“หลบไปให้พ้น!” เมื่อเห็นว่าไป๋หลานมาห้ามเธอไว้ ซูฉิงก็เริ่มหมดความอดทน ผลักไป๋หลานออกแล้วเดินออกจากประตูไปทันที
วันนี้มันวันอะไรเนี่ย ออกมาเดินซื้อของก็มาเจอสองคนนี้อีก เซ็งจริงๆ
ซูฉิงเดินไปได้ไม่กี่ก้าว สวีหว่านเอ๋อร์และไป๋หลานก็ตามเธอมา “ซูฉิงหยุดนะ!”
“อะไรอีก?” ซูฉิงหยุดเดินอย่างหงุดหงิด
สองคนนี้ยังไม่จบอีกเหรอ?
ไป๋หลานเดินไปหาซูฉิงอย่างดุดัน และชี้ไปที่ไหล่ของเธอ “เมื่อกี้เธอตีฉัน และเธอก็จงใจทำลายชุดของฉัน!”
ตีเธอ?
ทำลายชุดของเธอ?
สายตานิ่งๆ ของซูฉิงมองไปที่ไหล่ของไป๋หลาน มันเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย
เห็นชุดของไป๋หลานขาดที่ไหล่ บนไหล่มีรูใหญ่น่าเกลียดมาก
เมื่อกี้เธอแค่ผลักไป๋หลานเบาๆ เท่านั้น เธอจะทำให้ชุดของไป๋หลานพังได้อย่างไร?
สองคนนี้ใช้ลูกไม้เก่าๆ ซ้ำๆ มาใส่ร้ายเธอให้เธอเป็นแพะรับบาปอีกแล้วเหรอ?
น่าเบื่อจริงๆ !
เมื่อเห็นว่าซูฉิงเงียบ สวีหว่านเอ๋อร์ก็แอบขยิบตาให้ไป๋หลาน
ไป๋หลานเข้าใจในทันที เธอก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และมองดูซูฉิงอย่างดูถูก “ซูฉิง เธอรู้ไหมว่าชุดของฉันนี้สั่งตัดจากปารีสเลยนะ มูลค่าห้าล้าน และตอนนี้เธอก็ทำมันพังแล้ว เธอจะชดใช้ยังไง”
ซูฉิงยิ้มอย่างประชดประชัน “อะไร นี่ขู่ฉันเหรอ ฉันไปทำเสื้อผ้าของเธอขาดตอนไหน?”
“ซูฉิงเธออย่ามาแก้ตัว! ในร้านเมื่อกี้ เธอไม่พอใจที่สวีหว่านเอ๋อร์ซื้อของไปหมด เธอตั้งใจผลักฉัน และก็ทำเสื้อผ้าของฉันพัง หว่านเอ๋อร์ก็เห็น!” ไป๋หลานพูดเสียงดังให้ทุกคนรอบตัวได้ยิน
“ซูฉิงขอโทษไป๋หลานเดี๋ยวนี้!” สวีหว่านดเอ๋อร์กล่าวอย่างเย็นชา
สวีหว่านเอ๋อร์คิดว่าตอนนี้ซูฉิงไม่มีฮ่อหยุนเฉิงคอยหนุนหลังแล้ว พวกเธอจะทำอะไรก็ได้ จะเหยียบย่ำยังไงก็ได้
วันนี้พวกเธอจะต้องทำให้ซูฉิงอับอายต่อหน้าทุกคน!
ทำให้เธออับอายจนไม่มีที่ยืนในสังคมไปเลย !
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็ค่อยๆ หยุดเดินทีละคน และชี้ไปที่ซูฉิง
“นั่นซูฉิงไม่ใช่เหรอ?” คนเดินผ่านไปมาชี้ไปที่ซูฉิงแล้วถาม
“ใช่ๆๆ ซูฉิงคนที่โดนฮ่อหยุนเฉิงทิ้งไง” คนโดนผ่านพูด “ญาติของฉันทำงานที่ฮ่อกรุ๊ป ได้ยินมาว่าซูฉิงก็ยังไม่ยอมออกจากฮ่อกรุ๊ป”
“จริงเหรอ? แต่เห็นในอินเทอร์เน็ตบอกว่าซูฉิงดูเหมือนจะคบกับซุปเปอร์สตาร์เฉินไม่ใช่เหรอ? ได้ข่าวว่าทั้งสองคนอยู่ด้วยกันแล้วด้วย!” ผู้คนพูดอย่างสับสน
“นี่เรียกว่าเหยียบเรือสองแคมน่ะสิ” ผู้คนมองอย่างดูถูกเหยียดหยาม
“ถุย หน้าไม่อาย!” คนที่เดินผ่านไปมาพูดด่าทอด้วยน้ำเสียงดูถูก
เมื่อคำพูดที่รุนแรงดังไปเข้าหูของซูฉิง ซูฉิงก็ขมวดคิ้วแน่น
ใครเป็นคนแพร่เรื่องนี้ ทำไมมันแย่ขนาดนี้….. ยิ่งเกินจริงขึ้นเรื่อยๆ!
แปดสิบเปอร์เซ็นต์ต้องมาจากสวีหว่านเอ๋อร์แน่ๆ
พวกนักข่าวที่ได้รับข่าวจากสวีหว่านเอ๋อร์ก็รีบเข้ามา
ทันทีที่พวกเขาเห็นซูฉิง นักข่าวหลายคนก็รวมตัวกันและเล็งมาที่เธอ “คุณซูครับ ขอถามหน่อยครับ ทำไมถึงผลักคุณไป๋ล่ะครับ แล้วยังตั้งใจทำลายชุดของเธอด้วยเหรอครับ? เป็นเพราะความแค้นส่วนตัวหรือเปล่าคะ?”
ซูฉิงเริ่มจะหมดความอดทน “ฉันพูดซ้ำนะคะ ฉันไม่ได้ผลักเธอ และไม่ได้ทำลายชุดของเธอด้วย แค่นี้ค่ะ”
หลังจากพูดจบ ซูฉิงไม่อยากอยู่ตรงนี้ให้ถูกถามต่อไป เธอจึงหันหลังและเดินจากไป
“จะหนีเหรอ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก!” ไป๋หลานและสวีหว่านเอ๋อร์เข้าไปขวางทางซูฉิงไว้
“เธอทำชุดฉันพัง คิดจะเดินจากไปแบบนี้น่ะเหรอ? แบบนี้ก็ได้เหรอ!” ไป๋หลานจ้องไปที่ซูฉิงอย่างเคียดแค้น แววตาของเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาและดูถูกเหยียดหยาม
“ฉันทำชุดเธอเสียหายหรือเปล่า หรือย่อมรู้อยู่แก่ใจ” ซูฉิงหรี่ตาและพูดนิ่งๆ “เธอคิดว่าจะให้ทำยังไง?”
“แน่นอนว่าต้องชดใช้!” เสียงของไป๋หลานดังขึ้นอีกหลายเท่า “ห้าล้านหยวน ขาดไม่ได้แม้แต่สตางค์เดียว!”
“อ้อ ใช่ ฉันเกือบลืมไปเลย ตอนนี้เธอถูกฮ่อหยุนเฉิงทิ้งแล้ว ไม่ใช่คู่หมั้นของฮ่อหยุนเฉิงอีกต่อไป ดูท่าเธอคงจะหาเงิน 5 ล้านไม่ได้สินะ”
รอยยิ้มที่พอใจผุดขึ้นบนใบหน้าของไป๋หลาน และเธอก็มองซูฉิงอย่างดูถูก “งั้นก็เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอโทษฉัน ฉันก็จะพิจารณาดูว่าจะให้เธอชดใช้อยู่หรือไม่”
ห้าล้านหยวน ยัยบ้านนอกนี่จะไปเอามาจากไหน!
งั้นเธอก็ทำได้เพียงคุกเข่าลงอย่างเชื่อฟังเท่านั้น เหมือนสุนัขกระดิกหางฟังคำสั่ง และขอโทษเธอ
นักข่าวก็ยืนอยู่ข้างๆ รูปที่น่าเกลียดของซูฉิงจะต้องขึ้นพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งในวันพรุ่งนี้แน่ๆ
ถึงตอนนั้นเฉินจุนเหยียนยังจะชอบซูฉิงอยู่อีกเหรอ!
เมื่อเห็นว่าไป๋หลานพูดโอเวอร์มากขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าของซูฉิงเย็นชาขึ้นทันที
ในตอนแรกเธอไม่ต้องการเสียเวลากับสองคนนี้ แต่สองคนนี้กลับไม่เลิกรา ยังตามรังควานเธอไม่เลิก
ได้ ถ้าอย่างนั้นเธอไม่เกรงใจแล้วนะ!
ในเมื่อสวีหว่านเอ๋อร์ และไป๋หลานต้องการให้เธออับอายต่อหน้าสาธารณะชน งั้นเธอจะใช้วิธีเดียวกัน ทำให้ทั้งคู่รับผลกรรมที่ตามมา!
เมื่อคิดได้อย่างนั้น แววตาของซูฉิงก็เยือกเย็นขึ้นมาทันที “ไป๋หลาน ในเมื่อเธอยังยืนยันว่าฉันทำชุดของเธอขาด งั้นก็แสดงหลักฐานด้วย มิฉะนั้นฉันจะฟ้องเธอข้อหาใส่ร้าย”
“หลักฐาน?” ไป๋หลานกลอกตา “ง่ายมาก เธอทำลายชุดของฉัน เธอก็ต้องทิ้งรอยนิ้วมือไว้อยู่แล้ว แค่แจ้งตำรวจและตรวจสอบลายนิ้วมือก็จะรู้ความจริง และเมื่อกี้สวีหว่านเอ๋อร์ก็อยู่ข้างๆ เธอก็เห็นเหตุการณ์”
น้ำเสียงของไป๋หลานเต็มไปด้วยความมั่นใจ เพราะยังไงเมื่อกี้ซูฉิงก็ผลักไหล่ของเธอ ดังนั้นบนเสื้อผ้าก็น่าจะยังมีลายนิ้วมือของซูฉิงอยู่
แม้ว่าจะต้องแจ้งตำรวจจริงๆ เธอก็ไม่หวั่น
“ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากขยนาดนั้นหรอก” ซูฉิงยิ้มนิ่งๆ “ในร้านนั้นน่าจะมีกล้องวงจรปิดอยู่นะ เราไปดูกล้องวงจรปิดกันเถอะ จะได้รู้สักทีว่าความจริงมันเป็นยังไงกันแน่”
“ได้สิ” ไป๋หลานตอบรับ
ซูฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ที่ไป๋หลานตอบตกลงอย่างง่ายดาย เธอไม่กลัวความจริงจะถูกเปิดเผยเหรอ?
กล้องวงจรปิดน่าจะถ่ายไว้ได้อย่างชัดเจน เธอแค่ผลักไป๋หลานเบาๆ ซึ่งไม่ได้ทำลายชุดของเธอเลย
ส่วนชุดของไป๋หลาน ความเป็นไปได้มากที่สุดคือเธออาจจะเป็นคนทำเอง หรือสวีหว่านเอ๋อร์ทำก็ได้ แล้วมาใส่ร้ายเธอ
แค่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดทุกอย่างก็จะถูกเปิดเผย
ทำไมไป๋หลานไม่กลัวเรื่องถูกเปิดเผยเลยล่ะ?
มีบางอย่างผิดปกติ
เมื่อเห็นว่าซูฉิงเงียบไป ไป๋หลานก็มองเธออย่างยั่วยุ “เมื่อถึงตอนนั้นเธอก็อย่าลืมคุกเข่าขอโทษฉันด้วย!”
ลูกพี่ลูกน้องของไป๋หลานทำงานอยู่ในร้านนี้ ทำหน้าที่เป็นผู้รักษาความปลอดภัยตรวจสอบกล้องวงจรปิด
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะให้เขาลบภาพออกไปนิดหน่อย
ไป๋หลานแอบส่งข้อความถึงลูกพี่ลูกน้องของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่กลัวการเปิดกล้องดู
ซูฉิง ยัยผู้หญิงไร้ยางอาย!
รอก่อนเถอะ!
วันนี้แกต้องคุกเข่าลงกับพื้นแล้วขอร้องฉัน!