ตอนที่ 292 ความทะเยอทะยาน!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

ด้านนอกประตูห้องหัวหน้ากลุ่มของศูนย์บัญชาการเหลยถิง หลินจื้อตงข่มกลั้นความหวาดกลัวที่อยากจะหนีไป จำใจกดกริ่งประตู

“ใครน่ะ?” เสียงเย็นชาหนึ่งดังมาจากด้านใน มันเป็นเสียงของเฉียวถิงหัวหน้ากลุ่มคนปัจจุบันของกลุ่มหุ่นรบเหลยถิงนี่เอง

“หัวหน้า ฉันเอง หลินจื้อตง” หลินจื้อตงสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง ยังถือว่าพูดด้วยความเยือกเย็นอยู่

“เข้ามาสิ!” เสียงของเฉียวหลินดังขึ้น ในเวลาเดียวกันประตูห้องพลันเลื่อนออกไปทางด้านซ้าย สิ่งแรกที่เข้ามาสู่สายตาของหลินจื้อตงคือชายหนุ่มรูปร่างกำยำคนหนึ่งที่มีสีหน้าเคร่งขรึมปกคลุมไปด้วยความหนาวเหน็บกำลังนั่งอยู่บนโซฟาทางด้านขวา เขาก็ถือเฉียวถิง

ส่วนโซฟาที่อยู่ด้านข้างเขามีชายหนุ่มคนหนึ่งที่อายุน้อยกว่าเฉียวถิงเล็กน้อยกำลังนั่งอยู่ด้วยใบหน้าที่ดูชั่วร้ายอย่างเต็มเปี่ยม เวลานี้เขากำลังมองหลินจื้อตงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม อันที่จริงตำแหน่งที่คนผู้นี้นั่งถูกคนที่เข้ามาในห้องสังเกตเห็นได้ง่ายมากกว่าเฉียวถิง แต่เฉียวถิงทรงพลังอำนาจและสะดุดตามากเกินไป ไม่สามารถทำให้คนมองข้ามได้เลย นี่ก็คือสาเหตุที่หลินจื้อตงเห็นแต่เฉียวถิงในแวบแรก

หลินจื้อตงเห็นชายหนุ่มคนนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขากลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ฝืนเดินเข้าไปในประตูอย่างเยือกเย็น เวลานี้คนฉลาดอย่างเขารู้แล้วว่า ชายหนุ่มคนนี้จะต้องมาฟ้องหัวหน้าเฉียวก่อนก้าวหนึ่ง เกรงว่าเขาจะผ่านด่านนี้ไม่ง่ายแล้ว

“นั่งสิ!” เฉียวถิงชี้ไปยังโซฟาที่อยู่ตรงข้ามตัวเองอย่างสบายๆ บ่งบอกให้หลินจื้อตงนั่งลงพูดคุย

หลินจื้อตงนั่งลงอย่างระมัดระวัง ท่าทีเผชิญหน้ากับศัตรูทำให้มุมปากของชายหนุ่มเผยรอยยิ้มหยันที่จางสุดขีดออกมา

“ได้ยินเสี่ยวหลินบอกว่า เดือนที่แล้วนายเริ่มการต่อสู้บนสังเวียนเดิมพันเองแล้วก็พ่ายแพ้เหรอ?” เวลานี้คิ้วของชายหนุ่มเคร่งขรึมขมวดจนเป็นรอยบุ๋มลึกสุดขีดสองอัน เห็นได้ถึงอารมณ์ของเขาที่ไม่ดีเอามากๆ

หลินจื้อตงก้มหน้ากล่าวด้วยสีหน้าละอายใจว่า “ขอโทษนะ หัวหน้า ฉันประมาทไป”

คนที่ฟ้องก็คือเฉียวหลิน น้องชายของเฉียวถิง หลินจื้อตงรู้ว่าต่อให้เขาอธิบายอีกแค่ไหน ก็สู้คำพูดประโยคเดียวของน้องชายแท้ๆ ของหัวหน้าไม่ได้ หัวหน้าต้องมีอคติแล้วแน่ๆ ไม่สู้ยอมรับผิดอย่างซื่อสัตย์แบบนี้ยังจะทำให้หัวหน้ากลุ่มเปิดทางรอดให้บ้าง

เฉียวถิงไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา นิ้วชี้และนิ้วกลางของมือขวาที่วางอยู่บนโซฟากำลังถูกับนิ้วโป้งอย่างรุนแรง นี่เป็นอากัปกิริยาที่เคยชินตอนเขากำลังครุ่นคิด

เฉียงถิงเงียบไปทำให้หลินจื้อตงไม่กล้าส่งเสียงพูดยิ่งกว่าเดิม ได้แต่รอคอยการตัดสินของเฉียวถิงอย่างเงียบงัน

“เป็นนักเรียนใหม่เหรอ?” เฉียวถิงเหมือนกับกำลังสอบถาม และก็คล้ายกับพึมพำกับตัวเอง

“ใช่แล้ว เป็นนักเรียนใหม่อวดดีกลุ่มนั้น แถมยังตั้งกลุ่มนักเรียนใหม่ขึ้นมาแล้วด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากที่เข้าสู่การควบคุมหุ่นรบตอนปีสอง กลุ่มนักเรียนใหม่นี้ยังยืนอยู่ได้หรือเปล่า” เฉียวหลินตอบด้วยสีหน้าโมโห เขามองค้อนหลินจื้อตงที่อยู่ตรงข้ามอย่างดุดัน เอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “อีกอย่าง รองหัวหน้าหลินของพวกเราบุ่มบ่ามเสนอการต่อสู้บนสังเวียนเดิมพันโดยที่ไม่ได้ทำความเข้าใจเบื้องลึกของอีกฝ่ายเลย ขายหน้าเหลยถิงของเราหมดแล้ว แถมยังเพิ่มชื่อเสียงให้กลุ่มนักเรียนใหม่ไประยะหนึ่งด้วย…”

หลินจื้อตงได้แต่งุดหน้าลง ต่อให้เขารู้ว่าเฉียวหลินเอ่ยคำพูดเหล่านี้เพราะไม่พอใจตำแหน่งของเขา จงใจโจมตีเหน็บแนมเขา แต่ที่อีกฝ่ายพูดมาก็ไม่ผิดเลยสักนิด ความรับผิดชอบของเขาที่มีต่อเรื่องนี้ใหญ่มากที่สุดจริงๆ วางแผนผิดพลาดทำให้ชื่อเสียงของเหลยถิงลดลงอย่างมหาศาล ถ้าหากไม่ใช่เพราะเรื่องของเทียนจีบังเอิญเกิดขึ้นตอนนี้ ดึงดูดความสนใจของทั้งโรงเรียนไปพอดี เกรงว่าสถานการณ์ของเหลยถิงอาจจะยังคงย่ำแย่กว่าในปัจจุบัน

“จื้อตง การที่นายรีบร้อนทำการต่อสู้บนสังเวียนเดิมพัน และยื่นข้อตกลงเดิมพันว่าให้กลุ่มของอีกฝ่ายเข้าร่วมเหลยถิงของเราทั้งกลุ่ม ในนี้มีเหตุผลที่พิเศษอะไรหรือเปล่า?” เฉียวถิงหยุดถูนิ้ว เอ่ยถามพลางจ้องมองหลินจื้อตง

หลินจื้อตงเงยหน้าด้วยความตกตะลึง ไม่คาดคิดว่าหัวหน้าเฉียวถิงยังยินดีฟังคำอธิบายของเขา นี่ทำให้หลินจื้อตงซาบซึ้งใจอย่างยิ่งยวด จงรักภักดีต่อเฉียวถิงมากขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ เขาพยักหน้าหนักๆ กล่าวว่า “ใช่แล้ว มีเหตุผลที่สำคัญมากอยู่ ฉันคิดว่าการรับกลุ่มนักเรียนใหม่จะทำให้ขุมกำลังของเหลยถิงเราสามารถก้าวหน้าขึ้นไปได้อีกก้าว”

“ต่อให้ไม่รับเด็กพวกนั้น เหลยถิงของพวกเรายังคงเป็นกลุ่มอำนาจอันดับหนึ่งอยู่ดี” เฉียวหลินไม่เชื่อคำพูดของหลินจื้อตงเลย คิดว่านี่เป็นการเถียงข้างๆ คูๆ ของเขา

หลินจื้อตงอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ลังเล เฉียวถิงเห็นดังนั้นก็เอ่ยว่า “จะพูดอะไรก็พูดเถอะ เสี่ยวหลินคือน้องชายฉัน เขาไม่มีทางเอาไปพูดมั่วซั่วข้างนอกหรอก” เฉียวหลินได้ยินคำพูดนี้ก็ถลึงตาใส่ด้วยความเดือดดาลอีกครั้ง คิดว่านี่เป็นการจงใจของหลินจื้อตง อยากให้พี่ชายเขาคิดว่าเขาทำงานไม่น่าไว้วางใจ

หลินจื้อตงรู้ว่าคราวนี้เขาล่วงเกินเฉียวหลินจริงๆ แล้ว แต่หลินจื้อตงก็ไม่มีทางเลือก ใครใช้ให้เฉียวหลินมองเขาด้วยความไม่พอใจมาตลอดล่ะ จนกระทั่งวันนี้เขายังไม่รู้เลยว่า นี่เป็นเพราะอะไร

ถึงแม้หลินจื้อตงจะคิดว่าเฉียวหลินไม่เหมาะที่จะเก็บงำความลับ แต่ในเมื่อหัวหน้าพูดแบบนี้ หลินจื้อตงก็ไม่ปกปิดอีก เขาส่งข้อมูลชุดหนึ่งที่นำติดตัวมาด้วยไปให้เฉียวถิง บ่งบอกว่าให้เขาลองอ่านดู

เฉียวถิงเปิดอ่านไปเรื่อย เขาที่เอนหลังพิงโซฟาพลันนั่งตัวตรงขึ้นมา สีหน้าเริ่มเคร่งขรึมขึ้น ส่วนเฉียวหลินก็เขยิบเข้าไปเหลือบดูอย่างกระตือรือร้นในตอนที่พี่ชายของเขาเปิดอ่านหน้าแรก เมื่อเห็นด้านหลังรายชื่อที่เรียงกันเป็นแถวต่างเป็นผลคะแนนยอดเยี่ยมกับดี เขาก็อึ้งไปเช่นกัน

เฉียวถิงปิดเอกสารฉับพลัน เอ่ยถามอย่างเอาจริงเอาจังว่า “ข้อมูลชุดนี้เป็นความจริงเหรอ?”

หลินจื้อตงพยักหน้าหนักๆ “ฉันได้จากโซนระดับ S ในออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของโรงเรียน ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน”

เฉียวถิงลุกขึ้นแล้วเดินไปเดินมาหลายก้าว จากนั้นก็หันหน้าไปถามอีกครั้งว่า “ยังมีใครรู้เรื่องข้อมูลชุดนี้อีกไหม?”

หลินจื้อตงตอบว่า “รองหัวหน้ากลุ่มคนอื่นๆ ของเหลยถิงต่างรู้กันหมด แต่ฉันอธิบายกับพวกเขาแต่แรกแล้วว่า ข่าวนี้จำกัดให้มีแต่พวกเราเท่านั้นที่รู้ ข้อมูลทั้งหมดถูกทำลายหลังจากที่พวกเขาอ่านเสร็จแล้ว…”

“ดี ทำได้ดี!” เฉียวถิงพลันเอ่ยเสียงดัง ในที่สุดดวงหน้าที่เคร่งขรึมก็เผยรอยยิ้มปรีดาออกมา เขาเดินไปเดินมาในห้องโถงด้วยความตื่นเต้นหลายครั้ง อดกำหมัดเอ่ยด้วยความฮึกเหิมไม่ได้ว่า “การเข้าร่วมของพวกเขาไม่เพียงทำให้เหลยถิงของพวกเราก้าวหน้าขึ้นไปอีกก้าว มันถึงขนาดทำให้พวกเราปกครองทั้งโรงเรียนได้อย่างแท้จริงอีกด้วย…”

คำพูดของเฉียวถิงทำให้หลินจื้อตงฮึกเหิมขึ้นมาเช่นกัน เขาเผยรอยยิ้มตื่นเต้นออกมา กล่าวว่า “ใช่แล้ว ตอนนั้นฉันก็คิดแบบนี้ ดังนั้นเลยคิดจะคว้านักเรียนใหม่พวกนี้ในครั้งเดียวก่อนที่กลุ่มอำนาจอื่นจะค้นพบ…” หลินจื้อตงกล่าวถึงตรงนี้ รอยยิ้มของเขาก็หายไป ความฮึกเหิมและความตื่นเต้นก็หายไปด้วย หลงเหลือเพียงความเสียใจอย่างไร้ที่สิ้นสุด “น่าเสียดาย สุดท้ายกลับถูกฉันทำพังแล้ว ฉันไม่รู้ความสามารถที่แท้จริงของกลุ่มนักเรียนใหม่ กลับเพิ่มชื่อเสียงของพวกเขาเพราะเรื่องนี้แทน”

คำพูดของหลินจื้อตงทำให้อารมณ์ที่เร่าร้อนของเฉียวถิงใจเย็นลง เขาใคร่ครวญอย่างละเอียดแล้วก็กลับมาอารมณ์ดีอีกครั้งพลางกล่าวว่า “ไม่ การเดิมพันคราวนี้ไม่นับว่าแย่มาก ถึงแม้ชื่อเสียงของเหลยถิงจะตกลงไปบ้าง แต่ข้อตกลงเดิมพันของอีกฝ่ายก็มอบโอกาสให้พวกเราควบรวมอีกฝ่ายได้ในครั้งหน้า”

หลิงจื้อตงเงยหน้าขึ้นอย่างงงงัน ไม่รู้ว่าทำไมหัวหน้าเฉียวถิงถึงพูดแบบนี้ หรือว่าแค่ปลอบใจเขาเท่านั้น?

“ไม่ นี่ไม่ได้ปลอบใจนาย” เฉียวถิงสัมผัสได้ถึงความงุนงงของหลินจื้อตงก็เอ่ยปากพูดว่า “พวกเรารับปากว่าจะช่วยกลุ่มนักเรียนใหม่ขัดขวางการก่อกวนของกลุ่มอำนาจอื่นภายในระยะเวลาสองปีไม่ใช่เหรอ? นี่ก็หมายความว่า ในช่วงเวลาสองปีนี้ กลุ่มนักเรียนใหม่ยังคงอยู่ใต้สายตาพวกเรา ไม่มีทางถูกกลุ่มอำนาจอื่นควบไปได้”

“ข้อตกลงการเดิมพันนี้ทำให้พวกเรามีข้ออ้างนำกลุ่มนักเรียนใหม่มาไว้ใต้ปีก กำจัดสายตาละโมบของกลุ่มอำนาจอื่น เมื่อครบกำหนดสองปีก็คือโอกาสที่เหลยถิงของพวกเราจะลงมืออีกครั้ง!” แววตาของเฉียวถิงส่องประกาย แค่ข้อมูลชุดนี้ก็คุ้มค่าพอให้เหลยถิงใช้เวลาสองปีวางแผงรอคอยแล้ว

พอคิดว่าตัวเองมีโอกาสทำงานใหญ่นี้ให้สำเร็จ ใบหน้าของเฉียวถิงก็ขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความฮึกเหิม ในที่สุดเขาก็ฝืนข่มกลั้นความตื่นเต้นในใจได้ก่อนจะเบนสายตามองไปยังเฉียวหลินที่มึนงงไปกับบทสนทนาของพวกเขา จากนั้นก็กล่าวเตือนว่า “เสี่ยวหลิน ทุกอย่างที่นายเห็นและได้ยินในวันนี้จะหลุดรอดออกไปสักประโยคไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้น อย่าโทษที่พี่จะถลกหนังของนายล่ะ!”

รัศมีเย็นเยียบอำมหิตในดวงตาทั้งสองข้างของเฉียวถิงทำให้เฉียวหลินกลัวจนตัวสั่นระริก ผงกศีรษะติดต่อกันและกล่าวว่า “ไม่ทำ ไม่ทำ ผมไม่ทำแน่นอน!”

เฉียวหลินไม่กล้าไม่เชื่อฟัง เขารู้ดีว่าพี่ชายตัวเองเป็นคนใจดำอำมหิต สิ่งที่เขาพูดออกมาย่อมทำได้แน่นอน เขาไม่อยากถูกพี่ชายถลกหนังตัดเส้นเอ็นนะ

“แต่ว่าสองปีให้หลัง หัวหน้าจะเข้าสู่การฝึกงานของกองทัพ ถ้าเกิดกลุ่มนักเรียนใหม่มีผู้ควบคุมหุ่นรบที่มีพรสวรรค์หนึ่งหรือสองคนออกมาอีก เกรงว่าอัตราชนะการต่อสู้เดิมพันของพวกเราจะไม่สูงมากนัก” หลินจื้อตงพ่ายแพ้มาแล้วครั้งหนึ่งก็เปลี่ยนเป็นระมัดระวังสุดขีด เมื่อไม่มีเฉียวถิงรักษาการณ์ เขารู้สึกว่าตื่นตระหนกอยู่บ้าง

เฉียวหลินได้ยินคำกล่าวก็เอ่ยอย่างโมโหว่า “วางใจเถอะ สองปีให้หลังฉันจะต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งของพี่ชายและนำพาเหลยถิงให้ก้าวหน้าได้แน่นอน” เฉียวหลินคิดมาตลอดว่าตัวเองคือหัวหน้ากลุ่มเหลยถิงคนถัดไป คำพูดของหลินจื้อตงยั่วโทสะของเขาอีกครั้ง ใช่แล้ว เขาเกลียดหลินจื้อตงขนาดนี้ก็เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายดูถูกเขา คิดว่าเขาเป็นคนไม่เอาถ่าน แต่เห็นได้ชัดว่าความสามารถด้านหุ่นรบของเขาไม่เลวเอามากๆ สามารถเข้าสู่ห้าอันดับแรกในชั้นเรียนได้…เฉียวหลินไม่เคยคิดมาก่อนว่าห้องเรียนหุ่นรบของเขาไม่ใช่ห้องพิเศษ หากแต่เป็นห้องธรรมดา

“เสี่ยวหลิน หุบปากซะ!” เฉียวถิงที่อ่อนโยนกับน้องชายตัวเองอย่างหาใดเปรียบมาตลอดได้ยินคำพูดที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเช่นนี้ของเฉียวหลิน เขาก็ตวาดอย่างเดือดดาลทันที

เฉียวหลินได้ยินเฉียวถิงตวาดด้วยความโมโห เขาก็มองกลับไปด้วยสีหน้าดื้อรั้น ทว่าสองตากลับแดงขึ้นมา ในนั้นยังมีแววตาที่ดูเหมือนถูกทำร้าย

เฉียวหลินที่เป็นแบบนี้ทำให้เฉียวถิงได้แต่ถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างจนปัญญา “การควบคุมหุ่นรบไม่ได้ง่ายดายเหมือนที่นายจินตนาการไว้ รอนายเลื่อนเป็นนักรบหุ่นรบชั้นกลางแล้ว ฉันจะพานายไปที่การต่อสู้แบบกลุ่มสักครั้ง ให้นายได้สัมผัสถึงระดับความยากในการควบคุมหุ่นรบ”

สาเหตุเป็นเพราะเขาที่ทำให้เฉียวหลินที่ไม่มีพรสวรรค์ด้านการควบคุมหุ่นรบมากเท่าไหร่ดึงดันสมัครสอบเข้าภาควิชาหุ่นรบของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งโดยไม่ฟังคำเตือนของที่บ้าน ถึงแม้ความสามารถของเขาสามารถเข้าได้แค่ห้องเรียนหุ่นรบทั่วไป อนาคตก็ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาได้อย่างเขา แต่เฉียวถิงรู้ว่า เฉียวหลินไม่ยอมแพ้เลย เขาพยายามหนักมาก เขาฝึกฝนการควบคุมหุ่นรบอย่างหนักในตอนที่ไม่มีใครรู้ พรสวรรค์ไม่พอ เฉียวหลินก็ยินดีใช้ความพยายามมาชดเชย นี่ทำให้เฉียวถิงเอ่ยคำพูดที่สาดน้ำเย็นใส่ไม่ออกเลย สุดท้ายก็ได้แต่เปลี่ยนเป็นทอดถอนใจ

หลินจื้อตงหลบไปยังด้านข้างอย่างชาญฉลาด แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเฉียวถิงและเฉียวหลินสองพี่น้องเลย หลังจากที่เฉียวถิงปลอบโยนเฉียวหลินแล้ว เขาก็หันหน้ามากล่าวกับหลินจื้อตงว่า “วางใจเถอะ เรามีเวลาใช้ชีวิตในโรงเรียนทหารหกปี ต่อให้พวกเราไปฝึกงานในกองทัพ พวกเรายังคงเป็นนักเรียนของโรงเรียนทหารอยู่ ยังสามารถออกรบเป็นตัวแทนของเหลยถิงได้”

หลินจื้อตงเงยหน้าขึ้นด้วยความตื่นเต้นยินดี “หัวหน้า นายหมายความว่า…”

“ใช่แล้ว สองปีให้หลังฉันจะพาหน่วยหุ่นรบของฉันกลับมาอีกครั้งรับผิดชอบการต่อสู้เดิมพันรอบนี้เอง!” หลังจากที่สยบกลุ่มนักเรียนใหม่แล้ว เขาก็จะควบรวมทั้งโรงเรียนให้หมด ทำการใหญ่รวมโรงเรียนทหารเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จในปีสุดท้าย! แววตาของเฉียวถิงฉายความทะเยอทะยานออกมาแวบหนึ่ง

กลุ่มนักเรียนใหม่เลยอยู่ในใจเฉียวถิงและได้รับความสนใจจากเขามาตลอดในช่วงเวลาสองปีต่อมา!

—————————-