ส่วนที่ 10 จอมเวทผู้แข็งแกร่งที่สุด ตอนที่ 20 จอมเวทผู้แข็งแกร่งที่สุด (20)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

ในโลกนี้ไม่เคยมีสีขาวสีดำหรือความดีความชั่วที่แยกกันอย่างชัดเจนมาก่อน คนดีในสายตาคนส่วนใหญ่ เขาก็ยังทำเรื่องชั่วร้าย และคนชั่วในสายตาของทุกคน เขาก็อาจมีมุมที่แสนดีอ่อนโยน

 

 

ซูเจินเจินตายเพราะช่วยเหลือคนอื่น และทะลุมิติมาอยู่ที่โลกนี้ เธอมาด้วยศีลธรรมความดี แต่ไม่ได้ยืนยันว่าเธอเป็นคนดีที่ยอมทำเพื่อคนอื่นทุกครั้ง

 

 

มีเพียงคนที่ผ่านความตายมาแล้วครั้งหนึ่ง จึงจะเข้าใจว่าการมีชีวิตอยู่มันมีค่ามากแค่ไหน โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ใช้ร่วมกับสวินหรานตู ซูเจินเจินพ่ายแพ้ต่อท่าทางและความสง่างามของพระเอกหนุ่ม รักเขาอย่างลึกซึ้งเข้าแล้ว

 

 

มีคนที่รัก มีคนที่ผูกพัน ภายในใจของเธอเริ่มกลัว กลัวว่าวันหนึ่งตนเองจะถูกทำให้กลับร่างเดิม

 

 

ในเมื่อตอนนี้คือโลกของจอมเวท และความจริงแล้วเธอก็เป็นวิญญาณร่อนเร่ที่แย่งใช้ร่างของซูหว่าน…

 

 

ความกังวลแบบนี้ ความกลัวว่าจะไม่ได้มา ได้มาก็กลัวสูญเสียแบบนี้ ทำให้ซูเจินเจินซูบผอมอิดโรยไปในชั่วพริบตา และสวินหรานตูอยู่กับซูเจินเจินทุกวัน แน่นอนว่าก็ต้องสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเธออย่างรวดเร็ว แต่ละครั้งที่สวินหรานตูถามซักไซ้ ในที่สุดซูเจินเจินก็ ‘สารภาพ’ ออกมา

 

 

แน่นอนว่าเธอไม่มีทางบอกว่าตนเองเป็นวิญญาณเร่ร่อน และเธอก็ไม่สามารถเป็นฝ่ายบอกสวินหรานตูว่านี่เป็นโลกของนิยายเรื่องหนึ่ง และตอนนี้สถานะของตนเองก็เป็นแค่นางรองที่เป็นโล่กำบังกระสุน

 

 

สิ่งที่เธอบอกกับสวินหรานตูคืออีกเรื่องหนึ่ง…

 

 

เรื่องนี้เป็นอย่างนี้ ซูหว่านน่ะ ความจริงแล้วมีน้องสาวฝาแฝด แต่ว่าเธอยังไม่ได้เกิดก็ตายอยู่ในท้องแล้ว เพราะตนเองเต็มไปด้วยพลังหยิน ดวงวิญญาณของน้องสาวหลับใหลอยู่ในร่างของตนเอง จนกระทั่งไม่นานมานี้ ร่างกายของตนเองเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน วิญญาณของน้องสาวก็ปรากฏตัวออกมา

 

 

จากนั้น จากนั้นก็คือพลังหยินในร่างของตนเองรั่วไหลออกมา น้องสาวและผีแก่หนึ่งตนพาตนเองมาที่เหมาซาน จากนั้นระหว่างทางก็เจอกับหม่าเย่ว์…

 

 

ความตั้งใจของซูเจินเจิน แค่อยากจะปิดบังตัวตนที่แท้จริงของตนเอง เธอพูดกับตนเอง ตนเองไม่ได้ตั้งใจจะหลอกลวงใคร ยิ่งไปกว่านั้นซูหว่านในตอนนี้ก็กลับเข้าร่างไม่ได้ เธอเป็นเพียงผีตนหนึ่งจริงๆ อีกทั้งเธอยังอยู่กับหม่าเย่ว์ ผู้ชายที่แข็งแกร่งขนาดนั้นอย่างหม่าเย่ว์ก็เต็มใจปกป้องเธอ เธอเป็นคนที่มีความสุขมากแล้ว ดังนั้นเธอก็ไม่น่าจะอยากกลับคืนร่างตนเองแล้ว และเธอก็ไม่ได้ชอบสวินหรานตู คงจะไม่อยากมาแย่งพี่สวินกับตนเองหรอก

 

 

ต้องบอกว่า ความคิดหลอกตัวเองและคนอื่นของซูเจินเจินนั้นดีมาก

 

 

แต่เธอกลับได้แต่ยึดติดอยู่กับจุดยืนของตนเองไม่เคยคำนึงถึงผู้อื่นมาก่อน พอได้รู้ว่า ‘ซูเจินเจิน’ ที่น่าสงสัยคนนั้น ที่แท้เป็นผีตนหนึ่ง สีหน้าของสวินหรานตูกลับเปลี่ยนไปทันที

 

 

ทำไมตนเองมองตัวตนของเธอไม่ออก หรือว่าเธอบำเพ็ญเพียรจนอยู่ในระดับสูงขนาดนี้แล้ว

 

 

ต้องบอกว่า สวินหรานตูตอนนี้ตกใจอย่างยิ่ง

 

 

“ศิษย์พี่สวิน พวกเราต้องช่วยศิษย์พี่หม่านะ!”

 

 

เยี่ยอวี้ฉีที่ได้รู้ ‘ความจริง’ เช่นเดียวกัน สิ่งที่เธอเป็นห่วงคือความปลอดภัยของหม่าเย่ว์ “ผีสาวตนนั้น ต้องเป็นผีสาวที่มายั่วยวนศิษย์พี่หม่าแน่”

 

 

เยี่ยอวี้ฉีนึกถึงที่หม่าเย่ว์เคยพูดกับตนเองว่าเขามีคนรักแล้ว แต่ว่าหลังจากตนเองบอกพ่อแล้ว พ่อก็ได้ติดต่อกับคนตระกูลหม่าแล้ว ทางนั้นกลับบอกว่า หม่าเย่ว์ไม่เคยคบหากับผู้หญิงคนไหนมาก่อน

 

 

อีกทั้ง…

 

 

วันนั้นตอนที่ศิษย์พี่หม่าจากไป เขาดูหน้าซีดอิดโรยมากเป็นพิเศษ นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าถูกผีสาวดูดพลังหยางไปจึงมีอาการแบบนี้!

 

 

“ใช่ จะปล่อยให้หล่อนทำลายโลกมนุษย์ต่อไปอีกไม่ได้”

 

 

สวินหรานตูได้ยินคำพูดของเยี่ยอวี้ฉี ก็นึกถึงการทำนายโชคชะตาตนเองในวันนั้น อย่างไม่รู้ตัว อีกแค่ก้าวเดียว คืนวันนั้นตนเองก็ควรจะได้ลงมือสังหารหล่อนแล้ว

 

 

“การบำเพ็ญเพียรของหล่อนคงจะแก่กล้ามา ระหว่างทางนี้ยังได้ดูดรับพลังวิญญาณมากมายขนาดนั้นอีก เกรงว่าผมในตอนนี้จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหล่อน”

 

 

แน่นอนว่าสวินหรานตูอยากจะสังหารผีสาวมาก แต่เขาก็กลัวว่าตอนนี้ตนเองมีความตั้งใจแต่มีกำลังไม่มากพอ

 

 

“ศิษย์พี่สวิน ฉันจะช่วยพี่!”

 

 

เยี่ยอวี้ฉีมองไปยังสวินหรานตูด้วยสายตาที่หนักแน่น “ฉัน…ฉันรู้ว่าเส้นทางลับที่ทะลุไปยังตำหนักจิ่วเซียววั่นฝู ภายในท้องพระโรงของตำหนักวั่นฝูมีเครื่องรางที่ท่านบรรพชนทิ้งเอาไว้ จะต้องช่วยพี่สังหารผีสาว และช่วยศิษย์พี่หม่ากลับมาได้แน่นอน!”

 

 

เพื่อ ‘ช่วย’ หม่าเย่ว์ เยี่ยอวี้ฉีก็ยอมทุ่มสุดตัว

 

 

ทางลับเส้นนั้นเป็นทางที่เธอพบอย่างบังเอิญในวัยเด็ก เธอเคยแอบพ่อของเธอไปชั้นในของตำหนัก รู้ว่าภายในมีเครื่องรางที่มีอานุภาพมากวางอยู่ที่นั่น

 

 

แต่เครื่องรางนั้นดูเหมือนจะเลือกผู้ครอบครองด้วยตัวมันเอง ไม่รู้ว่าศิษย์พี่สวินจะสามารถเอามันมาครอบครองอย่างราบรื่นได้หรือไม่

 

 

…………

 

 

ซูหว่านในตอนนี้ ยังไม่รู้ตัวว่าพระเอกและนางเอกกำลังพยายามอย่างเต็มความสามารถที่จะ ‘ทำลาย’ ตนเอง การเดินทางของพวกเขาสามคนมาถึงเมืองเล็กๆ ใกล้กับมหาสมุทรเหนือแล้ว

 

 

ตอนนี้ ยังมีเวลาอีกหนึ่งเดือนกว่าก่อนที่ปีศาจทะเลจะปรากฏบนโลกมนุษย์ ในเมืองเล็กๆ กลับมีคนของสำนักลี้ลับมารวมตัวกันมากมาย

 

 

เพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายที่ไม่จำเป็น ฉืออีปู้แยกกับทั้งสองคนที่นอกเมือง ส่วนซูรุ่ยและซูหว่านก็ใส่แว่นกันแดดและหมวกแก๊ป หลังจากที่ปลอมตัวจนไม่ให้ใครจำได้แล้วก็เข้าไปในเมือง

 

 

เมืองที่คึกคัก ท้องฟ้าสีเทา ผู้คนที่ยุ่งวุ่นวายในเมืองนี้แทบไม่ได้รู้ตัวเลยว่าบนท้องฟ้ามีไอปีศาจปกคลุมอยู่แล้ว…

 

 

ในช่วงพักฟื้นบำรุงร่างกายนี้ ทำให้ดวงวิญญาณของซูหว่านกลับมามีความมั่นคงขึ้นมาใหม่ ดังนั้นตอนนี้ซูรุ่ยก็ไม่ต้องตามล่าสังหารวิญญาณเพื่อมาชดเชยพลังวิญญาณของเธอแล้ว

 

 

สมควรแก่เวลาแล้ว ที่จะกำจัดบั๊กในโลกนี้

 

 

ซูรุ่ยร่ายเวทอาณาเขตเงียบสงบอยู่ในห้อง เขาเอาเรื่องที่ตนเองรู้เกี่ยวกับบุตรชายของถูหมีบอกกับซูหว่านทั้งหมด

 

 

ได้ฟังเรื่องบุญคุณความแค้นนับหมื่นปีก่อนหน้านี้ ซูหว่านก็ได้แต่ถอนหายใจยาวออกมาอย่างตื่นเต้น ตั้งแต่สมัยโบราณคำว่ารักเพียงคำเดียว ก็ทำลายคนเราอย่างสาหัส

 

 

“ตอนนี้คุณมั่นใจไหม”

 

 

สำหรับความปลอดภัยของซูรุ่ย ซูหว่านก็ยังกังวลอยู่เล็กน้อย ในเมื่อถูหมีกลายร่างเป็นปีศาจอยู่ก้นทะเล ถึงตอนนี้ก็หนึ่งหมื่นกว่าปีแล้ว

 

 

พลังเวทของหล่อนสูงส่งขึ้นขั้นไหนแล้ว ซูหว่านกับซูรุ่ยก็ไม่อาจคาดเดาได้

 

 

“ไม่ว่าอย่างไร ผมก็จะลองดู วางใจเถอะ ผมจะไม่ใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหา”

 

 

ซูรุ่ยคิดกลวิธีเอาไว้แล้ว ในเมื่อตอนนี้มีคนมากมายมารวมตัวกันที่นี่ อย่างนั้นเขาก็ไม่ต้องรีบร้อนลงมือ ในโครงเรื่องเดิม คนกลุ่มแรกเหล่านั้นที่วางแผนแย่งชิง ‘สมบัติ’ ก้นทะเลทั้งหมดถูกใช้เป็นโล่รับกระสุนหมดแล้ว กลับกลายเป็นว่าสวินหรานตูที่มาคนสุดท้ายได้รับผลประโยชน์มากที่สุด

 

 

ครั้งนี้ ซูรุ่ยก็ต้องรอให้สวินหรานตูมาก่อน

 

 

ดีที่สุด สามารถยืมมือของปีศาจทะเลถูหมี สังหารเขา…

 

 

วันเวลาผ่านล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งเดือนให้หลัง ในที่สุดสวินหรานตูก็พา เยี่ยอวี้ฉีและซูเจินเจินมาเหยียบที่เมืองนี้

 

 

คนอื่นล้วนมาเพื่อ ‘สมบัติล้ำค่า’ ของปีศาจทะเลและก้นบึ้งทะเล ครั้งนี้ สวินหรานตูกลับมาเพื่อ ‘ผีสาว’ ตนหนึ่ง…

 

 

ซูเจินเจินในตอนนี้เทียบกับหล่อนในหลายเดือนก่อน เกิดการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่แล้ว ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงของสวินหรานตูแล้ว และเมื่อได้รับพลังหยินของร่างซูเจินเจิน พลังวิญญาณของสวินหรานตูก็ยิ่งก้าวหน้ามากขึ้น ระหว่างทาง สวินหรานตูสังหารภูตผีปีศาจที่น่ากลัวและมีชื่อเสียงไปไม่น้อย อีกทั้งมีคนที่รู้โครงเรื่องนี้อย่างซูเจินเจิน สวินหรานตูตามหาพ่อแท้ๆ ของตนเองอย่างไม่ต้องเสียแรงเลยสักนิด และยังมีพี่ชายและน้องสาวของตนเองด้วย

 

 

แน่นอนว่าทุกคนในตระกูลสวินต่างชอบลูกชายที่หายสาบสูญแล้วกลับคืนมาอย่างตนเองมาก และพอใจกับลูกสะใภ้ที่ทั้งสวยและพูดเก่งอย่างซูเจินเจินคนนี้มากเป็นพิเศษ

 

 

สรุปว่า พระเอกได้รับการเลื่อนขั้นต่อสู้กับสัตว์ประหลาดพลางมีสาวงามยืนดูอยู่ข้างๆ พลาง ในวันเวลาสั้นก็อยู่อย่างเป็นธรรมชาติสบายใจอย่างยิ่ง

 

 

แต่ว่า ทุกครั้งที่ตกใจตื่นขึ้นมาในตอนดึกสงัด สวินหรานตูยังนึกถึงตนเองในวันนั้นอย่างไม่ตั้งใจ ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงสีเลือดตามที่คาดการณ์

 

 

หัวใจของเขา ยังคงตื่นตระหนก…

 

 

แน่นอน

 

 

ครั้งนี้จะต้องสังหารหล่อนให้ได้!

 

 

ด้วยอารมณ์แบบนี้ สวินหรานตูฝึกฝนอย่างหนักตลอดทาง ยกระดับพลังวิญญาณตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ท่าทางลำบากและจริงจังขนาดนั้นของเขา เยี่ยอวี้ฉีมองอย่างสงสารเล็กน้อย

 

 

ถ้าไม่ใช่เพราะในใจเธอเองมีศิษย์พี่หม่าอยู่แล้ว เยี่ยอวี้ฉีคิดว่าผู้ชายที่เหมือนสวินหรานตู ต้องเป็นตัวเลือกของสามีที่ดีมากเป็นพิเศษคนหนึ่ง…

 

 

ศิษย์พี่หม่า

 

 

นึกถึงหม่าเย่ว์ผู้ซึ่งโดดเด่นมากกว่าใครในยุคสมัย ภายในใจเยี่ยอวี้ฉีสับสนมากขึ้น คนที่มีท่าทางราวกับเทพบุตรอย่างศิษย์พี่หม่า ถูกผีผู้สาวตนหนึ่งยั่วยวนให้หลงใหลได้อย่างไร ต้องเป็นผีสาวที่ฉวยจังหวะเข้าไปในขณะที่ศิษย์พี่หม่ากำลังต่อสู้กับมั่วหัน จึงทำให้จิตใจของเขาสับสน

 

 

ต้องมีสักวันที่ศิษย์พี่หม่าจะได้สติขึ้นมา เขาต้องทำได้

 

 

คิดแบบนี้แล้ว เยี่ยอวี้ฉีกุมสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของเธอ

 

 

ศิษย์พี่สวินเคยบอกว่า มีของแบบนี้ ก็สามารถช่วยศิษย์พี่หม่าได้

 

 

ครั้งนี้ จะต้องทำให้ผีสาวตนนั้นวิญญาณแตกสลาย~