Ch.33 – รถศึกล่องเวหา

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.33 – รถศึกล่องเวหา

 

ในฐานะที่เป็นรถศึกล่องเวหาสุดหรู จึงย่อมเป็นธรรมดาที่ภายในรถ จะมีวัยรุ่นเข้าไปนั่งทดลองขับมันอยู่

 

“ลูกพี่ลูกน้อง! ฉันว่ารถศึกคันนี้มันเจ๋งจริงๆ! เอาไว้ถ้าเรียนจบนะ ฉันจะซื้อมันอย่างแน่นอน!” หนึ่งในวัยรุ่นที่นั่งตรงเบาะคนขับกล่าว ในสมองจินตนาการไปถึงช่วงเวลาที่เขาขับรถศึกนี้ ว่าคงจะมีหลายคนมองเขาด้วยความอิจฉา
 

“มันเจ๋งมากก็จริง แต่แพงเกินไป ราคาตั้ง 8 ล้านแน่ะ! แต่โชคดีจริงๆที่นายสามารถปลุกพลังวรยุทธโบราณให้ตื่นขึ้นมาได้ มิฉะนั้นตลอดทั้งชีวิต ตระกูลเราคงไม่มีปัญญาที่จะซื้อรถคันนี้!”

 

“นั่นสินะ!”

 

“แต่พวกเราก็มีโอกาสที่จะซื้อมันได้ในตอนนี้เลยเหมือนกันไม่ใช่หรอ เห็นนายบอกกับฉัน ว่านายเป็นเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับคุณหนูลู่ ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในชุมชนตอนเหนือไง ถ้านายจีบเธอติด ไม่ต้องพูดถึงซีรี่ย์เงานี้ แต่กระทั่งรถศึกติดจักรกลหนัก นายก็ยังสามารถซื้อมันได้!”

 

เมื่อได้ยินชื่อคุณหนูลู่ สีหน้าของชายบนเบาะคนขับก็แข็งค้างไปเล็กน้อย เอ่ยปากกล่าว “นายก็พูดเกินไป! จะใช้รถหรูทั้งทีให้สาวซื้อให้เนี่ยนะ? ถ้าอยากจะขับรถไปอวดใคร มันก็ต้องซื้อด้วยเงินตัวเองสิ!”

 

ในความเป็นจริง แม้ปากจะกล่าวเช่นนั้น หากแต่ในหัวใจกลับตรงกันข้าม มันฟุ้งไปด้วยความรู้สึกเกลียดชังอย่างรุนแรง ‘อย่าว่าแต่เรื่องเข้าไปจีบเธอเลย ตอนนี้ แค่ฉันจะเข้าไปคุยกับเธอ ยังแทบจะถูกถอดรองเท้าปาใส่หน้า!’

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ตัวรถก็กลายเป็นไร้เสน่ห์ดึงดูดไปในพริบตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประสบการณ์ก่อนหน้าที่เพิ่งผ่านมา ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวที่จะออกไปยังทุ่งล่า

 

ขณะเดียวกัน สายตาของฉินเฟิงก็ตกลงบนคนที่กำลังทดลองขับรถศึก ในสมองของเขาคลับคล้ายคลับคลา เหมือนจะจำได้ว่าคนๆนี้น่าจะเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมสถาบันของลู่เหมิง

 

ดูเหมือนจะเรียกว่าหวังไคว่

 

แน่นอน แม้ฉินเฟิงจะจดจำอีกฝ่ายได้ หากแต่เขาไม่มีความคิดจะเข้าไปทักทายใดๆ เพราะทั้งสองไร้ซึ่งมิตรภาพระหว่างกัน

 

เขาหันไปเรียกพนักงานขาย เพื่อเอ่ยถามถึงประสิทธิภาพของรถ

 

“มิสเตอร์ช่างมีสายตาเฉียบแหลม รถศึกซีรี่ย์เงาคันนี้ เป็นรถที่มีความคล่องตัวมากที่สุด ตัวถังกะทัดรัด แต่ขณะเดียวกันก็ถูกออกแบบมาอย่างประณีต มันสามารถใช้ขับฝ่าบางพื้นที่ที่มีอุปสรรคกีดขวาง แถมยังนั่งได้สองคนอย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้ พื้นที่ด้านหลังรถยังมีตู้เย็นขนาดเล็กไว้ให้ใช้งาน เพื่อรับประกันว่าวัตถุดิบที่คุณได้มามันจะยังสดใหม่อยู่ตลอดเวลา!”

 

“ไม่เพียงเท่านั้น ตัวถังภายนอกของซีรี่ย์เงา ยังสามารถทานทนต่อการโจมตีของสัตว์ร้ายเลเวล F และยังมีระบบดูดซับพลังงานแสง เพื่อสร้างความมั่นใจว่าพลังงานของมันจะหมุนเวียนใช้งานได้เพียงพอ … ”

 

“ภายในรถยังมีตัวส่งสัญญาณชั้นยอด ที่สามารถสแกนหาสิ่งมีชีวิตอันตรายโดยรอบในรัศมี 1 กิโลเมตรได้ และยังมีภาพจำลองในระยะ 100 เมตร .. ”

 

พนักงานขายเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก เธอสามารถชี้ให้เห็นถึงข้อมูลฟังก์ชั่นและการใช้งานในการต่อสู้ภาคสนามได้เป็นอย่างดี

 

แน่นอน ว่าสายตาของเธอเองก็ค่อนข้างดีเช่นกัน แม้ว่าตรงหน้าอกของฉินเฟิงจะยังไม่ได้ติดตราสัญลักษณ์ของผู้ใช้พลังพิเศษ แต่เธอก็ไม่ใส่ใจ เพราะเหตุผลที่เธอต้อนรับเขาเป็นอย่างดี มันมาจากปืนพลังงานที่แขวนไว้ตรงเอวของฉินเฟิงต่างหาก

 

ยิ่งไปกว่านั้น ตามร่างกายของฉินเฟิงยังกรุ่นไปด้วยกลิ่นอายดุดัน ไม่เหมือนกับพวกเพลย์บอยที่ทำตัวเป็นเด็กเล่น

 

ขณะเธอกำลังอธิบาย หวังไคว่ก็เดินลงมาจากรถพอดี

 

“มิสเตอร์ ตอนนี้รถว่างแล้ว เชิญคุณเข้าไปทดสอบมันดูได้” เธอผายมือ แสดงท่าทีเชื้อเชิญเขา

 

“อ่า” ฉินเฟิงพยักหน้า และในเวลานั้นเอง หวังไคว่ก็เงยหน้าขึ้นมาพอดี สบสายตากับฉินเฟิง

 

“เป็นแก!”

 

หวังไคว่แสดงความเป็นปรปักษ์ชัดเจน ถลึงตามองฉินเฟิง

 

ฉินเฟิงมิได้แยแสหวังไคว่เลย หากแต่หวังไคว่กลับไม่หลีกทางให้เขา ยืนขวางประตูรถ ไม่ยอมปล่อยให้ฉินเฟิงเข้าไป

 

ฉินเฟิงกล่าวอย่างเฉยเมย “ถอยไปซะ!”

 

“ถอย? ทำไมฉันต้องถอยด้วย ในเมื่อนี่มันไม่ใช่รถแก และฉันก็ยังทดลองมันไม่หนำใจเลย!”

 

หวังไคว่ตระหนักได้ว่าฉินเฟิงเองก็น่าจะมาที่นี่เพื่อทดลองขับรถศึกเหมือนกัน จึงย่อมเป็นธรรมดาที่เขาจะขัดขวางความสุขของฉินเฟิง เจ้าตัวกลับไปนั่งลงบนรถดังเดิมอีกครั้ง

 

ปึก!

 

หวังไคว่ปิดประตูรถ ยักคิ้วประชดประชันฉินเฟิง

 

ฉินเฟิงเงียบ ไม่เอ่ยคำใดสักคำ

 

“ฮะฮ่า! ไม่มีเงินก็อย่าสะเออะมาดูรถศึก นายคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? จะสามารถซื้อรถศึกคันนี้ได้อย่างงั้นรึไง?” หวังไคว่เยาะเย้ย

 

“ไปกันเถอะ” ฉินเฟิงหันไปพูดกับพนักงานขายที่อยู่ข้างๆเขา

 

“ฉันต้องขออภัยด้วย ฉันเสียใจจริงๆ หรือคุณลูกค้าจะให้ฉันแนะนำรถรุ่นอื่นๆกับคุณดี?” ผู้หญิงคนนั้นรีบขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในหัวใจบังเกลียดความเกลียดชังต่อลูกค้าที่ไร้เหตุผลในรถ

 

อารมณ์ของหวังไคว่ค่อยดีขึ้น ความคิดปลอดโปร่ง โล่งสบาย

 

ในที่สุด เขาก็ได้ชำระแค้นที่ถูกทำให้ต้องอับอายในทุ่งล่าได้แล้ว!

ทว่าวินาทีต่อมา เขาก็ได้ยินคำพูดของฉินเฟิง

 

“คุณไม่ต้องแนะนำรถรุ่นอื่นหรืออะไรทั้งนั้น รีบพาผมไปกรอกรายละเอียด ผมต้องการรถศึกคันนี้!”

 

“อะไรนะคะ!?” พนักงานหญิงเบิกตากว้าง ใบหน้าของเธอฟุ้งไปด้วยความประหลาดใจ แต่แล้วมันก็เปลี่ยนเป็นปิติยินดี

 

‘เขาจะซื้อมันจริงๆ!’

 

ฉินเฟิงพยักหน้า แต่แล้วเขาก็หยุดฝีเท้าและเอ่ยปากอีกครั้ง “รถคันนั้นจะเป็นของฉันในไม่ช้า ดังนั้นอย่าให้ใครหน้าไหนมาทำให้มันเกิดรอยขีดข่วนเป็นอันขาด มิฉะนั้นฉันเกรงว่าเขาจะไม่สามารถชดใช้มันได้!”

 

ในพริบตา สีหน้าของหวังไคว่เริ่มเปลี่ยนเป็นแดงก่ำสลับซีดขาว เพราะเขารับรู้ได้ทันทีว่าฉินเฟิงกำลังกล่าวถึงตนเอง!

 

‘แต่คิดหรือว่าฉันจะเชื่อว่าแกมีเงินซื้อมันได้!’

 

ในหัวใจของหวังไคว่ก็ยังไม่ยอมแพ้ เอ่ยปากร้องตะโกนด้วยความชั่วร้าย

 

“เฮอะ! คิดว่าฉันจะกลัวคำขู่ของแกรึไง? ฉันไม่เชื่อหรอก! ว่าแกจะมีปัญหาซื้อรถคันนี้ได้จริงๆ! ถ้าแกซื้อได้ บิดาจะยอมก้มลงกินยางรถให้ดูเลย!”

 

เขาตะโกนเสียงดังก้อง จึงเป็นธรรมดาที่คนอื่นๆในโชว์รูมรถจะหันมามองเขาเป็นสายตาเดียว ดึงดูดความสนใจจากทุกคน

 

อย่างไรก็ตาม สายตาของทุกคนกลับไม่เป็นเหมือนกับที่หวังไคว่คาดคิดเอาไว้ … ทุกสายตากลับแฝงไปด้วยความดูหมิ่น

เพราะท้ายที่สุดแล้ว รถคันนี้มันไม่ใช่ของเขา ฝูงชนเริ่มเกิดเสียงกระซิบกระซาบ เตรียมรับชมเรื่องสนุกสนาน

 

ในเวลานี้ หวังไคว่รู้สึกราวกับกำลังนั่งอยู่บนเข็มแหลม

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากรอมาสักพักหนึ่งแล้ว ฉินเฟิงก็ยังไม่กลับมา หวังไคว่ค่อยถอนหายใจโล่งอก ในเวลาเดียวกัน สีหน้าโกรธเกรี้ยวดุร้ายก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของเขา

 

“เฮอะ! คิดไว้แล้วเชียว ฉันไม่มีทางหลงกลคำขู่หลอกเด็กของแกหรอก!” หวังไคว่เมื่อเห็นว่าฉินเฟิงจากไปแล้ว ก็กลับมาสู่ภาพลักษณ์เพลย์บอยดังเดิม เขาจงใจนั่งเก๊กในรถสปอร์ต แสดงท่าทีว่าตนเหนือกว่า มองผู้คนภายนอกดั่งเช่นลิงกัง

 

ฉันมันโง่จริงๆ ที่เผลอคิดกังวลเกี่ยวกับมัน

เมื่อมาถึงจุดนี้ เขาก็ต้องการที่จะออกจากรถ แต่ในจังหวะนั้นเอง ชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อสีขาว ชุดสูทสีดำก็ปรากฏขึ้นข้างประตู

 

เขาคือพนักงานในโชว์รูมรถ และยังเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยที่มีตราสัญลักษณ์ G3 ติดอยู่บนหน้าอกอีกด้วย

 

เป็นผู้ใช้พลังพิเศษ!

 

“มิสเตอร์ ต้องขออภัยจริงๆ รถคันนี้ถูกซื้อไปแล้ว ฉะนั้นโปรดหยุดทดลองขับมัน และให้ความร่วมมือกับพวกเราแต่โดยดี!”

 

“ว่าไงนะ!?” หวังไคว่เบิกตาโพลง

 

‘บัดซบ! คนที่ซื้อไปคงไม่ใช่เจ้าหมอนั่นจริงๆใช่ไหม? อย่างมันน่ะหรอจะซื้อได้?’

 

หัวใจของหวังไคว่เต้นเป็นกลองชุด

 

“ลูกพี่ลูกน้อง นายมีปัญหาอะไรกับคนๆนั้นรึเปล่า เมื่อกี้ฉันแอบไปดูเขา และเห็นว่าเขาจ่ายเงิน 8 ล้านซื้อรถศึกคันนี้ไปแล้ว!” ลูกพี่ลูกน้องของหวังไคว่แอบตามฉินเฟิงกับพนักงานหญิงไป เดิมทีเพราะต้องการดูเรื่องตลก แล้วกลับมารายงานหวังไคว่ เพราะท้ายที่สุดแล้ว หวังไคว่คือคนเดียวในตระกูลของเขาที่เหมาะสมจะเป็นเป้าหมายในการเลียแข้งเลียขา

 

“เขาซื้อรถศึกคันนี้จริงๆอย่างงั้นหรอ?” ดวงตาของหวังไคว่กลายเป็นมืดบอด

 

“มิสเตอร์ กรุณาออกจากรถด้วย!” ตรงข้ามเขา สีหน้าของผู้ใช้พลังพิเศษเริ่มไม่พอใจ แสดงออกถึงท่าทีคุกคามเล็กน้อย

 

เหงื่อเย็นผุดขึ้นตามมือของหวังไคว่ เขาเร่งเปิดประตูรถ และก้าวฉับๆ ตรงออกจากร้านทันที

 

“รีบไปเร็วเข้า!” หวังไคว่ไม่ต้องการรอให้ฉินเฟิงกลับมาเยาะเย้ยให้เขาขายขี้หน้า

 

แต่ยิ่งกังวลเรื่องใดมากเท่าไหร่ คุณก็จะได้พบเจอกับสิ่งที่คุณกังวลมากเท่านั้น -ฉินเฟิงได้เดินกลับมาพอดี

 

“อ่าว จะรีบไปไหน? นายยังไม่ได้กินยางรถเลย!” ฉินเฟิงเอ่ยเสียงเย็น

 

“พรืด!” หลายคนที่อยู่โดยรอบหลุดหัวเราะออกมา บางคนก็หุบยิ้มไม่ได้

 

หวังไคว่ไม่อาจสรรหาคำใดมาตอบโต้ รีบพุ่งจากไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ