บทที่ 274: ลาก่อน พี่สาวและความอ่อนแอของฉัน

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 274: ลาก่อน พี่สาวและความอ่อนแอของฉัน

โรเอลไม่รู้ว่ามีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติสายการสรรค์สร้างกี่คนในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า เนื่องจากเขายุ่งมากทั้งกลางวันและกลางคืน จนไม่สามารถละเลยความสนใจไปกับเรื่องพวกนี้ได้

แม้ว่าโรเอลจะไม่ได้ให้ความสนใจกับมัน แต่ลิเลียนนั้นต่างออกไป

ในฐานะนักเรียนชั้นปีที่ 3 ลิเลียนคุ้นเคยกับวิชาเรียนภาคปฏิบัติของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติสายการสรรค์สร้างในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าเป็นอย่างดี ต่างจากคาบเรียนแรก เธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับโรเอล ในการฝึกฝนการต่อสู้จริงได้ ด้วยเหตุนี้เด็กสาวจึงรู้สึกไม่ชอบชั้นเรียนนี้

หลังจากเข้าไปในห้องเรียน ลิเลียนก็ตรงไปยังที่นั่งที่สมาชิกของกลุ่มกุหลาบสีม่วงสงวนไว้สำหรับเธอในทันที ที่นั่นมีขุนนางจากจักรวรรดิออสทีนหลายสิบคนนั่งรอบ ๆ ตัวลิเลียน ปกป้องไม่เหลือที่ว่างให้ใครเข้าใกล้เธอได้

ด้วยเหตุนี้โรเอลจึงไม่มีทางนั่งใกล้ลิเลียนได้ ถึงแม้ว่าเขาน่าจะไม่ได้มีความคิดที่จะทำแบบนั้นเลยก็ตาม

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้โรเอลประหลาดใจก็คือ เขาถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนอย่างรวดเร็ว

มันไม่ใช่ความลับอีกต่อไปแล้ว ว่าโรเอลนั้นเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติสายการสรรค์สร้าง ความเป็นส่วนตัวนั้นไม่มีอยู่จริงสำหรับบุคคลสาธารณะ ดังนั้นมันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เพื่อนร่วมชั้นของเขาหลายคนคิดที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อเข้าใกล้เขา เพียงชั่วครู่หลังจากที่เด็กหนุ่มนั่งลงที่แถวหลัง ผู้คนก็เริ่มรุมล้อมเขาราวกับผึ้งที่ถูกดึงดูดโดยเกสรดอกไม้

“ยินดีที่ได้รู้จัก โรเอล ฉัน…”

“โรเอล เธอพอจะมีเวลาว่างรึเปล่า? กินข้าวด้วยกันไหม?”

“เธอตั้งใจจะรับสมัครสมาชิกฝ่ายกุหลาบน้ำเงินใช่ไหม? ฉันสามารถช่วยเธอได้นะ”

“ขอบคุณสำหรับข้อเสนอของพวกเธอนะ แต่ฉันยังไม่มีความคิดนั้นในตอนนี้”

ท่ามกลางฝูงนักเรียนหญิง โรเอลยิ้มอย่างสง่างาม ปฏิเสธความปรารถนาดีของพวกเธออย่างสุภาพ มารยาทอันไร้ที่ติของเขา ทำให้ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจัดการกับพวกเธอได้สบาย ๆ แต่ในความจริงก็คือเขาเบื่อหน่ายเรื่องแบบนี้มาก

นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้วที่โรเอลไม่ได้ต้องคอยจัดการกับผู้หญิงที่เข้ามาหาเขาแบบนี้ ในจักรวรรดิเซนต์เมซิท นอร่าและอลิเซียเป็นดั่งหมาป่าที่น่าสะพรึงกลัวในงานเลี้ยง ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาหาโรเอล และในเมืองโรซ่า ตระกูลโซโรฟยาของชาร์ล็อตเองก็เป็นขุมพลังสูงสุดคอยกีดกันให้

เป็นเวลานานแล้วที่โรเอลไม่ได้ถูกผู้หญิงรุมล้อมแบบนี้

คำถามและคำเชิญชวนที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างล้นหลามนั้นมากเกินไปสำหรับโรเอลที่จะรับมือ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มเริ่มเข้าใจถึงความสำคัญของการมีสมาชิกในฝ่าย

มีหลาย ๆ ครั้งที่ผู้ถือแหวนต้องการผู้สนับสนุน เช่นในกรณีของลิเลียน ภายใต้การคุ้มครองของสมาชิกในฝ่าย เธอสามารถฟังบทเรียนได้อย่างสงบสุขและทำสิ่งต่าง ๆ ได้โดยมีความเป็นส่วนตัว ในทางกลับกันโรเอลผู้โดดเดี่ยวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องจัดการกับผู้ที่มาเกาะแกะเหล่านี้เพียงลำพัง

สิ่งที่ทำให้ลำบากมากขึ้นก็คือไม่ใช่ทุกคนที่อยู่รอบตัวโรเอลจะมีความปรารถนาดี มีศัตรูที่อยากจะทำให้ชื่อเสียงของเขาแปดเปื้อนมากมาย ไหนจะผู้หญิงที่ต้องการเอาเปรียบเขา หรือบุคคลที่มีความทะเยอทะยานและต้องการใช้เขาเป็นบันได มันจึงเป็นการยากที่จะแยกแยะลักษณะที่แท้จริงของคนแต่ละคนและจัดการกับพวกเขา

ในสภาพแวดล้อมที่ทรมานเช่นนี้ โรเอลจบลงด้วยความเหน็ดเหนื่อยตลอดคาบเรียน แต่เมื่อนอร่าเดินเข้ามาแสงแห่งความหวังที่รอคอยมานานก็สาดส่องมาถึงเขาในที่สุด

ดวงตาของนอร่าหรี่ลงทันทีที่เธอเห็นกลุ่มผู้หญิงรอบ ๆ ตัวโรเอล เหล่าขุนนางจากจักรวรรดิเซนต์เมซิทผู้เฉียบแหลมเข้าใจหน้าที่ของตนเองได้ในทันที และก้าวออกไปข้างหน้าทันที เพื่อปกป้องโรเอลจากฝูงชน

“มันถึงเวลาแล้วรึเปล่า ที่ฝ่ายกุหลาบน้ำเงินของเจ้าควรจะเริ่มรับสมัครผู้ติดตาม? หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเจ้ามีหวังเรียนไม่รู้เรื่องแน่ ๆ”

“เธอพูดถูกเลย ขอโทษนะนอร่า ครั้งนี้เธอช่วยฉันไว้จริง ๆ”

นอร่าชำเลืองมองเหล่าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันกลับมาสนใจโรเอล อันที่จริงเธอไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับสาวเหล่านั้นเท่าไหร่นัก เพราะเหตุผลที่แท้จริงที่เธอเดินเข้ามา ก็เพื่อดูว่าโรเอลเข้ากันกับผู้ถือแหวนคนอื่น ๆ ได้ดีรึเปล่า

เมื่อเหล่านักเรียนเริ่มทยอยเดินออกจากห้องเรียน ในไม่ช้าลิเลียนและผู้ติดตามของเธอก็เดินออกมา การปรากฏตัวของนอร่าและกลุ่มของเธอ ทำให้ลิเลียนสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน

ภายใต้ดวงตาสีอเมทิสต์อันตื่นตาตื่นใจของลิเลียน นอร่าคว้ามือของโรเอลเพื่ออ้างสิทธิ์ในความเป็นเจ้าของ ส่งข้อความชัดเจนว่าเขาอยู่ภายใต้การคุ้มครองของเธอ อย่างไรก็ตามลิเลียนนั้นไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เธอเพียงแต่มองไปทางพวกเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะหันหลังกลับ

เนื่องจากนอร่าและลิเลียนมาจากชั้นปีที่แตกต่างกัน และไม่ได้คุ้นเคยอะไรกัน จึงไม่จำเป็นต้องมีการทักทายใด ๆ เป็นพิเศษ ขณะที่สมาชิกของทั้งสองกลุ่มปะทะกันด้วยสายตา ลิเลียนกลับมองตรงไปข้างหน้า ไม่สนใจอีกฝ่ายเลยสักนิด กลับกันแล้วสายตาของนอร่านั้นไล่ตามเธอไปจนสุดมุมทางเดิน

“โรเอล ผู้หญิงคนนั้นทำให้เจ้าลำบากรึเปล่า?”

“ไม่แน่นอน ไม่เลย”

โรเอลตอบอย่างอ่อนแรง

ตรงกันข้าม เธอช่วยฉันไว้ด้วยซ้ำ โรเอลเสริมในใจ

นอร่าถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมรอยยิ้มที่ปรากฏบนริมฝีปากของเธอ

“ดี ตามที่สัญญากันไว้ วันนี้เจ้าจะต้องไปรับประทานอาหารกับข้า”

ขณะที่นอร่าพูด นัยน์ตาไพลินของเธอก็เปล่งประกายแวววับด้วยความตื่นเต้น ทำให้นักเรียนชายที่อยู่ใกล้ ๆ หันไปมองด้วยความอิจฉาริษยา อย่างไรก็ตามคนที่ต้องเผชิญกับการจ้องมองอันคุ้นเคยนี้ กลับรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรง ราวกับมีระฆังเตือนเริ่มดังขึ้นในจิตใจของเขา

อันตราย อันตราย!

ระหว่างเดินไปตามถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่านภายใต้แสงแดดตอนเที่ยง ลิเลียน แอคเคอร์มันน์กลับมายังอาคารส่วนตัวของเธอ ภายใต้การดูแลของขุนนางจากจักรวรรดิออสทีน

นักเรียนชั้นปีต้น ๆ ต้องจัดการรับประทานอาหารกลางวันให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้รีบไปเรียนคาบเรียนต่อไป แต่นักเรียนชั้นปีที่ 3 ที่ไม่ได้มีคาบเรียนภาคบ่ายแล้ว ช่วงบ่ายนั้นถือเป็นช่วงเวลาที่ดีในการไปร้านอาหารดัง ๆ โดยไม่ต้องฝ่าฝูงชนเหมือนคนอื่น ๆ

สำหรับลิเลียน เธอไม่จำเป็นต้องไปร้านอาหารชั้นสูงหรูหราใด ๆ ของสถาบัน เพราะเธอมีพ่อครัวชั้นยอดคอยทำงานให้อยู่ในที่อาคารส่วนตัวของเธอแล้ว

ในบรรดาผู้สืบทอดของตระกูลแอคเคอร์มันน์ทั้งสามที่มีสิทธิ์ในบัลลังก์ ลิเลียนเป็นบุตรีที่มีสถานะภูมิหลังสูงส่งที่สุด มารดาของเธอสืบเชื้อสายมาจากตระกูลดยุก ซิซิฟัส ซึ่งเป็นตระกูลอันสูงส่งที่สืบเชื้อสายมาจากยุคที่สองได้ พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของชนชั้นปกครองในระหว่างการอพยพเมื่อพันปีที่แล้ว และยังคงเป็นหนึ่งในตระกูลผู้สูงศักดิ์ที่โดดเด่นไม่กี่ตระกูลในจักรวรรดิออสทีน

รากฐานของลิเลียนทำให้เธออยู่ในจุดสูงสุดของสายเลือด ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอที่จะได้รับสิทธิพิเศษ การมีพ่อครัวขององค์จักรพรรดิอยู่เคียงข้างเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของทั้งหมดเท่านั้น

ลิเลียนมักจะรับประทานอาหารเพียงลำพังด้วยตัวเอง ทว่าวันนี้กลับมีแขกที่หาพบได้ยากในพระราชวังแห่งภูติ ที่สร้างเพื่อเธอ

ลิเลียนมองดูพอลที่กำลังงุนงงอยู่บนโต๊ะอาหาร ไม่แปลกใจกับการมาถึงของเขา

เด็กสาวกำลังรอให้พอลมาเคาะประตูบ้านด้วยตัวเอง ตั้งแต่ที่องค์จักรพรรดิลูคัสส่งจดหมายสั่งให้เธอคอยดูแลเขา มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้เธอไม่สามารถเข้าใกล้พอลได้ หนึ่งคือเหล่าพี่ชายผู้อ่อนไหวเกินไปของเธอ และอีกหนึ่งก็คือเหล่าขุนนางจากจักรวรรดิออสทีนที่คอยดูถูกพอล ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เธอจึงไม่ควรใกล้ชิดกับเขามากจนเกินไป

บุตรนอกสมรสมักจะถูกดูหมิ่นในแวดวงขุนนาง ซึ่งแม้แต่บุตรของจักรพรรดิก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือไม่มีใครกล้าที่จะทำมันอย่างเปิดเผย แม้ว่าลิเลียนจะส่งคำเตือนอย่างเข้มงวดไปยังเหล่านักเรียนในพิธีเปิดภาคเรียน แต่ความรังเกียจที่พอลได้รับก็ยังไม่เคยสงบลง

ลิเลียนคิดว่าพอลจะติดต่อเธอหลังจากเปิดภาคเรียนได้ไม่นาน แต่กลับกลายเป็นว่าน้องชายต่างมารดาของเธอกลับมีความกล้ามากกว่าที่เด็กสาวคาดไว้มาก เขาทนได้ถึงสิบวันเต็ม ๆ ก่อนที่จะมาเคาะประตูบ้านของเธอ

ไม่เลวเลย

ลิเลียนประเมินเขาไว้สูงสำหรับเรื่องนั้น

ในทางกลับกัน พอลกำลังรับประทานอาหารที่ปรุงอย่างประณีตของพ่อครัวจากองค์จักรพรรดิอย่างช้า ๆ รักษามารยาท หากให้เปรียบเทียบแล้ว มื้ออาหารธรรมดา ๆ ที่เขารับประทานกับโรเอลนั้นมีความสุขกว่ามาก

พอลรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมายังเขาอย่างเฉียบขาด ตั้งแต่ที่เดินเข้ามาในพระราชวังภูติ สายตาเหล่านี้ไม่ได้มาจากเหล่าขุนนางของจักรวรรดิออสทีนเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากคนรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ ลิเลียนอีกด้วย และเจ้าของที่ดินแห่งนี้เองก็ดูจะไม่มีความปรารถนาดีสำหรับเขาเช่นกัน

มื้ออาหารกลางวันดำเนินไปภายใต้บรรยากาศอันน่าเบื่อ

ลิเลียนคุ้นเคยกับการนิ่งเงียบ เพราะเธอเป็นคนเงียบขรึม แต่พอลนั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัด จนกระทั่งพวกเขาทานอาหารมื้อหลักเสร็จ และกำลังรอของหวานมาเสิร์ฟ ในที่สุดเขาก็รวบรวมความกล้าที่จะเปิดเผยเจตนาเบื้องหลังการมาเยือนของตน

“ท่านพี่ลิเลียน ที่ผมมาที่นี่ เพื่อจะมาบอกคุณว่า ผมไม่คิดจะเข้าร่วมฝ่ายกุหลาบสีม่วงของคุณ”

“… เข้าใจแล้ว”

ความมั่นใจของพอลดูเหมือนจะลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เขาแสดงความคิดเห็นออกมา เด็กหนุ่มมองดูลิเลียนด้วยความกลัวและความประหม่า ไม่แน่ใจว่าเธอจะตอบสนองอย่างไร ทว่าเขาก็ต้องแปลกใจมากที่อีกฝ่ายยอมรับคำพูดของเขาอย่างเฉยเมย

นี่เป็นการยืนยันความคิดของพอลว่าพี่สาวต่างมารดาไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด แต่สิ่งนี้กลับทำให้เขาสงบลงอย่างน่าประหลาด โดยที่ไม่รู้เลยว่าลิเลียนนั้นได้คาดเดาการตัดสินใจของเขาเอาไว้แล้ว

ฝ่ายกุหลาบม่วงเป็นกลุ่มหลักของขุนนางจากจักรวรรดิออสทีน ดังนั้นมันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่สมาชิกของกลุ่มนี้จะเป็นศัตรูกับพอล แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าทำอะไรเขาภายใต้การดูแลของลิเลียน ถ้าเขายืนยันที่จะเข้าร่วมกลุ่ม แต่นั่นก็หมายความว่ากิจกรรมของเขาก็จะต้องถูกจำกัดอย่างมากเช่นกัน ทุกคนที่เขาเจอจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับจักรวรรดิออสทีน ทำให้เขาไม่สามารถหนีจากกรงแห่งอคติได้

จะดีกว่ามากสำหรับพอลถ้าหากเขาได้เป็นนักเรียนอิสระที่ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด แม้ว่าเด็กหนุ่มจะได้รับทรัพยากรน้อยลง แต่อย่างน้อย ๆ เขาก็จะสามารถดำเนินชีวิตที่สง่างามมากกว่าเดิมได้

“ก่อนวันเปิดภาคเรียน ท่านพ่อรับสั่งผ่านจดหมายให้ฉันดูแลเธอ แต่นั่นขึ้นอยู่กับว่าเธอจะยอมรับความช่วยเหลือของฉันรึเปล่า เธอมีอิสระที่จะไม่เข้าร่วมฝ่ายกุหลาบม่วง และฉันก็ไม่ได้คิดที่จะบังคับเธอให้เข้าร่วมด้วยเช่นกัน”

“ทรัพยากรที่ฝ่ายต่าง ๆ ได้รับจากสถาบันการศึกษาเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของสิ่งที่สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่ามี เธอจะได้รับทรัพยากรมากมายผ่านการไต่อันดับหรือเข้าร่วมองค์กรนักเรียนต่าง ๆ ที่นี่มีทางออกมากมายสำหรับคนไร้สังกัด”

นี่เป็นการแสดงความกังวลที่หายากจากลิเลียน เธอชี้ทางออกให้กับน้องชายนอกสมรสของตนอย่างเอ็นดูต่างจากพี่ชายอีกสองคน ทว่าสิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจก็คือพอลไม่ได้เผยให้เห็นถึงความยินดี แต่กลับอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแทน

หืม? ปฏิกิริยานี้…

เด็กสาวขมวดคิ้วเล็กน้อยกับท่าทีที่คาดไม่ถึงจากพอล

“เธอมีอะไรจะพูดรึเปล่า?”

ลิเลียนถาม

พอลดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะรวบรวมความกล้าและพูดออกมาในที่สุด

“ท่านพี่ลิเลียน ความจริงก็คือ… ผมบอกลูกพี่โรเอลไปแล้วว่าจะเข้าร่วมกับฝ่ายเขา”