บทที่ 86.2 ความโกรธของปีศาจน้อยเซิน! (2)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

ซ่างกวนหลงหยินกล่าวอย่างเฉยเมย “การแข่งขันมีความยุติธรรม ถึงอย่างไรก็มีกฎที่กำหนดไว้อยู่แล้ว การต่อสู้ก็คือการต่อสู้ และอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เจ้าอาจฆ่าหรือถูกฆ่าได้ทุกเมื่อ หากเจ้าไม่ต้องการแข่งขันต่อ เจ้าก็สามารถถอนตัวออกไปได้ แต่ถ้าหากเจ้าต้องการแข่งขันต่อ เจ้าจะต้องปฏิบัติตามกฎ ในการต่อสู้ครั้งนี้ กลุ่มนักรบเฟยหลี่ได้รับชัยชนะ คะแนนปัจจุบันคือ 2-0 กลุ่มนักรบเฟยหลี่เป็นฝ่ายนำ”

ปีศาจน้อยเซินสูดหายใจเข้าลึกอย่างพยายามสงบสติอารมณ์ เธอหันสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังกลับไปที่กลุ่มนักรบเฟยหลี่ และในขณะที่เธอพูดลอดไรฟันออกมา น้ำเสียงของเธอก็แฝงแววเครียดขึ้งชัดเจน “มาสู้กันต่อ ทุกคน กลับไปที่เรือนพัก”

นี่เป็นประโยชน์หนึ่งของการจัดงานประลองมณีสวรรค์ที่อาณาจักรจ้งเทียน เมื่อถึงเวลาจำเป็น พวกเขาสามารถใช้อำนาจจัดการได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีอาณาจักรอื่นนอกจากอาณาจักรวั่นโซ่วที่กล้าท้าทายอาณาจักรจ้งเทียน และถึงแม้พวกเขาจะอยากลอง พวกเขาก็ต้องกลับไปคิดทบทวนใหม่อีกครั้ง

ในขณะที่สมาชิกกลุ่มนักรบตันตุ้นกลับไปที่เรือนพัก พวกเขายังคงมองไปที่กลุ่มนักรบเฟยหลี่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ด้านกลุ่มนักรบเฟยหลี่เองก็กลับไปที่เรือนพักเช่นกัน

เซียวเอี๋ยนวางมือของเขาไว้บนร่างของสี่น้อยและถ่ายพลังปราณสวรรค์ธาตุไฟให้เพื่อช่วยขับไล่ความหนาวเย็นในตัวอีกฝ่าย ใบหน้าของเขาค่อยกลับมามีสีสันอีกครั้ง และในที่สุดสี่น้อยก็สามารถพูดได้ เขาเอ่ยกับเพื่อนร่วมกลุ่มที่มีท่าทีเคร่งขรึมด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น “ข้า…ข้าขอโทษ…ข้าไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น…”

สี่น้อยรู้ชัดเกี่ยวกับผลลัพธ์ของการกระทำของเขา การที่เขาฆ่าหานปิงเช่นนี้ แน่นอนว่าไร้ความหวังที่จะทำให้กลุ่มนักรบตันตุ้นสงบเยือกเย็นได้อีกต่อไป และทุกอย่างต่อจากนี้จะเป็นการต่อสู้แบบใช้ชีวิตแลกความตาย บางทีอาจจะมากกว่าการต่อสู้กับกลุ่มนักรบป่ายต้าด้วยซ้ำ แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะนำ 2-0 แต่นี่ก็ยังคงเป็นการต่อสู้แบบถึงชีวิตกับกลุ่มตัวเต็งจากมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์! นอกจากนี้ สิ่งนี้จะทำลายแผนการของโจวเหว่ยชิงโดยสิ้นเชิงเนื่องจากกลุ่มนักรบตันตุ้นจะเค้นพลังออกมาใช้อย่างเต็มที่นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ที่สำคัญกว่านั้น การตายของหานปิงยังทำให้อาณาจักรเฟยหลี่มีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ แม้ว่าอาณาจักรตันตุ้นจะอยู่ห่างไกลจากอาณาจักรเฟยหลี่มาก แต่หากพวกเขาให้การสนับสนุนอาณาจักรป่ายต้าเพียงบางส่วน นั่นก็จะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่แก่อาณาจักรเฟยหลี่แน่นอน

หลินเทียนอ้าวส่ายหัวพลางกล่าวว่า “นั่นไม่ใช่ความผิดของเจ้า เขาต้องการสังหารเจ้าก่อน และเจ้าก็แค่ตอบโต้เขาเท่าที่จะทำได้ นั่นจะนับว่าเป็นข้อผิดพลาดได้อย่างไร? อย่างไรก็ตาม ข้าคิดว่าเราควรยอมแพ้แค่ตอนนี้”

“ไม่!” ขี้เมาเป่าพูดอย่างร้อนรน “หัวหน้า เราจะยอมแพ้แบบนี้ได้อย่างไร? ตอนนี้พวกเรานำ 2-0! พวกเรากำลังได้เปรียบเป็นอย่างมาก! รอบต่อไป เซียวเอี๋ยนกับข้าจะทำให้ดีที่สุด ใครจะไปรู้ เราอาจจะชนะจริงๆ ก็ได้!”

“หุบปาก!” หลินเทียนอ้าวตะโกนด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำราวกับสิงโตที่กราดเกรี้ยว ขี้เมาเป่าปิดปากเงียบในทันที

หลินเทียนอ้าวกล่าวต่อไปอย่างเคร่งขรึม “สิ่งต่างๆ ได้ออกนอกแผนการของเหว่ยชิงแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคะแนน 2-0 เป็นข้อได้เปรียบอย่างมากและดึงดูดใจมากเช่นกัน แต่เจ้าคิดว่าการต่อสู้ครั้งต่อๆ ไปจะอันตรายแค่ไหน? พวกเจ้าทุกคนก็ได้สัมผัสถึงรังสีสังหารของหญิงสาวที่เป็นหัวหน้าคนนั้นและสมาชิกคนอื่นๆ ได้อย่างดี หากนางเป็นผู้นำกลุ่ม เจ้าก็ควรตระหนักได้ว่านางจะมีพลังยิ่งใหญ่แค่ไหน…และพลังของนางย่อมต้องสูงส่งกว่าหานปิงมากทีเดียว”

“สำหรับหานปิง ข้าประเมินแล้วว่าเขาน่าจะมีมณี 6 ชุดเมื่อไม่นานมานี้ กล่าวคือพลังปราณสวรรค์ของเขาอาจอยู่ที่ระดับที่ 24 เพิ่งเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นทะลวงพิภพและอาจจะยังไม่สามารถควบคุมพลังได้อย่างเต็มที่ หากไม่เป็นเช่นนั้น สี่น้อยก็คงทนเขาไม่ได้นานเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม หญิงสาวที่เป็นหัวหน้าคนนั้นแตกต่างออกไป นางเข้าใจความลับของพลังปราณสวรรค์ขั้นทะลวงพิภพเป็นอย่างดีแน่นอน ไม่ว่าพวกเราคนใดจะต้องออกไปเผชิญหน้ากับนาง แม้ตัวข้าเองจะใช้พลังเต็มที่ พวกเราก็จะต้องถูกฆ่าตายอย่างไม่มีข้อยกเว้น ข้าเป็นหัวหน้ากลุ่มและเป็นคนที่พาพวกเจ้ามาที่นี่ ข้ามีหน้าที่จะต้องทำให้พวกเจ้ากลับไปในสภาพสมบูรณ์ ข้าไม่ต้องการให้สิ่งที่เกิดขึ้นกับกลุ่มนักรบป่ายต้าเกิดขึ้นกับกลุ่มของเรา”

ในขณะที่เขาพูดถึงจุดนี้ กลิ่นอายความเป็นผู้นำก็แผ่ออกมาจากร่างกายของหลินเทียนอ้าว “พวกเจ้าทุกคนไม่ต้องพูดต่อแล้ว ข้าตัดสินใจแล้ว เกียรติยศของอาณาจักรของเราเป็นสิ่งสำคัญ แต่พวกเจ้าคือพี่น้องของข้า…ชีวิตของเจ้าล้วนสำคัญพอๆ กับหัวใจของข้า”

ขี้เมาเป่า เซียวเอี๋ยน สี่น้อย แม้แต่อู่หยาและเย่เป่าเปาต่างก็ตกอยู่ในความเงียบ พวกเขาไม่รู้ว่าจะต่อต้านหลินเทียนอ้าวอย่างไร เพราะท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่เขาพูดก็เป็นความจริง ตอนนี้กลุ่มนักรบตันตุ้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปไม่ใช่การประลองหรือการแข่งขัน แต่เป็นการต่อสู้เอาชีวิต!

ความเงียบที่น่าอึดอัดเกิดขึ้นเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ทันใดนั้นโจวเหว่ยชิงก็เป็นผู้ทำลายมันลง เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “หัวหน้า ท่านควรสงบใจเอาไว้ก่อน ความจริงมันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ท่านคิด”

ทุกคนหันมามองเขาทันที ความหวังริบหรี่พาดผ่านในดวงตาของสมาชิกคนอื่นๆ ในพริบตาแม้ว่าสีหน้าของหลินเทียนอ้าวจะยังดูไม่พอใจก็ตาม ถึงอย่างไรเขาก็ยังคงเป็นผู้ติดตามของโจวเหว่ยชิง บางทีหากเป็นคนอื่นพูดแบบนั้น หลินเทียนอ้าวก็อาจจะโกรธเขาไปแล้ว

โจวเหว่ยชิงกล่าวต่อ “เดี๋ยวก่อน…ฟังข้าก่อนเถิด…ในการต่อสู้ครั้งต่อไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปีศาจน้อยเซินจะเข้าร่วมในการแข่งขันแบบคู่แน่ ด้วยความโกรธแค้นของนางในตอนนี้ บางทีอาจถึงขั้นเข้าสู่ภาวะคลุ้มคลั่งก็เป็นได้ เห็นได้ชัดว่าพลังของนางต้องน่ากลัวอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องยอมแพ้สำหรับการต่อสู้ครั้งต่อไป ไม่เช่นนั้นใครก็ตามที่ออกไปต่อสู้จะต้องบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแน่ อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับที่หัวหน้าพูด หานปิงเพิ่งจะมาถึงระดับมณี 6 ชุดเมื่อไม่นานมานี้ เนื่องจากเขาน่าจะเป็นอันดับ 2 ในกลุ่ม และจากปฏิกิริยาของพวกเขา นั่นหมายความว่านอกจากเขาและปีศาจน้อยเซินแล้ว คนอื่นๆ ทั้งหมดย่อมมีมณี 5 ชุด”

หลังจากฟังคำพูดของโจวเหว่ยชิง ใบหน้าของหลินเทียนอ้าวก็ดีขึ้นมาเล็กน้อย เขาครุ่นคิดกับตัวเองอีกครั้งก่อนจะพยักหน้าให้โจวเหว่ยชิงพูดต่อ

โจวเหว่ยชิงเอ่ยต่อว่า “นอกจากการแข่งขันแบบคู่แล้วยังมีแบบเดี่ยวอีก 2 ครั้ง ผู้นำที่ทรงพลังที่สุดของพวกเขา ปีศาจน้อยเซิน สามารถต่อสู้ได้เพียงหนึ่งครั้งจากในนั้น นั่นหมายความว่า…ในการแข่งขันแบบเดี่ยว ฝ่ายตรงข้ามจะต้องส่งจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 5 ชุดมาอีก 1 คน แม้ว่าพวกเขาจะพยายามฆ่าเราและปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ แต่นั่นก็หมายความว่าในเวลาเดียวกันพวกเขาก็จะไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้ดีเท่าเดิม นั่นทำให้พวกเขาขาดสติและไร้ความสงบเยือกเย็น…ซึ่งนั่นอาจส่งผลต่อการต่อสู้และทำให้เรามีโอกาสคว้าชัยชนะมาครองได้”

“ด้วยเหตุนี้ จากการประเมินของข้า พวกเรายังมีโอกาสอยู่ ในการต่อสู้แบบคู่ครั้งต่อไปพวกเราควรยอมแพ้โดย ตรง และสำหรับการต่อสู้แบบเดี่ยวอีก 2 ครั้งที่กำลังจะมาถึง เราจะยอมแพ้ในการต่อสู้กับปีศาจน้อยเซินและมุ่งเน้นไปที่การต่อสู้อีกครั้งที่เหลือ นั่นจะเป็นกุญแจนำไปสู่ชัยชนะของเราอย่างแท้จริง”

เมื่อโจวเหว่ยชิงพูดเรื่องนี้ออกมา เขาก็มีท่าทีสงบเยือกเย็นมาก ความเฉลียวฉลาดในดวงตาของเขาส่งผลกระทบต่อเพื่อนร่วมกลุ่มทุกคน แม้กระทั่งหลินเทียนอ้าวก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

ขี้เมาเป่าเป็นคนแรกที่เห็นด้วยกับแผนของเขา “เหว่ยชิงพูดถูก พวกเรายังคงมีโอกาสอยู่! ปีศาจน้อยเซินคนนั้นอาจมีพลังมาก บางทีอาจจะมากกว่าพลังของพวกเราทั้งหมดรวมกันด้วยซ้ำ…แต่นางก็สามารถต่อสู้ได้เพียง 2 ใน 3 รอบเท่านั้น หากพวกเราพบนาง เราก็สามารถยอมแพ้ได้ก่อนการต่อสู้จะเริ่ม และนางก็ไม่อาจทำอะไรได้ไม่ว่าจะมีพลังมากแค่ไหนก็ตาม”

สมาชิกที่เหลือต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย อย่างไรก็ตาม สำหรับหลินเทียนอ้าวนั้น แม้ว่าเขาจะถูกโจวเหว่ยชิงโต้แย้ง และทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ดูจะเป็นไปได้ แต่เขาก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ข้างในลึกๆ

โจวเหว่ยชิงกล่าวต่อ “ตามการคาดการณ์ของข้า ปีศาจน้อยเซินกำลังอยู่ในสภาพที่โกรธจัด เมื่อเรายอมแพ้การต่อสู้แบบคู่ในรอบที่ 3 นางก็มีแนวโน้มที่จะอยู่บนเวทีเพื่อสู้ต่อรอบถัดไป เพราะพวกเราขาดอีกคะแนนเดียวก็จะชนะ ดังนั้นสำหรับการต่อสู้ครั้งที่ 4 ข้าจะขึ้นไปและขอยอมแพ้ สำหรับการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับขี้เมาเป่าหรือเซียวเอี๋ยน ข้าจะให้ท่านทั้ง 2 คนคุยกันว่าใครจะเป็นฝ่ายขึ้นไปต่อสู้ครั้งสุดท้าย”

เมื่อเขาสงบศึกเสร็จสิ้น ผู้ตัดสินก็เริ่มเรียกให้ทั้ง 2 ฝ่ายส่งสมาชิกออกไป สมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่ไม่มีเวลากรุ่นคิดเรื่องนี้ให้มากความอีก หรืออาจเป็นเพราะโจวเหว่ยชิงได้พิสูจน์ตัวเองในกลยุทธ์ของเขาก่อนหน้านี้แล้ว ครั้งนี้จึงไม่มีใครคัดค้านในขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้า

“การต่อสู้ครั้งที่ 3 พวกเรากลุ่มนักรบเฟยหลี่ขอยอมแพ้” เมื่อเห็นปีศาจน้อยเซินและสมาชิกอีกคนของกลุ่มนักรบตันตุ้นก้าวขึ้นไปบนเวทีอย่างกระตือรือร้น โจวเหว่ยชิงก็ตะโกนออกมาจากประตูเรือนพักของพวกเขาทันที

ผู้ตัดสินชะงักไปชั่วขณะก่อนที่จะฟื้นคืนสติและประกาศว่าในการต่อสู้ครั้งที่ 3 กลุ่มนักรบตันตุ้นเป็นฝ่ายชนะ และคะแนนรวมก็คือ 2 ต่อ 1 โดยที่กลุ่มนักรบเฟยหลี่เป็นฝ่ายขึ้นนำ

ใบหน้าของปีศาจน้อยเซินเย็นชาราวกับว่าเธอสามารถแช่แข็งบรรยากาศโดยรอบได้ เธอส่งสัญญาณให้สมาชิกในกลุ่มคนที่อยู่ข้างๆ เธอลงจากเวทีไป แต่เธอกลับไม่ได้ขยับตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างหยิ่งผยอง

โจวเหว่ยชิงยิ้มและพยักหน้าให้เพื่อนร่วมกลุ่มก่อนจะพูดว่า “ดูสิ คำทำนายของข้าแม่นยำขนาดไหน ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้” ในขณะที่เขาพูดแบบนั้น เขาก็ไม่รอให้ใครพูดอะไรต่อ ฉวยเจ้าแมวอ้วนจากอกแล้ววางลงบนที่นั่งก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนเวทีทันที

ทันใดนั้นหลินเทียนอ้าวก็ดูเหมือนจะตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง เขาพลันร้องออกมาเสียงดัง “ไม่ นั่นไม่ถูก ต้อง!” อนิจจา มันสายเกินไปที่เขาจะหยุดยั้งโจวเหว่ยชิง

เซียวเอี๋ยนและขี้เมาเป่ากำลังเถียงกันว่าใครจะต่อสู้ครั้งสุดท้าย และพวกเขาก็หันไปหาหลินเทียนอ้าวอย่างอยากรู้อยากเห็น เซียวเอี๋ยนรีบถามว่า “หัวหน้า มีอะไรผิดปกติหรือ?”

การแสดงออกของหลินเทียนอ้าวดูน่าเกลียดอย่างยิ่ง ในขณะที่เขาพูดอย่างรีบร้อน “ปีศาจน้อยเซินไม่ได้ลงจากเวทีและเหว่ยชิงก็สามารถยอมแพ้ได้อย่างง่ายดายจากตรงนี้เช่นเดียวกับที่เขาทำกับการแข่งขันแบบคู่ ทำไมเขาต้องขึ้นไปบนเวทีด้วย?”

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา สมาชิกคนอื่นๆพลันรู้สึกกังวลใจ และใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที เย่เป่าเปากล่าวอย่างลังเล “ เป็นไปได้ไหม…เหว่ยชิงอาจกลัวว่าปีศาจน้อยเซินจะเปลี่ยนแผนและสลับคนออกไป เขาจึงขึ้นไปเพื่อยืนยัน…?”

หลินเทียนอ้าวขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า “ อาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้…ไม่เช่นนั้น…ถ้าเขาพยายามต่อสู้กับปีศาจน้อย เซินที่โกรธแค้นเช่นนี้ นั่นอาจทำให้เขาตายได้!”

อนิจจา สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือช่วงเวลาที่โจวเหว่ยชิงกระโจนขึ้นไปบนเวที สิ่งเดียวที่เขาคิดคือซ่างกวนปิงเอ๋อร์ เขาพึมพำกับตัวเองในใจ ท่านพ่อตาในอนาคต คอยดูข้าเอาไว้เถิด ข้าจะพิสูจน์ให้ท่านเห็นว่าข้าสามารถปกป้องปิงเอ๋อร์ได้ และข้าก็คู่ควรกับนางอย่างแท้จริง หัวหน้ากลุ่มที่มาจากมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ…นางคือหินลับมีดที่สมบูรณ์แบบของข้าเลยทีเดียว!

เมื่อเห็นโจวเหว่ยชิงกระโดดขึ้นไปบนเวที ปีศาจน้อยเซินก็ชะงักไปชั่วขณะ ดวงตาพลันฉายแววสับสนขึ้นมาทันที เธอเคยเห็นการต่อสู้ของโจวเหว่ยชิงมาก่อนและชายหนุ่มผู้ที่มีทักษะธาตุหลากหลายผู้นี้ก็ทำให้เธอประทับใจไม่รู้ลืม นอกจากนี้ เธอก็ยังรู้ว่าเขามีมณี 3 ชุดเท่านั้น

เหตุใดกลุ่มนักรบเฟยหลี่จึงส่งจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 3 ชุดออกมา? เขาอาจจะมาที่นี่เพื่อยอมแพ้อีกครั้ง? เมื่อมาถึงจุดนี้ ปีศาจน้อยเซินก็หลั่งเหงื่อออกมา ถึงอย่างไรเธอก็เป็นคนฉลาดมาก แม้ว่าเธอจะไม่ได้หยุดกรุ่นคิดให้ดีเหมือนโจวเหว่ยชิงก่อนหน้านี้ แต่นั่นก็เป็นเพราะเธอถูกครอบงำด้วยความโกรธ แต่จู่ๆ เธอก็ตระหนักได้ว่ากลุ่มนักรบเฟยหลี่มีจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 5 ชุดอย่างน้อยหนึ่งคน และกลุ่มของเธอเองก็ถูกต้อนให้จนมุมแล้ว

เวลานี้หญิงสาวพลันตระหนักได้ว่าบางทีกลุ่มนักรบตันตุ้นอาจมีโอกาสที่จะแพ้…ในขณะเดียวกันเธอก็รู้ว่าสาเหตุทั้งหมดมาจากความหยิ่งผยองของพวกเขาเอง

ถึงอย่างไรพลังที่แท้จริงของกลุ่มนักรบตันตุ้นก็เหนือกว่าอาณาจักรเฟยหลี่อยู่แล้ว หากพวกเขาปฏิบัติต่อการต่อสู้นี้อย่างจริงจัง กลุ่มนักรบเฟยหลี่ย่อมไม่มีโอกาสเอาชนะได้เลย ทั้งหานปิงและปีศาจน้อยเซิน แต่ละคนก็สามารถเอาชนะการต่อสู้แบบเดี่ยวได้อย่างง่ายดาย และเมื่อทั้ง 2 คนออกไปต่อสู้แบบคู่ พวกเขาจะแพ้ได้อย่างไร?

กระนั้นสิ่งต่างๆ ก็ดำเนินไปอย่างไม่มีใครคาดคิด บางทีอาจจะเป็นเพราะกลุ่มตัวเต็งไม่เคยถูกท้าทายมาอย่างยาวนาน อีกทั้งพวกเขายัง ‘มอบ’ ชัยชนะในการต่อสู้ครั้งแรกให้อีกฝ่ายง่ายดายเกินไป สำหรับการต่อสู้ครั้งที่สอง…อาจกล่าวได้ว่าเทพเจ้าแห่งความโชคดีเข้าข้างกลุ่มนักรบเฟยหลี่เท่านั้น

………………………………………………………