ตอนที่ 78 จะทำอะไร!

ประตูร้านของสวี่ชิงหล่างกำลังปิดอยู่ แต่ไม่ได้ปิดทั้งหมด ประตูม้วนถูกดึงลงมาครึ่งหนึ่ง เพราะไป๋อิงอิงนั่งเล่นเกมอยู่ข้างใน

โจวเจ๋อได้ยินว่าในเกมที่ชื่อว่า ‘เกมพับจี’ มีตัวเก่งมากมาย และตัวเก่งพวกนั้นถูกเรียกว่า ‘เทพเซียน’ ทำให้เกมนี้มีตัวเก่งล้นเกินไป และเกมตัวนี้ยังมีชื่อเล่นอีกอย่างว่า ‘กระบี่เทพสังหาร’

แต่มองดูไป๋อิงอิงที่กำลังเล่นอย่างเมามัน ทันใดนั้นโจวเจ๋อรู้สึกสงสารผู้เล่นเกมตัวนี้เป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่า คู่ต่อสู้ของพวกเขาที่อยู่ในเกมนี้ ไม่ได้เป็นแค่ ‘เทพเซียน’ เก่งๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นผีดิบตัวจริงเสียงจริง!

สวี่ชิงหล่างน่าจะไปหาตำแหน่งที่ตั้งร้านใหม่ โจวเจ๋อก็ตัดสินใจที่จะหาเหมือนกัน หากเงินไม่พอก็ยืมสวี่ชิงหล่างชั่วคราว อีกอย่างครั้งที่แล้วผู้หญิงที่เคยให้นามบัตรกับตัวเองก็เคยพูดว่าอยากจะเป็นหุ้นส่วนด้วย

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากปล่อยวางความสูงส่ง เงินก็สามารถหายืมได้ง่ายมาก

และสถานที่แห่งนี้อยู่ต่อไม่ได้แล้วจริงๆ ถ้าปล่อยให้ผ่านไปอีกสักพัก คงไม่ได้มีแค่รถแท็กซี่เท่านั้น ถึงตอนนั้นอาจจะมีรถบัสคันหนึ่งขับมาอยู่หน้าประตูดูโจวเจ๋อนั่งอยู่ในร้าน

จากนั้นไกด์ก็พาลูกทัวร์เดินลงมา และไกด์ก็ถือโทรโข่งโบกธงเล็กๆ แล้วพูดว่า

“ลูกทัวร์ทั้งหลาย เพื่อนๆ นักเที่ยว พวกเรามาถึงจุดชมวิวแห่งหนึ่งแล้ว เมืองทงเฉิงได้ชื่อว่าเป็นภูเขาหมาป่าเป็นหนึ่งในสิบภูเขาลูกเล็กของศาสนาพุทธ แต่เมืองทงเฉิงยังมีอีกหนึ่งในสิบสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการท่องเที่ยวด้านจิตวิญญาณของประเทศ…คือ ’ร้านหนังสือยามวิกาล’ ที่นี่อันตรายมาก มีคนตายอย่างแปลกประหลาดเป็นประจำ และมักจะมีคนเห็นคนตายไปแล้ว ปรากฏตัวขึ้นที่นี่บ่อยครั้ง ทุกคนอย่าเข้าไปใกล้มาก ดูและถ่ายภาพเป็นที่ระลึกอยู่ข้างนอกก็พอ อย่าลืมว่าห้ามถ่ายรูปตัวเองเข้าไปด้วย ก็เหมือนกันการถ่ายรูปร่วมกับสุสานหุ่นหทารและม้าของจิ๋นซีฮ่องเต้ พวกนั้นเป็นภาชนะที่ฝังไปพร้อมกับคนตาย เป็นของสำหรับให้คนตายใช้ ถ่ายรูปรวมกับพวกมันแล้วจะไม่เป็นมงคล!”

โจวเจ๋อรู้สึกว่า วันเวลาเหล่านี้อยู่ไม่ไกลแล้ว คราวที่แล้วสมาชิกของสมาคมคนรักเรื่องเล่าสยองขวัญที่มาฆ่าตัวตายที่นี่เพราะทราบข่าวนี้ จากนั้นสมาชิกสองคนในกลุ่มนี้ก็ฆ่าตัวตายสังเวยความรัก และได้สร้างบรรยากาศสุดพิเศษให้กับที่นี่อีกด้วย

เมื่อผลักประตูร้านแล้วเดินเข้าไปในร้านหนังสือ โจวเจ๋อเห็นนักพรตเฒ่านอนสัปหงกอยู่ตรงนั้น ห้องไลฟ์สดของนักพรตเฒ่าไม่ได้เปิดนานแล้ว

ก็เหมือนกับเวลาที่คุณไม่แน่ใจว่าคนที่เล่นเกมกับคุณเป็นชายแต่งหญิงหรือว่าเป็นผีดิบกันแน่

คุณเองก็ยากที่จะยืนยันว่าคนที่อยู่ในห้องไลฟ์สดเป็นคนมีชีวิตจริงๆ หรือไม่

ในความเป็นจริง จำนวนผู้ชมตามแพลตฟอร์มไลฟ์สดขนาดใหญ่ต่างๆ จำนวนของผู้คนออนไลน์มีสัดส่วนที่น้อยกว่ามากแน่นอน

นักพรตเฒ่าลดธงเงียบเสียงกลองมานานแล้ว เขาในตอนนี้ได้แต่ปกป้องอยู่ข้างกายผู้หญิงที่ชื่อว่าถังซือ ไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว ซึ่งถือว่ามีความรับผิดชอบเป็นอย่างมาก

“เถ้าแก่ กลับมาแล้วเหรอ”

เสียงฝีเท้าของโจวเจ๋อปลุกนักพรตเฒ่าให้สะดุ้งตื่น นักพรตเฒ่าเช็ดน้ำลายไหลย้อยที่มุมปาก

โจวเจ๋อพยักหน้า แล้วเดินขึ้นไปชั้นสองโดยตรง

ถังซือยังคงเป็นมัมมี่เหมือนเดิม แต่สภาพการฟื้นฟูดีขึ้นมากจริงๆ ตอนที่โจวเจ๋อเดินเข้ามา เธอกำลังลืมตาอยู่เหมือนกับกำลังมองเพดาน ขณะเดียวกันมีน้ำและลูกอมรสนมตรากระต่ายขาววางอยู่ข้างกายเธอ

เธอไม่จำเป็นต้องเรียกคนมาดูแลตัวเองเรื่องการอาหารกินและเครื่องนุ่งห่ม เพราะตัวเธอมีความสามารถอย่างเช่น ‘การควบคุมวัตถุ’

ตอนที่โจวเจ๋อเดินเข้ามา ลูกอมรสนมเม็ดหนึ่งแกะเปลือกด้วยตัวมันเอง แล้วลอยไปที่ปากของโจวเจ๋อ เขาจึงอ้าปากแล้วอมลูกอมไว้

จากนั้นโจวเจ๋อก็นั่งลงข้างๆ ถังซือ

ทั้งสองคนไม่มีใครพูดและไม่มีอะไรจะพูด จากนั้นก็นั่งเงียบๆ แบบนี้ผ่านไปครึ่งชั่วโมง โจวเจ๋อยืนขึ้น เตรียมจะเดินลงข้างล่าง

ถังซือพูดว่า “คุณไปหาจิตแพทย์มาเหรอ”

โจวเจ๋อพยักหน้า

“ไม่ได้ผลใช่ไหม”

“ได้ผลนิดหน่อย” โจวเจ๋อตอบ

แต่ซุปเนื้อของหวังเคอ เขาไม่อยากกินจริงๆ

“อืม” ถังซือหลับตาลงเหมือนจะเหนื่อยแล้ว แต่ยังคงพูดต่อ “ช่วยเรียกผีดิบตนนั้นขึ้นมาให้ฉันหน่อยค่ะ”

โจวเจ๋อพยักหน้าเตรียมเดินลงไปข้างล่าง

“คุณคิดจะหลอกฉันอีกใช่ไหม” ถังซือถาม

“เธอรู้แล้วเหรอ” โจวเจ๋อไม่ได้รู้สึกผิดอะไร “หมอนที่ผมนอนจนชินแล้ว ไม่ชอบให้คนอื่นยืม”

“แต่ถ้าไม่ได้พักผ่อน จะมีผลกระทบที่ใหญ่มากต่อการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของฉัน”

“เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ สิ่งที่ควรทำ ผมก็ทำแล้ว คุณอยากจะได้จากผมมากกว่านี้ ก็ต้องเอาสิ่งของที่มากพอมาแลกกับผม”

“ฉันสามารถบอกคุณได้ถึงตำแหน่งของยมทูตอีกตนหนึ่งในทงเฉิง” ถังซือมองโจวเจ๋อ “ก่อนหน้านั้นตอนที่นักพรตเฒ่าพาฉันหลบหนี เดิมทีฉันอยากจะไปซ่อนตัวกับเขา แต่เสียดายมาก ดูเหมือนเขาจะมีปัญหานิดหน่อย สุดท้ายจึงเลือกมาหาคุณ”

“อันนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีค่าอะไรกับผม” โจวเจ๋อยักไหล่

“จากการคาดเดาตามเหตุการณ์ทั่วไป ทงเฉิงเป็นเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง มันมียมทูตตนเดียวก็เพียงพอแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะมีสองตน ดังนั้นอีกคนหนึ่งน่าจะถูกแทนที่ คุณสามารถไปดูเขาได้ บางทีอาจจะได้สมบัติมาบ้าง”

โจวเจ๋อยังคงไม่เคลื่อนไหว “ผมไม่สนใจ”

ถ้าหากสามารถรับต่อได้ สาวน้อยโลลิไปด้วยตนเองไม่ดีกว่าเหรอ

โจวเจ๋อไม่เชื่อว่าสาวน้อยโลลิจะเห็นแก่มิตรภาพเก่า โดยเฉพาะเรื่องของคนขับรถคนนั้นที่ถูกเธอทำให้ตกใจเกิดอุบัติเหตุรถชน จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีอะไรที่คงที่แน่นอน

“อย่างนั้นฉันก็ไม่มีอย่างอื่นให้คุณแล้ว”

“งั้นก็แค่นี้ก่อน”

โจวเจ๋อเดินลงมาข้างล่าง ไม่ได้เรียกไป๋อิงอิง ก็เหมือนกับที่เขาพูด หมอนที่ตัวเองนอนจนชินแล้วเอาไปให้คนอื่นเขารู้สึกว่าไม่ชอบใจ

“เถ้าแก่ เย็นนี้กินอะไร” นักพรตเฒ่าชี้ไปที่ร้านข้างๆ “เถ้าแก่ร้านข้างๆ คนนั้นเหมือนจะยังไม่กลับมา”

“คุณจัดการเองเลย ทำกับข้าวเป็นไหม” โจวเจ๋อถาม

“เป็น”

“งั้นก็ไปที่ห้องครัวของเขา แล้วหาวัตถุดิบทำด้วยตัวเอง”

พูดจบ โจวเจ๋อก็นั่งลงที่เคาน์เตอร์ด้านหลัง

นักพรตเฒ่าไปทำกับข้าวที่ร้านข้างๆ แล้ว ร้านหนังสือจึงเงียบลงทันที

แต่ไม่นานมาก ประตูร้านหนังสือก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เหมือนจะเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง เธอใส่เสื้อคลุมสีดำและพันด้วยผ้าพันคอ ห่อตัวเองรัดกุมมาก

ถึงแม้ช่วงนี้เมืองทงเฉิงจะอุณหภูมิลดลง แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องใส่ขนาดนี้

หญิงสาวมองโจวเจ๋อผ่านประตูกระจก แต่โจวเจ๋อไม่สนใจเธอ

สุดท้ายหญิงสาวจึงผลักประตูเดินเข้ามา เธอมาอยู่ตรงหน้าของโจวเจ๋อ ยืนนิ่งๆ ถอดผ้าพันคอออกแล้วพูดขอร้องว่า

“ช่วยฉันด้วย”

โจวเจ๋อยกถ้วยน้ำชาขึ้นมา แล้วดื่มหนึ่งที แต่ก็ยังไม่สนใจเธอ

“ขอร้องคุณละ ช่วยฉันด้วย” หญิงสาวนั่งลงยองๆ ตรงหน้าโจวเจ๋อ สองมือยันอยู่ตรงต้นขาของเขา “ขอแค่คุณยอมช่วยฉัน คุณอยากให้ฉันทำอะไรฉันก็ยินดีค่ะ”

ขณะที่พูด มือที่ขาวนวลของหญิงสาวพยายามที่จะลวนลามผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า

โจวเจ๋อยื่นมือไปจับข้อมือของหญิงสาว แล้วใช้แรงผลักไปข้างหลังเล็กน้อย หญิงสาวลงไปนั่งกับพื้นด้วยความงุนงง

โจวเจ๋อวางหนังสือลงแล้วพูดด้วยความประหลาดใจ “ผมคิดว่าคุณจะเข้าคุกไปด้วย”

ใช่แล้ว โจวเจ๋อเดิมทีคิดว่าผู้หญิงคนนี้ติดร่างแหไปด้วย หลังจากเรื่องที่เธอใส่ความคุณครูถูกเปิดเผย แต่ตอนนี้ดูแล้วเหมือนจะไม่ใช่

พอลองครุ่นคิดโจวเจ๋อจึงเข้าใจทันที ผู้หญิงคนนี้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ บวกกับคุณครูคนนั้นก็ฆ่าตัวตายเอง ถึงแม้เธอจะมีโทษใส่ร้ายป้ายสี แต่สุดท้ายก็จะถูกมองอย่างไกล่เกลี่ยว่ายังไม่โตเป็นผู้ใหญ่

“คุณดูข่าวหรือยัง พ่อแม่แท้ๆ ของฉันมาหาฉัน เพื่อให้ฉันช่วยบริจาคตนให้คนที่เรียกว่าน้องชาย”

ตอนที่หญิงสาวพูด มีความอำมหิตปรากฏขึ้นมาจากนัยน์ตาของเธอแวบหนึ่ง

เธอไม่ใช่คนดีอะไร ถึงแม้ครูชั้นมัธยมต้นของตัวเองสุดท้ายจะฆ่าตัวตายเพราะถูกเธอใส่ร้าย แต่เธอก็ยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเหมือนเดิม

และด้วยเหตุนี้ จู่ๆ สิ่งที่เรียกว่าพ่อแม่แท้ๆ ก็โผล่พรวดออกมา ถ้าหากมีเงินก็ยังพอได้ หรือมีคฤหาสน์และมรดกกองโตเหลือไว้ให้เธอก็คงจะดี แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับเป็นพ่อแม่แท้ๆ ของครอบครัวธรรมดา จึงไม่มีความหมายยิ่งใหญ่อะไรมาก

นับประสาอะไรกับจุดประสงค์ที่พ่อแม่แท้ๆ ตามหาตัวเองเพื่อให้เธอบริจาคช่วยน้องชาย

น่าตลกจริง! สมองมีปัญหาหรือเปล่า!

“เธอกับหลินอี้สนิทกันมากไม่ใช่หรือ น่าจะรู้ดีว่า ฉันเป็นผู้ชายที่แต่งเข้าบ้านภรรยา ไม่มีเงินไม่มีความสามารถและได้แต่เฝ้าร้านที่ขาดทุนแบบนี้ ผมไม่สามารถช่วยเหลือได้”

“ฉันอยากให้คุณไปที่บ้านของฉันเหมือนคราวที่แล้ว ไปที่บ้านของพ่อแม่แท้ๆ ของฉัน”

หญิงสาวกัดริมฝีปาก ตอนที่พูดคำพูดเหล่านี้ ในหัวของเธอเหมือนจะมีภาพในคืนนั้นผุดขึ้นมา เธอตกใจมาก ตกใจจริงๆ จนเรียกสติกลับมาไม่ได้สองสามวัน

“อ้อ แค่นี้เองเหรอ” โจวเจ๋อถาม

“ค่ะ แค่นี้เองค่ะ บอกให้พวกเขาอย่ามารบกวนฉันอีก อย่าทำให้ฉันรำคาญอีก” หญิงสาวพูดอย่างมั่นใจ

“พูดความจริง ตอนที่ดูข่าวก่อนหน้านั้น ฉันรู้สึกว่าลูกสาวคนที่สองน่าสงสารมาก น่าสงสารจริงๆ และรู้สึกว่าพ่อแม่แท้ๆ ไม่ได้เรื่องเลย”

“ใช่ พวกเขาเป็นคนโฉด พวกเขาต่ำช้า พวกเขาเป็นคนเลว!” หญิงสาวพูดกัดฟันกรอด

โจวเจ๋อก้มหน้าลง มองไปผู้หญิงที่ยังนั่งอยู่กับพื้น “แต่หลังจากที่ฉันรู้ว่าผู้หญิงที่น่าสงสารคนนั้นเป็นเธอ ฉันรู้สึกสะใจมาก”

“…” หญิงสาว

หญิงสาวมองโจวเจ๋อ “ขอแค่คุณยอมช่วยฉัน เหมือนครั้งที่แล้วที่อยู่ในบ้านของฉัน”

“คุณคิดว่าหลินอี้สวยไหม” โจวเจ๋อถามขึ้นทันใด

“เอ่อ…เธอสวยมากค่ะ”

“ถ้าเทียบกับคุณล่ะ”

“สวยกว่าฉันค่ะ”หญิงสาวตอบ

“อย่างนั้นฉันก็จะบอกเธอ พี่สาวของเธอสวยมากกว่าเธอเสียอีกและบุคลิกก็ดีแถมยังเป็นหมอใส่เสื้อกาวน์นอกจากนี้ก็ยังเป็นผู้หญิงที่…อ่อนโยนมาก ดังนั้นเธอช่วยบอกฉัน ว่าทำไมฉันต้องชอบเธอ”

โจวเจ๋อเดิมทีอยากจะพูดว่าหมอหลินยังเป็นสาวพรหมจรรย์อยู่ แต่จู่ๆ ก็รู้สึกว่าพูดแบบนี้แล้วแปลกนิดหน่อยดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนคำพูด

“ช่วยฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะตายอยู่ในร้านของคุณ!”

หญิงสาวหยิบมีดเล็กๆ ออกมาในทันใด แล้วจ่อไปที่คอของตัวเอง

“เหอะๆ เชิญตามสบาย ฉันยินดีมาก ฉันกำลังอยากทำผลงานพอดี…”

“ฉึบ!” มีดเล็กแทงเข้าไปที่คอของหญิงสาวโดยตรงอย่างกะทันหัน อย่างปัจจุบันทันด่วน กระทั่งเร็วเกินไป เร็วมากจริงๆ! จากนั้นเลือดสดก็กระเด็นมาที่ใบหน้าของโจวเจ๋อ ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงไปชั่วขณะ

หญิงสาวเบิกตาโต มีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นร่างกายก็ค่อยๆ เอนไปข้างหลัง

โจวเจ๋อลุกขึ้นพรวด ตะโกนขึ้นไปข้างบน

“นี่…แม่งทำห่าอะไร!”

…………………………………………………………………………