ตอนที่ 272 ผลลัพธ์…

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์แทบที่จะแผดร้องออกมา พยายามปลุกซั่งกวนเจวี๋ยที่นอนสะลึมสะลือ เมื่อฝืนลืมตากลับพบใบหน้าที่ปวดใจของมี่เอ๋อร์มองข้าวของที่กระจัดกระจายเต็มพื้น…ผู้ที่ทุลักทะเลที่สุดยังคงเป็นอู๋เลี่ยนเยี่ยน นางหลบอยู่ด้านหนึ่งด้วยสภาพที่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย และหมอคนหนึ่งของตระกูลซั่งกวนก็กำลังตรวจชีพจรให้ตน นี่มันเกิดเรื่องอะไรกัน? ซั่งกวนเจวี๋ยรู้สับสนในหัวไปหมด

เขาจำได้อย่างแม่นยำว่าตัวเองและมี่เอ๋อร์โรมรันพันเกี่ยวกันอย่างบ้าคลั่งทั้งคืน ทั้งยังจำได้ชัดเจนว่ายามที่ท้องฟ้าเริ่มจะสว่าง หลังจากพวกเขาจบศึกครั้งสุดท้าย มี่เอ๋อร์ก็เผยสีหน้าอิ่มเอมใจ ยิ้มราวกับสุนัขจิ้งจอกที่เพิ่งกินไก่มาร้อยตัว ก่อนจะโยนอู๋เลี่ยนเยี่ยนที่ใบหน้าแดงก่ำแต่กลับสลบไสลไม่ได้สติไปที่ขาเตียงเหยียบย่ำนางลงไป คล้อยหลังยังอดใจไม่ไหวจูบตัวเอง ก็ออกจากหน้าต่างไป และเขาก็สะลึมสะลือหลับไป ระหว่างนี้เกิดเรื่องไม่คาดคิดอะไรขึ้นกันแน่?

“สะใภ้ใหญ่!” สุ่ยหลิงมีความรู้สึกหวั่นเกรงต่อสะใภ้ใหญ่ผู้ที่นางไปมาหาสู่บ่อยครั้งอยู่บ้าง ขอเพียงเป็นคนที่รับใช้ข้างกายซั่งกวนเจวี๋ยก็จะรู้แล้วว่าสองสามภรรยาคู่นี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งถึงเพียงไหน แม้ดูเหมือนทิศลมจะเปลี่ยนแปลง คุณหนูโม่ที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากที่ใดผู้นั้น จู่ๆ ก็ครองที่ในใจคุณชายใหญ่ แต่ก่อนที่คุณหนูโม่ยังไม่ได้เข้าตระกูล เรื่องทั้งหมดก็ย่อมล้วนเป็นเรื่องโกหก ไม่อาจเป็นจริงได้ คนที่พวกนางต้องจงรักภักดียังคงเป็นคุณชายใหญ่และสะใภ้ใหญ่!

“สุ่ยหลิงพูดเถิด” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็อ่อนเพลียอยู่บ้าง แต่ไหนแต่ไรพวกเขาก็ไม่เคยคึกคะนองกันเช่นนี้มาก่อน แต่เทียบกับสามีที่ถูกนางดูดกลืนพลังนั้นน่าสงสารกว่า แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวอย่างสิ้นเชิง…นางเพียงแค่อ่อนเพลียเพราะนอนไม่พอ แต่ซั่งกวนเจวี๋ยกลับเหนื่อยล้าเพราะเลือดลมพร่อง จะเอามาเทียบกันไม่ได้

“บ่าวก็ไม่แน่ชัดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่เจ้าค่ะ” สุ่ยหลิงกล่าวอย่างกลัวเกรง “เพียงแค่พบว่าถึงเวลาที่คุณชายใหญ่ต้องสั่งการแล้ว กลับไม่เห็นคุณชายตื่นขึ้นมา จึงเข้ามาดูเจ้าค่ะ ผลลัพธ์กลับพบคุณหนูอู๋นอนอยู่ปลายเตียงโดยไม่สวมอะไร พอได้ยินเสียงพวกบ่าวก็ตื่นขึ้นมา แต่คุณชายใหญ่กลับไม่ว่าจะปลุกอย่างไรก็ไม่ตื่น พวกบ่าวจึงไปเชิญสะใภ้ใหญ่มาดูสถานการณ์ ทั้งไปเชิญท่านหมอมาไปพลางเจ้าค่ะ…”

นี่ก็ถูกแล้ว! เยี่ยนมี่เอ๋อร์ลอบยิ้ม ยามที่นางจากไปได้วางยาซั่งกวนเจวี๋ยเล็กน้อย ไม่มีผลเสียต่อร่างกายแต่อย่างใด เพียงแต่ทำให้หลับลึกเป็นอย่างมาก จะเรียกไม่ตื่นก็ถูกแล้ว กระนั้นนางกลับเผยใบหน้าปวดใจและกังวล ถามกับหมออย่างร้อนใจ “หมอชี คุณชายใหญ่เป็นอะไรหรือ? เหตุใดเพียงข้ามคืนก็กลายเป็นเช่นนี้ได้เล่า?”

“ตอบสะใภ้ใหญ่!” หมอชีตรวจหาสาเหตุได้แล้วว่าตกลงซั่งกวนเจวี๋ยเป็นอะไรกันแน่ ใบหน้าเผยความกระอักกระอ่วนเล็กน้อย กวาดสายตามองพวกสาวใช้ที่ทำหูผึ่ง กลับไม่ได้พูดอะไรต่อไป

“พวกเจ้าออกไปให้หมดก่อนเถิด!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้ว่าคำพูดบางอย่างก็ไม่สามารถจะพูดต่อหน้าพวกสาวใช้ได้ โบกมือไล่ทันที รวมถึงจื่อหลัวที่อยู่ในกลุ่มสาวใช้ก็ถอนตัวออกไปอย่างว่าง่ายเช่นกัน มี่เอ๋อร์ที่ตาดีเห็นอู๋เลี่ยนเยี่ยนคิดอยากจะถอนตัวออกไปอย่างเงียบเชียบตามพวกสาวใช้ นางจะปล่อยให้อู๋เลี่ยนเยี่ยนปลีกกายออกไปเช่นนี้ได้อย่างไร ดังนั้นจึงกล่าวเรียบนิ่ง “เลี่ยนเยี่ยนอยู่ก่อน!”

“บ่าว บ่าว…” อู๋เลี่ยนเยี่ยนไม่เข้าใจว่าเหตุใดตัวเองเพียงปรนนิบัติซั่งกวนเจวี๋ยคืนเดียวก็เกิดเรื่องราวแปลกประหลาดเช่นนี้ได้ ยามนี้นางจึงร้อนใจจะออกไปจากที่เกิดเหตุ คิดว่าตกลงเป็นใครที่ทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็ร้อนตัวเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปหรือไม่ ทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยอยู่ในสภาพเช่นนี้

“ทางที่ดีคุณหนูรั้งตัวอยู่ก่อนเถิด!” สายตาที่หมอชีมองอู๋เลี่ยนเยี่ยนมีความดูแคลนอยู่บ้าง จากการตรวจชีพจรเขาก็รู้อย่างชัดเจนว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ก็เพียงชิงรักหักสวาทกันเท่านั้น วางยาคุณชายใหญ่ คิดอยากจะให้หลังจากผ่านพ้นคืนนี้ไปตัวเองก็สามารถตั้งท้องได้ เพียงแต่ ครั้งนี้นางทำเกินไปอยู่บ้าง วางยาเยอะไปหน่อย ทำให้ชั่วข้ามคืนคุณชายใหญ่เลือดลมพร่อง จึงได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมา

หมอก็พูดเช่นนี้ออกมา อู๋เลี่ยนเยี่ยนย่อมไม่อาจออกไปได้อีกแล้ว ทำได้เพียงยืนลุกลี้ลุกลนอยู่ตรงนั้น รอจนสาวใช้คนอื่นๆ ไปกันหมดแล้ว หมอชีก็ประสานมือคารวะกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ “คุณชายใหญ่ไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรง เพียงแค่มีอาการเลือดลมพร่องไปอยู่บ้าง จำเป็นต้องพักฟื้นและบำรุงกำลังให้ดีๆ ผ่านไปสามถึงห้าวันก็ย่อมดีขึ้นแล้ว!”

“ท่านหมอหมายความว่าเขาหักโหม…จนเกินไป?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เผยสีหน้าตกใจทั้งยากที่เปิดปาก ทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยที่นอนอยู่บนเตียงอดรู้สึกโมโหขึ้นมาไม่ได้ ตัวเองเป็นเช่นนี้ก็ไม่ใช่เพราะฝีมือของนางหรอกหรือ? เพียงแต่เขาอดหวนนึกถึงความอ่อนหวานนุ่มนวลทั้งยากที่จะอธิบายในเมื่อคืนวานไม่ได้ ความรู้สึกที่ยังตราตรึงใจนั้น บางทีหากมีอีกสักครั้งก็ไม่เลวเหมือนกัน!

“ใช่แล้ว!” หมอชีพยักหน้า “เหตุการณ์เช่นนี้หากเกิดกับชายหนุ่มที่ไม่ประสาหรือหญิงสาวที่ฝักใฝ่ราคะก็คงเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเกิดกับคุณชายใหญ่จึงนับว่าแปลกประหลาด! ข้าคิดว่าคุณชายใหญ่คงถูกคนวางยาปลุกกำหนัดมากเกินไป จึงได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมา!” ในยามที่เขาพูดก็มองอู๋เลี่ยนเยี่ยนที่เผยท่าทีน่าสงสัย เห็นได้ชัดว่ามองอู๋เลี่ยนเยี่ยนเป็นคนวางยาคนนั้น!

เจ้าไหนเลยจะรู้ว่ามีผู้หญิงที่มีฤทธิ์รุนแรงยิ่งกว่ายากำหนัดเสียอีก! ซั่งกวนเจวี๋ยมองภรรยาที่มีท่าทีกระปรี้กระเปร่า นอกจากใต้ตาดำคล้ำอย่างเลือนรางก็ไม่มีความผิดปกติอันใด เทียบกันตัวเองที่นอนปวดเอวอยู่บนเตียง นับว่าแตกต่างราวฟ้ากับเหวจริงๆ!

“ข้าเข้าใจแล้ว!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ถลึงตาใส่อู๋เลี่ยนเยี่ยนที่ตกใจทั้งหวาดกลัวอยู่บ้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างเกรงใจ “อย่างไรขอหมอชีปิดบังเรื่องนี้เป็นความลับด้วย อย่าได้ให้แพร่งพรายออกไปด้านนอก!”

“ข้าได้ยินแล้ว!” น้ำเสียงที่โมโหของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อลอยเข้ามา ครู่ต่อมานางก็ปรากฏกายขึ้นในห้องโดยไม่มีสาวใช้แม่นมติดตามมาสักคน มองอู๋เลี่ยนเยี่ยนที่สีหน้ายซีดเผือดขึ้นเรื่อยๆ ทั้งมองเยี่ยนมี่เอ๋อร์ที่เผยใบหน้าตกใจ ก็กล่าวอย่างมีโทสะ “ข้าคิดไว้แล้ว อย่าได้เหลือภัยร้ายไว้ คนต่ำต้อยสมควรตายผู้นี้ย่อมไม่อาจเหลือไว้ในตระกูลซั่งกวนได้!”

“ท่านแม่…” เยี่ยนมี่เอ๋อร์มองหวงฝู่เยวี่ยเอ้ออย่างกังวล ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางจึงเข้ามาได้ เรื่องนี้ได้ปิดนางไว้ ตัวเองวางแผนว่าหลังจากใช้ทัณฑ์ทรมานคาดคั้นอู๋เลี่ยนเยี่ยนแล้วจึงค่อยรายงานให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อทราบ ไฉนนางจึงมาเร็วถึงเพียงนี้เล่า?

“ข้าได้ยินมาว่าผู้หญิงต้อยต่ำผู้นั้นเป่าหูเจวี๋ยเอ๋อร์ให้รับอู๋เลี่ยนเยี่ยนมาปรนนิบัติ” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อไม่ใช่เยี่ยนมี่เอ๋อร์ นางไม่รู้ว่าคุณหนูสุราเป็นตัวปลอม ดังนั้นจึงส่งคนไปจับดูการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด คำพูดพวกนั้นที่นางพูดกับซั่งกวนเจวี๋ยย่อมล่วงไปถึงหูของนาง ในยามนั้นนางไม่ได้สนใจมากเท่าใด นางรู้ดีว่าซั่งกวนเจวี๋ยเกลียดชังอู๋เลี่ยนเยี่ยนถึงขนาดไหน แต่ก็ยังคงไม่ประมาท ให้คนจับตาดูสองสามีภรรยาว่าได้แยกห้องนอนหรือไม่ ผลปรากฏว่าเช้าตรู่วันนี้ก็ได้ยินข่าวที่สองสามีภรรยานอนแยกห้องกันเมื่อคืน จึงตามเข้ามาอย่างรีบเร่ง ยังไม่ทันที่จะสั่งสอนซั่งกวนเจวี๋ย ก็เห็นสาวใช้แม่นมของทั้งเรือนยืนออกันอยู่ ประจวบกับได้ยินบทสนทนาของหมอชีและเยี่ยนมี่เอ๋อร์ที่หน้าประตูพอดี

“เป็นเช่นนี้หรือ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์มองซั่งกวนเจวี๋ยอย่าง ‘ตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี’ ถลาเข้าไปอย่างเสียใจ เอ่ยถามอย่างเศร้าสร้อยข้างเตียง “เจวี๋ย เป็นเช่นนี้หรือ? เป็นที่ท่านแม่พูดอย่างนั้นจริงๆ หรือ?”

เห็นภรรยายักคิ้วขยิบตาเป็นนัย ทั้งเผยรอยยิ้มในแววตา แต่กลับกล่าวอย่างโศกเศร้า ซั่งกวนเจวี๋ยก็อยากจะยิ้ม ทั้งอยากจะตระกองกอดนางสู่อ้อมกอดเช่นกัน แต่เขาทำได้เพียงพยักหน้ากล่าวอย่างเย็นชา “ใช่!”

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นหายนะ!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อกล่าวเสียงดัง “ใครอยู่ด้านนอก คุมตัวอู๋เลี่ยนเยี่ยนผู้นี้ไปพบกับคนต่ำต้อยผู้นั้น ข้าอยากจะให้ทุกคนเห็นจุดจบที่พวกนางสมคบคิดทำชั่วกัน!”

“ท่านแม่…” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เก็บรอยยิ้มบนใบหน้า หมุนกายไปคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ กล่าววิงวอน “เรื่องนี้ไม่อาจทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ อย่างไรขอท่านแม่ครุ่นคิดให้ดีหน่อยเถิด!”

“ยังต้องครุ่นคิดอีกหรือ!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อคิดว่าตัวเองได้คิดจนกระจ่างใจแล้ว กล่าวอย่างเรียบเย็น “เหลือผู้หญิงสองคนนี้ไว้ก็เป็นภัยร้าย! อู๋เลี่ยนเยี่ยน ข้าจะไล่ออกไปทันที หากอู๋น่งอวิ๋นยังปกป้องนาง ก็ให้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่วัดประจำตระกูลจนแก่เฒ่าด้วยกันเสีย! ส่วนโม่จิ้งผู้นั้น นางไม่ใช่คนของตระกูลซั่งกวน ข้าตัดสินความเป็นความตายนางไม่ได้ ทั้งไม่อาจไล่แขก ‘ผู้มีเกียรติ’ ของเจวี๋ยเอ๋อร์ไปอย่างตรงๆ ได้ แต่เมื่อนางกล้าทำเรื่องที่ไร้ยางอายเช่นนี้ออกมา ข้าย่อมมีวิธีที่จะจัดการนาง!”

“ท่านแม่…” มี่เอ๋อร์พยายามขัดขวางหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ เวลานี้ซั่งกวนเจวี๋ยก็เผยสีหน้ากังวลออกมาเช่นกัน

“อย่างไรมี่เอ๋อร์รั้งตัวอยู่ที่นี่ดูเจวี๋ยเอ๋อร์เถิด” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อสะบัดมือออกจากมี่เอ๋อร์ที่ ‘เรี่ยวแรงบอบบาง’ อย่างสบายๆ ให้หญิงแก่สองคนที่แรงดีคุมตัวอู๋เลี่ยนเยี่ยนออกไปอย่างสง่าผ่าเผย หลังจากหมอชีมอบยาบำรุงไม่กี่อย่างให้กับซั่งกวนเจวี๋ยก็กล่าวลาทันที…เรื่องราวภายในบ้านอย่างไรรู้ให้น้อยหน่อยย่อมดีกว่า

“อยากเห็นเป็นอย่างมากว่าท่านแม่จะจัดการอย่างไรกับพวกนาง” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ควักยาเม็ดหนึ่งออกจากเสื้อ เมื่อเข้าไปในปากซั่งกวนเจวี๋ยก็ไม่สนใจเขาแล้ว ยาเม็ดนั้นเป็นอินหงหลันที่เหลือไว้ อย่าพูดถึงสภาพในตอนนี้ของซั่งกวนเจวี๋ยเลย แม้จะร้ายแรงกว่านี้อีกหน่อย กินอีกสองสามเม็ดก็สามารถฟื้นฟูร่างกายได้เกือบหายดีแล้ว!

“อย่างไรเจ้าเข้ามานอนเป็นเพื่อนข้าสักพักเถิด” ซั่งกวนเจวี๋ยหาวหวอดออกมา เมื่อคืนก็แทบจะไม่ได้นอนดีแต่อย่างใด เขาอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก คาดว่ามี่เอ๋อร์ก็ไม่ดีไปกว่ากันเท่าใด “หากร้อนใจก็ให้สุ่ยหลิงและจื่อหลัวเข้าไปสืบข่าว รอพวกเรานอนพอแล้ว ก็ให้พวกนางกลับมารายงานข่าว”

“ว่าตามเจ้า” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ออกคำสั่งลงไปทันที จากนั้นก็หาวขึ้นมา ซุกตัวในผ้าห่ม อิงแอบซั่งกวนเจวี๋ยที่นอนหลับไปแล้ว ก่อนจะล่วงสู่นิทราเช่นกัน…

หลังจากตื่นขึ้นมา มี่เอ๋อร์ก็ยิ่งเสียใจที่ตนเองไม่ได้เข้าไปดูในที่เกิดเหตุ…ได้ยินมาว่าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อเฆี่ยนตีอู๋เลี่ยนเยี่ยน อย่างดุเดือดต่อหน้าตัวปลอมผู้นั้น อนุภรรยาอู๋ที่ตามเข้ามาเพียงพูดปกป้องอู๋เลี่ยนเยี่ยนอยู่สองประโยค ก็ถูกหวงฝู่เยวี่ยเอ้อบันดาลโทสะแสดงอำนาจออกมา กระทั่งนางก็ถูกตีไปด้วย ทั้งไม่ได้ปรึกษากับใครทั้งนั้น เวลานั้นก็ให้คนส่งทั้งสองคนไปวัดประจำตระกูล แค่โอกาสทายาก็ยังไม่มีให้แก่ทั้งสองคน

ส่วนตัวปลอมคนนั้น ไม่เพียงแต่พบเจอกับเรื่องซ้ำแล้วซ้ำแล้ว ยังถูกโบยอีกยี่สิบไม้ ครั้งนี้นางย่อมลงจากเตียงไม่ได้เป็นเดือน และหวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็ไม่ได้จบแค่นี้ ยังตบหน้าสั่งสอนอีกยี่สิบครั้ง ว่ากันว่าตบจนหน้าผิดรูปทีเดียว ยามที่พูดปากก็ประกบไม่สนิท จุดประสงค์ก็เพื่อลงโทษนาง ให้นางรู้ถึงผลลัพธ์ที่กล้าเหิมเกริม

เยี่ยนมี่เอ๋อร์สงสัยจุดประสงค์ที่หวงฝู่เยวี่ยเอ้อทำเช่นนี้ แต่ซั่งกวนเจวี๋ยกลับยิ้มขมขื่นในใจ หวงฝู่เยวี่ยเอ้อทำเช่นนี้มีจุดประสงค์สองอย่าง หนึ่งคือหลังจากผ่านไปสองวัน อยากให้ตัวเองเห็นสภาพของคุณหนูสุราแล้วรู้สึกหมดอารมณ์ จะได้ไม่คิดสนใจหญิงสาวที่หน้าบวมเป่งเป็นหัวหมูเช่นนั้น แต่นางก็กังวลว่าตัวเองจะตัดสินใจทำอะไรโดยพลการ หากเป็นเช่นนั้นก็นับว่าได้ให้สัญญาณเตือนหนึ่งกับคุณหนูสุรา หากหลังจากแต่งเข้าตระกูลมา จะต้องระมัดระวังคำพูดและการกระทำ ทางที่ดีอย่าได้วางแผนไร้สาระอะไรกับลูกชายของตน

ดูท่า หวงฝู่เยวี่ยเอ้อจะค่อยๆ ยอมรับความจริงที่ว่า ตนเองอาจจะแต่งงานกับหญิงสาวที่ทำให้นางเคียดแค้นผู้นั้นแล้ว แต่ว่า…เฮ้อ ไม่รู้ว่าตกลงนางคิดอะไรอยู่กันแน่!