ตอนที่ 469 เจ้าแกล้งข้า + ตอนที่ 470 ปรารถนาในความงาม

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 469 เจ้าแกล้งข้า

แต่สิ่งที่ไม่ว่าอย่างไรเจ้าตำหนักยมราชก็นึกไม่ถึงคือ สตรีคนนี้ใช้มือหนึ่งโอบคอเขาไว้และดึงไปข้างกายนาง ริมฝีปากอุ่นร้อนเข้ามาแนบชิดข้างหู ลมหายใจอุ่นร้อนและความรู้สึกชาวาบทำให้ร่างกายเขาพลันแข็งทื่อ รู้สึกแต่ว่าไอร้อนพุ่งลงไปยังท้อง

สาวน้อยผู้เมามายบางคนยังไม่รู้ว่าทำอะไรลงไป ยังคงพ่นลมหายใจร้อนรินรดข้างหูเขา ถึงขั้นขึ้นเสียงหัวเราะที่หยอกเย้าเสนาะหูราวกระดิ่งเงิน

“ฮิๆๆ… ข้าจะบอกท่านนะ จริงๆ ท่านหน้าตาทั้งหล่อทั้งเท่ อืม…ระรื่นหูระรื่นตามาก”

ไม่ทันไร มือที่กดคอเจ้าตำหนักไว้ก็ไต่ขึ้นไปลูบใบหน้าเขา เฟิ่งจิ่วหัวเราะขึ้นมา เอ่ยอย่างคนพาลว่า “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าทั้งวันท่านเอาแต่เดินไปมาต่อหน้าข้าเหมือนนกยูงรำแพนเพื่อจะยั่วยวนข้า ท่านเชื่อไหมว่าข้าทนไม่ไหว เอิ๊ก…ถึงได้กระโจนใส่ท่าน?”

เธอเรอครั้งหนึ่ง มือข้างหนึ่งลูบๆ หน้าอก สายตาฉ่ำเยิ้มเห็นชายตรงหน้าจ้องตรงมาอย่างเร่าร้อนด้วยดวงตาดำลึกล้ำ เธอพลันหงุดหงิด ริมฝีปากแดงพึมพำว่า “มองอะไร? หากมองอีกเชื่อหรือไม่ว่าข้าจะจัดการท่านเสีย!”

“อ้อ? เจ้าจะจัดการข้าอย่างไรรึ? พูดมาตามตรง เจ้าต้องการข้ามานานแล้วใช่หรือไม่?”

น้ำเสียงเขาทั้งทุ้มต่ำและแหบพร่า มีเสน่ห์ดึงดูดที่ทำให้ใจคนลุ่มหลง เปล่งออกมาเบาๆ ก็เสมือนจะล่อลวงและยั่วยวน ดวงตาดำขลับล้ำลึกฉายประกายร้อนแรงแผดเผากำลังจ้องมองสาวน้อยตรงหน้าที่เมามายได้ที่ รู้สึกเพียงว่ามีมือหนึ่งกำลังหยอกล้อหัวใจเขาเบาๆ สะกิดจนหัวใจทั้งคันยิบและอ่อนยวบ…

“หึๆๆ…”

เธอหัวเราะเบาๆ แล้วลุกยืนขึ้นยื่นสองมือออกไปประคองใบหน้าเขา ดวงตาคู่งามที่มึนเมาจับจ้องรูปโฉมองอาจหล่อเหลาเบื้องหน้า จากนั้นหัวเราะเจ้าเล่ห์ “ข้าจะตรงไปตรงมากับท่านแล้วกัน! ข้าปรารถนาความงามของท่านมาตั้งนานแล้ว ท่านว่า ทำไมถึงมีคนที่งดงามเช่นท่านได้? อืม ไม่ใช่สิ ท่านไม่ใช่คน…”

ยามได้ยินคำพูดนาง หัวใจเขาร้อนรุ่มไปหมด ประกายที่สว่างวาบในดวงตาดำช่างน่าตกใจ นั่นคือความปลาบปลื้มและสุขใจ เป็นความรู้สึกพิเศษที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยอย่างหนึ่ง เขารู้แค่ว่านางดื่มเหล้าเมาจนสติเลอะเลือน แต่คำพูดที่เอ่ยกลับทำให้หัวใจเขาลอยล่องขึ้นมา

ความโกรธสุมอกเอย หญิงหอนางโลมเอย หรือการปฏิเสธซ้ำๆ อะไรเอย ยามนี้ล้วนถูกโยนทิ้งไปจากห้วงความคิด หายไปอย่างไร้ร่องรอย เขารู้แค่ว่ากับผู้หญิงคนนี้ ชั่วชีวิตนี้เขาจะไม่ปล่อยมือไป!

“ข้าไม่ใช่คน? เช่นนั้นเป็นอะไร?” เขาเอ่ยถามอย่างขบขัน มือหนึ่งโอบพานางที่ยืนอยู่ตรงหน้าเข้ามาในอ้อมอก ให้นั่งลงบนตักตัวเอง

เฟิ่งจิ่วเมาเสียจนกู่ไม่กลับ คำพูดจาล้วนล่องลอย คำใดที่ปกติไม่พูด ยามนี้ล้วนเอ่ยออกจากปากได้ ครั้นรู้สึกว่าโดนเขาดึงมานั่งลงบนตัก เธอหัวเราะคิกคักพลางโอบคอเขาด้วยใบหน้างามเลิศที่แดงก่ำและเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“เป็นเก้าอี้ที่นุ่มมาก” ระหว่างพูด เธอจงใจบิดตัวเล็กน้อย สัมผัสความนุ่มสบายของเก้าอี้ แต่ไม่นานนักเธอก็ขมวดคิ้วขึ้นมา พึมพำว่า “เอาท่อนไม้ออกไป…”

ขณะยื่นมือไปขยับ กลับได้ยินเสียงบางคนสูดหายใจหนักหน่วง ทั้งร่างก็หดเกร็งขึ้นมาพร้อมกัน

“หือ?” เธอกะพริบดวงตาที่มองเห็นไม่ชัดเจนเท่าไหร่ ก่อนจะโน้มไปใกล้หน้าเขาราวเด็กน้อยขี้สงสัย “ท่านเป็นอะไร?”

เจ้าตำหนักยมราชรู้สึกแต่ว่าบางจุดขยายตัวเสียจนเจ็บปวด เมื่อมองสาวน้อยที่มีสีหน้างุนงงและป่วยการจะสอนสั่งในอ้อมแขนอีกที เขากัดฟันกรอดพลางอุ้มนางขึ้นมา

“เจ้าแกล้งข้า!”

………………………………………………….

ตอนที่ 470 ปรารถนาในความงาม

เฟิ่งจิ่วที่ทั้งร่างโดนอุ้มลอยเตะสองขา พลางหัวเราะคิกคัก “ข้าไม่ได้แกล้งท่าน…”

“แกล้งสิ!”

เฟิ่งจิ่วที่โดนอุ้มเดินไปยังห้องด้านในขยี้ดวงตาพร่ามัว เมื่อเห็นรูปโฉมหล่อเหลาและเต็มไปด้วยเสน่ห์เยี่ยงบุรุษตรงหน้า เธอพยักหน้า พูดอย่างเป็นปกติว่า “อืม แกล้งสิ”

ทว่าเวลาต่อมา ท่าทางปกตินั้นก็เปลี่ยนไป เธอยิ้มได้ราวกับเด็กน้อยซุกซน สองมือลูบไล้สะเปะสะปะบนร่างชายหนุ่ม “ท่านอา แกล้งคนใช้แค่ลมปากไม่ได้ ต้องใช้มือเท้าด้วย มาๆๆ ข้าขอลูบคลำกล้ามเนื้อบนร่างท่านหน่อย ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบท่านข้าก็อยากลูบไล้กล้ามเนื้อท่านแล้ว แหะๆๆ…”

ได้ยินเช่นนี้ แววตาเจ้าตำหนักยมราชยิ่งล้ำลึก มุมปากกลับยกขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เขามองสาวน้อยในอ้อมแขนที่เมามายจนแยกทิศแยกทางไม่ออกพลางบอกว่า “อ้อ? ที่แท้เจ้าคิดลามกกับข้าตั้งแต่ในป่าเก้าหมอบแล้ว”

“แหะๆ ข้าแค่คิด…” เธอยิ้มหยีตาที่มึนเมา คลอเคลียในอ้อมแขนเขาประหนึ่งแมวน้อย

รอยยิ้มบนหน้าเจ้าตำหนักยมราชผุดขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่อาจห้าม เพียงสองสามก้าวก็มาถึงห้องด้านใน ทว่าเวลานี้เอง กลับเห็นสาวน้อยที่ซุกอยู่ในอ้อมอกตบๆ ตรงแขนเขา

“ปล่อยข้าลง”

“เอิ๊ก! รีบๆ ปล่อยข้าลงสิ…” เธอเรออีกครั้ง สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

“ไม่ปล่อย” เตียงใหญ่อยู่ใกล้แค่ตรงหน้า มอมเหล้านางไม่ใช่ง่ายๆ โอกาสเช่นนี้จะพลาดได้อย่างไร?

ได้ยินเช่นนี้เฟิ่งจิ่วก็ขมวดคิ้ว สองมือเลิกสาบเสื้อตรงหน้าอกเขาออก ซุกหน้าเล็กๆ ไปด้านในแล้วอาเจียนทันที…

เจ้าตำหนักที่เดิมทีพูดอย่างไรก็ไม่ปล่อย และในดวงตามีเพียงเตียงใหญ่หลังนั้น ยามนี้ร่างกายแข็งทื่อ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างยากจะเชื่อ

เขาก้มหน้ามองสาวน้อยในอ้อมกอด เห็นเพียงว่านางอาเจียนเสร็จสักพักก็เอามุมเสื้อเขามาเช็ดปาก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างใสซื่อ คล้ายกำลังบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า ท่านไม่ยอมปล่อยข้าลงเอง…

“เอ่อ ข้ากลั้นไม่อยู่จริงๆ” เธอกะพริบดวงตา ใบหน้าไร้เดียงสา เพราะดื่มเหล้าไปจึงรู้สึกว่าหนังตาหนักขึ้นเรื่อยๆ หลังจากอาเจียนออกมาตอนนี้ร่างกายสบายขึ้นไม่น้อย ด้วยเหตุนี้จึงฉีกยิ้ม หลับไปอย่างช้าๆ

“เฟิ่งจิ่ว!”

เจ้าตำหนักยมราชร้องลั่นอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เสียงนี้ดังชัดเจนอย่างยิ่งในยามค่ำคืน แทบทำให้คนทั้งจวนตระกูลเฟิ่งแตกตื่น…

เวลาเที่ยงวันต่อมา เฟิ่งจิ่วเพิ่งตื่นนอน เมื่อคืนดื่มเหล้ามากเกินไป วันนี้ตื่นมาหัวจึงหนักอึ้งไปหมด ตรงขมับยังปวดอยู่บ้าง

เธอที่นอนอยู่บนเตียงค่อยๆ ฟื้นคืนสติ ทันใดนั้นก็นึกถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมา จึงกะพริบตาอย่างอดไม่ได้ “เมื่อคืนเราทำอะไรลงไป?”

ภายในห้วงความคิดมีภาพบางส่วนปรากฏขึ้นวูบวาบ บางคำพูดที่เธอเคยเอ่ย เรื่องที่เคยทำ ค่อยๆ เด่นชัดและปรากฏในความคิดตามจิตใต้สำนึก สีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นแปลกใจตามกันไป

นึกถึงเรื่องพวกนั้นที่เธอทำไปเมื่อคืน แล้วคิดว่ายังต้องพบหน้าเจ้าตำหนักยมราชอีก ชั่วเวลานั้นเธอคิดแค่ว่าควรจะไปหลบที่เวิ้งสวนท้อสักสองสามวันดีหรือไม่?