หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง อวี้ฮ่าวหรานก็กลับไปถึงคอนโด

“นั่งคอยที่โซฟาก่อน ผมขอไปเก็บกวาดห้องนอนรับแขกสักครู่ ส่วนเรื่องการแต่งงานอะไรนั่นคุณไม่จำเป็นต้องกังวล” อวี้ฮ่าวหรานปลอบอีกฝ่าย

ซูหว่านเอ๋อร์ที่ยังคงซึมเศร้าอยู่เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเป็นตกตะลึงทันที

“จริงเหรอ! ฉันอยู่ที่นี่ได้จริง ๆ เหรอ?”

ซูหว่านเอ๋อร์ไม่อยากที่จะกลับไปบ้านของเธออีกแล้ว ทั้งพ่อและพี่ชายของเธอต่างพยายามกดดันให้เธอแต่งงานกับคนแปลกหน้าเพื่อแสวงหาผลประโยชน์

อันที่จริงเธอคิดเรื่องหนีออกจากบ้านมาแล้วหลายครั้ง แต่ด้วยนิสัยของเธอที่ไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า มันก็ส่งผลให้เธอไม่มีเพื่อนเลยสักคน ดังนั้นจึงรู้สึกหวาดกลัวว่าถ้าหากหนีออกไปแล้ว เธอจะไปอยู่กับใครที่ไหนได้?

ฉะนั้นเมื่อตอนนี้ อวี้ฮ่าวหรานยินดีให้เธอพักพักอยู่ที่นี่ เธอจึงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก

หลังจากผ่านไปสักพัก อวี้ฮ่าวหรานก็เดินกลับมาหาเธอที่โซฟาและชี้ไปที่ห้องที่อยู่ใกล้กับทางเข้าไปในครัว

“ห้องนั้นเป็นห้องนอนสำหรับแขก ตอนนี้มันยังว่างอยู่แต่มันมีของเก็บอยู่ข้างในนั้นเยอะหน่อยคุณเข้าไปอยู่ก่อน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะเก็บกวาดให้อีกที”

“ไม่เป็นไร ๆ เดี๋ยวฉันเก็บกวาดเอง แค่นี้ฉันก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว คุณไม่ต้องเก็บกวาดให้หรอก อวี้ฮ่าวหราน ฉันขอบคุณมาก ๆ เลย!”

ซูหว่านเอ๋อร์เอ่ยขอบคุณด้วยแววตาจริงใจ เธอรู้สึกดีจริง ๆ กับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ แต่แล้วจู่ ๆ อารมณ์ของเธอก็มืดมัวอีกรอบเมื่อเธอคิดถึงครอบครัวเธอ

“ว่าแต่….อวี้ฮ่าวหราน หากฉันพักอยู่ที่แล้วพ่อของฉันตามมาเจอ?”

“เรื่องนั้นคุณไม่ต้องกังวล” อวี้ฮ่าวหรานปลอบอีกครั้ง

“แต่พ่อของฉันมีอิทธิพลมากเลย ฉันกลัววว่าเขาจะ…ช่างเถอะ อย่าดีกว่า ฉันออกไปพักที่อื่นดีกว่า”

ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวล ดังนั้นซูหว่านเอ๋อร์จึงตัดสินใจไปอยู่ที่อื่นแทน

“คุณเชื่อผมสิ คุณไม่ต้องกังวลอะไรเลย มั่นใจได้เลยว่าตระกูลของคุณไม่มีทางทำอะไรผมได้แน่นอน ต่อให้พ่อคุณมีอิทธิพลล้นฟ้าก็ไม่มีทางอยู่เหนือกว่าผมแน่นอน!”

อวี้ฮ่าวหรานพยายามสร้างความมั่นใจให้อีกฝ่ายอีกครั้ง

“มันจะไม่เป็นไรจริง ๆ เหรอ? ถ…ถ้างั้นเอาเป็นว่าเมื่อไหร่ที่พ่อของฉันมาที่นี่คุณส่งตัวฉันออกไปเลยก็แล้วกัน”

อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ให้ค่าอะไรกับตระกูลซูแม้แต่น้อย ตั้งแต่เขากลับมาที่โลกนี้ตระกูลใหญ่หลายตระกูลพินาศโดยน้ำมือของเขาไปตั้งเยอะแล้ว ดังนั้นถ้าจะเพิ่มตระกูลซูเข้าไปอีกตระกูลมันจะเป็นอะไรไป?

เมื่อถึงเวลาราว 4 โมงเย็น หลี่หรงก็กลับมาถึงห้อง

อย่างไรก็ตามในทันทีที่เปิดประตูเข้ามา เธอก็ตกตะลึงจนแทบอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่ามีสาวสวยคนหนึ่งที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น!

“นี่คุณ…เป็นใครเนี่ย?”

ซูหว่านเอ๋อร์ก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอนึกไม่ถึงว่าอวี้ฮ่าวหรานจะอาศัยอยู่ร่วมกับผู้หญิงคนอื่นแบบนี้!

“ค…คือ…ฉ..ฉัน…คือ อวี้ฮ่าวหราน…”

ในเวลาเดียวกันนี้ อวี้ฮ่าวหรานไปรับถวนถวนกลับมาถึงห้องพอดี

“เอ๊ะ? มีพี่สาวแสนสวยอยู่ในบ้านของเราด้วยแหละพ่อจ๋า!”

ถวนถวนเอ่ยทักขึ้นทันทีเมื่อเห็นซูหว่านเอ๋อร์

ทางด้านของอวี้ฮ่าวหรานเมื่อเห็นหลี่หรงยืนจ้องซูหว่านเอ๋อร์ตาไม่กะพริบ ชายหนุ่มก็รู้สึกกระอักกระอ่วนและรีบแนะนำทันที

“อ…เอ่อ นี่คือ ซูหว่านเอ๋อร์ เธอจะมาอยู่กับเราสักพัก…”

“อ้อ”

หลี่หรงพยักหน้าเล็กน้อย แต่แววตาของเธอดูไม่พอใจเอาซะเลย

“วันนี้ฉันเหนื่อยแล้วฉันจะเข้านอนเร็ว พี่ห้ามรบกวนฉันเด็ดขาด!”

หลี่หรงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจก่อนที่เธอจะเดินเข้าห้องของตัวเองไปและปิดประตูอย่างแรง

อวี้ฮ่าวหรานมองดูประตูที่ถูกปิดอย่างแรงด้วยสีหน้าจนใจ

น้องภรรยาของเขาคงเข้าใจอะไรผิดแน่ ๆ

ซูหว่านเอ๋อร์รู้สึกงุนงงกับเรื่องทั้งหมดจนเธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้น “น…นั่นใช่ภรรยาของคุณรึเปล่า?”

เธอเคยหาข้อมูลของอวี้ฮ่าวหรานมาเช่นกัน ซึ่งมันทำให้เธอรู้ว่าอีกฝ่ายมีภรรยาแล้ว แต่ภรรยาหายตัวไปเมื่อหลายปีที่แล้ว

“ไม่ใช่ ภรรยาของผมหายตัวไปเมื่อหลายปีที่แล้ว ไม่ต้องกังวลคุณอยู่ที่นี่ได้ ผู้หญิงที่เพิ่งออกไปเมื่อครู่คือน้องของภรรยาผม”

อวี้ฮ่าวหรานพูดให้อีกฝ่ายคลายความกังวลใจ เนื่องจากอีกฝ่ายดูตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

“อ…อ้อ ถ้างั้นฉันว่าฉันไปนอนโรงแรมจะดีกว่า…ถ้าฉันพักที่นี่คุณอาจมีปัญหากับครอบครัวของคุณได้…”

“ไม่จำเป็น คืนนี้คุณนอนที่นี่ดีที่สุด ถ้าคุณไปนอนที่โรงแรม พ่อและพี่ชายของคุณคงหาคุณเจอในเวลาไม่เกินคืนนี้แน่นอน”

เขาเป็นคนที่ไม่ชอบทำอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ ดังนั้นชายหนุ่มจึงพยายามช่วยซูหว่านเอ๋อร์อย่างเต็มที่

หลังจากมื้อค่ำ

อวี้ฮ่าวหรานช่วยซูหว่านเอ๋อร์เก็บกวาดห้องนอนแขกที่ไม่มีใครอยู่มานานเพื่อให้อีกฝ่ายมีที่พอจะนอนได้ จากนั้นเขาจึงกลับเข้าไปนอนในห้องของตัวเอง

เช้าวันถัดมา หลังจากที่ตื่นออกมาจากห้อง หลี่หรงมองไปที่ประตูห้องของอวี้ฮ่าวหรานที่ปิดสนิทด้วยสายตาขุ่นเคืองอย่างไร้เหตุผล

จากนั้นเธอก็เข้าไปในครัวเพื่อทำอาหารเช้า แต่ด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดเธอจึงหนักมือกับกระทะและหม้อจนมีเสียงโครมครามดังลั่นห้อง

แน่นอนว่าด้วยเสียงที่ดังมันทำให้ทุกคนสะดุ้งตื่นซึ่งรวมไปถึงถวนถวน

การถูกปลุกด้วยเสียงโครมครามอย่างฉับพลันมันทำให้เด็กน้อยร้องไห้งอแงทันที

อวี้ฮ่าวหรานรีบวิ่งออกมาจากห้องของเขาอย่างรวดเร็วและพุ่งเข้าไปในห้องของถวนถวนพลางปลอบลูกสาวของเขา

“โอ๋ ๆ ถวนถวน ไม่ต้องร้องนะลูก ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น พ่ออยู่ตรงนี้แล้ว”

อึดใจต่อมา หลี่หรงก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้ารู้สึกผิดเช่นกัน เธอลืมนึกไปว่าการกระทำของเธอมันจะทำให้ถวนถวนตกใจเช่นกัน แต่เมื่อเธอเห็นพี่เขยของเธอ อารมณ์โมโหก็ปะทุขึ้นอีกรอบ

“พี่เขย! ไม่รู้แหละ วันนี้พี่ต้องให้ผู้หญิงคนนั้นออกไปอยู่ที่อื่น พี่ทำแบบนี้ฉันรับไม่ได้!”

“เธอเป็นบ้าอะไรของเธอ! เธอคิดว่าพี่กับผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกัน? ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนของพี่และกำลังลำบากเนื่องจากถูกครอบครัวบังคับให้แต่งงานกับคนแปลกหน้าก็เท่านั้น!”

“ห…ห๊ะ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของอวี้ฮ่าวหราน หลี่หรงก็อึ้งไปพักใหญ่ เธอไม่คิดเลยว่าเรื่องราวมันจะเป็นแบบนี้

ทางด้านของอวี้ฮ่าวหรานก็รู้สึกเหนื่อยใจกับอารมณ์แปรปรวนของหลี่หรง ชายหนุ่มไม่เข้าใจเลยว่าในสมองของอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำตัวแบบนี้

อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันนี้ประตูห้องนั่งเล่นกลับค่อย ๆ ถูกเปิดออกและปิดลงอย่างแผ่วเบา แต่ถึงแม้ว่าเสียงมันจะเบามากแต่อวี้ฮ่าวหรานและหลี่หรงก็ได้ยินอยู่ดี

“เธอดูถวนถวนไปก่อน พี่จะออกไปตามซูหว่านเอ๋อร์กลับมา”

อวี้ฮ่าวหรานรีบส่งถวนถวนให้หลี่หรง ก่อนที่ตัวของเขาจะรีบวิ่งออกไปจากห้อง

“ทำไมคุณถึงแอบออกมาแบบนี้?”

อวี้ฮ่าวหรานวิ่งทันอีกฝ่ายในเวลาแค่เพียงอึดใจ ซูหว่านเอ๋อร์ยังเดินไปไม่ถึงลิฟท์ด้วยซ้ำ

“ฉัน…”

ซูหว่านเอ๋อร์รู้สึกอึดอัดใจไม่รู้ว่าจะตอบยังไง สีหน้าของเธอตอนนี้ดูหมองคล้ำเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเมื่อคืนเธอนอนไม่หลับเนื่องจากความกังวลเรื่องต่าง ๆ ที่อยู่ในหัว

“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้องกังวล ถ้าผมบอกว่าช่วยได้มันก็หมายความว่าผมช่วยคุณได้แน่นอน!”

เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย อวี้ฮ่าวหรานจึงพูดให้ความมั่นใจอีกรอบ

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ซูหว่านเอ๋อร์จะทันได้พูดตอบอะไร ซูหว่านผิงและคนอีกกลุ่มใหญ่ก็ออกมาจากลิฟท์และเดินตรงเข้ามาหาพวกเขาด้วยสีหน้าดุดัน

“ฮ่า ๆ! ช่างบังเอิญจริง ๆ!”