ตอนที่ 247 กองกำลังลึกลับ แมทธิวบุก

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เฉิงหั่วหรี่ตาลงหลังจากเฉิงสุ่ยพูดจบ 

 

 

จากนั้นก็ก้มหน้าหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า 

 

 

พันธมิตรใต้ดิน… 

 

 

เขายังไม่เคยได้ยินมาก่อน… 

 

 

เฉิงสุ่ยเหลือบมองเฉิงหั่ว เขารู้ว่าเฉิงหั่วจะทำอะไรโดยไม่ต้องคิด “เฉิงหั่ว นายไม่ต้องสืบตามอินเทอร์เน็ตหรอก สมาคมแฮ็กเกอร์ไม่ได้ทำการบันทึกข่าวพวกนี้ ถ้านายจะสืบก็สืบได้แค่นิดๆ หน่อยๆ จากหน่วยสืบสวน129หรือไม่ก็แมทธิวเท่านั้น ส่วนอย่างอื่นก็ทำได้แค่ตรวจสอบแฟ้มภายในไม่กี่ตระกูลในรัฐM” 

 

 

เฉิงหั่วไม่เชื่อ เขากดเข้าไปในพอร์ตลูกค้าของสมาคมแฮ็กเกอร์โดยตรง พอตรวจสอบหมดแล้วก็ไม่พบเบาะแสอะไรเลยจริงๆ  

 

 

“เป็นไปไม่ได้!” เฉิงหั่ววางขาที่พาดบนเก้าอี้ลงแล้วยืนขึ้น 

 

 

“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ พันธมิตรใต้ดินไม่ได้โผล่หัวขึ้นมาจากน้ำมาปีกว่าแล้ว หนึ่งปีก่อนนายเพิ่งจะเข้าร่วมสมาคมแฮ็กเกอร์และไม่ได้อยู่ประจำในรัฐM ตอนนี้พันธมิตรใต้ดินจางหายไปจากรัฐMเรียบร้อยแล้ว” เฉิงสุ่ยอธิบายให้เฉิงหั่วฟังคร่าวๆ “เฉิงถู่เคยบอกว่าข่าวของพันธมิตรรัฐMทั้งหมดจะไม่มีการเผยแพร่ลงอินเทอร์เน็ต การที่พวกเราไปมาหาสู่กับพันธมิตรใต้ดิน ไม่ควรที่จะทำตัวกระโตกกระตาก” 

 

 

ขณะนี้เฉิงมู่ก็ยังไม่เข้าใจแม้กระทั่งว่าพวกเฉิงเจวี้ยนกำลังทำอะไรกันอยู่ 

 

 

ขณะที่ทั้งสองกำลังโต้เถียงกันอยู่นั้น เขาก็ไม่สามารถสอดปากพูดแทรกได้  แค่ยืนอยู่ข้างๆ สักพักก็มองเฉิงสุ่ย อีกสักพักก็มองเฉิงหั่ว 

 

 

เฉิงสุ่ยไม่มีทางเอาเรื่องพวกนี้มาล้อเล่น ส่วนเฉิงหั่วเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เชื่อเฉิงสุ่ย เขาเพียงแต่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ 

 

 

เฉิงสุ่ยเงียบไปสักพัก จากนั้นก็อธิบายต่อ “ทีแรกนายท่านก็รอเรื่องทางฝั่งนี้ ทางฝั่งเหมืองแร่ก็พักไว้ชั่วคราว คิดจะถอนตัวออกจากรัฐM แต่วันนี้มีเรื่องนิดหน่อย…” 

 

 

พอคิดถึงตรงนี้ เฉิงสุ่ยก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย 

 

 

เขานำเรื่องหยางซูเยี่ยนเล่าให้เฉิงหั่วกับเฉิงมู่ฟัง 

 

 

“ฉันรู้ว่าคุณฉินมาจากแผนกไอทีของอวิ๋นกวง แต่มันเกี่ยวกับรัฐMตรงไหน? เห็นๆ อยู่ว่าสำนักงานใหญ่อวิ๋นกวงอยู่ที่เมืองหลวง” เฉิงหั่วมองไปทางเฉิงสุ่ย 

 

 

“ยังจำเรื่องที่นายท่านได้รับบาดเจ็บได้ไหม?” เฉิงสุ่ยรินน้ำชาให้ตัวเอง 

 

 

เฉิงมู่ผงะ “คุณชายเจวี้ยนยังบาดเจ็บได้เหรอ?” 

 

 

“เขากลับประเทศมาเมื่อครึ่งปีที่แล้วและไปที่อวิ๋นเฉิง สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการบาดเจ็บของเขา” เฉิงหั่วช่วยเฉิงสุ่ยอธิบายให้เฉิงมู่ฟัง จากนั้นหันไปมองเฉิงสุ่ยพลางขมวดคิ้ว เวลานี้เขาก็ขมวดคิ้วเช่นกัน “งั้นหยางซูเยี่ยนก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้?” 

 

 

“หยางซูเยี่ยนฆ่าคนสนิทของเขาถึงสามคนติด! เขาน่าจะเป็นบอสใหญ่ของพันธมิตรใต้ดิน เมื่อหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมา  ฉันเคยเจอเขาตอนที่ฉันไปพบเฉิงถู่ ส่วนเหตุการณ์เป็นยังไงฉันก็ไม่แน่ใจ แต่ตอนที่ฉันรวมกลุ่มกับพวกเขา สถานการณ์นายท่านไม่ค่อยดีเท่าไหร่” เฉิงสุ่ยเสียงเข้มขึ้น 

 

 

ด้วยเหตุนี้ เฉิงสุ่ยถึงได้แอบตกใจที่เจอหยางซูเยี่ยน 

 

 

คนคนนี้อันตรายเกินไป เปลือกนอกเหมือนพ่อพระ แต่ไม่รู้ว่ามือเปื้อนเลือดคนมากี่คนแล้ว คนรอบข้างเขาเสี่ยงตายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด โดยเฉพาะฉินหร่านที่ไม่รู้ตัวตนของหยางซูเยี่ยน 

 

 

เรื่องนี้ เฉิงสุ่ยก็ไม่ได้ไปเล่าให้ฉินหร่านฟัง 

 

 

ไม่ว่าจะเก่งกาจหรือเป็นผู้ใหญ่เพียงใด ฉินหร่านก็ยังเป็นเด็กในสายตาเฉิงสุ่ย อันที่จริงเฉิงสุ่ยก็ไม่ค่อยอยากให้เธอรับรู้เรื่องมืดมนพวกนี้มาก ดังนั้นถึงเลือกตามเฉิงมู่มา 

 

 

เฉิงสุ่ยเตรียมแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว เรื่องที่เฉิงเจวี้ยนจะถอนตัวออกจากรัฐM จำต้องระงับไว้ 

 

 

** 

 

 

ขณะที่เฉิงสุ่ยกำลังหารือเรื่องหยางซูเยี่ยนกับอีกสองคนอยู่ด้านบน 

 

 

ด้านล่าง เฉิงเจวี้ยนก็เรียกกู้ซีฉือมาคุยตามลำพัง 

 

 

ทั้งสองคนยืนอยู่ริมสนามฝึกใหญ่ กู้ซีฉือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพลางมองดูกลุ่มคนที่ยังอยู่ในสนามฝึกด้วยความสนใจ 

 

 

“รุ่นพี่ รุ่นพี่ตามผมมาทำไม?” ข้างนอกลมแรงเล็กน้อย หลังจากทานอาหารเสร็จเขาก็สวมเสื้อคลุม เนื่องจากหนาวไปหน่อยจึงใช้มือรวบเสื้อคลุมไว้ 

 

 

เฉิงเจวี้ยนควานหาบุหรี่และคีบไว้ตรงหว่างนิ้ว หรี่ตาเล็กน้อย “ตาเฒ่านั่นบอกฉันว่านายไปปล้นยาที่เขาทดลองมาหมดเหมือนคราวที่แล้ว” 

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น มือกู้ซีฉือก็ชะงัก เขาไม่กล้ามองเฉิงเจวี้ยน ได้แต่พูดอย่างคลุมเครือ “เรื่องนี้น่ะเหรอ ผมจำไม่ได้แล้ว” 

 

 

“กู้ซีฉือ นายว่านายติดหนี้ฉันกี่พันล้าน?” เฉิงเจวี้ยนก้มหน้าเปิดไฟแช็ก เปลวไฟสีฟ้าจางโผล่ออกมา 

 

 

เขาพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย 

 

 

กู้ซีฉือ “…” 

 

 

“ผมอยากถามอะไรหน่อย” กู้ซีฉือเอียงตัวพลางมองไปทางเฉิงเจวี้ยนด้วยท่าทางเคร่งขรึมเล็กน้อย “รุ่นพี่มีแผนจะทำยังไงกับเสี่ยวหร่านเอ๋อร์ของพวกเรา?” 

 

 

ท้องฟ้ามืดลงเล็กน้อย 

 

 

เฉิงเจวี้ยนกัดบุหรี่ ก้นบุหรี่มีแสงพลันสว่างพลันมืด เมื่อได้ยินที่กู้ซีฉือพูด เขาก็หัวเราะด้วยท่าทางสบายๆ ดวงตาที่เกียจคร้านปกคลุมด้วยความมืดมน “คู่หมั้น นายคิดว่ายังจะมีแผนอะไรได้อีก?” 

 

 

เป็นคำพูดสบายๆ แต่ตามความเข้าใจของกู้ซีฉือที่มีต่อเฉิงเจวี้ยนกลับถือว่าให้คำมั่นสัญญาแล้ว 

 

 

กู้ซีฉือพยักหน้า เขาเงียบไปนานก่อนจะพูดว่า “หนึ่งปีกว่าก่อนหน้านี้ ผมได้รับสายด่วนจากเธอ รุ่นพี่ก็รู้ว่าเธอเป็นนักแฮ็กเกอร์ ช่วงที่ติดต่อกับเธอตอนนั้น เราใช้รหัสลับคุยกัน ตอนที่ผมสืบที่อยู่เพื่อตามหาเธอ เธอก็เหลือเพียงครึ่งชีวิตแล้ว” 

 

 

เฉิงเจวี้ยนวางมือไว้บนเสาและรอให้กู้ซีฉือพูดต่อ 

 

 

กู้ซีฉือยัดโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋าและเริ่มคิดถึงสถานการณ์ตอนนั้น 

 

 

เมื่อสามปีก่อนฉินหร่านเผชิญหน้ากับภาวะสติแตก กู้ซีฉือแค่รู้มาจากเฉินซูหลาน เพื่อนของฉินหร่านคนหนึ่งก็อยู่โรงพยาบาลจิตเวชเป็นเวลาหนึ่งปี 

 

 

ต่อมากู้ซีฉือได้ข่าวคราวมาอย่างต่อเนื่อง ฉินหร่านเองก็ไม่ได้เป็นฝ่ายติดต่อหาเขาเลย จนกระทั่งหนึ่งกว่าปีก่อน กว่าฉินหร่านจะติดต่อหากู้ซีฉือ 

 

 

ตอนที่หาฉินหร่านเจอ สมองของอีกฝ่ายก็เกิดอาการสับสน กู้ซีฉือจึงพาเธอมารัฐMโดยไม่รอช้า 

 

 

ฉินหร่านแทบไม่มีสัญชาตญาณเอาชีวิตรอด 

 

 

กู้ซีฉือคอยกระตุ้นหูเธอเพื่อให้เธอหายไวๆ และทำร้ายคนที่รังแกเธอจนกลายเป็นหมาจนตรอก 

 

 

ตอนนั้นป่วยหนักจนหาหมอไปเรื่อย… 

 

 

แต่ใครจะไปรู้ว่าฉินหร่านจะยึดอคติ ยึดความคิดที่จะเอาคนที่ทำร้ายเธอมาทรมานให้สาสมจนค่อยๆ มีสติขึ้นมา… 

 

 

กู้ซีฉือดึงเธอขึ้นมาจากนรก 

 

 

แต่หลังจากนั้น เธอก็เป็นเหมือนศพเดินได้ ถึงขนาดหาสังเวียนมวยเถื่อนเพื่อต่อยมวยเถื่อน 

 

 

กู้ซีฉือจึงไปหาตาเฒ่าเพื่อไปเอายาอย่างบ้าคลั่ง 

 

 

ด้วยความโง่เขลาเบาปัญญา กู้ซีฉือคอยดูแลเธอทุกอย่างเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีเต็ม  

 

 

ระหว่างนั้น กู้ซีฉือยังใช้โทรศัพท์ฉินหร่านรับสายอยู่หลายสาย 

 

 

ล้วนเป็นสายที่มาจากรัฐM กู้ซีฉือดูแลฉินหร่านในฐานะน้องสาวมาโดยตลอด ฉินหร่านได้รับความคับแค้นใจมามากแค่ไหนก็ไม่ได้บอกคนเหล่านั้น กู้ซีฉือโกรธจนแทบบ้า 

 

 

เขาไม่เคยถามฉินหร่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ครั้งนั้นเขาลงมือเอาซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือของฉินหร่านทิ้งลงไปในชักโครก 

 

 

พอผ่านไปได้ครึ่งปี ฉินหร่านก็ได้ทราบข่าวว่าเฉินซูหลานป่วยหนัก อาการเธอถึงดีขึ้นมาได้ 

 

 

หลังจากฉินหร่านกลับมามีสติ ก็ไม่ได้ขอซิมการ์ดจากกู้ซีฉืออีกเลย 

 

 

ถึงขนาดทิ้งโทรศัพท์ลงในชักโครก 

 

 

เธอเก็บสัมภาระง่ายๆ ไม่เอาอะไรติดตัวกลับประเทศ 

 

 

กู้ซีฉือรู้สึกว่าตั้งแต่นั้นมา ฉินหร่านก็เย็นชาขึ้น 

 

 

พอฟังจบ 

 

 

เฉิงเจวี้ยนก็เงียบไปนาน 

 

 

เขายังคงถือบุหรี่อยู่ในมือ ก้นบุหรี่กำลังไหม้อย่างเงียบๆ ไฟริบหรี่ไปตามลม 

 

 

“ด้วยความแข็งแกร่งของเธอ ตอนนั้นใครเป็นคนที่สามารถเอาชนะเธอได้?” หลังจากเงียบไปนาน กู้ซีฉือก็คิดว่าเฉิงเจวี้ยนคงไม่พูดอะไรอีก แต่เขากลับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ 

 

 

ท่ามกลางความมืดที่ปกคลุม จึงมองไม่เห็นท่าทีเฉิงเจวี้ยนได้อย่างชัดเจน 

 

 

แต่พอได้ยินเสียงเขา กู้ซีฉือก็อดหนาวสั่นไม่ได้ “ผมก็ไม่แน่ใจ ตอนที่เจอเสี่ยวหร่านเอ๋อร์ เธออยู่ในตรอกสลัมแห่งหนึ่ง” 

 

 

เฉิงเจวี้ยนพยักหน้า “อืม” 

 

 

เขาดับไฟก้นบุหรี่ จากนั้นก็ทิ้งลงไปในถังขยะ 

 

 

หรี่ตาลงเล็กน้อยและเริ่มนึกถึงคนที่น่าจะเป็นศัตรูเธอ 

 

 

คนรัฐMล้วนเป็นพวกพยัคฆ์หมอบมังกรแอบ นอกจากคนที่เฉิงเจวี้ยนรู้จักแล้ว ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ไม่เป็นที่รู้จักแต่มีพลังอำนาจ ซึ่งเฉิงเจวี้ยนก็นึกออกอยู่ไม่กี่คน 

 

 

ส่วนใหญ่แล้วไม่ง่ายที่จะเข้าไปยุ่ง 

 

 

เฉิงเจวี้ยนถามกู้ซีฉือเกี่ยวกับแมทธิวอีกครั้ง 

 

 

“ไม่ใช่” กู้ซีฉือผงะ เขามองไปทางเฉิงเจวี้ยน “ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับหัวหน้าแมทธิวหรอกมั้ง? เขากับฉินหร่านไม่ได้ติดต่ออะไรกัน จะเป็นเขาไปได้ยังไง..” 

 

 

“ถ้าเป็นเขาล่ะ?” เฉิงเจวี้ยนเหลือบมองกู้ซีฉือ 

 

 

เขาจะไม่ถามฉินหร่านว่าเป็นใครกันแน่ แต่เขาจะลากรายชื่อคนที่ทำร้ายเธอออกมาทั้งหมดและแก้แค้นทุกวิถีทาง 

 

 

แน่นอนว่าแมทธิวก็ย่อมเป็นหนึ่งในรายชื่อนั้น 

 

 

ยอมฆ่าคนผิดเป็นร้อย แต่จะไม่ยอมปล่อยไปแม้แต่คนเดียว 

 

 

พอพูดจบ เฉิงเจวี้ยนก็หันมาถามกู้ซีฉือ “นายว่าได้ไหม” 

 

 

กู้ซีฉือกำลังคิดว่าตัวเองเคยล่วงเกินเฉิงเจวี้ยนตรงไหนหรือเปล่า 

 

 

หลังจากคุยกับกู้ซีฉือเสร็จ เฉิงเจวี้ยนก็เดินเข้าห้องหนังสือ 

 

 

ขณะที่เดินไปก็หยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาเฉิงถู่ 

 

 

** 

 

 

เวลานี้ฉินหร่านกำลังวิดีโอคอลกับพวกหลินซือหราน พานหมิงเย่ว์ และเฉียวเซิงอยู่ในห้องหนังสือ 

 

 

เห็นได้ชัดว่าหลินซือหรานอยู่ข้างนอกโดยที่ด้านหลังมีจุดดอกไม้ไฟ 

 

 

“เจ๊หร่าน เปิดเทอมแล้วยังไม่กลับมาอีกเหรอ?” เฉียวเซิงดูอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินฉินหร่านบอกว่าจะกลับช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัย “เพื่อนห้องเก้าคิดถึงเธอมาก อาจารย์เกาก็ด้วย!” 

 

 

ฉินหร่านวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะโดยพิงกับกล่องเครื่องเขียนด้านหลัง 

 

 

เธอกำลังฝึกคัดลายมือขณะพูดคุยกับพวกเขา 

 

 

เมื่อได้ยินเสียงเฉียวเซิง เธอก็อดเลิกคิ้วไม่ได้ “เธอแน่ใจเหรอว่าเพื่อนในห้องคิดถึงฉัน?” 

 

 

เฉียวเซิง “…” 

 

 

นั่นก็ไม่มีจริงๆ น่ะแหละ หลังจากที่ฉินหร่านไป พวกอาจารย์ที่สอนดูเหมือนจะโล่งอกกันหมด โดยเฉพาะอาจารย์เกาที่ดูสบายอกสบายใจ 

 

 

พอพูดถึงเรื่องนี้ก็พังไม่เป็นท่า 

 

 

พานหมิงเย่ว์กลับหัวเราะ “ไม่เป็นไรหรอกน่า ก็แค่ไม่กี่เดือนเอง พริบตาเดียวเดี๋ยวก็ผ่านไป” 

 

 

“มันจะผ่านไปได้ง่ายๆ แบบนั้นได้ยังไง?” หลินซือหรานทำหน้าห่อเหี่ยว “ได้ยินมาว่าปีสาม เทอมหน้าเรียนหนักยิ่งกว่านรกเสียอีก…” 

 

 

เมื่อพานหมิงเย่ว์ที่เอามือเท้าคางได้ยินคำพูดของหลินซือหราน เธอก็หัวเราะ พูดเสียงอ่อนโยน “ดูท่าแล้วเธอยังไม่เคยเห็นนรกของจริง” 

 

 

ฉินหร่านยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆ กล่องแชทสีดำก็โผล่ขึ้นแถบบนสุดของวิดีโอคอล 

 

 

เธอหรี่ตาลง 

 

 

จากนั้นก็ยื่นมือไปอย่างเงียบๆ “พวกเธอคุยกันไปก่อนนะ ฉันมีธุระนิดหน่อย ขอวางก่อน” 

 

 

เธอเหลือบมองไปที่ประตูห้องหนังสือ 

 

 

ไม่มีคนมา 

 

 

จากนั้นก็เดินไปที่ริมหน้าต่างและหยิบหูฟังออกมา 

 

 

เป็นแมทธิว