บทที่ 212 การปะทะกันครั้งแรก
ขณะที่หอกแสงศักดิ์สิทธิ์ค่อย ๆ ควบแน่นในมือของเซียวเฟิง ทรราชพายุเพลิงก็รู้สึกไม่ดีในทันใด เขาวิ่งหนีไปทันทีโดยไม่หันกลับมามอง ไม่กล้าแม้แต่จะโจมตีสวน
เซียวเฟิงกำลังไล่ตามอย่างดุเดือด ยังคงกำหอกแสงศักดิ์สิทธิ์ไว้ในมือของเขา ทั้งสองวิ่งผ่านสนามรบที่วุ่นวายโดยที่คนหนึ่งกำลังไล่ตาม ขณะที่อีกคนกำลังหนี สนามรบวุ่นวายมากขึ้นอันเป็นผลมาจากการเคลื่อนไหวของพวกเขา
ทรราชพายุเพลิงผิวเป็นสีน้ำตาล ผิวของเขาออกสีแทนจนดูโดดเด่นกว่าผิวของคนผิวดำ ดูเหมือนว่าเขาจะมีชื่อเสียงสูงในกลุ่มรวมเขต ผู้เล่นจากกลุ่มรวมเขตได้ถอยกลับไปยังที่ที่พวกเขาไม่ได้ไป เพราะเกรงว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บจากลูกหลง
“รับไปซะ!”
ในที่สุดหอกแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ก็ทำการร่ายเสร็จแล้ว เซียวเฟิงเอนตัวไปข้างหลังแล้วเขวี้ยงหอกออกไปอย่างแรง หอกแสงศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าหาทรราชพายุเพลิงราวกับสายฟ้า
ทรราชพายุเพลิงหันกลับไปมองในขณะที่พยายามหลบสุดชีวิต เขาอาศัยค่าสถานะความคล่องตัวที่สูงของเขาในการหลบหลีกทุกรูปแบบ
แต่หอกแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์นั้นดูเหมือนจะติดตั้งอุปกรณ์นำวิถีซึ่งถูกล็อกเป้าไปที่ทรราชพายุเพลิง
เข้าเป้า!
-72!
เสียงครวญครางดังจากปากของทรราชพายุเพลิง ขณะที่หน้าอกของเขาถูกแทงด้วยหอกแสงศักดิ์สิทธิ์ ในชั่วพริบตา ลำตัวของเขาถูกตรึงไว้กับพื้นซึ่งเขาได้รับผลกระทบจากอาการอัมพาต เลยไม่สามารถขยับร่างกายได้เลย
แม้ว่า ‘อัมพาต’ จะถือเป็นเอฟเฟกต์ควบคุม แต่ก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่ากับเวียนหัวและการแช่แข็ง แต่ถึงอย่างนั้น เซียวเฟิงก็พอใจกับสิ่งที่มันทำได้
“เฮ้! นายจับได้ตัวใหญ่เลยนี่! ให้พี่ใหญ่ได้ช่วยนายหน่อย!”
เซียวเฟิงกำลังจะเข้าใกล้ทรราชพายุเพลิงเพื่อปิดฉาก แต่เมื่อเขาได้ยินเสียง ทันใดนั้นเงาก็ปรากฏขึ้นจากด้านข้างและตอนนี้กำลังพุ่งตรงไปที่ทรราชพายุเพลิง เซียวเฟิงตระหนักว่าเป็นเพียงซางกวน อาโอเชินที่ปรากฏตัวขึ้นมาจากไหนก็ไม่รู้ ดูจากท่าทาง ซางกวน อาโอเชินอาจเพิ่งมาถึงพื้นที่โบนัส
เซียวเฟิงรู้สึกมีความสุขเมื่อได้ยินเสียงนี้ ชายหนุ่มกำลังกังวลว่าทรราชพายุเพลิงจะหลบหนีไปได้ เมื่อเซียวเฟิงกำลังจะก้าวไปข้างหน้าและเริ่มโจมตีผสานกับซางกวน อาโอเชินใส่ทรราชพายุเพลิง จู่ ๆ ออร่าดาบก็พุ่งเข้าหาเซียวเฟิง
“เอ๊ะ?”
เซียวเฟิงหยุดยิง ออร่าดาบนั้นไม่ได้พุ่งตรงมาที่เขา แต่ขวางทางเขา มันเป็นการยิงเตือน
เซียวเฟิงหันกลับมาทันทีและพบว่าซีเหมินชุยเสวียกำลังถือดาบยืนห่างออกไป 10 เมตร เขายกดาบชี้ไปที่เซียวเฟิง เห็นได้ชัดว่าออร่าดาบนั้นเป็นของซีเหมินชุยเสวีย
“ซีเหมิน! เขาเป็นพี่ใหญ่ของฉัน! อย่าทำเสียเรื่องน่า!” ซางกวน อาโอเชินตะโกนเสียงดัง
ซางกวน อาโอเชินที่กำลังโจมตีทรราชพายุเพลิงก็ยังหาเวลาเหลือบมองไปข้างหลังแล้วตะโกนได้
แต่ทรราชพายุเพลิงก็สามารถสลัดออกจากผลของอัมพาตได้ เขาหนีไปอย่างไม่คิดชีวิตพร้อมกับพลังชีวิตที่เหลืออยู่ ซางกวน อาโอเชินหันมองซ้ายมองขวา เขากัดฟันและไล่ตามทรราชพายุเพลิง ในขณะที่มองเซียวเฟิงและซีเหมินชุยเสวียอย่างกังวลใจ
“ใครก็ตามที่รุกรานกิลด์แอนติเควตี้จะต้องตาย”
ซีเหมินชุยเสวียมีรูปลักษณ์ที่ดูธรรมดา แต่เมื่อเขาพูด น้ำเสียงและสีหน้าของเขาช่างเย็นชา
“งั้นก็เข้ามา”
เซียวเฟิงยิ้มอย่างไม่แยแส ซางกวน อาโอเชินได้เตือนเซียวเฟิงเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ตอนที่ชายหนุ่มฆ่ามู่หลงหยุนครั้งล่าสุด ดูเหมือนว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้เซียวเฟิงจะยังไม่ได้เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของซีเหมินชุยเสวีย แต่เขาก็ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเขามามากมาย เซียวเฟิงคาดว่าซีเหมินชุยเสวียจะเป็นผู้เล่นระดับเทพ อย่างไรก็ตามเซียวเฟิงไม่ถอยแม้แต่น้อย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
เขาเป็นอัจฉริยะ! เซียวเฟิงเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับซีเหมินชุยเสวียมามากมาย แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาไปถึงระดับไหนแล้ว
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์! ท่านซีเหมิน! ได้โปรดอย่าทะเลาะกันเลย! ทุกอย่างสามารถตัดสินได้ผ่านการเจรจานะ! อย่าปล่อยให้พวกเขตอื่นใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้เลย!”
เซียวเฟิงไล่ตามทรราชพายุเพลิงจนกระทั่งพวกเขามาถึงจุดที่ไม่ไกลจากกิลด์ไดนัสตี้ เมื่อเล่าสวีซึ่งซ่อนตัวอยู่ไหนก็ไม่อาจรู้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เขาก็รีบวิ่งเข้ามาและพยายามไกล่เกลี่ยระหว่างผู้เล่นระดับเทพทั้งสอง
แต่ทันทีที่เขาโผล่ออกมา เขาก็ถูกลูกไฟซึ่งมาจากไหนก็ไม่รู้พุ่งเข้าใส่หัว จนตายทันที ก่อนที่เขาจะได้รู้ว่าเขาโดนอะไร…
นักธนูอายุ 17 ปีที่ควรจะปกป้องเล่าสวียืนอยู่ใกล้ ๆ ตกตะลึงเกินกว่าจะทำอะไร เขามองเหตุการณ์ตรงหน้าราวกับว่าเพิ่งได้เผชิญหน้ากับเทพเจ้าแห่งโรคระบาด หลังจากนั้นก็หันหลังและเดินจากไป
“ฮึ่ม!”
ทั้งเซียวเฟิงและซีเหมินชุยเสวียไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย กลับกันพวกเขาทำหูทวนลมใส่ทุกสิ่ง เสียงฮึ่มของซีเหมินชุยเสวียเป็นจุดเริ่มต้นการเผชิญหน้าของพวกเขาอย่างเป็นทางการ
“ฟิ้ว!”
ซีเหมินชุยเสวียเปิดการโจมตีครั้งแรกด้วยสกิลพุ่งแทงตามด้วยฟันสองครั้ง จากนั้นใบมีดยาวของเขาก็ผ่าอากาศเพื่อปล่อยแสงรูปกากบาทออกไป แสงพุ่งเข้าหาเซียวเฟิงเพื่อพยายามจะฝ่าเขา
มันเหมือนกับว่าเซียวเฟิงไม่มีจิตสำนึกในการหลีกเลี่ยงการต่อสู้ระยะประชิดอย่างที่นักบวชมักจะมี ในชั่วพริบตาเขาได้บัฟสี่อย่างให้กับตัวเองและแทนที่คทารักษาในมือด้วยกระบองกระทิงทองแทนที่จะถอยกลับ ชายหนุ่มพุ่งไปข้างหน้าแล้วเหวี่ยงกระบองกระทิงทองอย่างแรง การโจมตีของเขาปะทะกับแสงรูปกากบาทที่พุ่งตรงมาจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ ซึ่งเซียวเฟิงก็ยังคงแรงเหวี่ยงไว้ต่อไป พุ่งไปข้างหน้าอีกครั้งและเล็งไปที่กะโหลกของซีเหมินชุยเสวีย
“ปัดป้อง!”
ซีเหมินชุยเสวียปัดป้องกระบองกระทิงทองด้วยการฟันเสย ซีเหมินชุยเสวียใช้ประโยชน์จากตรงนั้นทำการฟันเฉือน ลำแสงของดาบน้ำแข็งสีฟ้าพุ่งไปที่เอวของเซียวเฟิง
เซียวเฟิงกระโดดขึ้นไปในอากาศทันที ในขณะที่อยู่ในอากาศ เขากำกระบองกระทิงทองไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง กระบองถูกยกขึ้นเหนือหัวของเขา และค้อนยักษ์ทองคำซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าตัวเซียวเฟิงสองเท่าก็ถูกควบแน่นขึ้น ค้อนทองคำฟาดลงที่ซีเหมินชุยเสวียจากข้างบน
ร่างกายของซีเหมินชุยเสวียนั้นเบา เพียงขยับปลายนิ้วเท้าเบา ๆ ร่างกายของเขาก็ตีลังกากลับหลังหลายตลบราวกับว่าเขากำลังเต้นรำอยู่ในอากาศ เขาใช้แค่การขยับปลายนิ้วเท้าสองข้างบนเบา ๆ เพื่อขยับร่างกายให้ห่างจากที่ที่เคยไปเมื่อสักครู่นี้เล็กน้อย และตอนนี้เขาก็อยู่นอกขอบเขตการโจมตีของค้อนแห่งการพิพากษาแล้ว
“พลาด!”
ค้อนแห่งการพิพากษาพลาดไป ดาบยาวของซีเหมินชุยเสวียสั่นเล็กน้อย ทันทีที่เขายืนได้อย่างมั่นคง เขาก็หมุนข้อมือและหมุนดาบไปรอบ ๆ สร้างลวดลายดอกไม้ในอากาศ ออร่าดาบรูปพระจันทร์เสี้ยวสี่ถึงห้าดวงพุ่งเข้าหาเซียวเฟิง ออร่าดาบนั้นเย็นชา เฉียบคม และว่องไว เซียวเฟิงสามารถสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกจากระยะไกล
ร่างกายของเซียวเฟิงยังคงอยู่กลางอากาศ การที่ขาไม่แตะพื้นก็หมายความว่าเขาไม่สามารถหลบการโจมตีได้ หอกแสงศักดิ์สิทธิ์ถูกควบแน่นในมือซ้ายของเซียวเฟิงในจังหวะเดียวกับที่ค้อนพิพากษาโจมตีพลาด หอกแสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกจากมือซ้ายของเซียวเฟิงและยิงไปทางซีเหมินชุยเสวีย
-37!
-32!
พลาด!
-40!
-73!
ตัวเลขความเสียหายหลายชุดลอยอยู่เหนือหัวของทั้งคู่
ตัวเลขความเสียหายที่น้อยกว่า 50 หน่วยมาจากซีเหมินชุยเสวีย เซียวเฟิงสามารถบอกได้เลยว่าซีเหมินชุยเสวียไม่ได้ลงแต้มค่าสถานะส่วนใหญ่ของเขาไปที่ค่าความเสียหาย พลังโจมตีของซีเหมินชุยเสวียนั้นไม่รุนแรงนัก ความจริงที่ซีเหมินชุยเสวียสามารถสร้างความเสียหายให้กับเซียวเฟิงได้ก็เนื่องจากคุณภาพอุปกรณ์ของเขา
ค่าความเสียหาย 73 หน่วยนั้นมาจากหอกแสงศักดิ์สิทธิ์ของเซียวเฟิง หากไม่ใช่เพราะว่าหอกแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงเลเวล 1 พลังโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวของเซียวเฟิงคงทำให้เขาสามารถฆ่าซีเหมินชุยเสวียในทันทีได้
การกระทำทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น เวลาผ่านไปเพียงสิบวินาทีจากเวลาที่พวกเขาเริ่มแลกหมัดกันในระยะประชิด จนถึงตอนที่พวกเขาทิ้งระยะออกจากกัน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ชมจะมองการเคลื่อนไหวตามได้ทัน
แต่ผลการประลองระยะสั้น ๆ นี้สามารถเห็นได้จากสีหน้าของทั้งสองคน
เซียวเฟิงก้มหัวลงไปมองที่ร่างกายของเขาอย่างรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย มีคริสตัลน้ำแข็งอยู่สองสามชิ้นบนเสื้อผ้าของเขา ล้วนมาจากออร่าดาบของซีเหมินชุยเสวีย
สิ่งนี้ทำให้เซียวเฟิงประหลาดใจ เขาไม่คิดเลยว่าพลังโจมตีระยะไกลของซีเหมินชุยเสวียจะแข็งแกร่งและยังสามารถทำความเสียหายความเย็นได้ ผลกระทบของความเสียหายความเย็นสามารถยับยั้งตัวละครทุกคลาสได้อย่างล้นหลาม
ถึงกระนั้นสีหน้าของเซียวเฟิงก็ดูผ่อนคลายมาก เขาสะบัดเสื้อผ้าเบา ๆ และชั้นของผลึกน้ำแข็งก็ตกลงมาจากร่างกายของเขา ด้วยเอฟเฟกต์การลดผลของสถานะควบคุมของกะโหลกมังกร ผลของสถานะแช่แข็งและการลดความเร็วนั้นแทบจะใช้ไม่ได้กับเซียวเฟิง
ในขณะที่ซีเหมินชุยเสวียจ้องมองที่ค่าพลังชีวิตของเซียวเฟิงด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม คิ้วของเขาขมวดแน่น
หลังจากใช้สกิลไปหนึ่งชุด ดูเหมือนว่าซีเหมินชุยเสวียจะสร้างความเสียหายได้มาก แต่พลังชีวิตของเซียวเฟิงก็สูงถึง 800 หน่วย ความเสียหายที่เกิดจากการโจมตีของซีเหมินชุยเสวียสามารถลดพลังชีวิตของเซียวเฟิงไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ประมาณหนึ่งในสิบของพลังชีวิตทั้งหมดของเซียวเฟิง
ในทางกลับกัน แม้ว่าซีเหมินชุยเสวียจะได้รับการโจมตีเพียงครั้งเดียวจากเซียวเฟิง แต่ก็เสียพลังชีวิตไปแล้วหนึ่งในสาม ตอนนี้เขามีพลังชีวิตเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
นี่เป็นครั้งแรกที่ซีเหมินชุยเสวียที่ได้พบว่านักบวชนั้นน่ากลัวขนาดไหนตั้งแต่เขาเล่นเกมนี้มา เช่นเดียวกับผู้เล่นส่วนใหญ่ที่ได้ประมือกับเซียวเฟิงเป็นครั้งแรกในอดีตที่ผ่านมา ซีเหมินชุยเสวียกำลังตกตะลึง!
ในความคิดของผู้เล่นทุกคน นักบวชนั้นอ่อนแอที่สุดในบรรดาคลาสอื่นทั้งหมดในเกม ทุกคนคิดว่ามันง่ายที่จะเหยียบย่ำและรังแกนักบวช นอกจากการรักษาและบัฟให้เพื่อนร่วมทีมแล้ว นักบวชก็เหมือนเป็ดนั่งรอที่จะถูกฆ่า ในการต่อสู้แบบทีม นักบวชมักถูกเยาะเย้ย พวกเขาเป็นคนแรกที่ถูกฆ่าตายก่อนเสมอ
แต่บรรดาผู้ที่ต่อสู้กับเซียวเฟิงรู้ดีว่านักบวชนั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
ในขณะนี้ซีเหมินชุยเสวียก็มีความรู้สึกเดียวกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต่อสู้กับนักบวชที่สามารถต้านทานการโจมตีของเขาได้ นักบวชที่เขาเคยพบในอดีตล้วนแต่เป็นผู้เล่นอ่อนแอซึ่งเขาสามารถฆ่าได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ซีเหมินชุยเสวียเหลือบมองไปที่พลังชีวิตบนหัวของเซียวเฟิงด้วยท่าทางเคร่งขรึม เขารู้สึกปวดหัว ด้วยตระหนักได้ทันทีว่าเมื่อความสามารถในการรักษาของนักบวชไปถึงระดับหนึ่งแล้ว พวกเขาจะสามารถเพิ่มพลังป้องกันและพลังชีวิตได้อย่างก้าวกระโดด
แต่เมื่อซีเหมินชุยเสวียตรวจสอบพลังชีวิตของตัวเองและเห็นว่าตอนนี้ลดลงไปถึงครึ่งหนึ่งแล้วก็ต้องสับสนอีกครั้ง พลังโจมตีของเซียวเฟิงจะสูงขนาดนี้ได้ยังไง?
นี่ยังคงเป็นคลาสอ่อนแออย่างที่ทุกคนคิดหรือ? บัฟของเซียวเฟิงได้เพิ่มค่าสถานะของเขามากเกินไป อีกฝ่ายได้ทำลายสมดุลระหว่างคลาสไปอย่างสิ้นเชิง!
ซีเหมินชุยเสวียเงียบ เขารู้สึกหดหู่ ตอนนั้นเองที่เขาได้รู้ซึ้งถึงความจริงในเบื้องหลังของคำพูดที่ว่า ‘ไม่ว่าคุณจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็มักจะมีคนที่เก่งกว่าและฆ่าคุณได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว’
เขารู้ว่าเขาไม่สามารถฆ่าเซียวเฟิงได้แม้ว่าเขาจะโจมตีหลายสิบครั้งก็ตาม เพราะนอกจากจะใช้บัฟแล้ว นักบวชยังมีความสามารถในการรักษาและฟื้นฟูพลังชีวิตที่แข็งแกร่งอีกด้วย
ซีเหมินชุยเสวียมั่นใจในความพ่ายแพ้ของเขามากขึ้นเมื่อเขาพิจารณาข้อเท็จจริงที่ว่าของสวมใส่เขาด้อยกว่าเซียวเฟิง
คุณสมบัติของอาร์ติแฟกต์นั้นก็ไม่ใช่เล่น มิฉะนั้น พวกมันคงจะไม่ถูกเรียกว่าอาร์ติแฟกต์ ถ้าไม่ใช่เพราะอาร์ติแฟกต์เหล่านั้นซีเหมินชุยเสวียจะไม่มีวันอยู่ต่ำกว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์ในการจัดอันดับต่าง ๆ ของเขตฮัวเซียแน่นอน
ซีเหมินชุยเสวียไม่มั่นใจเลยว่าเขามีความสามารถในการฆ่าเซียวเฟิงซึ่งใช้อาร์ติแฟกต์สองชิ้นได้
ความเสียหายนั้นห่างกันเกินไป การโจมตีของเขาจะไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนตัวเซียวเฟิง ตรงกันข้าม เขาทนการโจมตีสองครั้งจากเซียวเฟิงไม่ได้ด้วยซ้ำ เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา ที่ซีเหมินชุยเสวียกัดฟันแน่นจนเหงือกของตัวเองเจ็บ
นี่มันโคตรไม่ยุติธรรมเลย!
“ไม่เอาน่า สู้ต่อไปสิ!”
เซียวเฟิงดูผ่อนคลายและสบายใจอย่างสมบูรณ์ เขามั่นใจในความถึกและพลังโจมตีที่สูงของตัวเอง สำหรับเซียวเฟิงดูเหมือนว่าเขากำลังขับรถถังในขณะที่คู่ต่อสู้ของเขานั่งอยู่ในรถคันเล็ก ๆ ที่น่าสังเวช ตอนนี้เซียวเฟิงกำลังเยาะเย้ยซีเหมินชุยเสวียด้วยท่าทางยืดอกราวกับว่าเขากำลังพยายามสอนบทเรียนซีเหมินชุยเสวีย
แววตาที่เย็นชาฉายออกมาในดวงตาของซีเหมินชุยเสวียจากการเยาะเย้ยของเซียวเฟิง เขารู้สึกหงุดหงิดมากในตอนนี้ คลาสนักบวช จากที่เป็นคลาสอ่อนแอที่สุดในเกมก็กลายเป็นคลาสที่ต่อสู้ด้วยยากที่สุดในชั่วพริบตา
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะถอย! อันที่จริงมันเพิ่มเชื้อเพลิงให้กับจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขามากขึ้นเท่านั้น
“งั้นก็เข้ามาดิวะ”
เซียวเฟิงพุ่งเข้าหาซีเหมินชุยเสวีย คราวนี้ซีเหมินชุยเสวียได้เรียนรู้บทเรียนของเขาจากความเสียเปรียบที่เขาได้เจอก่อนหน้านี้ เขาไม่โง่พอที่จะสู้กับเซียวเฟิงในระยะประชิดอีกครั้ง เขาถอยกลับและฟันอย่างต่อเนื่องด้วยดาบของตน ออร่าของดาบฟันไปที่เซียวเฟิงครั้งแล้วครั้งเล่า ในฐานะนักดาบ เขาควรจะต่อสู้ในระยะประชิดตลอดเวลา แต่ด้วยวิธีที่เขาเล่นอยู่ตอนนี้ เขาก็อาจเป็นนักเวทที่เชี่ยวชาญในการโจมตีระยะไกลเช่นกัน
“ตู้ม!”
เมื่อศัตรูทั้งสองกำลังจะปะทะกันอีกครั้ง ลูกไฟระเบิดก็พุ่งลงมาระหว่างพวกเขาสองคน