บทที่ 9 ข่าวงูหลามใบไม้เขียว

Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์

“สัตว์ร้ายงูลาย!”

เย่เทียนจ้องเขม็งไปยังงูยักษ์ที่อยู่ห่างจากเขา 5 เมตร งูชนิดนี้ไม่แข็งแกร่งมากนัก ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปก็สามารถต่อกรได้ ตราบใดที่ไม่ถูกมันพันธนาการ รักษาระยะห่างจากมันไว้เป็นเรื่องดี หากถูกมันพันธนาการ แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีพลังสี่ถึงห้าร้อยจินก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากมันได้

ซี ซี!

งูยักษ์พุ่งเข้าใส่เย่เทียนทันที

เย่เทียนไม่ได้หลบ ด้วยความเร็วของเขา มันเป็นเรื่องง่ายที่จะหลบงูลาย แต่มันไม่จําเป็น

วูป!

แสงจากดาบกระพริบวูบหนึ่ง ร่างของงูยักษ์แข็งค้างและตกลงสู่พื้น หลังจากดิ้นรนอยู่ไม่นานมันก็แน่นิ่งไป

หากมองอย่างละเอียดจะพบว่ามีรอยแผลยาวเจ็ดนิ้วบนร่างของงูยักษ์ ซึ่งมันคือรอยดาบของเย่เทียน

“อ่อนแอเกินไป!”

เย่เทียนส่ายหัว

จากนั้นเขาก็ใช้มีดควักดวงตาของงูออกมา ซึ่งเป็นหนึ่งในไอเทมที่ใช้นับคะแนนในการทดสอบ เพื่อพิสูจน์ว่าเขาฆ่างูยักษ์ไปแล้วหนึ่งตัว และสามารถแลกเป็นคะเเนนได้ 1 คะแนน

งูยักษ์ลายเป็นสัตว์ร้ายที่ดุร้ายที่สุดในเขตป่าแห่งนี้ ว่ากันว่าก่อนหน้านี้เขตนี้เคยมีงูยักษ์ระดับสัตว์อสูรตัวหนึ่ง และงูลายระดับสัตว์ร้ายพวกนี้ล้วนเป็นสายเลือดของอสูรงูยักษ์ตนนั้น

ครั้งนั้นนักรบชั้นยอดหลายคนร่วมมือกันสังหารมันและกวาดล้างสัตว์ร้ายตัวอื่นๆ ในป่าแห่งนี้ ทําให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นพื้นที่ป่าขนาดเล็กที่ไม่มีสัตว์ร้ายระดับสูง

นี่เป็นเพียงข่าวที่อาจารย์เล่าให้ฟัง แต่ความจริงเป็นเช่นไรไม่มีใครรู้ได้

พริบตาเดียว ครึ่งวันก็ผ่านไป ความมืดเริ่มคืบคลานเข้ามา

“วันนี้เราเก็บเกี่ยวได้ไม่มากนัก!”

เย่เทียนเปิดห่อผ้าและนับชิ้นส่วนสัตว์ร้ายอย่างละเอียด ตอนนี้เขามีเพียง 23 คะแนน

สําหรับศิษทั่วไปคะแนนจำนวนนี้นับว่าเป็นที่น่าพอใจแล้ว แต่ศิษเหล่านั้นไม่ได้หวังจะแข่งขันให้ได้สามอันดับแรก เพราะแม้แต่ติดสิบอันดับแรกก็ยังเป็นเรื่องยาก

ยามราตรีที่มืดมิดนี้อันตรายอย่างมาก เนื่องจากดวงตาของมนุษย์ได้รับผลกระทบจากความมืดยากที่จะสัมผัสถึงตัวตนของสัตว์ร้าย ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะไม่ออกล่าในเวลากลางคืน มิฉะนั้นอาจจะต้องเผชิญกับอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตเลยก็ได้

เย่เทียนจึงปีนขึ้นไปนอนบนต้นไม้ แม้บนนี้จะงูลายระดับสัตว์ร้ายอยู่เต็มไปหมด แต่ขอเพียงระมัดระวังให้มาก หมั่นสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบ งูลายก็ไม่ง่ายที่จะโจมตีเขาโดยไม่ทันตั้งตัว

แม้ว่างูลายจะมาที่นี่ แต่ด้วยปฏิกิริยาและความเร็วของเย่เทียนก็เพียงพอแล้วที่จะไหวตัวทัน

ราตรีได้ผ่านพ้นไปโดยไม่มีอันตรายใดๆ

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น เย่เทียนล่ากระต่ายมาย่างกินเป็นมื้อเช้า จากนั้นเขาก็ออกล่าสัตว์ร้ายต่อไป

ในเวลานี้เย่เทียนกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ส่วนลึกในพื้นที่ป่า เพราะมีเพียงในป่าลึกเท่านั้นที่จะพบสัตว์ร้ายระดับสูง การล่าพวกมันหนึ่งตัวเท่ากับห้าถึงหกแต้ม มันง่ายกว่าการเก็บแต้มจากจากสัตว์ร้ายที่อ่อนแอมาก

“ช่วยด้วย!”

“ใครก็ได้ช่วยเราด้วย!”

เสียงขอความช่วยเหลือบางเบา ดังเข้ามาในหูของเย่เทียน

ในเวลาเดียวกันเสียงคํารามของหมาป่าก็ดังขึ้น

“มีคนเจอฝูงหมาป่าอย่างนั้นหรือ?”

เย่เทียนคิดกับตัวเอง

หลังจากนั้นเขาก็วิ่งไปยังทิศทางของเสียงทันที

ไม่ใช่ว่าเขาต้องการช่วยเหลือคนพวกนี้ แต่เป็นเพราะหมาป่าเป็นสัตว์ร้ายที่ให้แต้มจำนวนมาก โดยเฉพาะสัตว์ร้ายอย่างหมาป่าเขี้ยวหยกมันมีค่าถึง 10 แต้ม ซึ่งมันคุ้มค่ากว่าการล่าสัตว์ร้ายทั่วไปเสียอีก

ไม่นานเย่เทียนก็มาถึงพื้นที่โล่งกว้าง ไม่ไกลจากที่นี่มีหมาป่าเขี้ยวหยกประมาณสิบกว่าตัวกําลังล้อมศิษย์เจ็ดถึงแปดคนอยู่ และบนพื้นยังมีศพนอนนิ่งอยู่หลายศพ

“จางเป่า! ”

เย่เทียนสังเกตุเห็นคนคุ้นหน้าหนึ่งในนั้น เขาคือเจ้าอ้วนจางเป่าที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา

อย่างไรก็ตามจางเป่าในตอนนี้อยู่ในสภาพที่น่าสังเวช ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าของเขาซีดเผือด เขาถือคันธนูเปล่า ๆ โบกไปมาอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่าในขณะนี้เขานั้นหมดหนทางแล้ว

เย่เทียนไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับจางเป่าและคนอื่น ๆ

เนื่องจากจางเป่าและพักพวกนั้นอ่อนแอเกินไป แม้ว่าจะมีคนมากกว่า 10 คนมารวมตัวกันแล้วอย่างไร? เมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งจริงๆ จํานวนนี้เป็นเพียงแค่การเติมเต็มท้องของสัตว์ร้ายก็เท่านั้น

เย่เทียนรู้อยู่แล้วว่าคนเหล่านี้ไม่มีความหวังที่จะได้รับเลือดสัตว์อสูร แต่เขาก็ไม่ได้พูดมันออกมา เพราะรู้ดีว่าทุกคนล้วนมีความปรารถนาอยู่ในใจ

เย่เทียนยกคันธนูและเล็งไปที่หมาป่าเขี้ยวหยกและยิงลูกศรออกไป

พรูด !!!

ลูกธนูพุ่งเข้าใส่ร่างของหมาป่าเขี้ยวหยก แต่โชคร้ายที่มันพลาดเป้าไป ไม่ได้โดนจุดสําคัญ แต่มันก็ทําให้หมาป่าเขี้ยวหยกตัวนั้นบาดเจ็บ

“บรู๊ววว!!!”

หมาป่าเขี้ยวหยกพบเย่เทียน และมันก็พุ่งเข้าหาเขาทันที

จางเป่าและคนอื่น ๆ ที่อยู่ไม่ไกลสังเกตุเห็นเย่เทียนที่กําลังเข้ามา เดิมทีภายในใจของพวกเขารู้สึกมีความหวังขึ้นมาบ้าง แต่หลังจากมองเห็นผู้มาชัดๆ แววตาของพวกเขาก็กลับไปสิ้นหวังเช่นเดิม

จางเป่ารู้จักเย่เทียนและรู้ว่าเย่เทียนนั้นแข็งแกร่ง แต่เย่เทียนก็เพิ่งกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในเวลาใกล้เคียงกับเขาา

“เย่เทียน หนีไป หมาป่าเขี้ยวหยกพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่นายจะรับมือได้!” จางเป่าตะโกนเตือน

“เจ้าอ้วนนี่ มีจิตใจไม่เลวเลย มันคงไม่อยากให้เราติดร่างแหไปด้วย!” หัวใจของเย่เทียนสัมผัสถึงความอบอุ่น เขาอยากจะช่วยคนพวกนี้

ถ้าเย่เทียนระเบิดพลังทั้งหมดออกมา เขาจะสามารถสังหารมาป่าเขียวหยกได้ภายในระยะเวลาอันสั้น แต่นั่นย่อมเป็นการเปิดโปงความลับและจะส่งผลให้เกิดเรื่องยุ่งยากตามมามากมาย

“คงต้องยั้งมือไว้เล็กน้อย!”

เย่เทียนคิดกับตัวเอง

พลังของหมาป่าเขี้ยวหยกแข็งแกร่งมาก มันไม่ด้อยกว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่มีกำลังสี่ถึงห้าร้อยจิน หากต้องเผชิญหน้ากับมันตรงๆ เย่เทียนจะต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย

ดังนั้นเย่เทียนจึงใช้วิชาดาบที่เฉียบคม และเร่งความเร็วขึ้นเล็กน้อย

เขารักษาความเร็วไว้ 1.5 เท่าจากปกติ และเริ่มเข้าต่อสู้กับหมาป่าเขี้ยวหยกเหล่านี้ เขามีพรสวรรค์ด้านดาบระดับกลาง จึงสามารถควบคุมจังหวะได้อย่างแม่นยํา และโจมตีใส่ช่องว่างในวินาทีสําคัญ

พรูดด!!

คมดาบพาดผ่านคอหมาป่าเขี้ยวหยกและจบชีวิตมันด้วยดาบเดียว

ไม่ว่าหมาป่าเขี้ยวจะโจมตีเย่เทียนอย่างไร เย่เทียนก็จะสามารถหลบได้เหมือนกับเขาสามารถคาดการณ์การโจมตีของมันได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

และทุกครั้งที่เขาใช้ดาบโจมตีเอาไป คร่าชีวิตของหมาป่าเขี้ยวหยกไปทีละตัว!

ไม่นานร่างของหมาป่าเขียวหยก 10 กว่าตัวนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น บนร่างกายของเย่เทียนเต็มไปด้วยเลือดเช่นกัน แน่นอนว่ามันเป็นเลือดของหมาป่าเขี้ยวหยก

“พวกนายไม่เป็นไรใช่ไหม?”

เย่เทียนเก็บดาบและมองไปที่จางเป่าและคนอื่น ๆ

“ม…ไม่.! ”

จางเป่าเบิกตากว้าง กลืนน้ําลายอึกใหญ่

“ฉันเป็นคนฆ่าหมาป่าพวกนี้ ฉันจะเอาเขี้ยวหมาป่าไป พวกนายคงไม่ถือสาใช่หรือไม่?”

เย่เทียนถามด้วยเสียงทุ้มต่ํา

“ไม่เลย … เชิญ เชิญ!!”

คนในกลุ่มส่ายหัวซ้ําแล้วซ้ําเล่า

พวกเขาไหนเลยจะกล้าแย่งผลงาน ในเมื่อฝูงหมาป่าเขี้ยวหยกที่ดุร้ายขนาดนั้นถูกเย่เทียนสังหารจนหมดด้วยตัวคนเดียว ชีวิตของพวกเขาถูกเย่เทียนช่วยไว้ ต่อให้ไม่มีสมองก็ไม่มีทางที่จะพูดเรื่องส่วนแบ่งเขี้ยวหมาป่า!

เขี้ยวหมาป่าเป็นหลักฐานยืนยันเดียว ของการล่าหมาป่าเขี้ยวหยก!

แน่นอนว่าเย่เทียนไม่จําเป็นต้องเอาเขี้ยวหมาป่าทั้งหมดไป เขาเพียงแค่เอาฟันหน้าสองซี่ที่ใหญ่ที่สุดของหมาป่าเขี้ยวหยกไปเท่านั้น

เขี้ยวหมาป่าสิบกว่าซี่ถูกรวบรวมไว้ด้วยกันในถุงผ้า

โชคดีที่เย่เทียนมีกำลังถึง 300 จิน การแบกของชิ้นนี้ไว้บนบ่าไม่นับเป็นอะไรได้

“ฉันคิดว่าพวกนายควรจะออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด ด้วยความแข็งแกร่งของพวกนายในตอนนี้ยากที่จะได้รับรางวัลเป็นเลือดของสัตว์ร้าย มันจะดีกว่าถ้าไม่เอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ พวกนายมีเพียงหนึ่งชีวิต ยังมีเวลาอีกมากที่จะได้รับเลือดของสัตว์ร้าย!” เย่เทียนพยายามเกลี้ยกล่อม

พูดจบ เย่เทียนก็หันหลังเตรียมจะจากไป

ในเวลานี้สีหน้าของจางเป่าเปลี่ยนไปและกล่าวว่า

“เย่เทียน ด้วยความแข็งแกร่งของนายบวกกับเขี้ยวหมาป่าที่นายได้รับมาในครั้งนี้ การได้รับเลือดสัตว์อสูรก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่นายน่าจะต้องการติดอันดับต้นๆ ฉันได้ข่าวมาอย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะบอกนายดีไหม? ”

“พูดมาเถอะ!”

เย่เทียนถามด้วยความสงสัย

“มีงูหลามลายใบไม้เขียว ปรากฏตัวขึ้นในเขตป่า ศิทย์จากสถาบันที่หนึงกำลังไปไล่ล่างูหลามตัวนั้นแล้ว มูลค่าของมันลูกถึง 500 แต้ม!”

จางเป่าขบกรามแน่นและกล่าว

เขาไม่รู้ว่าข่าวนี้จะส่งผลดีหรือร่ายต่อเย่เทียน แต่เขาก็ยังคงพูดต่อไป

“อะไรนะ งูหลามใบไม้เขียว!”

เย่เทียนตกใจมาก

ที่สําคัญกว่านั้น เขานั้นถูกดึงดูดโดยคำว่า 500 เเต้ม

หากได้รับดวงตาของงูหลามใบไม้เขียว อันดับหนึ่งของการทดสอบก็จะตกเป็นของเขา