เล่ม 1 ตอนที่ 212 โจวยวนที่ไม่เหมือนเดิม

ราชินีพลิกสวรรค์

เงียบ!

 

 

เงียบมาก!

 

 

ความเงียบในขณะนี้ และความวุ่นวายก่อนหน้า เปรียบเสมือนสองขั้ว

 

 

ประชาชนชาวซีเฉียนมองทั้งสามคนด้วยสายตาที่ทั้งตะลึง ทั้งเห็นใจ ปนความเย็นชาด้วย นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะกล้าฆ่าสัตว์เลี้ยงขององค์ชาย

 

 

สัตว์เลี้ยงเหล่านี้ ฆ่าได้ไม่ยาก

 

 

ที่ทำให้ชาวซีเฉียนไม่กล้าลงมือ เพราะเจ้าของของพวกมันต่างหาก!

 

 

“อาหลี เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม” เจียงเฮ่าระวังตัวรอบทิศทาง เข้ามาใกล้เจียงหลี

 

 

เจียงหลีส่ายหน้าช้าๆ นางไม่สนใจสายตาของสัตว์ป่าทั้งห้าตัวที่จ้องมองนางด้วยความดุร้าย นางกลับกวาดสายตาไปยังรถม้าสองคันนั้น

 

 

“ดูท่าแล้ว จะต้องมีเรื่องเสียหน่อยแล้ว” ลู่เสวียนก็เข้ามาใกล้ บนใบหน้ารูปงามมีความเคร่งขรึมอยู่

 

 

“เหอะ!” ในรถม้าขององค์ชายรอง มีเสียงที่ไม่พอใจดังขึ้น

 

 

“ฆ่าพวกมัน”

 

 

“ฆ่าพวกมัน”

 

 

องค์ชายในรถม้าทั้งสองคัน แทบจะออกคำสั่งที่เหมือนกันในเวลาเดียวกัน

 

 

โฮกกกก!

 

 

โฮกกกกก!

 

 

สัตว์ป่าห้าตัวเมื่อได้รับคำสั่งก็พุ่งไปหาทั้งสามคนทันที

 

 

“อาหลี เจ้าคอยอยู่ที่นี่” เจียงเฮ่าหยิบอาวุธออกมา กำชับเจียงหลี แล้วก็พุ่งออกไปต่อสู้กับเหล่าสัตว์ป่า

 

 

และในตอนนี้ องครักษ์ของไท่จื่อและองค์ชายรองก็พุ่งเข้ามา

 

 

ลู่เสวียนขยับคอเล็กน้อย ส่งเสียงไม่พอใจ แล้วพุ่งตัวออกไปเช่นกัน

 

 

สถานการณ์วุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

มีเพียงเจียงหลีคนเดียวที่ไม่ได้ขยับ

 

 

แววตาที่สดใสของนาง เต็มไปด้วยความเยือกเย็น จ้องมองไปยังเจ้าของในรถม้าสองคันนั้นที่ยังไม่เผยตัวออกมาให้เห็น

 

 

ขั้นพลังของเหล่าองครักษ์ไม่นับว่าสูง ล้วนแต่เป็นหลิงซื่อ บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขามั่นใจมากนัก ในเมืองอู๋เขิ่นนี้ จึงไม่มีใครกล้าลงมือกับองค์ชาย

 

 

สัตว์ป่าทั้งห้าตัวนั้นตายอนาถอย่างรวดเร็วด้วยมือของเจียงเฮ่า เขาและลู่เสวียนร่วมมือกันสังหารองครักษ์ที่ไม่มีทางสู้เหล่านั้นขององค์ชาย

 

 

“หืม? หลิงเจี้ยง” หลังจากที่พลังลมปราณของเจียงเฮ่าเผยออกมา น้ำเสียงที่ประหลาดใจดังออกมาจากในรถม้าขององค์ชายรอง

 

 

หลิงเจี้ยงที่อายุน้อยเช่นนี้ ทำให้เขาเริ่มสงสัยในฐานะของทั้งสามคน

 

 

“พวกสวะ” เสียงของไท่จื่อก็ดังออกมาเช่นกัน

 

 

ทันใดนั้น รถม้าของไท่จื่อก็ระเบิดออก ร่างหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนฟ้า แล้วมุ่งมาจัดการกับเจียงเฮ่า

 

 

เจียงหลีเงยหน้าขึ้นมอง เห็นคนที่พุ่งลงมา ใบหน้าที่โหดร้ายนั้น เสื้อผ้าที่งดงามบนตัวเขา แสดงให้เห็นถึงฐานะของเขาอย่างชัดเจน และลมปราณของพลังวิญญาณที่ถูกปล่อยออกมา ก็ยืนยันได้ว่าเขาเป็นหลิงเจี้ยง อีกทั้งยังมีพลังที่แข็งแกร่ง

 

 

ตูมๆ!

 

 

เจียงเฮ่าเข้ารับมืออย่างฉุกละหุก หมัดของทั้งสองปะทะกัน พลังวิญญาณระเบิดกระจายไปทั่วทุกทิศทาง

 

 

ฟึบๆๆ!

 

 

เจียงเฮ่าถูกหมัดที่ลอยอยู่ในอากาศโจมตี ทำให้ถอยหลังไปสองสามก้าว ก่อให้เกิดความเยือกเย็นบนในหน้ารูปงามของเขา ความระวังตัวในแววตายิ่งเพิ่มมากขึ้น

 

 

“พี่เฮ่า!” ลู่เสวียนมาอยู่ข้างๆ เขาอย่างรวดเร็ว เรียกเขาด้วยความเป็นห่วง

 

 

ในขณะเดียวกัน เขามองไปยังไท่จื่อแห่งซีเฉียนที่รูปร่างสูงใหญ่ที่ลอยลงมาสู่บนพื้น ในแววตาเต็มไปด้วยความระวังตัวเช่นกัน

 

 

“เจ้าพวกกระจอก” แววตาที่เย็นชาและเหยียดหยามของไท่จื่อแห่งซีเฉียน เขาเอามือไขว้หลัง ในสายตาของเขา ลู่เสวียนและเจียงเฮ่าก็เป็นเหมือนกับตัวตุ่นและมดก็เท่านั้น

 

 

เพิ่งพูดจบ ทันใดนั้นเขาก็เคลื่อนไหว ร่างกายสลับไปมาระหว่างภาพจริงและภาพมายา เริ่มจู่โจมเจียงเฮ่าอีกครั้ง และเมินเฉยลู่เสวียนที่เป็นหลิงซื่ออย่างสิ้นเชิง

 

 

ท่าทางที่รวดเร็ว!

 

 

เจียงเฮ่าประหวั่น ทำได้เพียงผลักลู่เสวียนออกไปได้ทันเวลา

 

 

ส่วนเจียงหลีที่ไม่ขยับตัวเลยนั้น ในตอนนี้ก็หรี่ตา ตัวหายไปจากที่เดิมเช่นกัน เหวี่ยงมือขวาออกไปในจังหวะเดียวกัน ตั้งรับการจู่โจมของไท่จื่อแห่งซีเฉียน

 

 

ตูมๆๆ!

 

 

แสงสีทองสว่างแผ่กว้าง พลังวิญญาณกระจายไปทั่ว

 

 

สองคนเป็นพื้นที่ศูนย์กลาง พลังวิญญาณที่ถูกสาดซัด กระจายไปในอากาศ แตกออกเป็นชิ้นๆ อีกครั้ง แล้วพุ่งไปรอบๆ

 

 

ฝุ่นฟุ้งกระจายขึ้นมา บดบังสายตาของผู้คนมากมาย แต่กลับบดบังความหวาดกลัวในใจของพวกเขาไม่ได้

 

 

แท้จริงแล้ว ในสามคนนี้ สาวน้อยที่ดูอายุน้อยที่สุด คือคนที่เก่งกาจที่สุดงั้นหรือ ไม่นึกเลยว่าพลังของนางจะต่อกรกับไท่จื่อได้?

 

 

จากที่ไกลๆ ในรถม้าขององค์ชายรองก็เงียบเหมือนกัน เหมือนว่าคนด้านในกำลังดูการต่อสู้นี้อย่างเงียบๆ

 

 

ตูมๆ!

 

 

ร่างของเจียงหลีและร่างของไท่จื่อแห่งซีเฉียน ปรากฏและหายไปอยู่ในอากาศและบนพื้นอย่างต่อเนื่อง

 

 

ทุกครั้งที่ปรากฏ ก็จะนำมาซึ่งการปะทะกันอย่างรุนแรง

 

 

การต่อสู้ที่ดุเดือดเช่นนี้ ท้ายที่สุดก็ดึงดูดความสนใจของทหารเฝ้าเมืองในเมืองอู๋เขิ่น ในตอนที่หัวหน้าทหารเฝ้าเมืองรีบนำกำลังทหารตามมา เห็นภาพที่เจียงหลีและไท่จื่อแห่งซีเฉียนแยกออกจากกันกลางอากาศ ต่างก็ลงสู่พื้น

 

 

“ทหาร ไปจัดการเจ้าคนพวกนี้ โทษฐานล่วงเกินไท่จื่อ!”

 

 

หัวหน้าทหารเฝ้าเมืองโบกมือ ทันใดนั้นกองกำลังทหารก็ล้อมทั้งสามคนไว้

 

 

“ที่แท้ซีเฉียนก็จับคนโดยไม่แยกถูกแยกผิดเช่นนี้” ลู่เสวียนพูดถากถาง ในแววตาไม่มีความเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย

 

 

“พวกเจ้าไม่ใช่คนซีเฉียน?” ไท่จื่อแห่งซีเฉียนเปิดปากพูด ตาของเขาจ้องมองที่เจียงหลี

 

 

แววตาที่สดใสของเจียงหลีปรากฏความหยอกล้อ “ลู่เสวียน เอาจดหมายที่ท่านอาจารย์หนานให้ออกมา”

 

 

ลู่เสวียนกลอกตาไปมา ก็เข้าใจที่เจียงหลีหมายถึงทันที เขาหยิบจดหมายฉบับนั้นออกมา ในขณะเดียวกันก็พูดตะโกนเสียงดังว่า “พวกเราคือลูกศิษย์ของสถาบันไป๋หยวน มาเล่าเรียนที่สถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียน”

 

 

“สถาบันไป๋หยวน!” พอหัวหน้าทหารเฝ้าเมืองได้ยิน ก็ตกใจกลัวไปทั้งตัว รีบยกมือห้ามกองกำลังทหาร แล้วก็มองใบหน้าที่เย็นชาของไท่จื่ออย่างระมัดระวัง “ไท่จื่อขอรับ ถ้าพวกเขาเป็นคนของสถาบันไป๋หยวน เกรงว่า…” ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวที่มีต่อสถาบันไป๋หยวน

 

 

“นึกไม่ถึงว่าจะเป็นลูกศิษย์ของสถาบันไป๋หยวน” องค์ชายรองที่เงียบอยู่นาน เปิดปากพูดอีกครั้ง

 

 

เพียงแต่ ตอนนี้ทั้งสามคน กลับไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเขา

 

 

“ในเมื่อเป็นลูกศิษย์ของสถาบันไป๋หยวน เช่นนั้นก็ไว้หน้าพวกเขาหน่อยเถอะ” ไท่จื่อพูด ตอนจบเหนือความคาดหมายเล็กน้อย

 

 

แต่ว่า กลับทำให้ทั้งสามคนรู้จักสถาบันไป๋หยวนมากขึ้นอีกขั้น

 

 

ไท่จื่อแห่งซีเฉียนจ้องมองเจียงหลีราวกับสัตว์ป่า พ่นคำพูดที่มีความหมายไม่ชัดเจนออกมา “เจ้า น่าสนใจมาก”

 

 

พูดจบ เขาก็นำคนของตัวเองจากไป องค์ชายรองก็ไม่ได้หยุดอยู่ตรงนั้นนานนัก ชั่วครู่ก็นำคนกลับเช่นกัน

 

 

“นี่ยุติแล้วหรือ” ลู่เสวียนไม่อยากจะเชื่อว่ากลุ่มคนตรงหน้าเริ่มแยกย้ายไป

 

 

เจียงเฮ่ากลับพูดด้วยสีหน้าสับสนว่า “ดูแล้ว ฐานะของสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนจะสูงมาก ราชนิกุลแห่งซีเฉียนที่โอหังเช่นนี้ แต่ท่าทีที่มีต่อสถาบันไป๋หยวนกลับนอบน้อมผิดกันยิ่งนัก”

 

 

“ใช่แล้ว เพียงแค่พูดชื่อนี้ออกมา ก็ทำให้องค์ชายทั้งสองถอยไปได้ ซีเฉียนไม่น่าเบื่อแล้ว” เจียงหลีทีเล่นทีจริง หันหน้าพูดกับทั้งสองคนว่า “ไปกันเถอะ พวกเราก็น่าจะต้องไปดูสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนเสียหน่อยแล้ว”

 

 

……

 

 

สถาบันไป๋หยวนหาง่ายมาก ถามครู่เดียวก็สามารถรู้ตำแหน่งที่ถูกต้องได้

 

 

มีจดหมายของหนานอู๋เฮิ่น ทั้งสามคนก็สามารถเข้าประตูสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนได้อย่างง่ายดาย ไม่เพียงแต่ทำให้ทั้งสามคนประหลาดใจ หรือจะพูดให้ถูกก็คือ สิ่งที่ทำให้ลู่เสวียนรู้สึกประหลาดใจต่างหาก ขณะที่พวกเขาเพิ่งก้าวขาเข้าประตูสถาบันไป๋หยวน ศิษย์ผู้พี่กำลังจะพาพวกเขาไปคาราวะอาจารย์ ทันใดนั้น ก็ปรากฏร่างของคนผู้หนึ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึง

 

 

“โจวยวน?” ลู่เสวียนนิ่งอึ้งอย่างควบคุมตัวไม่ได้ เขามองสาวน้อยตรงหน้าที่เดินมาด้วยความประหลาดใจ

 

 

ใบหน้าใบเดิม แต่กลับต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง