บทที่ 271: คุณเป็นของฉันแล้ว
ก่อนจะถึงเวลาเที่ยงคืน ภายในห้องอาหารของคฤหาสน์สีกรมท่า ซึ่งอยู่ไกลจากเขตส่วนกลางของสถานศึกษา โรเอลมองด้วยแก้มที่กระตุกขณะที่เด็กหนุ่มผมดำที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของเขากำลังกลืนอาหารลงไป
ในฐานะผู้สืบทอดของตระกูลขุนนาง โรเอลได้เห็นนายน้อยรุ่นเยาว์ และคุณหนูมากมาย แต่เขาไม่เคยเห็นพวกเขาเหล่านั้นรับประทานอาหารอย่างตะกละตะกลามมาก่อนเลย เมื่อได้เห็นว่าพอลเกือบสำลักอาหารหลังจากที่ยัดน่องไก่ลงไปในท้อง เด็กหนุ่มจึงรู้สึกเหมือนว่าตนได้รับเอาขอทานเข้ามาในคฤหาสน์แทนเสียมากกว่า
นายมาที่นี่เพียงเพื่อมากินอาหารของฉันรึเปล่าเนี่ย เราควรจะคุยกันระหว่างรับประทานอาหารเย็น แต่นายเอาแต่กินในขณะที่ฉันพูดอยู่คนเดียว!
โรเอลถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะยกไวน์ขึ้นมาจิบ เขาอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเด็กหนุ่มตรงหน้า กับสมาชิกตระกูลแอคเคอร์มันน์ที่สง่างามกว่าอีกคน
พวกเขาทั้งคู่มาจากตระกูลเดียวกัน แต่ทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันมาก…
พอลล้างอาหารทั้งหมดในปากของเขาด้วยน้ำอึกใหญ่ก่อนที่จะปล่อยลมหายใจออกมาอย่างพึงพอใจ ราวกับว่าเขาได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
“ลูกพี่โรเอล ขอบคุณสำหรับอาหาร มารยาทในการรับประทานอาหารของผมอาจจะไม่เหมาะสมเล็กน้อยเนื่องด้วยความหิวของผม ขออภัยสำหรับเรื่องนั้นด้วย”
“ ทำไมล่ะ? นายไม่ได้กินข้าวมาทั้งวันเหรอ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ผมทำกระเป๋าเงินหาย ก็เลยอดข้าวมาได้สองวันแล้ว”
“…”
ทำไมไม่ทำตัวเองหายไปด้วยเลยล่ะ? เดี๋ยวก่อนนะ!
เมื่อมองไปที่เด็กหนุ่มผู้กำลังเกาศีรษะอย่างเชื่องช้า โรเอลก็นึกขึ้นได้ว่ามีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นจริง ๆ ในเกมอาย ออฟ โครนิเคิล พอลทำกระเป๋าเงินของเขาหาย ไม่นานหลังจากลงทะเบียนเรียนในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า และเกือบจะเป็นลมที่ด้านหน้าอาคารหลังจากอดอาหารมาเป็นเวลาสองวัน ตอนนั้นเองที่ชาร์ล็อต โซโรฟยาเจอกับเขาเข้าอีกครั้ง
ชาร์ล็อตจำได้ว่าพอลเป็นคนที่เข้ามาขวางรถม้าของเธอระหว่างทางไปโรงเรียน เธอควรจะเกลียดชังเขา แต่สภาพอันน่าสงสารของพอล ทำให้เด็กสาวเกิดความเห็นใจเขาขึ้นมาแทน ดังนั้นเธอจึงเลี้ยงอาหารเขา ทำให้พอลรู้สึกขอบคุณเธออย่างสุดซึ้ง และกลายมาเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่สำคัญสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ในอนาคตระหว่างทั้งสอง
มันควรจะเป็นเหตุการณ์สำคัญครั้งแรกระหว่างพอลและชาร์ล็อต หลังจากการพบกันครั้งแรกของพวกเขา ดังนั้นโรเอลจึงตั้งใจที่จะเข้าไปช่วยแทน เพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตามเขามัวแต่ยุ่งกับหลายสิ่งหลายอย่างมากเกินไปจนทำให้ลืมไปเสียสนิท
ใครจะไปคิดล่ะว่าพอลจะมาหาเขาด้วยตัวเองแทน?
กินทุกอย่างที่อยากกินได้เลย เจ้าหนุ่ม!
การรับรู้ถึงความสำคัญของอาหารมื้อนี้ทำให้โรเอลอารมณ์ดีขึ้นมาก ส่งผลให้การแสดงออกของเขาเป็นมิตรมากขึ้นไปด้วย ด้วยการโบกมืออันยิ่งใหญ่ เขาสั่งเครื่องเคียงสองสามอย่างมาเพื่อที่พอลจะได้กินจนอิ่ม
แม้จะมีความแตกต่างอย่างมากจากสิ่งที่เกิดขึ้นในเกม แต่โรเอลก็คงจะโกหก ถ้าเขาบอกว่าตัวเองไม่ได้ใส่ใจโครงเรื่องเดิมแล้ว แม้ว่าจะมีโอกาสผิดพลาดเพียงเล็กน้อย เขาก็คิดว่าตนเองควรจะจำเหตุการณ์สำคัญทั้งหมดในเกมให้ได้ และพยายามทำลายเดธแฟล็กทั้งหมด
อย่างไรก็ตามมันเหนื่อยเกินไปสำหรับโรเอลที่จะทำเช่นนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่เขาเต็มไปด้วยเรื่องต่าง ๆ ที่ต้องรับผิดชอบ ยิ่งไปกว่านั้นการไม่ไว้วางใจเด็กสาวทั้งสองคนที่เขาสนิท ก็ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยด้วยเช่นกัน
ดังนั้นโรเอลจึงค่อนข้างโล่งใจที่พอลได้สร้างความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยตัวเอง ทำให้โรเอลไม่จำเป็นต้องระวังตัวเลยด้วยซ้ำ หากพิจารณาถึงมิตรภาพระหว่างพวกเขาแล้ว กรณีนี้พอลคงจะพยายามหลีกเลี่ยงนอร่าและชาร์ล็อตเองเลยด้วยซ้ำ
นอกจากความต้องการทางชีวภาพแล้ว ผู้ชายยังมีแนวโน้มที่จะมองหาความช่วยเหลือจากผู้ชายคนอื่นมากกว่าผู้หญิง มันง่ายกว่ามากที่จะแบ่งปันปัญหากับเพื่อนในเพศเดียวกัน เพราะมันทำให้พวกเขาไม่รู้สึกสูญเสียศักดิ์ศรี
เพื่อแสดงความกตัญญูต่อพอลและกระตุ้นให้เขาทำเช่นเดียวกันในอนาคต โรเอลได้เปิดห้องเก็บไวน์อายุสามสิบปี ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขามีในตอนนี้ เพราะทุกอย่างในห้องเก็บไวน์นี้เป็นของฟรีจากสถาบันการศึกษา ถ้าหากพวกเขาอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดไม่ใช่ที่นี่ โรเอลก็ไม่ลังเลเลยที่จะเปิดไวน์หายากอายุหลายร้อยปีให้พอลแทน!
พอลประทับใจในความเอื้ออาทรของโรเอลมาก อันที่จริงเขาเพิ่งได้พบกับโรเอลเพียงแค่สองสามครั้งเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะคอยอยู่เคียงข้างเขาในทุกช่วงเวลาที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการนำทางเขามาที่สถาบันการศึกษา หรือสนับสนุนเขาต่อหน้ารุ่นพี่จากจักรวรรดิออสทีน ยิ่งไปกว่านั้นโรเอลไม่เคยขออะไรตอบแทนจากเขาเลย
แม้ว่าพอลจะมาเคาะประตูคฤหาสน์โดยไม่ได้รับเชิญกลางดึก และรับประทานอาหารฟรี ๆ โรเอลก็ยังต้อนรับเขาอย่างอบอุ่นเหมือนเพื่อนแท้ นี่ทำให้พอลซาบซึ้งใจมาก แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ยากสำหรับเขาที่จะพูดถึงเจตนาที่แท้จริงที่ทำให้เขามาที่นี่
“มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ? พูดสิ่งที่นายคิดอยู่ในใจออกมาตรง ๆ ได้เลยน่า ฉันไม่ว่าหรอก”
โรเอลกล่าวเมื่อสังเกตเห็นความลังเลบนใบหน้าของพอล
อีกฝ่ายใช้เวลาสักพักในการรวบรวมความกล้าก่อนจะพูดขึ้น
“ลูกพี่โรเอล ขอ… ขอให้ผมได้เข้าร่วมกลุ่มของคุณจะได้ไหม?”
“…”
โรเอลตกตะลึงกับคำขอโดยกะทันหันที่เขาไม่สามารถตอบได้ในทันทีของอีกฝ่าย การตอบกลับที่ล่าช้าของเขาทำให้บรรยากาศในห้องอาหารตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย เด็กหนุ่มวางถ้วยไวน์ลงก่อนจะมองไปทางพอลอย่างตั้งใจ ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
มีตัวละครสำคัญคนหนึ่งที่โรเอลไม่สามารถมองข้ามได้ เมื่อพูดถึงเรื่องของพอล นั่นก็คือลิเลียน แอคเคอร์มันน์ พี่สาวของเขา
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่พอลจะเข้าร่วมกลุ่ม กุหลาบม่วงของลิเลียนเนื่องจากพวกเขาเป็นสมาชิกในตระกูลเดียวกัน แต่ความโกลาหลที่เกิดขึ้นในพิธีเปิดภาคเรียนดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงความคิดของเขาไปแล้ว
“หลายคนที่ตามน้ำในตอนนั้น เป็นนักเรียนจากจักรวรรดิออสทีน ดังนั้นการเข้าร่วมกลุ่มกุหลาบสีม่วง ทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเล็กน้อย… ฮ่าฮ่าฮ่า”
ใบหน้าของพอลมีรอยยิ้มเฝื่อน ๆ ผสมความไม่พอใจ ขณะที่เขาเปิดเผยความตั้งใจเบื้องหลังคำขอของตน เมื่อพบว่าตัวเองไม่สามารถทนพูดต่อได้อีก เขาจึงพยายามกลบความเศร้าด้วยเสียงหัวเราะ
โรเอลขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขารู้สึกได้ถึงบางอย่างกำลังกระตุกหัวใจของเขา
ในฐานะลูกนอกสมรส พอลถูกจัดให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่แย่เสียยิ่งกว่าของโรเอล แม้ว่าทายาทของตระกูลแอสคาร์ดจะมีศัตรูที่ซ่อนอยู่มากมายทุกมุมโลก อย่างน้อย ๆ โรเอลก็ยังอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างมีสิทธิพิเศษ
จักรวรรดิเซนต์เมซิท มีความเจริญรุ่งเรืองและมั่นคง และตระกูลแอสคาร์ดเองก็มีอำนาจทางทหารที่ยิ่งใหญ่ ต้องขอบคุณความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างบรรพบุรุษของเขาบางคนที่มีบันทึกประจำวันโรคจิตวิปริตกับลูกศิษย์ของตน ทำให้ตระกูลแอสคาร์ดมีเขตการปกครองที่กว้างใหญ่เป็นของตัวเอง
โรเอลมีชีวิตที่สมบูรณ์พร้อม ตราบเท่าที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด อีกทั้งเขายังเป็นที่เคารพนับถือไม่ว่าจะไปที่ไหน
อย่างไรก็ตามสำหรับพอลนั้นแตกต่างออกไป แม้ว่าเขาจะเป็นองค์ชาย แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ได้รับมรดกใด ๆ ตัวตนของเขาในฐานะลูกชายนอกสมรสทำให้มักจะถูกคนอื่นจับผิดอยู่ตลอดเวลา และพี่ชายสองคนของเขาก็ต้องการให้เขาตาย
สำหรับพี่สาวของเขา… มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ ว่ามันเป็นเพราะการแทรกแซงของโรเอลหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าลิเลียนจะไม่ได้เป็นห่วงพอลมากเท่าไหร่นัก หากเทียบกับตัวเธอภายในเกม
เธอควรจะเป็นพวกชื่นชอบน้องชายไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมเธอถึงไม่ลงมือทำอะไรเลยล่ะ?
ไม่ว่าจะในกรณีใด ความเกลียดชังอย่างท่วมท้นที่มีต่อพอลทำให้เขาตกเป็นเหยื่อของความโดดเดี่ยว คำพูดเยาะเย้ย และการกดขี่อย่างต่อเนื่อง อันที่จริงเขาเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็งมาก ถึงสามารถอยู่รอดภายในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ได้
ในฐานะที่เป็นคนที่รู้จักพอลดีที่สุด โรเอลจึงรู้สึกอยากจะช่วยพอล แต่สิ่งที่เด็กหนุ่มคาใจก็คือทำไมอีกฝ่ายถึงอยากร่วมกลุ่มของเขา
“ฉันเข้าใจดีว่าทำไมนายถึงไม่อยากที่จะเข้าร่วมฝ่ายกุหลาบม่วง และฉันก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับนายที่จะเข้าร่วมฝ่ายกุหลาบแดง หรือฝ่ายกุหลาบสีทอง เนื่องจากความขัดแย้งจากสมาชิกของพวกเธอ อย่างไรก็ตามนายน่าจะรู้ดีว่าฉันเป็นขุนนางจากจักรวรรดิเซนต์เมซิท การเข้าร่วมกลุ่มของฉันจะทำให้นายตกอยู่ในตำแหน่งที่แย่ยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ตามหลักแล้ว นายไม่ควรจะเข้าร่วมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลย แล้วทำไมนายถึงตัดสินใจแบบนี้กัน?”
โรเอลถาม
จริง ๆ แล้วภายในเกมอาย ออฟ โครนิเคิล พอลเป็นนักเรียนอิสระ อันที่จริงเขาได้ก่อตั้งชมรมสารพัดจ้าง ซึ่งเป็นชมรมที่จะ ‘ทำทุกอย่างที่ลูกค้าขอ’ ที่ไม่มีใครนอกจากตัวเอกของอนิเมะหรือมังงะคิดจะทำ
ชมรมดังกล่าวมักได้รับคำขอเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการตามหาสัตว์เลี้ยงและสิ่งของที่หายไป แต่ที่น่าสนใจก็คือ ชมรมสารพัดจ้างของพอล ได้พบเข้ากับแผนการสมรู้ร่วมคิดอันชั่วร้ายแทน ทำให้เขาได้พบกับศัตรูตัวฉกาจของสถาบันการศึกษาที่มีชื่อว่า โรเอล
อะไรคือสิ่งที่ทำให้พอลคิดที่จะเข้าร่วมกลุ่มแทนที่จะสร้างชมรมของตัวเองกัน?
โรเอลต้องการคำตอบสำหรับคำถามนี้ ซึ่งพอลก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับไป
“ผมต้องการสนามฝึกซ้อม ผมอยากจะแข็งแกร่งเหมือนลูกพี่โรเอล!”
“หา?”
ดวงตาอันเปล่งประกายคู่หนึ่งจ้องมองมาที่โรเอลอย่างตรงไปตรงมา ทำให้เขาต้องตกตะลึง จากนั้นการแสดงออกของเด็กหนุ่มก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างแปลกประหลาด
นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราตั้งใจเลยสักนิด…
โรเอลกล่าวขอโทษอย่างเงียบ ๆ ในใจ ก่อนที่จะหันไปถามถึงปัญหาอื่น
“แล้วรุ่นพี่ลิเลียนล่ะ?”
“ผมจะอธิบายให้พี่สาวฟังเอง… ผมรบกวนคุณ หรือทำให้คุณหนักใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ใช่ไหม?”
พอลพูดพร้อมกับถอนหายใจพลางก้มศีรษะลงอย่างสิ้นหวัง
ความตึงเครียดระหว่างเขาและเหล่าขุนนางจากจักรวรรดิออสทีนจะเลวร้ายลงไปอีก ด้วยการตัดสินใจครั้งนี้ ซึ่งอาจจะทำให้ตำแหน่งของโรเอลสั่นคลอนไปด้วยเช่นกัน การตระหนักรู้ถึงภาระอันหนักอึ้งนี้ ทำให้พอลตระหนักได้ว่าคำขอของเขานั้นเห็นแก่ตัวแค่ไหน จนเริ่มคิดทบทวนที่จะถอนคำพูด อย่างไรก็ตามไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะได้ถอนคำพูดของตน โรเอลก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
“หนักใจอะไรกัน ไร้สาระน่า”
เสียงอันสง่างามของโรเอลทำให้พอลเงยหน้าขึ้น เขาประหลาดใจที่ได้เห็นใบหน้าอันเป็นปกติของอีกฝ่ายขมวดคิ้วไม่เห็นด้วยอย่างหาดูได้ยาก
“รบกวนฉันงั้นเหรอ? นายกำลังพูดถึงพวกโง่ที่แสดงความเกลียดชังต่อนายโดยไม่มีเหตุผลใช่ไหม? หรือหมายถึงลูกน้องในสังกัดองค์ชายของจักรวรรดิออสทีนอีกสองคน? ไร้สาระเสียจริง คิดว่าฉันจะกลัวพวกเขารึไง?”
โรเอลยกมือขวาขึ้น เผยให้เห็นแหวนสีน้ำเงินซีดที่นิ้วของตน
“การเป็นผู้ถือแหวนเป็นมากกว่าเกียรติ มันคือความรับผิดชอบ ในฐานะหนึ่งในผู้นำของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า หน้าที่ของฉันคือรักษาความยุติธรรมและสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เอื้ออำนวยสำหรับนักเรียน การกดขี่ใด ๆ ที่เกิดขึ้นภายในสถาบันการศึกษาแห่งนี้ถือเป็นการดูหมิ่นเกียรติของฉัน บ่อนทำลายศักดิ์ศรีของแหวนกุหลาบน้ำเงินที่ฉันครอบครอง”
“เจ้าพวกขี้ขลาดที่เห่ามาที่นายเพื่อระงับความกลัว เพราะไม่กล้าขัดคอพ่อตัวเอง นายคิดว่าพวกเขาจะทำอะไรฉันได้รึไง? ถ้านั่นคือสิ่งที่นายคิดล่ะก็ นายกำลังดูถูกฉันอยู่นะ ”
เบื้องหน้าพอลที่กำลังตกตะลึง โรเอลก็ได้ลุกขึ้นยืน หยิบไม้เท้าของตนขึ้นมา แล้วเดินไปที่ประตู
“ฉันอนุมัติคำขอเข้าร่วมของนาย ตอนนี้นายเป็นสมาชิกของฝ่ายกุหลาบสีน้ำเงินของฉันแล้วนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ดังนั้นอย่าลืมส่งใบสมัครของนายมาในวันพรุ่งนี้ด้วย ตอนนี้มันดึกแล้ว ไปพักผ่อนซะ”
โรเอลทิ้งคำพูดเหล่านี้แล้วเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้พอลจ้องมองเงาที่หายไปของเขาด้วยความงุนงง เด็กหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอนหลังพิงไปที่เก้าอี้
“เมื่อไหร่เราจะเป็นได้แบบนั้นบ้างนะ…”
พอลพึมพำด้วยแววตาชื่นชมปลาบปลื้มอันเปล่งประกาย