ตอนที่ 465 ความกังวลของเจ้าตำหนักยมราช + ตอนที่ 466 หัวใจบีบรัด

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 465 ความกังวลของเจ้าตำหนักยมราช

“นายท่านหลับไปแล้ว มีเรื่องอะไรพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” เหลิ่งซวงพูดพลางให้เหลิ่งหวากลับไปพักผ่อนก่อน

ฮุยหลางได้ยินแล้วนึกถึงเมื่อเย็นวันนี้ที่ตัวเองโดนผู้หญิงพวกนั้นเอารัดเอาเปรียบ จึงโกรธเคืองขึ้นมาบ้างทันใด “นายท่านเจ้าหลับได้ แต่นายท่านข้าหลับไม่ลง!” ตั้งแต่นายท่านกลับมาก็นั่งอยู่ตลอดจนตอนนี้ ทั่วร่างมีกลิ่นอายชั่วร้ายพวยพุ่ง เขาเห็นแล้วยังไม่กล้าเข้าใกล้

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น คืนนี้เขาไม่ต้องคิดจะนอนหลับเลย เดาว่าความโกรธในอกก็ไม่สงบลงเช่นกัน

“นอนไม่หลับแล้วเกี่ยวอะไรกับนายท่านข้า? ข้าขอเตือนเจ้าไว้ นายท่านข้าอารมณ์ไม่ดี เจ้าอย่าได้ไปรบกวนนาง” เหลิ่งซวงทิ้งคำพูดไว้อย่างเย็นชา ยื่นถาดให้สาวใช้ที่ผ่านมาข้างๆ ส่วนตัวเองกลับไปเฝ้าในเรือน

ฮุยหลางที่เดิมทียังมีไฟโกรธสุมอกได้ยินก็แปลกใจทันที ภูตหมออารมณ์ไม่ดี? ทำไมถึงอารมณ์ไม่ดี? นางอารมณ์ไม่ดีได้ด้วยรึ? หรือจะสำนึกเสียใจที่พานายท่านไปหอนางโลม?

เมื่อความคิดเช่นนี้ผุดขึ้นมา แล้วนึกถึงว่าเขามักจะคิดมากเกิน จึงตามหลังเหลิ่งซวงไปเพื่อเลี่ยงไม่ให้ตนเองฟุ้งซ่าน พลางถามว่า “ทำไมนางอารมณ์ไม่ดี ใครทำให้นางโกรธ?”

เหลิ่งซวงไม่สนใจ แต่เห็นว่าจะเข้าใกล้เขตเรือนแล้ว กลัวว่าหากเขารบเร้าถามเช่นนี้จะรบกวนการพักผ่อนของนายท่าน จึงหยุดฝีเท้าลงหันกลับมาจ้องมองเขาอย่างเย็นชา

“ตั้งแต่กลับมาก็อารมณ์ไม่ดีแล้ว เหลิ่งหวาบอกว่าคืนนี้อยู่ด้านนอกนางไม่ได้กินอะไรเลย ตอนกลับมาข้าถามนางก็ไม่กิน เมื่อครู่เพิ่งกินรังนกไปครึ่งชาม เจ้าถามว่าทำไมนางอารมณ์ไม่ดี ข้าก็อยากถามว่าพวกเจ้าก่อเรื่องอะไรกันแน่?”

น้ำเสียงนางเย็นยะเยือก ซ้ำยังจ้องฮุยหลางด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ทำให้ฮุยหลางถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัวทันใด ไม่ใช่เพราะกลัวนาง แต่เพราะเห็นเรือนร่างนางที่งดงามประณีต แม้จะห่อหุ้มด้วยชุดสีดำ ทว่าหน้าอกอวบอิ่มที่นูนขึ้นมากลับชวนให้เขานึกถึงความทรงจำก่อนหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

ถึงขนาดว่าเมื่อนางหันตัวเข้าใกล้ เขาอยากจะถอยห่างโดยไม่รู้ตัว พอตอบสนองตามสัญชาตญาณเช่นนี้ไป หัวใจก็หวาดกลัวไปชั่วขณะ แอบตกตะลึงว่าเรื่องคืนนี้คงไม่ทำให้เขามีเงามืดในใจกระมัง? เขายังไม่มีภรรยาเลยนะ! หากเกิดกลัวผู้หญิงจริงๆ จะดีได้อย่างไร?

ครั้นนึกถึงตรงนี้ เขาพลันไม่มีแม้แต่ความรู้สึกจะสนใจว่านายท่านอารมณ์ไม่ดี หมุนตัวเดินกลับออกไป สติเตลิดเปิดเปิงไปบ้างและยังมีความตื่นตระหนกบางส่วน

กลับถึงภายในเขตเรือน อิ่งอีเห็นเขากลับมาท่าทางแปลกๆ จึงถาม “เป็นอย่างไรบ้าง?”

“ข้าเพิ่งไปหาภูตหมอแต่ไม่ได้พบนาง รู้จากสองพี่น้องเหลิ่งซวงเหลิ่งหวาว่าภูตหมอเหมือนจะอารมณ์ไม่ค่อยดี หนำซ้ำคืนนี้ยังไม่ทันกินอะไรก็หลับไปแล้ว”

เสียงเขาไม่ได้กดเบาลง แต่พูดออกมาด้วยระดับเสียงปกติ เมื่อกล่าวจบยังมองไปทางด้านในเรือน ใช้นิ้วมือชี้ๆ ห้องเพื่อถามอิ่งอีถึงสถานการณ์ของนายท่าน หลังเห็นอิ่งอีส่ายหน้าให้ เขาก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วมานั่งลงข้างโต๊ะหินในลาน

ส่วนภายในเรือน หลังจากเจ้าตำหนักยมราชที่ดื่มอยู่คนเดียวได้ยินคำพูดฮุยหลางด้านนอก เขาหยุดมือที่รินเหล้าเล็กน้อย สีหน้าตกใจเบาๆ

นางก็อารมณ์ไม่ดีเช่นกัน? คืนนี้กลับมายังไม่ได้กินอะไร?

นึกถึงที่วันนี้นางไปเดินเล่นรอบๆ ด้านนอกเป็นเพื่อนเขาทั้งวัน นอกจากโจ๊กพวกนั้นที่กินตอนใกล้เที่ยงก็ยังไม่กินอะไรอีกเลย จึงอดขมวดคิ้วไม่ได้

ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงไม่รู้จักดูแลตนเองเช่นนี้?

เขาวางกาสุราลงและลุกยืนขึ้นโดยไม่คิดสักนิด เมื่อเดินถึงประตูห้องและจะเปิดมันออก มือกลับชะงักเล็กน้อย…

………………………………………………….

ตอนที่ 466 หัวใจบีบรัด

แค่ชะงักไปนิดชั่วขณะหนึ่ง เขาก็เปิดประตูเดินออกไปยังด้านนอก พลางบอกสองคนในลานว่า “สั่งทางครัวเตรียมกับข้าวมาสองสามอย่าง ข้าวสองชามและน้ำแกงหนึ่ง ส่งไปที่เรือนนาง”

ระหว่างที่พูดเขาเดินออกจากเรือนมาแล้ว เอามือไพล่หลังมุ่งหน้าไปยังเรือนเฟิ่งจิ่ว สองคนด้านหลังเห็นเข้าจึงมองหน้ากัน

“นายท่านไปหาภูตหมออีกแล้ว? เขาโกรธนางอยู่ไม่ใช่หรือ?” ฮุยหลางตะลึงอยู่บ้าง คิดว่าทำไมยามนายท่านพบภูตหมอแม้แต่ความขี้โมโหสักนิดก็ไม่มีแล้ว? ตอนที่กลับมายังมีไฟโกรธในใจ แต่เพิ่งได้ยินเขาบอกว่าภูตหมอยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย ก็กุลีกุจอรีบออกไปเสียแล้ว!

“นี่เขาเรียกว่าคนกลัวเมีย อีกหน่อยแต่งงานกับภูตหมอแล้ว นายท่านต้องถูกกินตายแน่ๆ” อิ่งอีพูดจบก็บอก “เจ้าไปสั่งห้องครัวเตรียมข้าวปลาอาหารเถอะ”

“เฮ้อ! หนึ่งสิ่งย่อมกำราบอีกหนึ่งสิ่งสินะ” ฮุยหลางส่ายหน้า เดินตามออกไปเช่นกัน อยากไปดูเสียหน่อยว่าแม้แต่เขตเรือนของภูตหมอนายท่านจะเข้าไปได้หรือไม่

อีกทางหนึ่ง ภายในเขตเรือนของเฟิ่งจิ่ว เมื่อเหลิ่งซวงที่เฝ้าอยู่ในสวนหน้าเรือนเห็นเจ้าตำหนักยมราชเดินมาก็ตกใจเล็กน้อย แต่ยังคงมาด้านหน้าเขาเพื่อขวางฝีเท้าเขาไว้ “นายท่านหลับไปแล้ว ท่านเจ้าตำหนักมีธุระอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้เถอะเจ้าค่ะ”

เจ้าตำหนักยมราชกวาดมองนาง แล้วสาวก้าวเดินเข้าไป เดินสองสามก้าวมาถึงหน้าเรือนก็ผลักเปิดประตูเข้าไป จากนั้นกลับไม่ได้ตรงไปยังห้องด้านใน แต่นั่งลงข้างโต๊ะตรงห้องด้านนอก

“ข้ามาดื่มเหล้ากับเจ้า”

คำพูดหนึ่งประโยคที่ทั้งแข็งกระด้างและทุ้มต่ำ ทำให้เฟิ่งจิ่วที่นอนบนเตียงห้องด้านในและยังไม่หลับฟังแล้วตกใจเบาๆ สีหน้าประหลาดพิกล

เหลิ่งซวงเห็นว่าขวางเขาไม่ได้ จึงเข้าไปบอกเฟิ่งจิ่วยังห้องด้านใน เฟิ่งจิ่วให้สัญญาณนางถอยไป ส่วนตัวเองลุกขึ้นสวมเสื้อคลุมเดินออกมา เมื่อเห็นเจ้าตำหนักนั่งอยู่ข้างโต๊ะพลางจ้องมองเธอด้วยแววตาลึกล้ำ จึงกระชับเสื้อคลุมบนร่างพลางเดินเข้าไปถาม “ท่านมีเหล้าหรือไม่?”

ได้ยินคำถามนี้ เจ้าตำหนักชำเลืองมองนางแวบหนึ่ง ก่อนจะยกไหหนึ่งออกมาจากในห้วงมิติทันที “เหล้าวิญญาณชั้นเลิศ” ขณะเดียวกันยังหยิบแก้วเหล้าใบเล็กสีหยกออกมาสองใบ

เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ก็ยิ้ม ก่อนร้องเรียก “เหลิ่งซวง หยิบชามมาสองใบ”

เจ้าตำหนักยมราชมองนาง แล้วเก็บแก้วเหล้าใบเล็กสองใบนั้นกลับ

ฮุยหลางที่ยืนมองภาพนี้อยู่ตรงประตูตาค้างไปบ้าง นั่นคือเหล้าวิญญาณชั้นเลิศ! หนึ่งหยดราคาพันชั่ง นึกไม่ถึงว่าภูตหมอคนนี้ยังจะใช้ชามดื่ม? ไม่สิ้นเปลืองบ้างได้ไหม?

หลังวางชามใบเล็กสองใบลง เหลิ่งซวงถอยออกไปยืนมองทั้งสองคนตรงประตู

“รินเหล้าสิ!” เฟิ่งจิ่วให้สัญญาณ เห็นเขาถือไหเหล้าไว้ทว่ากลับไม่ขยับ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร

“ไม่ต้องรีบ กับแกล้มยังไม่มาเลย” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยอย่างมีแรงดึงดูด ประหนึ่งสุราเลิศรสกลมกล่อม ทำให้เมามายอย่างยิ่งในยามค่ำคืน

“ดื่มเหล้าไหนเลยต้องมีกับแกล้มอะไร? ท่านไม่ดื่มงั้นข้ารินก่อน จะลองชิมว่าเหล้าวิญญาณชั้นเลิศมีรสชาติเช่นไร” เธอพูดจบก็ยื่นมือจะหยิบเหล้าไหนั้น ใครจะรู้ มือที่ยืนออกไปจับกลับโดนมือเขากดไว้

เธอเงยหน้ามองและพลันยิ้มขึ้นมา “อย่าเอาเปรียบข้าได้ไหม? ถึงจะแค่มือ แต่ก็เป็นมือของผู้หญิง!”

มุมปากเจ้าตำหนักกระตุกเล็กน้อยอย่างที่ไม่อาจสังเกต แววตาลึกล้ำจับจ้องนาง เขามองออกว่านางในคืนนี้ไม่ค่อยปกติจริงๆ เพราะเหตุใดกัน? เห็นชัดว่ากำลังยิ้ม แต่ดวงตาคู่นั้นกลับมีความอ้างว้างและโดดเดี่ยวบางส่วน เขามองแล้วหัวใจบีบรัด

ชัดเจนว่าคนที่ถูกทำให้โกรธคือเขา คนที่ควรโมโหก็คือเขา แต่ทำไมดูแล้วเหมือนนางต่างหากที่เป็นคนน้อยใจ?