรกับเจ้าเลยรึ”
เฉินเฉียงส่ายหัวไปมาและพูดออกไป “เอาจริงๆข้าก็ไม่แน่ใจในเรื่องนี้นักหรอกท่านราชาสวรรค์ ข้ารู้เพียงว่าบอลปีศาจของพวกมันนั้นประสบชะตาเดียวกับบอลปีศาจที่เข้ามาในร่างของข้าก่อนหน้านี้ จะบอกว่ามันไม่มีผลก็ไม่เชิง….ที่น่าจะถูกก็คือพวกมันเมื่อเจอสายเลือดของข้าแล้วทำอะไรไม่ค่อยได้จะถูกกว่า และเป็นเช่นตอนนั้นที่ท่านว่า พวกมันไม่แกร่งพอที่จะกลืนกินสายเลือดของข้าได้”
“และด้วยการที่ข้าไม่ต้องกลัวไอ้หนวดนั่นอีก หลังจากข้าฆ่าล้างมันเท่าที่หาเจอก็เก็บกวาดดอกไม้ร้อยสีสันมาจนหมดสิ้น”
“ท่านราชาสวรรค์ จากคำพูดของข้านี้ข้าเชื่อว่าท่านเองก็คงจะพอเข้าใจความหมายของข้าแล้ว ในตอนนี้ จะไม่มีดอกไม้ร้อยสีสันเหลืออยู่ในก้นสมุทรแห่งคาบสมุทรมังกรซ่อนอีกต่อไป”
“และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ข้าควรจะเป็นเพียงคนเดียวที่มีมันอยู่เยอะที่สุด หรือจะให้พูดอีกอย่างก็คือพวกมันจะมีค่ายิ่งกว่าเดิม”
“เมื่อพูดออกมาถึงขนาดนี้แล้ว ท่านยังคิดว่ามันไม่พอที่จะแลกเปลี่ยนเป็นเม็ดยาโลกาหวนคืนสักเม็ดเลยอีกรึ”
จากมุมมองของเฉินเฉียงแล้ว ทั่วทั้งโลกนั้นมีเพียงเขาที่มีดอกไม้ร้อยสีสันเก็บเอาไว้อยู่ในมือเพียงผู้เดียว ทุกคนที่ต้องการมันล้วนแล้วแต่เห็นมันมีค่าอย่างมหาศาลอย่างประเมินค่ามิได้
และด้วยดอกไม้ทั้งแปดดอกที่เขานำออกมานี้ เขาเชื่อว่าน่าจะเพียงพอต่อการเปลี่ยนใจของราชาสวรรค์
แต่กระนั้น เขานึกไม่ถึงว่า ราชาสวรรค์ราวกับไม่แยแสต่อดอกไม้แต่อย่างใด เขาทำราวกับพูดคุยกับตัวเองอยู่เพียงเท่านั้น
“หนวดลึกลับรึ อืมๆ บอลเลือดปีศาจ เออออ อ่าใช่ กลืนกินสายเลือดนั่นอีก….”
หลังจากคิดอยู่พักใหญ่ อยู่ๆ ราชาสวรรค์ก็ได้ถามออกมา “เฉินเฉียง ก่อนหน้านี้เจ้าไปได้รับบอลเลือดปีศาจนั่นมาได้ยังไงกัน”
“เรื่องนี้….”
เฉินเฉียงรู้สึกอ้ำอึ้งในทันใด
บอลเลือดปีศาจที่เขาได้มานั้นเป็นผลจากการที่เขาเผลอไปดูดซับพลังงานจากกระดูกสีดำที่ได้มาจากเขตแดนลับในเขตแดนจักรพรรดิ ที่เขาไม่อยากพูดออกมานั้นเป็นเพราะเขานั้นก็ไม่รู้จะอธิบายเรื่องราวออกมายังไง แต่นั่นกลับทำให้ผู้คนคิดว่าเขานั้นเก็บงำความลับเอาไว้กับตน
เมื่อเฉินเฉียงนิ่งเงียบไปนี้ ราชาสวรรค์ก็พอจะรับรู้ได้ว่าเฉินเฉียงกำลังชั่งใจอยู่เขาจึงได้อธิบายออกมาเพิ่มเติม “เฉินเฉียง เจ้าอย่าเพิ่งเข้าใจผิดล่ะ”
“เจ้าหนวดประหลาดที่เจ้าพูดถึงนั้นมันชั่วร้ายอย่างเกินการ และหากสิ่งที่เจ้าพูดออกมานั้นเป็นความจริงล่ะก็ อย่าว่าแต่มนุษย์กลายพันธุ์เลย ต่อให้รวมทั้งสามเผ่าพันธุ์นั้นก็ยังยากที่จะจัดการมันได้”
“เรื่องนี้มันสำคัญมาก ข้าคิดว่าเจ้าควรจะบอกอย่างน้อยๆก็เกี่ยวกับเลือดปีศาจของเจ้าออกมาจะดีกว่า ข้าจะได้เตรียมการรับมือมันไว้”
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าขอใช้มันแลกกับการที่จะคนปรุงยาให้เจ้า เจ้าคิดว่ายังไง”
เฉินเฉียงนั้นไม่คิดมาก่อนว่าราชาสวรรค์จะยอมเปลี่ยนใจหาคนปรุงยาให้กับเขาด้วยเรื่องที่แม้แต่ตัวเขาก็ยังไม่อาจเข้าใจได้
แถมเมื่อครู่นี้ เขานั้นยังยอมตกลงโดยไม่รับดอกไม้ร้อยสีสัน แต่กลับกล่าวอ้างถึงการรับมือโดยความร่วมมือจากสามเผ่าพันธุ์
กับเรื่องนี้แล้ว เขาถึงกับยอมละทิ้งความแค้นส่วนตัวเลยทีเดียว ช่างเป็นคนที่น่านับถือนัก
และเมื่อนึกถึงการกระทำของตนที่ทำราวกับไร้เยื่อใยต่อราชาสวรรค์นับครั้งไม่ถ้วน นี่ทำให้เฉินเฉียงคิดที่จะเผยข้อมูลทั้งหมดที่เขารู้ออกมา
ยิ่งเขารู้จักราชาสวรรค์มากขึ้นเท่าไหร่ เขายิ่งรู้สึกว่าราชาสวรรค์นั้นไม่เคยคิดร้ายต่อเขาเลยแม้แต่น้อย แถมเขายังช่วยคอยช่วยเหลือเฉินเฉียงอยู่มากมายหลายครั้ง
ยิ่งคิดถึงการกระทำอันแปลกประหลาดนี้ เขายิ่งมีความคิดหนึ่งขึ้นมาในใจว่าราชาสวรรค์จะต้องเป็นเพื่อนเก่า หรือไม่ก็เป็นเพื่อนอันดีกับพ่อของเขาก่อนที่เขาจะได้กลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์
แต่นี่ก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น ส่วนเรื่องจริงเป็นอย่างไรนั้น เขาก็คงทำได้เพียงหวังให้ราชาสวรรค์บอกเขาในสักวันหนึ่ง
เมื่อคิดได้แบบนี้แล้วเฉินเฉียงก็ได้บอกออกมาด้วยท่าทางจริงจัง “ท่านราชาสวรรค์ บอลเลือดปีศาจที่อยู่ในสายเลือดของข้านี้ ข้าได้รับมาในเขตแดนจักรพรรดิอย่างที่กล่าวมาก่อนหน้านี้จริง”
“เขตแดนจักรพรรดิ….เหรอ” ราชาสวรรค์ได้มองไปยังหยานเสวี่ยที่ในตอนนี้ราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“เจ้าหมายถึงในเขตแดนลึกลับที่อยู่ปลายบันไดสู่สรวงสวรรค์นั่นน่ะรึ”
“อื้ม ใช่แล้วครับ” เฉินเฉียงพยักหน้ารับก่อนที่จะพูดต่อ “ที่ชั้นปลายบันไดนั่น ข้าได้เผลอหลุดเข้าไปในเขตแดนลึกลับนั่น และนั่นทำให้ทุกคนต่างก็คิดว่าข้านั้นได้รับรู้ถึงความลับของเขตแดนจักรพรรดิจนต้องถูกไล่ล่า”
“ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วนั่น ข้าก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ข้าเห็นมันเป็นความลับของเขตแดนจักรพรรดิจริงๆรึเปล่า”
“แต่ที่แน่ๆคือที่นั่น ข้าได้พบกับกระดูกที่มีสีดำ”
“และตอนที่ข้าเผลอไปจับมันเข้า กว่าที่ข้ารู้ตัวก็ได้พบว่าสายเลือดของข้ามีเลือดปีศาจพวกนี้ไปแล้ว”
เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงก็ได้นำกระดูกสีดำออกมาจากแหวน
หลังจากนั้น ราชาสวรรค์ที่เห็นก็คิดที่จะหยิบขึ้นมาดู แต่ถูกหยานเสวี่ยหยุดมือไว้
“ท่านราชาสวรรค์ อย่าแตะต้องมัน”
“บอลเลือดปีศาจที่อยู่ในเฉินเฉียงนั่นมาจากกระดูกนี่ แล้วหากท่านติดมันมาด้วยล่ะ”
เมื่อได้ยินราชาสวรรค์ก็หัวเราะร่าออกมา ก่อนจะพูดต่อ “ไม่ต้องกังวลน่า ไม่เป็นอะไรหรอก ข้าได้ตรวจสอบมันด้วยพลังจิตแล้ว เจ้ากระดูกนี่ไม่มีร่องรอยของพลังชีวิตที่เหลืออยู่แต่อย่างใด”
เมื่อพูดจบ ราชาสวรรค์ก็ได้หยิบกระดูกสีดำขึ้นมาส่องดูซ้ำไปซ้ำมา
“กระดูกสีดำนี่ ดูๆไปแล้วอย่างน้อยๆก็มีอายุอย่างน้อยสี่ไม่ก็ห้าร้อยปีเห็นจะได้ ข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าเจ้านั้นได้รับบอลเลือดปีศาจนั่นไปได้ยังไง”
ราชาสวรรค์ส่ายหัวไปมาอย่างงงงวย
เฉินเฉียงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายเรื่องนี้ยังไงดี ยังไงซะเขาก็ไม่อาจจะบอกเกี่ยวกับระบบย่อยสลายซากของเข้าไปได้เช่นเดียวกัน
“ท่านราชาสวรรค์ ท่านพอจะบอกได้รึเปล่าว่ามันคือสิ่งมีชีวิตชนิดใด”
“ข้าไม่แน่ใจนัก ที่แน่ๆคือมันไม่ใช่กระดูกของมนุษย์และมนุษย์กลายพันธุ์แต่อย่างใด เฉินเฉียง เอาอย่างนี้แล้วกัน เจ้ามอบกระดูกนี้ไว้ให้ข้าก่อน หากข้ามีโอกาส ข้าจะลองเอาไปถามพวกนั้นว่านี่เป็นกระดูกของตัวอะไร”
“อ้ะ ท่านสามารถนำเรื่องนี้ไปพูดคุยกับสัตว์ประหลาดได้ด้วยเหรอครับ”
หากยึดถือตามสามัญสำนึกแล้วนั้น ไม่ใช่ว่าทั้งสามเผ่าพันธุ์สมควรจะต่างคนต่างอยู่ไม่ใช่เหรอ
อย่างไรก็ตาม จากท่าทางของเฉินเฉียงนั้น ดูเหมือนว่าแม้แต่เขาเองก็มีความสนิทสนมกับสัตว์ประหลาดไม่น้อย ดีไม่ดีสายสัมพันธ์ที่มีจะไม่ต่างจากเขาและเมิ่งน้อยแต่อย่างใด
“แค่ก แค่ก อะแฮ่ม อื้ม” ราชาสวรรค์ไม่ได้ตอบออกมาตรงๆแต่อย่างใด เขาได้ถามออกมา “เฉินเฉียง เจ้าแน่ใจรึเปล่าว่าบอลเลือดปีศาจในร่างของเจ้านั้นได้รับมาจากกระดูกดำนี่”
“มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่ข้าแน่ใจ”
“นี่ช่างน่าแปลกนัก” ราชาสวรรค์พูดออกมาพร้อมท่าทางที่แสดงออกมาอย่างแปลกประหลาด
“ไหนจะเจ้าสัตว์ประหลาดที่อยู่ที่ก้นสมุทรที่คาบสมุทรมังกรซ่อนนั่นอีก ไหนจะเจ้ากระดูกปริศนานี่ที่มีอายุหลายร้อยปีนี่อีก”
“ทั้งคู่ต่างก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ใช้บอลเลือดปีศาจนั่น เป็นไปได้รึเปล่าว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องกันรึเปล่านะ”
ราชาสวรรค์อดไม่ได้ที่จะใช้ความคิดกับตนเองอีกนานพอดู ก่อนที่จะส่ายหัวออกมา “ไม่ต้องกังวลไป เฉินเฉียง ส่งดอกไม้ร้อยสีสันกับเมล็ดพันธุ์แห่งโลกมา เดี๋ยวข้าจะหาคนมาหลอมยาให้เจ้า”
เฉินเฉียงก็ได้นำเมล็ดพันธุ์แห่งโลกที่เหลืออีกสองออกมา พร้อมดอกไม้ร้อยสีสันอีกสิบดอกแล้วส่งให้ราชาสวรรค์ไป
“ท่านราชาสวรรค์ ก่อนหน้านี้ที่ข้าปรุงยาโลกาหวนคืนพลาดไป ทำให้ตอนนี้ข้าเหลือเพียงเมล็ดพันธุ์แค่สองเมล็ดเท่านั้น ส่วนดอกไม้ร้อยสีสันนั่นข้ายังพอมีอยู่อีก”
“หากว่าท่านได้พบคนที่ปรุงมันได้เสร็จก่อนที่จะใช้พวกมันที่เหลือ ผู้น้อยก็ขอยกที่เหลือให้ท่านแทนคำขอบคุณในความกรุณาของท่าน”
ราชาสวรรค์ไม่เสียเวลาแม้แต่จะหายใจ หลังจากได้รับวัตถุดิบมาแล้วก็หายไปพร้อมหยานเสวี่ย
ดูเหมือนว่าต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะหลอมยาได้ เขาจึงเลือกที่จะกลับไปยังชายหาดเช่นเดิม
ในการไปเยือนก้นสมุทรแห่งคาบสมุทรมังกรซ่อนของเขาในครั้งนี้ นอกจากที่เขาจะได้รับวัตถุดิบในการปรุงยามาแล้ว เขานั้นยังได้รับประโยชน์อย่างที่สุด จากการดูดซับพลังจากกึ่งราชาทั้งสี่
และนี่ทำให้เขารู้ว่า หากเขาต้องการที่จะขจัดผลข้างเคียงจากการเผาผลาญแก่นวิญญาณของตนนั้น เขาจะต้องยกระดับสายเลือดของตนให้ได้ เมื่อใดก็ตามที่เขาทำได้ เส้นทางไปยังจุดลมปราณที่สามสิบสี่ของเขานั้นจะฟื้นคืนได้เป็นแน่
ส่วนการยกระดับสายเลือดของเขานั้นจะบอกว่ามันง่ายก็ง่าย จะบอกว่ายากก็ยากล่ะนะ
หากเขานั้นเหมือนคนทั่วไปที่มีเพียงสายเลือดเดียว เขาก็คงไม่ต้องยุ่งยากแต่อย่างใด
แต่ด้วยการที่เขานั้นมีทุกสายเลือด ซึ่งมันก็คงจะเป็นไปตามที่คนอื่นคาดการณ์ไว้ว่าเขานั้นยากที่จะพัฒนา
แถมในตอนนี้สายเลือดของเขานั้นเป็นสายเลือดแห่งความโกลาหล ถึงแม้มันจะเป็นเพียงแค่ขั้นต้นเท่านั้น ไหนจะมีไอ้เครื่องหมายคำถามนั่นอีก เขาก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าเขานั้นจะยกระดับสายเลือดของตนได้จริงๆรึเปล่า
ก่อนหน้านี้ เฉินเฉียงที่คิดเรื่องนี้ไว้ ก็ได้ดูดซับแก่นคริสตัลจากสัตว์ประหลาดอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย
แต่เขากลับนึกไม่ถึงว่า ระหว่างการไปก้นสมุทรในครั้งนี้ เขาก็ได้รับสิ่งที่ไม่คาดคิดหลังจากได้ดูดซับพลังจากซากร่างของกึ่งราชาทั้งสี่ จนทำให้เส้นทางลมปราณไปยังจุดลมปราณที่สามสิบสี่ของเขานั้นหนาขึ้นมา
ถึงแม้ว่ามันยังไม่ได้หนามากจนถึงขนาดที่ว่าหากเขาไม่ตั้งใจดูก็เห็น
แต่อย่างๆน้อยๆมันก็บ่งบอกว่าความคิดของเขานั้นถูกต้องแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นคือ เขารู้สึกได้จริงๆว่าสายเลือดของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อน
โดยนี่จะเห็นได้จากการที่เขานั้นไม่ได้รับผลกระทบจากบอลเลือดปีศาจที่อยู่ในร่างกายของเขาอีก
ด้วยการที่พลังจิตของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก พร้อมกับขอบเขตจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ ทำให้เขานั้นแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากบอลเลือดปีศาจได้อย่างรวดเร็ว ยังไม่รวมถึงว่าในตอนนี้เขาสามารถบีบอัดพวกมันให้กลายเป็นก้อนเล็กๆได้ด้วยตัวเองอีก
อย่างไรก็ตาม ต่อให้พวกมันไม่ได้ส่งผลกระทบกับเขาแล้วก็ตาม แต่พวกมันในตอนนี้ก็เปรียบได้ดั่งกาฝากที่อาศัยร่างของเขาเป็นที่หลับนอน แม้ในช่วงสั้นๆพวกมันอาจจะยังไม่แผลงฤทธิ์ออกมา แต่ใครจะรู้ว่าในอนาคต พวกมันจะไม่ก่อปัญหาที่ใหญ่กว่านี้ให้กับเขา
และนี่จึงทำให้เฉินเฉียงลองใช้กระแสจิตของเขาขับมันออกจากสายเลือดของเขา ผลคือพวกมันเริ่มขยับได้ตามที่เขาต้องการ
เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเฉียงก็ถึงกับใจเต้นในทันที
หากว่าบอลเลือดปีศาจเหล่านี้ ถูกเขาบังคับให้ไปอยู่ที่แขนได้ล่ะก็ เป็นไปได้ว่าในอนาคต เขาก็อาจจะใช้พวกมันต่อสู้กับศัตรูได้เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อราชาสวรรค์ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ในการหาคนปรุงยาให้กับเขา เขาจึงคิดจะใช้ช่วงเวลาที่ต้องรอนี้ในการศึกษาวิธีใช้ประโยชน์จากบอลเลือดปีศาจเหล่านี้
และหลังจากลองผิดลองถูกอยู่นาน ในที่สุดแล้ว เฉินเฉียงก็บังคับบอลเลือดปีศาจเหล่านี้ให้กลายเป็นวงแหวนที่หมุนรอบสายเลือดของเขา
เป็นเวลากว่าสองเดือนแล้ว เฉินเฉียงในที่สุดก็สามารถฝึกฝนวิธีใช้วงแหวนเลือดปีศาจนี้ได้อย่างคล่องมือและราบรื่น พร้อมกับความคิดที่ว่า หากเขานั้นไม่สามารถหาวิธีเพิ่มระดับสายเลือดของเขาได้ก่อนหน้านี้ เขาเองก็คงทำได้เพียงขับวงแหวนเลือดปีศาจนี้ออกจากร่างได้เพียงเท่านั้น
ใครจะคิดว่าในที่สุดแล้ว เฉินเฉียงก็หาวิธียกระดับสายเลือดของตนได้
และดูเหมือนว่านับจากนี้ เขานั้นต้องหาวิธีดูดซับพลังจากซากร่างที่อยู่ในระดับกึ่งราชาเป็นอย่างน้อย แน่นอนว่าการดูดซับพลังจากระดับราชาได้นั้นย่อมดีกว่า ดีไม่ดีเขาอาจจะยกระดับสายเลือดของเขาได้เลยทีเดียว
“ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ..”
เฉินเฉียงหันขวับไปยังกำไลสื่อสารของตนในทันที
เสียงสัญญาณแบบนี้แสดงออกมาว่ากองกำลังเทียนเว่ยของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย หรือว่าจางหยวนกับพวกตอนนี้กำลังพบเจอเรื่องอันตรายกันแน่
เมื่อคิดได้ดังนี้แล้ว เฉินเฉียงไม่กล้าที่จะปล่อยผ่าน รีบเปิดกำไลสื่อสารของตน ก็ได้พบข้อความที่พูดออกมาอย่างร้อนรนของจางหยวน
“กัปตัน คนของเว่ยหยวนตี้ได้ออกประกาศว่าคุณหนูเว่ยฉิงเชินจะจัดงานสมรสและได้ส่งเทียบเชิญให้กับเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่มีสายสัมพันธ์อันดีให้ไปร่วมงาน กองกำลังของเราก็ได้เทียบเชิญด้วย ท่านจะไปหรือเปล่า”
เมื่อได้ยินข้อความนี้ เฉินเฉียงถึงกับมึนตึ้บและนิ่งอึ้งไปในทันที
ไม่ใช่ว่าเว่ยหยวนตี้บอกเขาไว้ว่าจะให้เวลาหนึ่งปีไม่ใช่รึ
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่อยู่ในอาณานิคมทะเลสาบกระจกในวันนั้น เขาได้ยินบทสนทนาระหว่างเว่ยชิงเฉินและฮั่นจุยอย่างชัดเจน แล้วเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ยังไงกัน
คงไม่ใช่ว่าฮั่นจุยกดดันหรือเว่ยหยวนตี้เอาอาการบาดเจ็บมาอ้างหรอกนะ
แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เขาจะต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วไปได้เพื่อหยุดงานแต่งงานนี้ให้ได้
เมื่อคิดได้แบบนี้ เฉินเฉียงก็รีบยืนขึ้น ก่อนที่จะส่งกระแสจิตของตนออกไป ก็ได้พบว่าหยานเสวี่ยยังคงอยู่ไม่ห่างจากเขานัก
เป็นไปได้ว่าราชาสวรรค์ได้บอกเธอเอาไว้ว่าต่อให้เป็นในเกาะเทียนลี่นี้ หยานเสวี่ยก็ยังต้องคอยจับตาดูเฉินเฉียงเอาไว้ราวกับว่ากลัวว่าเขานั้นจะพบเจออันตรายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเลยทีเดียว
และนี่ทำให้เฉินเฉียงไปปรากฏตัวต่อหน้าหยานเสวี่ยอย่างรวดเร็ว
“หยานเสวี่ย ท่านราชาสวรรค์ล่ะ ท่านไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอ รีบพาข้าไปหาท่านเร็ว”
ด้วยความเร็วของเฉินเฉียงนั้นรวดเร็วอย่างมาก จะเรียกว่าพูดปุ๊บพาไปปั๊บเลยก็ว่าได้ ช่างสมกับน้ำเสียงที่ร้อนรนของเขาเสียจริงๆ
และก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรออกไป เฉินเฉียงก็ได้ลากหยานเสวี่ยเพื่อไปยังห้องของราชาสวรรค์แล้ว
“เฮ้ เดี๋ยวก่อนสิ ท่านราชาสวรรค์ยังไม่กลับมานะ”
“ห้ะ ยังไม่กลับมาอีกเหรอ แล้วท่านไปไหนกัน อย่าบอกนะว่าท่านยังหาคนหลอมยาให้ข้าไม่ได้น่ะ”
เฉินเฉียงได้จับมือของหยานเสวี่ยเขย่าไปมาพลางยิงคำถามออกมาจนยากที่จะตอบทัน
“เฉินเฉียง เจ้าจะรีบไปไหนเนี่ย ท่านราชาสวรรค์ออกไปสืบเกี่ยวกับหนวดประหลาดที่เจ้าได้พูดถึงก่อนหน้านี้ต่างหาก”
“ส่วนเรื่องเม็ดยาของเจ้า เขาหาคนให้ปรุงยาให้จนปรุงเสร็จตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว แต่เจ้าน่ะมัวแต่บ่มเพาะ ท่านเลยไม่อยากจะกวนเจ้า”
เมื่อพูดจบ หยานเสวี่ยได้นำกล่องเล็กๆออกมามอบให้ในมือเฉินเฉียง
เมื่อเขาเปิดออกดูก็พบเม็ดยาสีแดงสดสามเม็ด
“ยาหวนคืนโลกาสามเม็ด” เฉินเฉียงพูดออกมาอย่างตื่นเต้นยินดี เขาไม่คิดว่าราชาสวรรค์จะเตรียมยาให้เขาไว้เพื่อถึงขนาดนี้ นี่ทำให้เขานั้นมั่นใจได้ว่าจะไปยังเขาโชวหยางได้อย่างแน่นอน
หลังจากเก็บเม็ดยาโลกาหวนคืนไปแล้ว เฉินเฉียงก็ได้กล่าวขอโทษกับหยานเสวี่ยในทันที “ข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆนะหยานเสวี่ย แต่ข้านั้นมีเรื่องด่วนที่ต้องไปจากที่นี่ชั่วคราว หากท่านราชาสวรรค์กลับมาก็ฝากขอบคุณท่านด้วยแล้วกัน”
เมื่อหยานเสวี่ยได้ยิน ก็รีบดึงไหล่ของเฉินเฉียงเอาไว้ไม่ให้จากไปโดยง่าย
“กับเรื่องนี้ ท่านราชาสวรรค์ได้คาดการณ์ไว้แล้ว ก่อนที่ท่านจะจากไป ท่านบอกข้าว่าหากเจ้าต้องการจะไปยังเขาโชวหยาง ให้ข้าติดตามเจ้าไปด้วย”
“ห้ะ เจ้าจะไปด้วยเหรอ” เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงรีบส่ายหัวไปมา “ไม่ได้ ที่นั่นเป็นเขตของผู้อาวุโสเผ่ามนุษย์นะ หากเจ้าไปมันไม่เท่ากับไปหาที่ตายหรอกเหรอ”
“ไม่หรอกน่า”
เมื่อพูดจบ หยานเสวี่ยก็ได้เปิดผ้าคลุมหน้าของเธอออกอย่างเบามือ