ไม่นานหลังจากเดินทางออกจากแม่น้ำต้าวเจียง ก็พบทางแยกสองสายตรงหน้า เส้นทางหนึ่งต้องข้ามภูเขาทางตะวันตกไปยังถนนสายเก่า ส่วนอีกเส้นตัดผ่านหุบเขา ซึ่งเส้นทางนี้จะใช้เวลาน้อยกว่าและบรรจบกับถนนสายเก่าที่เขตชายแดนของมณฑล

ฉินอินพลิกแผนที่ดูหลายครั้ง “พี่อาอวี่ เราควรไปถนนเส้นไหนดี?”

“ถนนสายหลักเปิดโล่งเกินไป หากใช้เส้นทางที่ตัดผ่านหุบเขา…”

หลินมู่อวี่ทอดสายตาออกไประยะไกลก่อนกล่าวว่า “เส้นทางหุบเขาดูเหมือนจะเป็นเส้นทางที่ไม่มีใครใช้มากกว่าร้อยปีและกลายเป็นป่าโดยสมบูรณ์ ข้าเกรงว่ามันอาจจะอันตรายเกินไป ทว่า…ภัยอันตรายจากสัตว์นั้นก็ยังไม่น่ากลัวเท่าภัยอันตรายจากคน ข้าคิดว่าเราควรใช้เส้นทางหุบเขา”

“เช่นนั้นไปกันเถิด!”

“อืม”

เมื่อเดินเข้ามาในหุบเขาก็พบหน้าผาไป๋ซางที่สูงชันทั้งสองด้านและมีต้นไม้ใหญ่สูงตระหง่าน พื้นดินปกคลุมด้วยใบไม้หนาหลายชั้น บ่งบอกว่าไม่มีมนุษย์ย่างกรายเข้ามาเป็นเวลานาน

“ระวัง!”

หลินมู่อวี่รีบร้องเตือนพร้อมดึงฉินอินเข้าไปซ่อนใต้หน้าผา ก่อนจะมีเสียงร้องดังจากบนฟ้า มันคือนกอินทรียักษ์ที่มีปีกกว้างอย่างน้อยสิบเมตรบินโฉบอยู่บนหัว

ฉินอินเบิกตากว้างด้วยความตกใจขณะที่มองดูนกอินทรียักษ์ตัวนั้นและพูดว่า “นกอินทรียักษ์ตัวนี้มีอายุกว่าหมื่นปีใช่หรือไม่?”

“อืม คงไม่น้อยไปกว่านั้น”

หลินมู่อวี่รู้สึกเกรงกลัวเล็กน้อย “เราต้องระวังตัวให้ดี มีสัตว์วิญญาณอายุกว่าหมื่นปีปรากฏตัวเช่นนี้ ไม่ธรรมดาเลย…ข้าค่อนข้างกังวล”

“อืม ข้าจะระวังตัว”

ทั้งสองเดินทางต่อก็พบสัตว์วิญญาณที่ออกมาหาอาหารกินเท่านั้นเช่น พยัคฆ์เปลวเพลิงอายุกว่าเจ็ดพันปี กิ้งก่าน้ำแข็งอายุแปดพันสี่ร้อยปี เป็นเรื่องแปลกมาก…มิใช่ว่ากิ้งก่าจำศีลในฤดูหนาวหรือ? กิ้งก่าตัวนี้ขยับเท้าหนักเดินไปรอบภูเขา หลินมู่อวี่และฉินอินเห็นมันกลืนหมูสุกรไพรวันอายุหนึ่งร้อยยี่สิบปีในคำเดียว!

เจ้าสุกรไพรวันที่น่าสงสาร บุกเข้าไปในพื้นที่ที่ไม่ควร จึงเป็นการรนหาที่ตาย

ขณะนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงวันซึ่งถึงเวลาที่ต้องหยุดพัก ฉินอินพลันชี้ไปที่ภูเขาเบื้องหน้าและพูดว่า “อาอวี่มีวัดอยู่ที่นั่นด้วย เราควรไปดูหรือไม่?”

หลินมู่อวี่มองตาม “วัดถูกทิ้งร้างนานแล้ว คงเป็นเพียงอารยธรรมในอดีต…”

“ข้าเพียงสงสัย…”

“อืม…” หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “แค่ดูเท่านั้น”

“ah. “

“อื้อ!”

ทั้งสองปีนขึ้นบนภูเขาจนมาก็ถึงวัดที่ไม่ทราบว่าถูกทิ้งร้างมานานเพียงใด บริเวณด้านหน้ากลายเป็นซากปรักหักพังและปกคลุมไปด้วยใบไม้ ทว่ายังคงเหลืออิฐและกระเบื้องอยู่บ้าง อีกทั้งมีรูปปั้นสัมฤทธิ์เก่าแก่ตั้งตระหง่านท่ามกลางซากเหล่านี้ เป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติปกคลุมไปด้วยคราบเกรอะ ขณะที่เศียรผุกร่อนเกือบหมด

หลินมู่อวี่ยื่นมือออกไปสัมผัสแผ่วเบา ทันใดนั้นมือของพระพุทธรูปก็ร่วงลงพื้นโคลนอย่างรวดเร็ว

“โอ้ มันถูกปล่อยร้างมานานเพียงใดจึงเปราะบางเช่นนี้?”

หลินมู่อวี่สะดุ้งเล็กน้อยและตอบว่า “อย่างน้อยคงสองพันปี…”

“ไม่ใช่…”

ฉินอินเช็ดคราบบนฐานพระพุทธรูปและกล่าวว่า “อย่างน้อยสามหมื่นปี…”

“เหตุใดเสี่ยวอินจึงมั่นใจ?”

“เนื่องจากสิ่งนี้…” ฉินอินชี้ไปที่ตัวหนังสือบนฐานซึ่งหลินมู่อวี่อ่านไม่เข้าใจ ฉินอินพูดต่อว่า “ชื่อของพระพุทธรูปโบราณองค์นี้คือ ‘พระพุทธเจ้าซวนจี่’ ทว่าตัวหนังสือบนฐานสลักว่า ‘พระพุทธเจ้าซวนหนาน’ เสด็จพ่อเคยให้เสี่ยวอินศึกษาพระคัมภีร์ทางพุทธศาสนา จึงรู้ว่าผู้คนบนทวีปนี้ศรัทธาต่อพระพุทธเจ้าทั้งเก้าพระองค์ และซวนหนานเป็นหนึ่งในนั้น ทว่าถูกเปลี่ยนชื่อให้เป็น ‘พระพุทธเจ้าซวนจี่’ ในช่วงสงครามเมื่อสามหมื่นปีก่อน ดังนั้นคนส่วนใหญ่ในปัจจุบันจึงรู้จักแต่ชื่อพระพุทธรูปซวนจี่ มิใช่พระพุทธรูปซวนหนาน…”

“เป็นเช่นนี้เอง…” หลินมู่อวี่แอบถอนหายใจ พุทธศาสนาที่นี่แตกต่างจากโลกเดิมอย่างสิ้นเชิง!

ฉินอินคุกเข่าลงตรงหน้าพระพุทธรูป หลังจากสวดมนต์สักพักก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่าจักรวรรดิและราชวงศ์บนแผ่นดินใหญ่จะเปลี่ยนแปลงเสมอ ทว่าความเชื่อมิเคยเปลี่ยนไป พวกเขายังคงนับถือพระพุทธเจ้าทั้งเก้าตลอดมา พี่อาอวี่ไปกันเถิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ควรอยู่นานเกินไป เนื่องจากเป็นวัดร้างที่ถูกทิ้งมาหลายหมื่นปี ใครจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง…”

“อืม”

หลินมู่อวี่พยักหน้ารับ ทว่าขณะกำลังจะเดินออกไป ทันใดนั้น! หัวใจของเขาก็เต้นผิดปกติ ทักษะชีพจรวิญญาณตรวจจับได้ถึงคลื่นระลอกหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะเป็นพลังงานผันผวนจากที่ไหนสักแห่ง

หลินมู่อวี่ตรวจสอบอย่างรอบคอบ กระทั่งพบว่ามันอยู่ใต้เท้านี่เอง!

“มีอะไรหรือ?” ฉินอินมองหลินมู่อวี่อย่างประหลาดใจ

หลินมู่อวี่พลันชักกระบี่วิญญาณมังกรออกมาและพูดว่า “เสี่ยวอิน ดูเหมือนว่าเราจะเจอขุมทรัพย์เข้าให้แล้ว ข้าสัมผัสได้ถึงพลังงานผันผวนใต้ดินซึ่งไม่ลึกมาก ข้าจะลองขุดดู…”

ฉินอินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ที่นี่ถูกทิ้งร้างมาหลายหมื่นปี จะยังมีอะไรดีๆ หลงเหลืออีกหรือ?”

“ใครจะรู้! มีทางเดียวเท่านั้นคือต้องขุดดู!”

หลินมู่อวี่ใช้กระบี่วิญญาณมังกรขุดหลุมลงไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ฉินอินยืนอมยิ้มมองหลินมู่อวี่ตามล่าสมบัติ

หลังจากนั้นไม่นานหลินมู่อวี่ก็ขุดลงไปถึงห้าเมตร ‘เคร้ง!’ เสียงกระบี่วิญญาณมังกรกระทบกับวัตถุแข็งบางอย่าง ซึ่งมันสามารถป้องกันกระบี่วิญญาณมังกรได้ คงต้องเป็นสมบัติอย่างแน่นอน!

หลินมู่อวี่รีบก้มลงคุ้ยดินด้วยมือ ก่อนจะเจอบางสิ่งโผล่พ้นเหนือดิน เป็นเหล็กเปื้อนเลือด หลินมู่อวี่จับแล้วออกแรงดึง กระทั่งท่อนเหล็กยาวหนึ่งเมตรหลุดออกมา มันไม่ใช่ดาบเนื่องจากไม่มีใบดาบเลย แท่งเหล็กนี้มีความกว้างเท่ากันทั้งสองด้าน บางทีอาจเป็นไม้บรรทัดโบราณที่แสนเทอะทะ

เมื่อหลินมู่อวี่กระโดดออกจากหลุม ก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังส่งมาจากไม้บรรทัดในมือ

“นี่คือสิ่งใดหรือ?” ฉินอินเอ่ยถามขณะที่เอียงศีรษะ

“ข้าเองก็ไม่รู้…”

หลินมู่อวี่หยิบถุงน้ำออกมาล้างอย่างระมัดระวังก่อนจะเผยรูปร่างที่แท้จริงออกมา มันเป็นไม้บรรทัด! ทว่ามีตัวหนังสือเขียนไว้ซึ่งหลินมู่อวี่อ่านไม่เข้าใจ จึงส่งไม้บรรทัดนี้ให้ฉินอิน “เสี่ยวอิน เจ้ารู้จักคำเหล่านี้หรือไม่?”

ฉินอินมองคำบนไม้บรรทัดพร้อมขมวดคิ้ว ก่อนจะส่ายหัว “นี่เป็นคำโบราณที่ค่อนข้างคลุมเครือ เสี่ยวอินเข้าใจเพียงหนึ่งถึงสองคำเท่านั้น ส่วนที่เหลือข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย…”

“ช่างน่าปวดหัว…”

หลินมู่อวี่ห่อไม้บรรทัดเหล็กนี้ด้วยผ้าสีดำก่อนจะวางไว้ที่หลังพร้อมกระบี่วิญญาณมังกร “ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใด เรารีบไปกันเถิด ข้าจะลองหลอมไม้บรรทัดนี้เพื่อดูว่ามันทำจากสิ่งใด”

“อืม ออกเดินทางกัน!”

หลังออกมาจากวัดร้าง ทั้งสองก็เดินตามทางและทะลุผ่านหุบเขาในที่สุด ก่อนจะตั้งกระโจมพักในป่าเมื่อพลบค่ำ

เมื่อก่อกองไฟเสร็จ หลินมู่อวี่ก็ออกลาดตระเวนรอบบริเวณตามปกติ และเข้าไปในกระโจมหลังจากมั่นใจว่าไม่มีอันตราย จากนั้นก็หลับไปพร้อมฉินอิน

ขณะที่นอนหลับ จู่ๆ ร่างกายของเขาก็สั่นเทิ้ม ก่อนที่หลินมู่อวี่จะลืมตาขึ้น

เขาฝัน…ทว่าเป็นฝันที่เหมือนจริงมาก หลินมู่อวี่ฝันว่าชายชุดดำแทงหัวใจของเขาด้วยดาบ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นลางบอกเหตุ

ทักษะชีพจรวิญญาณแผ่ออกไป ทันใดนั้น! หัวใจหลินมู่อวี่ก็เย็นวาบพร้อมตะโกนเสียงดัง พลังอันแข็งแกร่งเข้ามาใกล้โดยที่ฉินอินไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ!

หลินมู่อวี่พลันเอื้อมมือไปโอบฉินอินและม้วนตัวหลบอย่างรวดเร็ว!

‘ฉัวะ!’

ในคืนที่หนาวเหน็บ ประกายดาบตัดกระโจมขาดจนหล่นลงมาปกคลุมทั้งสอง หลินมู่อวี่ใช้กระบี่ตัดออกเป็นชิ้นๆ และพาฉินอินออกไปยืนในที่โล่ง ก่อนที่กระบี่เล่มยาวจะพุ่งใส่ศัตรูทันที!

คนผู้นั้นเป็นชายชุดดำใบหน้าหล่อเหลาท่ามกลางแสงจันทร์ ซึ่งเขางดงามมากจนดูไม่เหมือนผู้ชาย!

กระบี่ของหลินมู่อวี่ทั้งรวดเร็วและโหดเหี้ยม ขณะที่ปราณยุทธ์ปกคลุมทั่วใบดาบ

ผู้มาเยือนมีท่าทางเย้ยหยันอย่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด ‘เคร้ง!’ กระบี่วิญญาณมังกรถูกกระแทกอย่างกะทันหัน หลินมู่อวี่ไม่ทันเห็นดาบของชายตรงหน้าด้วยซ้ำ! นี่มันคือวิชาดาบที่รวดเร็วอะไรเช่นนี้?!

‘ซู่!’

เสียงลมกระโชกรุนแรงขณะที่ดาบเคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งสายฟ้า

“พระเจ้า…”

หลินมู่อวี่ไม่เคยเห็นดาบที่รวดเร็วเช่นนี้มาก่อน กำแพงน้ำเต้าขึ้นมาเพียงขึ้นเดียว หลินมู่อวี่ก็โดนดาบเจาะทะลุเกราะปราณยุทธ์จนทำให้เลือดสาดกระเซ็น

ขณะเดียวกันกำแพงน้ำเต้าก็ห่อหุ้มร่างกายหลินมู่อวี่ไว้ เขายกกระบี่ขึ้นก่อนที่จะขว้างมันด้วยเพลงดาบเก้าวายุ…ดาบพายุวินาศ!

‘เคร้ง เคร้ง เคร้ง…’

เกิดประกายไฟสว่างวาบในยามค่ำคืนที่มืดมิด ดาบทั้งสามของหลินมู่อวี่ถูกศัตรูทำลายอย่างรวดเร็ว! อีกฝ่ายยังคงยิ้มมุมปากอย่างยั่วยุ ก่อนจะตวัดดาบยาวใส่หลินมู่อวี่ราวกับดาวตก!

หลินมู่อวี่รีบยกกระบี่ขึ้นป้องกัน ทว่าเมื่อกระบี่วิญญาณมังกรสัมผัสกับดาบยาวของศัตรู ก็เกิดแรงดึงดูดอย่างน่าประหลาดที่มองไม่เห็นพร้อมดึงกระบี่วิญญาณมังกรลงไปด้วย ทันใดนั้น! ศัตรูก็ใช้ดาบอีกเล่มปะทะกับกำแพงน้ำเต้าเต็มแรง

‘ฉัวะ!’

ใบดาบแทงทะลุกำแพงน้ำเต้าพร้อมสร้างบาดแผลที่แขนซ้ายหลินมู่อวี่อีกครั้ง!

ขณะเดียวกันฉินอินก็ชักกระบี่จื่อยินฟาดใส่ศัตรูพร้อมแสงสีทองสว่างวาบจากโซ่เทวะ

ในที่สุดใบหน้าเย็นชาของนักฆ่าก็แปรเปลี่ยนเป็นตกตะลึง “โซ่เทวะ?”

ชายผู้นั้นพลันเบี่ยงตัวหลบการโจมตีของฉินอินอย่างรวดเร็ว ก่อนจะใช้สันดาบฟาดลงที่ข้อมือฉินอินราวกับอสรพิษ ทันใดนั้น! เลือดสีแดงฉานอาบข้อมือขาวราวกับหิมะของฉินอิน แขนขวาห้อยลงและสูญเสียพลังต่อสู้ฉับพลัน

แม้แต่ฉินอินยังพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย ชายผู้นั้นต้องแข็งแกร่งมากเพียงใด?!

‘พรึ่บ!’

เปลวเพลิงลุกโชนรอบใบดาบขณะที่หลินมู่อวี่ฟาดกระบี่วิญญาณมังกรด้วยพลังมหาศาล!

ขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็ถอยหลังไปสองถึงสามก้าวพร้อมขบฟันแน่น พลังงานความมืดปกคลุมรอบแขนของนักฆ่า ทันใดนั้น! ตวัดดาบออกไปพร้อมคำรามลั่น!

‘เปรี้ยง!’

เปลวไฟทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกระบี่วิญญาณมังกรกระเด็นลอยออกไปกระทบก้อนหิน

หลินมู่อวี่แอบสบถในใจอย่างขมขื่น แม้แต่เกลียวเพลิงมังกรคลั่งก็ทำอะไรศัตรูไม่ได้ หลินมู่อวี่ไม่เคยประสบกับความพ่ายแพ้เช่นนี้มาก่อนตั้งแต่เป็นองครักษ์อวี้หลิน!

หลินมู่อวี่พลันยกแขนขวาขึ้นอย่างเชื่องช้าขณะที่พลังเจ็ดประทีปหลั่งไหลเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง แสงสีทองเปล่งประกายรอบตัว และพลังของวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าก็เพิ่มขึ้นสู่จุดสูงสุด หลินมู่อวี่รู้ดีอยู่แก่ใจ ไม่ว่านักฆ่าผู้นี้จะเป็นใคร แต่มันนำความตายมาให้เขาและฉินอิน!

………………………