ตอนที่ 447 กระสอบทราย / ตอนที่ 448 เราต่อกันเถอะ

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 447 กระสอบทราย

ภายนอกห้องนั่งเล่น ป๋อจิ่งหางเปิดประตูของห้องทำงานออกก่อนจะใช้สายตากวาดมองไปรอบๆ

“เฮ้อ เลขาบอกว่าอยู่ในห้องทำงานไม่ใช่รึไง ไหนเขาล่ะ”

ระหว่างสอบถามเรื่องงานอยู่ เขาก็ดันหนีออกมากลางคัน เขารู้ตัวดีว่าทำผิดมหันต์ พอเคลียร์ทุกอย่างเสร็จก็รีบบึ่งมาสำนึกผิดกับพี่ชายทันที ดูเอาเถอะว่าเขามีทัศนคติที่ดีแค่ไหน

หาไปรอบหนึ่งแล้วก็ยังไม่เห็นแม้เงา สายตาของป๋อจิ่งหางจึงหันไปให้ความสนใจกับห้องนั่งเล่นอย่างช่วยไม่ได้

เขาตบเท้าย่างเข้าไปยังห้องนั่งเล่นอย่างไม่ลังเล!

ขณะที่เพิ่งจะเปิดประตูออก วัตถุบางอย่างก็ลอยลิ่วขึ้นกลางอากาศและพุ่งมายังเขาด้วยความอาฆาตมาดร้าย

ป๋อจิ่งหางสั่นระริกไปในทันที ก่อนจะเบี่ยงศีรษะหลบอย่างรวดเร็ว เสียงลมพัดหึ่งเฉียดผ่านใบหูของเขาไป

ก่อนที่เสียง เพล้ง ดังสนั่นจะตามมาติดๆ วัตถุกลางอากาศตกลงแตกบนพื้น

ป๋อจิ่งหางหันกลับไปมอง ที่เขี่ยบุหรี่คริสตัลหนักๆ อันหนึ่งตกแตกเป็นเสี่ยงๆ ตรงด้านหลังเขา

“เวรเอ๊ย!”

ป๋อจิ่งหางเลิกคิ้วสูง “นายจะลอบฆ่ากันรึไง!”

เขาหันกลับไปหวังจะ ‘ต่อว่า’ พี่ชายร่วมสายเลือดสักยกสองยก แต่หลังจากที่เขาเพิ่งจะหันกลับมานั้น เสียงทุ้มเย็นของป๋อจิ่งชวนกลับดังขึ้นทันควัน

“ไสหัวออกไป”

นาทีที่ป๋อจิ่งหางหันมา สายตาก็ซัดไปมองบนเตียงตั้งแต่แรกแล้ว มีบางอย่างที่โป่งนูนขึ้นมาและขยับดุ๊กดิ๊กอยู่บนนั้น

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมก่อนหน้านี้ป๋อจิ่งชวนถึงได้หยุดลงกะทันหัน ทว่าในตอนนี้กลับไม่ต้องพูดอะไรมาก

เฉินฝานซิงรีบหันหลังให้ประตูและห่มห่อตัวเองไว้อย่างมิดชิดจนแทบจะฝังตัวลงไปในตะเข็บผ้า

อีกนิดเดียวเธอก็เกือบจะทำเรื่องอย่างว่ากับป๋อจิ่งชวนไปแล้ว!

เกือบทำกับป๋อจิ่งชวนแล้ว…

เกือบทำลงไปแล้ว…

หากไม่ใช่เพราะป๋อจิ่งชวนรู้สึกว่ามีคนเข้ามาในห้องเสียก่อน แล้วภาพที่ป๋อจิ่งหางจะได้เห็นมันจะเป็นภาพแบบไหนกันนะ…

จากนั้นเฉินฝานซิงจึงห่อตัวเอาไว้มิดชิดกว่าเก่า แต่ป๋อจิ่งหางยังอุตส่าห์เหลือบไปเห็นเส้นผมที่กระจายอยู่บนหมอนของเธอ

“นี่…พี่ชาย อย่าบอกนะว่านาย…กำลังเล่นสนุกกับผู้หญิงอยู่?”

ป๋อจิ่งชวนเคร่งขรึมลงในทันที

“นาย…นอกใจ?”

ป๋อจิ่งหางไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าพี่คนโตผู้ไม่เคยให้หญิงสาวคนไหนเฉียดเข้ามาใกล้ ไม่แม้แต่จะชายตาแลให้ใครได้สมหวัง ครองตัวเสมือนเป็นเทพเซียนองค์หนึ่ง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวันนี้จะกลายเป็นผู้ชายบรมห่วยคนหนึ่งไปเสียแล้ว?!

เฉินฝานซิงเม้มปากแน่นอยู่ใต้ผืนผ้าห่ม

แม้จะอยากช่วยป๋อจิ่งชวนแก้ต่างแค่ไหน แต่สภาพของเธอในตอนนี้ นาทีนี้…

ขอโทษนะ ป๋อจิ่งชวน ให้อภัยในความเห็นแก่ตัวของฉันด้วยเถอะ!

ป๋อจิ่งชวนกัดฟันแน่น เมื่อโอกาสทองเช่นนี้กลับต้องมาถูกทำลายลง ความโกรธแค้นอย่างถึงที่สุดทำเอาเขาไม่อาจควบคุมไฟโทสะในใจลงได้ เสื้อสูทที่เพิ่งถูกสวมไปเมื่อครู่โดนเขาถอดมันโยนทิ้งลงไปบนเตียงอีกครั้งพลางปลดกระดุมแขนเสื้อไปด้วยในเวลาเดียวกัน

ลมหนาวโหมกระหน่ำขึ้นภายในห้องนั่งเล่นอันโอ่อ่า

หนังศีรษะของป๋อจิ่งหางรู้สึกชาวาบ เมื่อเห็นท่าจะไม่ดีเขาจึงคิดจะหนีออกจากห้องนั่งเล่นนี้

เหมือนว่าป๋อจิ่งชวนจะรู้แล้วว่าเขาคิดจะทำอะไร สิ้นเสียงเย็นที่สบถออกมาว่า ‘จบกัน’ เขาก็ย่างสามขุมเข้ามาประชิดตัวเจ้าน้องชาย

พอหันหลังได้เขาก็เผ่นหนีทันที!

แต่ผลสุดท้าย ไม่ทันที่เขาจะวิ่งไปมากกว่าสองก้าว ลมแรงๆ ก็ได้จู่โจมเขาเข้ามาทางด้านหลัง เขาเบี่ยงตัวหลบหมัดหนึ่ง ทว่าหมัดอีกข้างหนึ่งก็ปะทะเข้ามาแบบติดๆ

เขาถอยหลบไปข้างหลังอย่างหัวซุกหัวซุน

หนีพี่ชายแท้ๆ ของตัวเองไปพลาง พรรณนาไปพลาง

“ฉันผิดไปแล้วพี่ชาย นายไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ นายวางใจได้เลย เรื่องที่นายเล่นจ้ำจี้กับผู้หญิงน่ะ ฉันจะไม่บอกพี่สะใภ้เด็ดขาด…โอ๊ย! พี่ชาย เบาๆ หน่อย! เบาๆ หน่อย!”

ลูกชายทั้งสองของสกุลป๋อถูกอบรมเคี่ยวเข็ญมาเป็นพิเศษตั้งแต่เล็กแต่น้อย แต่ถึงกระนั้นความเข้มงวดที่มีต่อป๋อจิ่งชวนจะมากกว่าป๋อจิ่งหางเท่าไรนั้นก็ไม่อาจทราบได้

ดังนั้นเมื่อว่ากันในทางฝีมือปฏิบัติแล้ว แน่นอนว่าป๋อจิ่งหางจึงเทียบกับป๋อจิ่งชวนไม่ติดเลย

หลังจากที่โดนฟาดไปสิบครั้ง ป๋อจิ่งหางก็พ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบก่อนจะกลายสภาพเป็นกระสอบทรายให้ป๋อจิ่งชวนไป

ตอนที่ 448 เราต่อกันเถอะ

ภายในห้องนั่งเล่น เฉินฝานซิงเด้งตัวขึ้นนั่งแล้วรีบโกยเอาเสื้อผ้าที่ป๋อจิ่งชวนเป็นคนถอดทิ้งไว้ขึ้นมาสวมใหม่อีกครั้ง

เมื่อได้ยินเสียงสองคนข้างนอกต่อสู้กันและเสียงกรีดร้องของป๋อจิ่งหาง หนังศีรษะของเธอก็พลันชาวาบ

หลังจากแต่งตัวและจัดการตัวเองเสร็จสรรพ เสียงโอดครวญของป๋อจิ่งหางที่อยู่ด้านนอกก็ยังไม่หยุดลง แถมยังฟังดูคล้ายคนใกล้จะสิ้นใจลงไปทุกที

เฉินฝานซิงกัดฟัน ก่อนจะเลิกผ้าห่มออกแล้วกระโดดลงจากเตียง

เมื่อเปิดประตูออก ป๋อจิ่งหางกำลังรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายขัดขืนป๋อจิ่งชวนอยู่เป็นครั้งคราว มือหนึ่งของป๋อจิ่งชวนคว้าคอเสื้อของน้องชายเอาไว้แน่น เห็นได้ชัดว่าเขากำลังขาดสติ

แขนยาวง้างขึ้นและซัดลงไปอีกครั้ง เสื้อเชิ้ตสีขาวเผยให้เห็นกล้ามเนื้อท่อนแขนของเขาที่เนียนละเอียด

สีหน้าของเขาถมึงทึงไม่พูดไม่จา หมัดหนักๆ ถูกต่อยลงไปบนร่างของป๋อจิ่งหางไม่ออมแรง

หัวใจของเฉินฝานซิงกระตุกวูบ รีบปรี่เข้าไปห้ามศึก

“ป๋อจิ่งชวน คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

ป๋อจิ่งหางช้อนดวงตาบวมช้ำขึ้นมองเฉินฝานซิง พลางนึกขึ้นในใจว่าการต่อสู้ครั้งนี้ก็ใช่ว่าเขาจะเสียเปรียบ

“พี่สะใภ้ช่วยผมที! พี่ผมมันบ้าไปแล้ว!”

ป๋อจิ่งชวนกลับไม่ได้หยุดการกระทำของตน เฉินฝานซิงรู้สึกฉุนขึ้นมาในใจ ขณะที่หมัดของป๋อจิ่งชวนกำลังซัดลงไป เธอยื่นมือออกไปคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ

“พอได้แล้ว!”

การกระทำของป๋อจิ่งชวนชะงักลงทันที เขามองเฉินฝานซิงที่คว้ามือเขาเอาไว้ ขณะที่เงยหน้าขึ้นมานัยน์ตาสีนิลที่กำลังคุกลุ่นอยู่นั้นไม่อาจซ่อนความประหลาดใจเอาไว้ได้

นัยน์ตาของเธอทอแสงเล็กน้อยก่อนจะคลายมือของเขาออก

ป๋อจิ่งหางฉวยโอกาสนี้กระโดดโหยงไปอีกทาง

โชคไม่ดีที่เขาถูกต่อยเข้าที่หน้าไปสองหมัด บัดนี้ใบหน้าหล่อเหล่าจึงได้ดูสะบักสะบอมสุดๆ

“เป็นพี่น้องกันต้องรักกันสิ…ทำร้ายกันมันไม่ดีนะเว้ย!”

เฉินฝานซิงแอบไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดอะไรดี นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นป๋อจิ่งชวนของขึ้นจนถึงขั้นลงไม้ลงมือกับคนอื่นแบบนี้

“นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเวลาพี่ชายของผมมันอยากขึ้นมาแล้วจะน่ากลัวได้ขนาดนี้ พี่สะใภ้ นี่คุณปล่อยให้พี่ชายผมอดอยากมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย”

ป๋อจิ่งหางยกมือขึ้นกุมดวงตาของตัวเองที่โดนต่อยจนมันทั้งบวมและแดง เขาหย่อนตัวลงนั่งตรงขอบโซฟา ซ้ำยังเผลอพูดจาไม่เข้าหูขึ้นมาอีก

สีหน้าของเฉินฝานซิงเต็มไปด้วยความอึดอัด เรื่องแบบนี้…

สายตาเย็นเยียบของป๋อจิ่งชวนตวัดมองป๋อจิ่งหาง คนเป็นน้องตัวแข็งทื่อ ส่งสายตาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือไปยังเฉินฝานซิงอีกครั้ง

เฉินฝานซินสูดหายใจจนสุดปอดไปเฮือกหนึ่งแล้วยกมือขึ้นรวบผมตัวเอง

“พวกคุณอยากจะตะลุมบอนกันต่อก็เชิญเถอะ ฉันจะกลับแล้ว”

“รอเลิกงานพร้อมผม” ข้อมือเธอถูกป๋อจิ่งชวนคว้าเอาไว้

“ไม่นะพี่สะใภ้” เสื้อก็โดนป๋อจิ่งหางรั้งเอาไว้

“…”

สายตาแหลมคมดุจใบมีดน้ำแข็งทิ่มแทงลงบนร่างของป๋อจิ่งหางจนเขาต้องรีบปล่อยมือจากเสื้อของเธอ

เฉินฝานซิงสุดแสนจะระอา เธอพ่นลมหายใจทิ้งไปเฮือกหนึ่งแล้วหันไปพูดกับป๋อจิ่งหาง “ไม่ไปดูแผลที่ห้องพยาบาลสักหน่อยเหรอ”

เขามองสายตาของผู้เป็นพี่ชาย ก่อนจะรีบตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล

“ไป! ไปแน่ครับ!”

ไม่ทันพูดจบ เจ้าตัวก็เปิดประตูห้องทำงานและเผ่นแนบออกไปแล้ว

ต่อจากนั้นป๋อจิ่งชวนก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดใหม่อีกครั้ง สีหน้าดุดันยังคงไม่จางหายไป

“เราต่อกันเถอะ”

เธอมองใบหน้ามืดหม่นนั้นของเขาที่ความวู่วามและอ่อนโยนก่อนหน้านี้ไม่หลงเหลืออยู่แม้แต่เพียงครึ่งหนึ่ง

ต่อตอนนี้?

ความหลงใหลนี้ลึกซึ้งแค่ไหน

เธอส่ายหน้าด้วยความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“พอเถอะ จะเลิกงานอยู่แล้ว ฉันจะรอคุณนะ”

สีหน้าของป๋อจิ่งชวนขรึมลงไปจากสีหน้าพื้นฐานของเขา

เฉินฝานซิงแอบหวั่นใจน้อยๆ เธอไม่รู้จริงๆ ว่าตอนที่ใบหน้าของเขาขุ่นมัวจนถึงขีดสุดเช่นนี้ จะเป็นความอันตรายในรูปแบบไหน