ตอนที่ 8 ใต้ต้นไม้มีกระต่ายป่าหนึ่งตัว

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

ตอนที่ 8 ใต้ต้นไม้มีกระต่ายป่าหนึ่งตัว!

ทุกคนที่ได้เห็นกับตาตัวเองต่างพากันส่ายหน้าอย่างห้ามไม่อยู่ น้องหกจ้าวยังเป็นน้องหกจ้าวอยู่วันยังค่ำ ทุกคนไปทำงานกันหมด แต่เขากลับขึ้นไปตากลมบนยอดเขา หากไม่ใช่เพราะตระกูลจ้าวมีผู้ชายเยอะ คนในหมู่บ้านคงไม่เห็นด้วย

ท้ายที่สุดการแบ่งอาหารก็แบ่งตามทำงานสามครัวเรือนเจ็ด!

ทำงานสามครัวเรือนเจ็ดคือ แบ่งอาหารตามการทำงานสามส่วน อีกเจ็ดส่วนแบ่งตามจำนวนสมาชิกในครัวเรือน

 

ต่อให้จ้าวเหวินเทาไม่ทำงาน แต่เขาก็ยังได้รับส่วนแบ่งอาหารตามจำนวนสมาชิกครัวเรือนอยู่ดี นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดคนที่เกียจคร้านเหล่านั้นจึงไม่หิวตาย

แน่นอนว่าการกิน ๆ นอน ๆ แบบนี้ก็ไม่ต่างกับการให้คนที่อยู่ในทีมผลิตทั้งหมดเลี้ยงชีพ ทุกคนย่อมไม่พอใจอยู่แล้ว ทั้งยังเป็นหนี้กับคนในกลุ่มด้วย!

เพียงแต่ตระกูลจ้าวมีจำนวนแรงงานเยอะ มีทั้งคุณพ่อจ้าวที่เพิ่งจะอายุห้าสิบปีบริบูรณ์ในปีนี้ ส่วนพี่รองจ้าว พี่สามจ้าวและพี่สี่จ้าวก็เป็นยอดชาย พี่สามจ้าวทำงานได้ไม่มาก แต่ก็ได้แต้มค่าแรงมา 8 แต้ม ส่วนพี่รองจ้าวและพี่สี่จ้าวได้รับไปเต็ม ๆ 10 แต้ม ไหนจะภรรยาของพวกเขาอีก ที่ต่างก็ได้รับแต้มค่าแรงไปคนละ 6-7 แต้ม

ดังนั้นจึงไม่ถือว่าเป็นการเอาเปรียบคนในหมู่บ้านเลย อีกอย่างจ้าวเหวินเทาก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ทุกคนจึงไม่ได้ประหลาดใจอะไร

วันนี้เย่ฉูฉู่เดินทางออกมาถอนต้นมันเทศกับคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน

ในหมู่บ้านเพิ่งจะเริ่มเลี้ยงหมูเมื่อปีที่แล้ว ก่อนหน้านี้อยู่กันอย่างลำบากยากเข็ญ แค่คนก็ไม่พอจะกินอยู่แล้ว อย่าได้พูดถึงการเลี้ยงหมูเลย แต่หลังจากที่เริ่มเลี้ยงหมูเมื่อไม่กี่ปีก่อน ปฏิกิริยาของเหล่าสมาชิกถือว่าไม่เลว

หมูชุดนี้มีทั้งหมด 14 ตัว บางตัวก็เริ่มเลี้ยงตั้งแต่ต้นฤดูใบไม้ผลิปีที่แล้วจนถึงปีนี้ และมีบางตัวที่จับมาเลี้ยงในปีนี้ ตัวที่เลี้ยงตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปีนี้สามารถส่งไปยังสถานีรับซื้อสินค้าได้แล้ว สิ่งนี้ทำให้เหล่าสมาชิกต่างตั้งตารอคอยอย่างมีความสุข

เพราะหากเลี้ยงจนโตแล้ว ส่วนที่เหลือจากการส่งมอบงานก็จะตกเป็นของคนในหมู่บ้านตนเอง แน่นอนว่าต้องมีใบรับรองการเชือดในการเชือดหมูด้วย เมื่อขายให้สถานีรับซื้อสินค้าก็จะได้รับใบรับรองการเชือดมา

หลังจากขายให้สถานีรับซื้อสินค้าก็จะสามารถแลกเงินนำมาแบ่งให้สมาชิกได้ แต่ภายในหมู่บ้านจะไม่ได้ขายหมูทั้งหมด เพราะต้องเหลือไว้อีก 1-2 ตัวเพื่อฆ่าแล้วแบ่งให้สมาชิก

เนื้อหมูหอมและอร่อยขนาดไหนทุกคนต่างรู้ดี 70% ของคนในหมู่บ้านไม่ได้ชิมรสชาติของเนื้อมาหลายปีแล้ว

 

ไม่เช่นนั้นวันนี้ตอนที่พ่อค้าเนื้อไช่นำเนื้อชิ้นนั้นมามอบให้ ทำไมถึงมีกลุ่มคนมาห้อมล้อมหน้าประตูบ้านตระกูลจ้าวล่ะ?

แน่นอนว่าคนที่มีเงื่อนไขได้รับอนุญาตก็จะได้แบ่งเนื้อไปบางส่วนด้วย ของที่เหลือจากนั้นไม่ต้องใช้ตั๋วเนื้อซื้อ มีเงินก็สามารถซื้อได้

ตระกูลจ้าวเคยซื้อมาหลายครั้งแล้ว

เรื่องนี้ไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะบรรดาหมูเมื่อปีที่แล้วต่างเติบโตจนมีน้ำหนักเกิน 120 ชั่งตามที่กำหนดไว้ ดังนั้นทุกคนจึงมีความจริงจังเป็นอย่างยิ่งและให้การดูแลปรนนิบัติหมูเหล่านี้อย่างละเอียดอ่อนเป็นพิเศษ

เย่ฉูฉู่เดินตามคนแก่และเด็ก ๆ เพื่อไปถอนต้นมันเทศ งานถอนต้นมันเทศเป็นอาหารหมูเหล่านี้เดิมทีมอบหมายให้กับคนแก่ เด็กและสตรี เนื่องจากในบรรดางานทั้งหมดถือว่าเป็นงานที่ค่อนข้างสบาย

แต่หลังจากที่เย่ฉูฉู่แต่งงานเข้าตระกูลจ้าว งานของเธอก็คืองานของต้าหยาและเอ้อร์หยา

ซึ่งพวกเธอสองคนก็ตามมาสมทบหลังจากซักเสื้อผ้าของทั้งบ้านเสร็จแล้ว

ส่วนสองพี่น้องซานหยาและซื่อหยาลูกสาวของพี่สี่จ้าวและพี่สะใภ้สี่โดยปกติแล้วจะอยู่ที่บ้านกับคุณแม่จ้าว คอยขุดไส้เดือนและนำไปให้ไก่กิน

ในบ้านเลี้ยงไก่ไว้ด้วย เป็นไก่หลูฮัว[1] จำนวน 5 ตัว พวกมันออกไข่อย่างขยันขันแข็ง ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วซานหยาและซื่อหยาจะเป็นผู้ดูแลพวกมัน เช่นเดียวกันกับเด็กผู้ชายในบ้านนี้ พวกเขาต่างก็ออกไปจับปลาและกุ้งตัวเล็กกลับมาเป็นอาหารไก่เช่นเดียวกัน

 

ที่สามารถเลี้ยงไก่หลูฮัวได้ 5 ตัว ก็เป็นเพราะสมาชิกในตระกูลจ้าวมีจำนวนมาก หากไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้คงไม่ได้เลี้ยงพวกมันมากมายขนาดนี้

แต่ด้วยจำนวนสมาชิกที่มาก ไก่ 5 ตัวจึงไม่ได้มากมายอะไร แน่นอนว่าไก่ 5 ตัวก็ถือเป็นขีดจำกัดสูงสุดแล้ว

เย่ฉูฉู่ถอนต้นมันเทศอย่างขะมักเขม้น คนที่อยู่ข้าง ๆ ถามนางเกี่ยวกับเรื่องเนื้อชิ้นนั้นในตอนเช้าว่ามันมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษขนาดไหน?

เย่ฉูฉู่มีความประทับใจต่อหญิงชราคนนี้ที่กำลังถามเธออยู่นิดหน่อย ทั้งนางยังเป็นคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลจ้าว จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “จากที่คุณป้าถามมา เนื้อมันจะไม่หอมอร่อยตรงไหนกันล่ะคะ? ปีนี้หมูของฝ่ายผลิตพวกเราก็จะถูกปล่อยออกมาจากคอกแล้ว ถึงเวลานั้นด้วยจำนวนแรงงานของบ้านคุณป้าก็คงได้ส่วนแบ่งไม่น้อย ปีนี้ได้กินจนปากมันแผล็บแน่นอนค่ะ”

หญิงชราคนนี้เดิมทีก็มาพร้อมความอิจฉาเล็ก ๆ ครั้นได้ยินคำพูดของเย่ฉูฉู่ นางจึงยิ้มจนหน้าบานเป็นกระด้ง “จะว่าไปแล้วหมูของฝ่ายผลิตพวกเราก็อ้วนจริง ๆ นั่นแหละ คาดว่าปีนี้คงแบ่งเงินกันได้ไม่น้อยเลยล่ะ!”

“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ บ้านคุณป้ามีคนเยอะมาก แถมยังมีอนาคตที่สดใส คงไม่ได้เลวร้ายอะไร” เย่ฉูฉู่พูด

ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหรือเงิน ล้วนต้องแบ่งตามแรงงานยึดจากหัวหน้าหมู่บ้าน ทำงานเยอะก็ได้ส่วนแบ่งเนื้อและเงินเยอะ ทำงานน้อยย่อมได้น้อย

ฝั่งแม่เฒ่าฟางยิ่งมองสะใภ้หกตระกูลจ้าวก็ยิ่งรู้สึกถูกชะตา เพราะอีกฝ่ายพูดได้น่าฟังจริง ๆ นางกล่าวว่า “ทำไมเจ้าเด็กเหวินเทานั่นไม่ออกมาทำงานล่ะ? อายุก็ยังน้อย วัน ๆ ทำตัวไม่เข้าท่าเอาเสียเลย ก่อนหน้านี้ยังพอทน แต่นี่แต่งงานแต่งการแล้ว ยังเตร็ดเตร่ขึ้นเขาไม่มาเก็บแต้มค่าแรงอีก”

เย่ฉูฉู่พลันอธิบายไปว่า “วันนี้ก็ช่วยไม่ได้น่ะค่ะ เมื่อวานเป็นเพราะช่วยพี่สาวไช่จึงได้รับบาดเจ็บ คุณพ่อก็เลยให้เขาพักผ่อนที่บ้านหนึ่งวัน สุดท้ายแล้วเขาก็ทำเพื่อคนในครอบครัว ต่อสู้เพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้กับฝ่ายผลิตของพวกเราด้วย ความกล้าหาญเพื่อความถูกต้อง หากถูกเผยแพร่ออกไปย่อมทำให้มีคนมองสมาชิกทีมผลิตของพวกเราสูงขึ้นด้วยนะคะ”

“มันก็จริงนะ” แม่เฒ่าฟางพยักหน้า

“แต่เหวินเทาก็ไม่ได้นอนอยู่บ้านเฉย ๆ นะคะ นี่เขาก็หยิบไม้คานขึ้นไปตัดฟืนบนเขาแล้วด้วย” เย่ฉูฉู่กล่าว

 

แม่เฒ่าฟางได้ยินว่าเธอกำลังออกโรงปกป้องผู้ชายของตนเอง จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินว่าเธอชอบตะคอกใส่เขา วันนี้เธอดูเหมือนกำลังปกป้องเขาอยู่เลยนะ”

 

เย่ฉูฉู่ใบหน้าแดงระเรื่อขณะพูด “คุณป้าอย่าหยอกฉันสิคะ เมื่อวานฉันเองก็เพิ่งทราบ สุดท้ายแล้วเขาก็คือสามีของฉัน ช่วงเวลาที่สำคัญเขาก็ยังปกป้องฉัน ตอนที่อันธพาลพวกนั้นกำลังฟาดไม้มาที่ฉัน เหวินเทากลับใช้หลังเข้ามารับไม้ปกป้องฉันโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรเลย!”

  

แม่เฒ่าฟางพยักหน้า ทั้งยังประเมินอีกฝ่ายสูงขึ้นด้วย นางกล่าว “เหวินเทาทำได้ไม่เลวเลยนะ ยอมให้ตัวเองถูกทุบตีดีกว่าปล่อยให้ภรรยาของตัวเองถูกตี เธอเลือกถูกคนแล้วล่ะ!”

เย่ฉูฉู่ยิ้มพลางถอนวัชพืชพร้อมหญิงชราไปพลาง ครั้นถอนทางฝั่งตัวเองเสร็จแล้ว เธอก็ยังมีน้ำใจช่วยถอนอีกนิดหน่อย ระหว่างนั้นก็ฟังหญิงชราคนนี้เล่าเรื่องสัพเพเหระไปด้วย

จ้าวเหวินเทาที่อยู่บนเขาได้เข้าไปด้านในพุ่มไม้ที่ค่อนข้างลึกแล้ว เขามักจะเข้ามาในเขาเพื่อหาของกินตอนที่ยังเด็ก เป็นเพราะตอนเด็กเขาหิวเกินไป และเป็นเรื่องยากที่จะกินให้อิ่มท้องยามอยู่ที่บ้าน โดยเฉพาะหลังจากที่พี่ชายและพี่สะใภ้แต่งงานกัน ทั้งยังมีหลานชายและหลานสาวเพิ่มเข้ามาอีกตั้งเยอะแยะ

แล้วอาเล็กคนนี้จะไม่เข้าป่ามาหาของกินได้อย่างไรกันล่ะ?

ไม่ต้องพูดเลยว่าเขาคุ้นชินกับด้านในป่าเป็นอย่างมาก และเขาก็รู้ดีว่าที่ไหนมีผลไม้ป่า

ยกตัวอย่างเช่นเมื่อครู่เขาก็เพิ่งเจอราสเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่เหล่านี้มีสีแดงฉ่ำทุกลูก เหมือนกับโคมแดงขนาดเล็กเลย

จ้าวเหวินเทาเห็นก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขาเด็ดออกมาลองกินหนึ่งผล รสชาติเปรี้ยวหวานไม่เลว “ภรรยาของฉันต้องชอบแน่นอน”

  

แต่ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องรีบเด็ดผลไม้ป่า เขาจึงปีนขึ้นไปงีบบนต้นไม้ก่อน ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ตื่นแล้วค่อยว่ากันอีกที

 

แต่ผู้ชายคนนี้ก็ช่างขี้เซาเสียจริง เพิ่งขึ้นมาบนต้นไม้ได้ไม่นาน เขาก็ผล็อยหลับอยู่บนง่ามไม้เสียแล้ว หลับไปหนึ่งชั่วโมงก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับหาวหวอดใหญ่

“กี่โมงแล้วเนี่ย?” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยท่าทางที่ยังคงสะลึมสะลือ เขายืนบนต้นไม้มองไปยังพระอาทิตย์ที่อยู่บนท้องฟ้า คาดการณ์ได้ว่าน่าจะประมาณสิบโมงแล้ว จึงพูดขึ้นว่า “ได้เวลาแล้วล่ะ”

ขณะที่กำลังลงจากต้นไม้เพื่อไปเก็บผลไม้ป่านั่นเอง เขาก็พลันต้องชะงักไป เพราะใต้ต้นไม้มีกระต่ายป่าสีเทาหนึ่งตัว!

…………………………………………………………………………………………………………………………

[1] ไก่หลูฮัว (芦花鸡) เป็นไก่พื้นเมืองของจีนในมณฑลชานตงมีลักษณะอ้วนกลมส่วนใหญ่มีสีดำแทรกด้วยจุดสีขาว (ภาพจาก https://www.zhifure.com/snzfj/65854.html )

สารจากผู้แปล

เหวินเทาดูเป็นผู้ชายทะเล้นจริง ๆ ทำไมรู้สึกว่าฉูฉู่เหมือนเป็นพี่สาวยังไงไม่รู้ค่ะ ๕๕๕

เจอกระต่ายป่าแล้ว จะจับมาเลี้ยงหรือมากินกันนะ

ไหหม่า(海馬)