ตอนที่ 239 เพลิงเซียนหยินหยาง

แม่ครัวยอดเซียน

เมื่อหลิวหลีสั่งการเสร็จ คิดๆดูแล้ว จึงใช้ป้ายบัญชาการรายงานต่อจักรพรรดิ แล้วออกเดินต่อ การจับโจรต้องรอไปก่อน ก่อนอื่นเลยคือต้องหาเพลิงเซียนที่เพลิงหยินหยางต้องการให้ได้เสียก่อน

ยิ่งเดินลึกเข้าไป อุณหภูมิก็ยิ่งสูงขึ้น หลิวหลีพอจะปรับตัวได้ แต่คนที่ดวงตาไร้ชีวิตชีวา เสื้อผ้าขาดรุ่ยก็ไม่มีอีกแล้ว ดูท่าทางแล้วคงไม่ใช่ว่าใครก็จะมาที่นี่ได้

“ไท่จี๋ ยังอีกไกลแค่ไหน” หลิวหลีถามเพลิงหยินหยางอย่างสงสัย

“ยังอีกระยะหนึ่ง แต่อย่าเรียกข้าว่าไท่จี๋ได้หรือไม่” เพลิงหยินหยางรู้สึกไม่ดีกับชื่อนี้

“ไม่ชอบหรือ ชื่อเป็นสิ่งที่ไว้ใช้เรียกเท่านั้น” หลิวหลีเข้าใจทันทีว่าเพลิงหยินหยางไม่ชอบชื่อนี้

“ก็ไม่ชอบอยู่ดี นายท่านได้โปรดตั้งชื่อให้แก่ข้าด้วย” เพลิงหยินหยางดึงดันไม่ยอมรับชื่อนี้

“ให้ข้าเป็นคนตั้งชื่อหรือ แต่ไม่ต้องเรียกว่านายท่าน เรียกว่าหลิวหลีก็พอ ส่วนชื่อเจ้า ก็ชื่อไท่จี๋เหมือนเดิมก็พอ” หลิวหลีกล่าว

“อย่าเพิ่งโมโห ฟังข้าพูดให้จบก่อน” เมื่อเห็นว่าเพลิงหยินหยางเริ่มจะโมโห หลิวหลีก็รีบปลอบ

“แต่ก่อนเจ้าอาจจะไม่รู้ เจ้าจะต้องรู้ว่าไท่จี๋เป็นพลังความสมดุลของธรรมชาติ หยินหยางอยู่ในธรรมชาติ การแบ่งหยินหยางเป็นการแบ่งฟ้าและดิน มีมาตั้งแต่ยังไม่มีจักรวาล จนกระทั่งมีจักรวาล มาจากพลังที่เรียกว่าหยินหยาง ซึ่งก็คือหลักที่เรียกว่าไท่จี๋ (มาจากตำราการแพทย์ฉบับราชสำนักที่รวบรวมและชำระโดยแพทย์ราชสำนักแห่งราชวงศ์ชิง ) ของทุกสิ่งทุกอย่างมีต้นกำเนิดมาจากหยินและหยาง ชื่อของเจ้าคือจุดกำเนิดของธรรมชาติ ควรจะภาคภูมิใจ ตอนนี้เจ้าเกิดใหม่แล้ว ไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป ที่สำคัญเลยก็คือ พี่น้องของเจ้าไม่มีใครมีชื่อเลย” หลิวหลีเปิดด้วยหลักการ พูดจนเพลิงหยินหยางสงบลง แต่ก็เป็นไปได้ว่าพูดจนวกวนทำให้ยอมรับชื่อนี้แบบไม่รู้ตัว

จักรพรรดิเห็นข้อความของหลิวหลี ก็ทรงรู้สึกทันทีว่าต้องเป็นเรื่องสำคัญ จึงได้ส่งผู้อาวุโสจูกับผู้อาวุโสสวีไปพร้อมกับทหารสวรรค์ของตำหนักเวิ่นเทียน แต่ก็กำชับให้เชื่อฟังคำสั่งหลิวหลีทุกสิ่ง

“ขุนนางเซียนอวิ๋น รู้หรือไม่ว่าคือเรื่องอะไร” ผู้อาวุโสสวีกล่าวถาม

“ไม่แน่ใจขอรับ ฝ่าบาทบอกแค่เพียงว่าไปเขาต้าสิง จะต้องเป็นความลับ แล้วก็ให้เชิญผู้อาวุโสไปช่วยเหลือเผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉิน” อวิ๋นเฟยเปลี่ยนคำพูดของหลิวหลี หากว่าพูดออกไปว่าผู้อาวุโสจู ก็คงจะทำหน้าไม่ถูก เขายังไม่ทันไปถึงที่พักของผู้อาวุโสจู ก็เห็นผู้อาวุโสจูกับผู้อาวุโสสวีพากันเดินมา บอกว่าจักรพรรดิทรงให้พวกเขาทั้งสองคนรอฟังคำสั่งจากหลิวหลี

“เขาต้าสิงตรงนั้นมีอะไรแตกต่างจากทั่วไปหรือ?” ผู้อาวุโสจูก็ไม่เข้าใจเช่นกัน เจ้าตำหนักหลิวหลีทำไมถึงไปอยู่ที่นั่นได้ เจ้าตำหนักหลิวหลีออกไปท่องโลก ทำให้คนทั้งวังนภาเพลิงใจสลาย เจ้าตำหนักท่านนี้ออกไปข้างนอกก็เพื่อจะหลบผู้คน ใครจะไปรู้ว่าผ่านไปไม่ได้นาน จะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว

หลิวหลีออกเดินทางต่อ ตามคำแนะนำของไท่จี๋ ตนเองน่าจะมาใกล้มากแล้ว เพลิงเซียนที่บรรลุขั้นทั้งสามภายในร่างกายของหลิวหลีกรีดร้อง หลิวหลีพยายามกดพวกมันไว้

“จะก่อกบฏกันหรืออย่างไร ทำไมโวยวายกันขนาดนี้ เพลิงเซียนชนิดนี้สร้างความกดดันขนาดนั้นเลยหรือ” หลิวหลีไม่ได้รู้สึกอะไร ตอนนี้ร่างกายของนางเป็นร่างเพลิงอัคคีผสม ถึงแม้จะบำเพ็ญเพียรธาตุไฟเป็นหลัก แต่ไม่ว่าจะเป็นพลังเซียนอะไร นางก็สามารถดูดซึมมาเก็บไว้ใช้ได้

“อยู่ข้างหน้านี้แล้ว” ไท่จี๋กล่าว

สัมผัสได้ถึงพลังเพลิงที่ปะทะเข้าที่ใบหน้า นางสูดหายใจเข้าลึก ที่นี่คงจะไม่มีใครสามารถทนได้ แต่ว่านางค่อนข้างจะปรับตัวได้ดี เมื่อเทียบกับบ่อน้ำแร่เพลิงเหมันต์ไท่จี๋แล้ว พลังเพลิงก็ไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไหร่

“เพลิงเซียนล่ะ” หลิวหลีหลับตาสัมผัสพลัง ที่อยู่ข้างบน

หลิวหลีเงยหน้าขึ้น ปรากฏพบว่าเป็นไก่งวง ใช่แล้ว ก็คือไก่งวง

“ไก่งวงตัวนี้เป็นเพลิงเซียนหรือ” หลิวหลีตกใจ เพลิงเซียนชนิดนี้รสนิยมไม่เท่าไหร่เลย

“มนุษย์ผู้โง่เขลา” ไก่งวงพูดภาษาคนออกมา

“ยังเป็นไก่งวงปีศาจด้วย” หลิวหลีพูดด้วยความประหลาดใจ แต่แววตากลับแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์

“เจ้าสิ ไก่งวง” เพลิงเซียนโมโหที่มนุษย์ผู้นี้สายตาไม่ดี มันดูสง่างามขนาดนี้ จะเป็นไก่งวงได้อย่างไร มันพ่นเพลิงเซียนใส่หลิวหลี นางไม่หลบแต่กลับปล่อยเพลิงเซียนบุปผาเหมันต์ออกมา

“เพลิงเซียนบุปผาเหมันต์” เพลิงเซียนประหลาดใจ

“มีความรู้ไม่เบานี่” หลิวหลีนึกไม่ถึงว่าเพลิงเซียนจะรู้จัก

“ทุกครั้งที่มีเพลิงเซียนชนิดใหม่เกิดขึ้น เพลิงเซียนวิญญาณทุกดวงจะสามารถสัมผัสได้” มันมองหลิวหลีด้วยสายตาดูถูก ความรู้น้อยจริงๆ

“ไท่จี๋ เจ้ามั่นใจแค่ไหน สำหรับไก่งวงตัวนี้” หลิวหลีกล่าวถาม

“40 ส่วน”

“เจ้าเป็นถึงเพลิงอัคคี ทำไมแค่เปลี่ยนสถานที่ก็ไม่มั่นใจแล้วล่ะ” หลิวหลีอดดูถูกไม่ได้

“ข้าไม่กล้า” ไท่จี๋ตอบกลับมาช้าๆ เรื่องในตอนนั้น ส่งผลกระทบต่อเขามาก เมื่ออยู่ในร่างกายของหลิวหลี ยังไม่สามารถฟื้นฟูพลังกลับมาได้เลย

“อยู่กับข้า จะบอกว่าไม่มั่นใจได้อย่างไร จะต้องบอกว่ามั่นใจสิถึงจะถูก ข้ารอเจ้าบรรลุขั้นพลังเพื่อไปจัดการกับคนอื่นอยู่นะ” หลิวหลีไม่พอใจ อยู่กับนางจะมาบอกว่าไม่มีความมั่นใจได้อย่างไร

“เจ้าซุบซิบอะไรกัน ทำไมรู้สึกว่าเจ้าไม่ได้มาดี” เพลิงเซียนที่มีรูปร่างเหมือนไก่งวงถามขึ้น มันรู้สึกหนาวเล็กน้อย มันเป็นถึงเพลิงเซียน จะรู้สึกหนาวได้อย่างไร หรือว่าคนผู้นี้มีอะไรที่ไม่ธรรมดา

“ไม่มีอะไร เพลิงเซียน ข้าขอถามอะไรหน่อย” หลิวหลีพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร

“ถามมา”

“เจ้าชอบพวกเดียวกับเจ้าไหม” หลิวหลีถามขึ้นมาอย่างไม่อาย

“พวกเดียวกัน ไม่ชอบ เพลิงเซียนอย่างพวกเราเจอกันจะกลืนกินกัน ถึงแม้จะไม่มีเรื่องนี้ แต่คนมีเพลิงเซียนธาตุเหมันต์อย่างเจ้า ข้าก็ไม่ชอบเหมือนกัน”

“กลืนกิน ฟังแล้วไม่เลว” หลิวหลีพูดจบ ก็นำเพลิงเซียนบุปผาเหมันต์ออกมาปกคลุมไว้ด้านล่าง จากนั้นก็ปล่อยเพลิงเซียนดาราทมิฬออกมา

“ท่าทางแบบนี้พลังเซียนของเจ้าอยู่ในดวงจิตสินะ หากกลืนกินเข้าไปเจ้าก็คงจะตาย ถึงแม้จะเสียดาย แต่ว่าข้าชอบเพื่อนที่บรรลุเป็นเซียนมาจากโลกเบื้องล่างพร้อมกับข้ามากกว่า ดังนั้น ขอโทษด้วยก็แล้วกัน” เพลิงเซียนถูกเพลิงเซียนดาราทมิฬชนจนวิ่งพล่านไปทั่ว หลิวหลีคนร้ายกาจทำให้มันกับร่างเดิมของมันแยกออกจากกัน วันนี้มันจะต้องถูกคนหน้าไม่อายผู้นี้จัดการแล้วงั้นหรือ

“ฮือ ฮือ ฮือ เจ้ามันร้าย ใจร้าย” เพลิงเซียนวิ่งไปด้วยด่าไปด้วย

“เจ้าด่าไปเถอะ” นางไม่เจ็บสักหน่อย

มือซ้ายของหลิวหลีควบคุมเพลิงเซียนดาราทมิฬ และแอบแอบปล่อยเพลิงเซียนวิญญาณไม้ออกจากมือขวาทำเป็นกรง ตอนที่เพลิงเซียนดาราทมิฬแยกตัวออกมาเป็นเปลวเพลิงหลายพันดวง เพลิงเซียนพยายามหลบ และพุ่งเข้าหาหลิวหลี ทำให้โดนจับเข้ากรงที่ทำมาจากเพลิงเซียนวิญญาณไม้ เพลิงเซียนดาราทมิฬที่แยกตัวออกมาล้อมเป็นเกราะข้างนอกไว้อีกหนึ่งชั้น เพลิงเซียนวิ่งชนไปทั่วแต่ก็ออกไปไม่ได้

“ไท่จี๋ ถึงตาเจ้าแล้ว” เปลวเพลิงสีขาวดำที่อยู่ในร่างกายของหลิวหลีพุ่งออกมา พุ่งขึ้นไปกลางอากาศพันธนาการเพลิงเซียนไว้  ถึงแม้เพลิงหยินหยางถึงจะไม่ค่อยมั่นใจ แต่เพราะการช่วยเหลือของเพลิงวิญญาณไม้กับเพลิงดาราทมิฬ ทำให้สามารถกินพลังชีวิตของเพลิงเซียนเข้าไปได้ในทันที ตอนแรกเพลิงเซียนยังพยายามดิ้นรน เพลิงหยินหยางปล่อยพลังหยินหยางออกมา เพลิงเซียนจึงถูกกลืนกินอย่างรวดเร็ว ร่างเดิมที่ถูกเพลิงเซียนบุปผาเหมันส์สกัดเอาไว้ เริ่มเกิดความเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง หลิวหลีเก็บเพลิงเซียนบุปผาเหมันต์ ร่างเดิมของเพลิงเซียนนั้นไหลเข้าสู่ตัวของเพลิงหยินหยาง กลายเป็นส่วนหนึ่งของมันทันที

ลมพายุโหมกระหน่ำ เพลิงเซียนหยินหยางถือกำเนิดขึ้น มีพลังอำนาจมากกว่าเพลิงเซียนชนิดก่อนๆหลายเท่า ทำให้คนใจสั่น

“มีเพลิงเซียนถือกำเนิดขึ้นอีกแล้ว เพลิงเซียนหยินหยาง” จักรพรรดิทรงมองท้องฟ้า

“นักปรุงยาเจียง นี่ก็คือ…” อวิ๋นเฟยยังไม่ทันพูดจบ เจียงหรูชวนพยักหน้า

ทุกคนที่รู้เรื่อง สีหน้าก็เต็มไปด้วยความปิติยินดี นายท่านของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว

เพลิงหยินหยางดูดซึมเสร็จก็กลับเข้าไปอยู่ในร่างกายของหลิวหลี โคจรในร่างกายของนางหนึ่งรอบ สัญลักษณ์สีทองบนหน้าผากของหลิวหลีดูเหมือนจะทะลุออกมา เข้มจนน่ากลัว อยู่ดีๆสีทองก็หยุดลง

“อืม ไม่เลว” หลิวหลีไม่ได้รู้สึกเสียดาย

“เอ่อ ข้างล่างมีของอยู่ด้วย” หลิวหลีดูดซึมเพลิงเซียนเสร็จ หยิบของที่อยู่บนพื้นขึ้นมา เพลิงอัคคีภายในร่างกายนางเกิดความเคลื่อนไหวอีกแล้ว เก็บไว้ก่อนก็แล้วกัน

“ทหารสวรรค์ทุกคนฟังคำสั่ง โจมตีเข้ามาได้” หลิวหลีใช้ป้ายบัญชาการถ่ายทอดคำสั่ง

“ทหารสวรรค์ทุกคน โจมตี”อวิ๋นเฟยตะโกนขึ้น

ผู้ดูแลเหยากำลังมองเพลิงเซียนหยินหยางด้วยความโหยหา อยู่ๆก็มีคนบุกเข้ามา เกิดอะไรขึ้น ทหารสวรรค์มาจากไหนกัน

ทุกคนตัวแข็งด้วยความตกใจ แล้วควบคุมตัวทุกคนไว้อย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ เพียงไม่นาน ทุกคนก็ถูกควบคุมตัวเป็นที่เรียบร้อย

“ฝ่าบาทล่ะ” อวิ๋นเฟยกล่าวถาม ในนี้มีการขุดเหมืองแร่ส่วนตัว ไม่เห็นจักรพรรดิอยู่ในสายตาชัดๆ น่าเจ็บใจนัก

“ตู้ม” อยู่ดีๆก็เกิดเสียงดังขึ้น ชายหนุ่มที่มีความโดดเด่นลอยลงมาจากฟ้า

“นายท่าน” ทุกคนต่างพูดขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

“พอเถอะ อยู่ข้างนอกไม่ต้องมากพิธี” หลิวหลีทำมือไปมา

“ผู้อาวุโสจู ผู้อาวุโสสวี รบกวนด้วย” หลิวหลีคารวะผู้อาวุโสทั้งสองท่าน

“หลี่หลิ่ว” มีคนที่ถูกจับกุมตัวอยู่จำหลิวหลีได้

“อ้าว นี่ไม่ใช่สหายที่เตรียมจะขายข้าหรอกหรือ น่าเวทนาจริงๆเลยนะ” หลิวหลีมองพวกค้ามนุษย์ ทหารสวรรค์ของตำหนักนางทำงานได้ไม่เลวทีเดียว

“เจ้าเป็นใครกันแน่?” เฉินหมิงกล่าวถาม

“ใคร? พวกเจ้าก็รู้จักอยู่แล้ว ยังแต่งตัวเลียนแบบข้าด้วย”

“เจ้าตำหนักหลิวหลี” ทุกคนตะลึงค้างไป

……………