ตอนที่ 302 ภาพแผ่นหลังที่สวยงาม

แม่สาวเข็มเงิน

เจียงป่าวชิงถือกล่องยาเดินไปดูที่สนามฝึกก่อน วันนี้มีหลายคนไม่มีชีวิตชีวาเอาเสียเลย บ้างก็ขี้เกียจ บ้างก็เหนื่อย แต่ส่วนใหญ่พวกเขาดูเหมือนผีตายซากเพราะอาการเมาค้างจากเมื่อคืนมากกว่า ถึงแม้มีผู้คนมากมายมาแออัดกันอยู่ในสนามฝึกศิลปะการต่อสู้ แต่คนส่วนใหญ่แลดูอ่อนล้าไม่มีชีวิตชีวากันทั้งนั้น

ไม่นานก็เริ่มมีคนสังเกตเห็นว่าเจียงป่าวชิงมาที่นี่ พวกเขาต่างพากันทักทายนางเกรียวกราว “เฮ้! หมอเจียง ข้ารู้สึกไม่สบายตัว หายาอะไรมาให้ข้ากินหน่อยสิ”

เจียงป่าวชิงแค่นเสียงหัวเราะแต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เมื่อคืนปรุงตัวยาสมุนไพรทำต้มสร่างเมาให้พวกเขาแต่พวกเขาอดกิน นางทำเพียงมองชายคนนั้นและพูดอย่างกระชับ “พวกเจ้าเมาค้างมันก็เป็นแบบนี้แหละ ดื่มน้ำร้อนให้มาก ๆ ประเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”

ชายคนนั้นย่นจมูกพลางส่งเสียงอุทานเล็กน้อย จู่ ๆ เขาก็นั่งลงและค่อย ๆ เอนกายนอนลงไปบนพื้น “ดื่มน้ำร้อนให้มาก ๆ อีกแล้วรึ หมอเจียง เจ้าอย่าแนะนำอย่างขอไปทีสิ”

“ข้าไม่ได้แนะนำเจ้าอย่างขอไปที” เจียงป่าวชิงเลิกคิ้ว “ในหลายกรณี การดื่มน้ำร้อนมาก ๆ จะทำให้เจ้าทรมานน้อยลงได้จริง”

ที่นางบอกเขาไปเช่นนั้นก็เพราะประการแรก เอาต้มสร่างเมาให้ซดในตอนนี้ก็ไม่มีผลอะไรแล้ว ประการที่สอง ถ้าหากว่าคนพวกนี้อยากพึ่งพาแต่ต้มสร่างเมา ต่อไปพวกเขาคงดื่มเหล้ามากกว่านี้แน่ ๆ และถ้าเป็นเช่นนั้นคงไม่วายเกิดเรื่องขึ้นไม่ช้าก็เร็ว

ต้มสร่างเมาช่วยบรรเทาอาการทรมานที่เกิดจากฤทธิ์เหล้าแรง ๆ ได้ แต่อันตรายของมันที่มีต่อร่างกายมนุษย์ยังคงอยู่

เจียงป่าวชิงกวาดสายตาไปรอบ ๆ สนามฝึกและเห็นว่าจิ้นเทียนหยู่ไม่อยู่ที่นี่จึงเอ่ยถามคนแถวนั้น “นี่ เจ้าเห็นหัวหน้าสามหรือเปล่า ?”

ชายคนนั้นดีใจทันที “หมอเจียง ที่เจ้ามาหาหัวหน้าสามเพราะเจ้าจะคิดบัญชีกับเขาใช่ไหม ได้ยินว่าเมื่อคืนนี้เขาไล่เจ้าออกไปหนิ”

“เฮ้อ…” เจียงป่าวชิงลอบถอนหายใจเบา ๆ เขาพูดมาเช่นนี้นี่นางหมดคำจะพูดจริง ๆ เหตุใดแต่ละคนถึงได้รับข่าวสารไวนัก

“ไอ้โย! หมอเจียง ข้าว่าเจ้าเลิกแล้วกันไปเถอะ แค่หมัดที่เหมือนค้อนของหัวหน้าสามหมัดเดียว คนที่บอบบางและเนื้อนุ่มนิ่มอย่างเจ้า เกรงว่าถ้าโดนหมัดของเขากระดูกซี่โครงของเจ้าไม่พ้นได้หักสองสามท่อนแน่ ๆ”

“ข้าแค่ถามเจ้าว่าเห็นหัวหน้าสามหรือเปล่า เจ้าแค่ตอบเรื่องนั้นก็พอ ไม่ต้องพูดเรื่องอื่น” เจียงป่าวชิงย้ำด้วยสีหน้าราบเรียบ

ชายคนนั้นงุนงง เขาเกาศีรษะด้วยใบหน้าเหยเกและชี้ไปทางหลังเขา “อืม ดูเหมือนว่าหัวหน้าสามจะเข้าไปในป่าทางนั้น… เฮ้หมอเจียง นี่เจ้าจะไปคิดบัญชีกับหัวหน้าสามจริง ๆ รึ ถ้าหากว่าเจ้าถูกเขาต่อยจนพิการแล้วต่อไปใครจะรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกเรา… เฮ้! หมอเจียง เจ้าอย่าเพิ่งไปเซ่…”

เจียงป่าวชิงคร้านจะสนใจเสียงตะโกนของชายคนนั้น เขานั่นแหละที่ใช้คำพูดใส่ไฟทำให้คนรอบ ๆ สงสัยนาง นางเลือกที่จะเดินไปทางหลังเขาแทน

พื้นที่หลังเขาค่อนข้างกว้างใหญ่ แต่เจียงป่าวชิงไม่คิดว่าเมื่อนางเดินผ่านพุ่มไม้และเปิดทางมันออกในเวลาเดียวกัน นางจะเห็นน้ำแร่ใสในป่าตรงหน้านี้ นอกจากนี้ยังเห็นจิ้นเทียนหยู่กำลังวักน้ำใส่ตัวเขาเองในท่าทางหันหลังให้นางอยู่ในน้ำแร่อีกด้วย

ชายคนเมื่อกี้ที่ชี้ทางให้เจียงป่าวชิงคิดว่าทุกคนต่างเป็นผู้ชายจึงไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรเป็นพิเศษว่าที่หลังเขาเหมาะสำหรับมาอาบน้ำ และเขาเองก็ไม่รู้ว่าจิ้นเทียนหยู่จะมาอาบน้ำที่หลังเขาในเวลานี้ …นี่ทำให้เจียงป่าวชิงเห็นภาพแผ่นหลังน่าหลงใหลโดยไม่ทันตั้งตัว

แม้แผ่นหลังยืดตรงจะเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น แต่ความแข็งแกร่งและความงดงามตามธรรมชาติของบุรุษเพศที่เผยออกมาผ่านแผ่นหลังแกร่งนั้น กลับเปรียบเสมือนภาพวาดชิ้นเอกเลยก็ว่าได้

เจียงป่าวชิงอดยกนิ้วให้เขาไม่ได้

นี่มันผลงานศิลปะชัด ๆ!

เช้านี้จิ้นเทียนหยู่อารมณ์ดีมากจึงหาคนมาฝึกซ้อมสองสามคน และเขาก็ต่อยคนพวกนั้นราวกับพวกนั้นเป็นหมา เหงื่อท่วมตัวจึงเป็นเรื่องธรรมดา ปกติเขาจะฝึกซ้อมจนถึงตอนเที่ยง แต่ในขณะนี้ทุกคนต่างทรมานจากอาการเมาค้างกันทั้งนั้นและไม่ยอมเป็นกระสอบทรายให้กับคนบ้าคนนี้อีกแล้ว แต่ละคนพากันปฏิเสธที่จะฝึกซ้อมแทบไม่ทัน ตอนนี้จิ้นเทียนหยู่จึงมาอาบน้ำทำความสะอาดเหงื่อไคลบนตัวเสียเลย

ในหัวเขากำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจึงไม่ใส่ใจเสียงกรอบแกรบเมื่อเจียงป่าวชิงเดินเข้ามา แต่เมื่อเสียงนั้นเริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้น จิ้นเทียนหยู่หันกลับไปดู

แต่กลับเห็นเจียงป่าวชิงยืนมองเขาอยู่ตรงริมฝั่ง และนางยังยกมือทักทายด้วยท่าทางสงบ “หัวหน้าสาม หุ่นท่านดีหนิ”

???

!!!

“บัดซบเอ๊ย!” จิ้นเทียนหยู่ดำลงไปในน้ำแร่ทันที เขาหน้าแดงก่ำ ความร้อนทั่วทั้งร่างกายของเขาช่างน่าตกใจมาก น้ำแร่ที่อยู่รอบตัวแทบระเหยกลายเป็นน้ำพุร้อน

“เจ้า… เจ้า…” จิ้นเทียนหยู่แทบไม่สามารถด่าเจียงป่าวชิงได้

เขาใกล้โมโหตายเพราะเจียงป่าวชิงคนนี้!

เจียงป่าวชิงปลอบเขาอย่างเข้าใจ “ท่านไม่ต้องกลัว ข้าแค่มองดูแผ่นหลังเอง ไม่ได้มองอย่างอื่นสักหน่อย ไม่ต้องอาย ข้าจะหันกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ” พูดเสร็จ เจียงป่าวชิงก็หมุนตัวกลับไปอย่างตรงไปตรงมา นางไม่คาดคิดมาก่อนเลยจริง ๆ ก็นางน่ะ นางเคยเห็นจิ้นเทียนหยู่ได้รับบาดเจ็บทำให้เคยเห็นแผ่นหลังของเขาออกจะบ่อย อีกอย่าง แผ่นหลังของผู้ชายไม่ใช่สิ่งที่ดูไม่ได้อะไร ไม่คิดว่าหัวหน้าจิ้นจะเขินอายขนาดนี้

แต่ในเมื่อเขาจริงจังกับเรื่องนี้ การที่นางไม่มีมารยาทกับเขาเช่นนี้มันไม่ถูกต้อง

เจียงป่าวชิงทบทวนความผิดพลาดของตนเองและขอโทษจิ้นเทียนหยู่โดยยังคงหันหลังให้เขาทั้งอย่างนั้น “หัวหน้าสาม ท่านไม่ต้องห่วง เมื่อสักครู่นอกจากแผ่นหลังของท่านแล้วข้าก็ไม่เห็นอะไรอีก ข้าขอโทษจริง ๆ ต่อไปจะระวังให้มากกว่านี้”

จิ้นเทียนหยู่ใกล้จะหมดสติอยู่รอมร่อ เขาโมโหเนื้อตัวสั่นไปหมด “เจ้า… เจ้า… ผู้หญิงอย่างเจ้าทำไมถึง… ทำไม…”

เขาโมโหจนพูดตะกุกตะกักเลยทีเดียว

เจียงป่าวชิงหันหลังให้เขาอยู่บนฝั่งและเอ่ยขอโทษอย่างต่อเนื่อง

จิ้นเทียนหยู่สูดหายใจเข้าลึก ๆ นึกถึงผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่มักรู้สึกร้อนเกินไปในช่วงฤดูร้อน พวกเขาจึงถอดเสื้อและเดินไปเดินมาในหมู่บ้านโดยที่เปลือยไหล่ทั้งอย่างนั้น…

จิ้นเทียนหยู่ตีผิวน้ำระบายโทสะ

บัดซบ! นี่มันเรื่องอะไรกัน บัดซบ บัดซบ บัดซบ!!!

เมื่อจิ้นเทียนหยู่ควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้แล้วและออกจากบ่อน้ำแร่ หลังจากสวมเสื้อผ้าเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปได้สักพัก

“เอาล่ะ เจ้าหันกลับมาได้แล้ว” จิ้นเทียนหยู่พูดอย่างไม่สบอารมณ์

เจียงป่าวชิงหันกลับมา เห็นจิ้นเทียนหยู่กำลังผูกสายรัดเสื้อด้วยสีหน้าอึมครึม นางกระแอมไอเล็กน้อย “ไม่โกรธแล้วรึ ? เมื่อคืนข้าถูกท่านไล่ออกจากวงเหล้ายังไม่โกรธท่านเลย”

จิ้นเทียนหยู่ยิ่งสีหน้าอึมครึม “นั่นเหมือนกันที่ไหนเล่า! อีกอย่าง ที่ข้าไล่เจ้ากลับเมื่อคืนก็เพราะหวังดีกับเจ้า แค่นี้เจ้าไม่รู้รึ ?!”

หัวข้อสนทนานี้ไม่อาจคุยต่อได้จริง ๆ เจียงป่าวชิงเปลี่ยนหัวข้ออย่างฉลาดเฉียบแหลม “ที่ข้ามาหาท่านก็เพราะมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”

“เรื่องสำคัญอะไร ?” จิ้นเทียนหยู่ยังคงถลึงตาใส่นาง สีหน้าไม่สบอารมณ์

เจียงป่าวชิงเล่าให้จิ้นเทียนหยู่ฟังเกี่ยวกับเรื่องที่นางเห็นมู่จิ้งอี๋บนถนนนอกภูเขาโดยบังเอิญเมื่อคืนนี้ แม้บางครั้งนางรู้สึกว่าจิ้นเทียนหยู่ทำอะไรไม่ค่อยพลิกแพลงเท่าไหร่ ชอบตัดสินใจอะไรแบบตื้น ๆ แต่เอาเข้าจริงเขาก็ถือว่าเป็นคนละเอียดรอบคอบพอสมควร โดยเฉพาะกับเรื่องสำคัญ จิ้นเทียนหยู่ไม่เคยทำแบบลวก ๆ เลยสักครั้ง

ทันทีที่ได้ยินว่าเกี่ยวกับมู่จิ้งอี๋ จิ้นเทียนหยู่ก็เงียบครู่หนึ่ง

“เจ้าบอกเรื่องนี้ให้พี่ซูรู้หรือยัง ?” เขาถามเสียงเข้ม

เจียงป่าวชิงส่ายหน้า “ยัง ข้าเห็นว่าหัวหน้าซูกับมู่จิ้งอี๋คนนั้นรักกันดี อีกอย่าง หากต้องพูดเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องนี้จริง ๆ ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีอะไร และหัวหน้าซูเองก็ไม่ได้จำกัดเสรีภาพส่วนตัวของมู่จิ้งอี๋ เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัยในวันธรรมดา เขาจึงไม่ออกมาเดินให้เห็นบ่อย… แต่ข้ามักจะรู้สึกว่าสีหน้าของมู่จิ้งอี๋เมื่อคืนนั้นเหมือนผิดปกติไปเล็กน้อย”

จิ้นเทียนหยู่พยักหน้าอย่างจริงจัง “ได้ ข้าจะเอาใจใส่เรื่องนี้”

“อ้อ ใช่แล้ว” เจียงป่าวชิงบอกกับจิ้นเทียนหยู่เกี่ยวกับเรื่องของหลี่อันหรูกับหลู่เว่ยต้งอีกเรื่อง “เรื่องนี้ท่านไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม ?”

จิ้นเทียนหยู่รู้สึกงุนงงอย่างมาก “ข้าดีใจมากที่สามารถโยนไอ้ตัวลำบากออกไปได้ จะสนใจทำไมว่าคนที่รับไม้ต่อเป็นใคร ข้ามีปัญหาได้ด้วยรึ ?”