ตอนที่ 296 อาจารย์ด้านหุ่นรบ!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

หลิงเซียวกับหลิงหลานอยู่ในป่า มองหุ่นรบกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า มาแล้วก็จากไปอย่างใจเย็น ต่อให้ซ่อนตัวอยู่ในป่ามาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ใบหน้าพวกเขาไม่เผยร่องรอยหมดความอดทนออกมาเลย เห็นได้ว่าความอดทนของสองพ่อลูกต่างยอดเยี่ยมมาก

หลิงเซียวปรายตามองหลิงหลานที่ควบคมหุ่นรบให้หยุดนิ่งไม่ไหวติงข้างกายก็รู้ว่าลูกสาวตัวเองใจเย็นมาก ในใจเขาผุดความรู้สึกที่เรียกว่าความภาคภูมิใจขึ้นมาอีกครั้ง แค่ดูจากความอดทนนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถมีได้แล้ว

เมื่อเวลาผ่านไป ในที่สุดทุ่งหญ้าของพวกเขาก็กลับมาสงบเงียบเหมือนในตอนแรก จนกระทั่งถึงเวลานี้หลิงหลานค่อยขยับหุ่นรบ เธออดไม่ไหวกล่าวออกมาว่า “คุณพ่อ คุณควรทำตัวไม่เป็นจุดสนใจหน่อยนะครับ เปลี่ยนเป็นหุ่นรบที่ธรรมดาหน่อยเถอะ” เธอไม่อยากเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในป่าทึบไม่ออกไปหรอกนะ

หลิงเซียวได้ยินคำพูดก็เงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ถอนหายใจพูดว่า “นี่เป็นหุ่นรบที่แย่ที่สุดของพ่อแล้ว”

ในคลังหุ่นรบของเขาต่างเป็นหุ่นรบที่มีระดับสูงกว่าหุ่นรบตัวนี้ หนึ่งในนั้นก็คือสิ่งที่เรียกว่าหุ่นรบขั้นเทวะที่เขาได้มาจากการสำเร็จภารกิจอันน่ากลัวนั้น ยังมีหุ่นรบอีกหลายตัวที่เป็นเวอร์ชั่นสั่งทำโดยเฉพาะที่โลกหุ่นรบมอบให้เขาเป็นพิเศษหลังจากที่เขาสร้างทักษะระดับราชันขึ้นมาได้หลายอัน หุ่นรบพวกนี้ต่างเป็นตัวแทนสถานะส่วนตัวของเขา ขอเพียงเขานั่งบนหุ่นรบเหล่านั้น แค่สัญลักษณ์นกฟีนิกซ์ไฟตรงหน้าอกอันนั้นก็เดาได้แล้วว่าเขาคือใคร…

หลิงหลานพูดไม่ออก ทั้งสองคนจมสู่ความเงียบงันไร้คำพูดอีกครั้ง ในตอนนี้เองหัวใจของหลิงหลานก็หดเกร็ง สัมผัสถึงวิกฤติพลันจู่โจมเข้ามา หลิงหลานเลือกทะยานหลบหนีด้วยความเร็วสูงทันทีโดยไม่ต้องคิดเลยสักนิดเดียว เมื่อเธอหันตัวกลับมาก็เห็นหลิงเซียวที่อยู่ข้างกายยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่ที่เดิม ดาบสั้นสองเล่มที่ชักออกมากำลังเสียบกลับไปที่ด้านหลังเอวช้าๆ และบนพื้นข้างใต้หุ่นรบมีสัตว์อสูรป่ารูปร่างหน้าตาโหดเหี้ยมสุดขีดนอนอยู่

หลิงหลานเห็นแบบนี้ หัวใจก็สั่นสะท้านทันที เธอเพิ่งสัมผัสได้ถึงวิกฤติเลยได้แต่เลือกหลบหนีเท่านั้น แต่หลิงเซียวที่หันหลังกลับกำจัดสัตว์อสูรที่ซุ่มโจมตีได้อย่างสบายๆ มองเห็นได้ชัดเจนจากศพที่นอนคว่ำอยู่บนพื้นว่าด้านบนมีเพียงบาดแผลถึงแก่ชีวิตจุดเดียวนั้น หรือพูดอีกอย่างก็คือ หลิงเซียวชักดาบทันทีแล้วแทงเข้าไป พริบตาเดียวก็ทำให้สัตว์อสูรสองตัวเสียชีวิต

มันดูเหมือนง่ายดายมากๆ แต่การจะทำเรื่องนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ควรรู้เอาไว้ว่าพลังชีวิตของสัตว์อสูรนั้นแข็งแกร่งสุดขีด ต่อให้แทงจุดอ่อนถึงตายโดยตรง พลังชีวิตที่แข็งแกร่งก็ทำให้สัตว์อสูรเหล่านี้มีโอกาสทำการโต้กลับสุดท้าย คนมากมายไม่กล้าต่อสู้ประชิดตัวกับสัตว์อสูรประเภทนี้ก็เพราะกลัวเรื่องนี้

แต่สำหรับหลิงเซียวแล้ว ทุกอย่างนี้ไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย เขากำจัดอันตรายทุกอย่างด้วยวิธีการที่หมดจดและมีประสิทธิภาพ

“ในขณะที่แทงโดนจุดสำคัญ ต้องตัดเส้นประสาทการตอบสนองของพวกมันในชั่วพริบตา แบบนี้ความสามารถในการโจมตีกลับของสัตว์อสูรก็จะถูกทำลายลง แต่ความสามารถแบบนี้ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนักนับพันนับหมื่นครั้งถึงจะได้มา ห้ามร้อนใจเป็นอันขาด” หลิงเซียวรู้ว่าหลิงหลานสงสัยอะไร ก็เลยเอ่ยปากอธิบาย

หลิงหลานได้ยินคำกล่าวก็ผงกศีรษะ แววตาของเธอส่องสว่างผิดปกติ เนื่องจากเธอตระหนักได้ว่า หลิงเซียวพ่อของเธอน่าจะเป็นอาจารย์ที่เหมาะจะชี้แนะเรื่องการควบคุมหุ่นรบให้เธอมากที่สุดในโลกใบนี้แล้ว

หมายเลขสามในมิติการเรียนรู้เก่งกาจในด้านการควบคุมหุ่นรบมากจริงๆ แต่เนื่องจากหุ่นรบของโลกที่เธออาศัยอยู่มีความแตกต่างจากในโลกของพวกอาจารย์อยู่บ้าง ดังนั้นพอเรียนรู้ขึ้นมา หลิงหลานรู้สึกมาตลอดว่ามีบางด้านที่ทำได้ยากมาก ควรพูดว่าวิธีการควบคุมที่หลิงหลานเรียนรู้คือสิ่งที่อาจารย์หมายเลขสามวิเคราะห์จากหุ่นรบของโลกใบนี้แล้วค่อยปรับออกมาจากวิธีการควบคุมในโลกของพวกเขา ถึงแม้ว่ามันมีระดับสูงมาก แต่ไม่สามารถไปถึงจุดที่เข้ากันได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างแท้จริง…

แต่หลิงเซียวไม่เหมือนกัน เดิมทีเขาก็เป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสุดยอดที่สุดของโลกใบนี้ วิธีการควบคุมที่เขาเรียนรู้มาก็คือผลผลิตสั่งสมมานับพันปีของโลกใบนี้ ควรพูดว่าการควบคุมของหลิงเซียวเหมาะสมกับหุ่นรบที่สหพันธรัฐมีในตอนนี้มากที่สุด และสามารถทำให้หลิงหลานเข้าใจหุ่นรบของโลกใบนี้ได้อย่างแท้จริง

เวลานี้หลิงหลานรู้สึกงุ่นง่านอยู่บ้าง ทำไมหลายวันมานี้เธอถึงตระหนักเรื่องนี้ไม่ได้นะ? สิ้นเปลืองหลายวันไปอย่างเปล่าประโยชน์ หลิงหลานรู้ว่าเวลาของพ่อเธอเป็นสิ่งล้ำค่าก็ตัดสินใจว่าจะไม่สิ้นเปลืองต่อไปอีกแล้ว ดังนั้นเธอจึงเอ่ยกับหลิงเซียวด้วยความจริงจังว่า “หลายวันนี้คุณพ่อน่าจะว่างใช่ไหมครับ” แววตาของหลิงหลานเปล่งประกายอย่างหาใดเปรียบ ในแววตาเผยความคาดหวังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด…

หรือว่าลูกสาวจะรับรู้ถึงความรักของพ่อที่เขาแสดงออกมาแล้ว? หลิงเซียวตื่นเต้นยินดีอย่างมาก นี่หมายความว่าลูกสาวยินดียอมรับเขา สามารถเรียกเขาว่า ‘พ่อ’ อย่างสนิทสนมแล้วใช่ไหม? เขาพยักหน้าติดต่อกัน “ใช่แล้ว พ่อว่างมากเลย”

“งั้นก็สอนการควบคุมหุ่นรบให้ผมหน่อยนะครับ” คำพูดประโยคต่อมาของหลิงหลานทำให้อารมณ์ของหลิงเซียวร่วงจากสวรรค์ลงมาสู่ขุมนรกทันที เศร้าเสียใจอย่างมาก น้ำตานองหน้าแล้ว

ลูกครับ พ่อเดินทางยาวไกลปลอมแปลงตัวตนมาที่โรงเรียนทหารก็เพื่อที่จะสร้างความผูกพันระหว่างพ่อลูกอย่างลึกซึ้งกับลูก ไม่ใช่เข้ามาเป็นอาจารย์ PK กับลูกนะ…

ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับแววตาเล็กๆ ที่สว่างไสวพราวพร่างของหลิงหลาน หลิงเซียวเอ่ยคำพูดปฏิเสธไม่ออกเลย เขาทำได้แค่พยักหน้าพูดว่า “ได้สิ”

หลิงหลานได้ยินหลิงเซียวรับปาก มุมปากของเธอก็ยกขึ้นมาฉับพลัน ถึงแม้หลิงเซียวจะมองไม่เห็นสีหน้าของลูกสาว แต่เขาเกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ว่าลูกสาวของเขาอารมณ์ดีมาก เขาได้แต่ยิ้มฝืดเฝื่อนปลอบใจตัวเองว่า ขอเพียงทำเรื่องที่ทำให้ลูกสาวมีความสุข เขาก็ไม่เสียแรงเปล่าแล้ว

หลิงหลานที่ตื่นเต้นดำเนินการทั้งหมดในชุดเดียว เธอพาพ่อของเธอกลับมาที่เมืองชิงเฟิงซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้พวกเขามากที่สุดโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง พวกเขาวิ่งตะบึงมาตลอดทาง มาถึงหอประลองหุ่นรบตรงใจกลางเมือง หาห้องส่วนตัวที่ว่างอยู่สักห้องแล้วยื่นคำขอเข้าไปประลองด้านใน

หลิงหลานที่ตั้งเป้าอยากจะแลกเปลี่ยนความรู้กับหลิงเซียวไม่ได้สังเกตเลยว่า ตอนที่เธอกับหลิงเซียวกลับมาที่เมืองชิงเฟิงก็ถูกคนที่มีสายตาแหลมคมตรงหน้าประตูเมืองเห็นเข้าแล้ว ช่วยไม่ได้ หุ่นรบของหลิงเซียวมีเอกลักษณ์เฉพาะมากเกินไป ไม่สามารถอำพรางได้เลย มีคนตาไวมือไวถ่ายรูปทั้งสองคนที่บินผ่านในเมืองแล้วประกาศลงในเว็บไซต์ทางการทันที ชื่อที่ตั้งย่อมเป็น ‘ร่องรอยของ Belief ผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอด’

ข่าวนี้สร้างเสียงฮือฮาในทันที ไม่กี่นาทีก็มีคนหลายล้านกดดู หลังจากที่มีคนระบุว่าหุ่นรบที่งดงามแพรวพราวในรูปภาพก็คือหุ่นรบระดับราชันชั้นยอดที่สุดในโลกหุ่นรบ ทั่วทั้งโลกหุ่นรบต่างสั่นสะเทือน

ควรรู้เอาไว้ว่าผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันหายากมากในโลกหุ่นรบ ยอดฝีมือชั้นยอดเหล่านี้ต่างเป็นคนแก่ที่มีชื่อเสียงมาสิบกว่าปีหรือแม้กระทั่งหลายสิบปี โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาต่างอยู่อย่างสันโดษ ยากจะพบเจอ ถึงขนาดที่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผู้คนมากมายต่างเกิดข้อสงสัยว่า ในโลกหุ่นรบมีผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันอยู่หรือเปล่า และครั้งนี้ภาพใบนี้ก็ยืนยันแล้วว่าผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันในตำนานมีตัวตนอยู่ในโลกหุ่นรบ และมันก็ปรากฏตัวออกมาแล้วในที่สุด

ทุกคนตื่นเต้นขึ้นมา กอปรกับบนโพสต์บอกไว้อย่างชัดเจนว่า ภาพใบนี้ถ่ายจากเมืองชิงเฟิง บรรดาผู้ควบคุมหุ่นรบที่เจอทิศทางก็ทยอยกันกรูเข้าไปในเมืองชิงเฟิง…และโชคดีที่ระดับความเร็วของหลิงเซียวกับหลิงหลานสูงอย่างน่าอัศจรรย์ พวกเขาเข้าไปต่อสู้ในหอประลองหุ่นรบทันทีโดยที่ไม่ได้หยุดพักอยู่ภายในเมืองชิงเฟิงมากนัก ดังนั้นพวกเขาจึงโชคดีหลบวิกฤติในคราวนี้ได้ ไม่ได้ถูกบรรดาผู้ควบคุมหุ่นรบที่ได้รับข่าวแล้วเข้ามาทันทีจนอัดอยู่ในเมืองจนขยับเขยื้อนตัวไม่ได้

ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ เมืองชิงเฟิงเล็กๆ ก็เกิดจราจรติดขัดภายในเวลาไม่กี่นาที คนด้านนอกวาร์ปเข้ามาไม่ได้ คนด้านในก็วาร์ปออกไปไม่ได้เช่นกัน ทั้งเมืองเปลี่ยนเป็นแออัดเบียดเสียด

…….

หลังจากที่จ้าวจวิ้นกับหลี่หลานเฟิงที่อยู่ในห้องประลองหุ่นรบส่วนตัวเห็นข่าว Belief ผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดมาเยือนโลกหุ่นรบ พวกเขาสองคนก็หมดความสนใจที่จะประลองต่อแล้ว พวกเขาเองก็อยากเห็นบุคลิกท่าทางของ Belief ผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดเหมือนกัน ดังนั้นเลยคิดจะออกไปข้างนอกลองเสี่ยงโชคดู

พวกเขาเพิ่งจะออกจากห้องส่วนตัว จ้าวจวิ้นก็ได้รับข้อความที่ลูกทีมของเขาส่งมาให้โดยเฉพาะ

จ้าวจวิ้นอ่านแล้วก็หยุดฝีเท้าฉับพลัน หลี่หลานเฟิงเอ่ยถามด้วยสีหน้าใคร่ครู้ “นาย เกิดอะไรขึ้น?”

จ้าวจวิ้นเห็นข้อความก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ ว่า “ดูเหมือนว่าพวกเราออกไปไม่ได้แล้ว”

เอ่อ? หลี่หลานเฟิงอึ้งไปแล้วก็ใช้อุปกรณ์สื่อสารตรวจสอบทันที หลังจากที่รู้สถานการณ์แล้วก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อนตามว่า “ไม่นึกเลยว่า Belief จะอยู่ในเมืองชิงเฟิง ไม่รู้จริงๆ ว่านี่เป็นโชคดีหรือว่าโชคร้ายของพวกเรา…” โชคดีคือพวกเขาอยู่ในเมืองเดียวกัน โชคร้ายคือ พวกเขาติดอยู่ในหอประลองหุ่นรบ ออกไปไม่ได้แล้ว

“พวกเราแค่ไม่มีวาสนากับยอดฝีมือคนนั้นน่ะ” จ้าวจวิ้นเอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียใจ “ในเมื่อออกไปไม่ได้ ไม่สู้เราไปประลองกันต่อสักรอบละกัน” เขาไม่อยากไปเบียดกับคนด้านนอก

หลี่หลานเฟิงย่อมเอ่ยอย่างเห็นด้วยว่า “ได้เลย”

จ้าวจวิ้นได้ยินคำตอบของหลี่หลานเฟิง เขาก็ก้มหน้าเชื่อมต่อกับออปติคัลคอมพิวเตอร์ของหอประลองหุ่นรบไปพลาง เอ่ยไปพลางว่า “กลับไปที่ห้อง 817 ของพวกเราเมื่อตะกี้นี้ละกัน” เขากดตัวเลข 817 ลงไปท่ามกลางเสียงพูด ไม่ได้สังเกตคำแจ้งเตือนด้านหลังก็กดเข้าไปแล้ว

หลี่หลานเฟิงเห็นร่างหุ่นรบของจ้าวจวิ้นหายไปจากตรงหน้าเขาฉับพลันก็ส่ายหน้าอย่างจนใจ เขารู้ว่าจ้าวจวิ้นที่ใจร้อนจะต้องไปที่ห้อง 817 แล้ว ดังนั้นเขาก็รีบเชื่อมต่อกับออปติคัลคอมพิวเตอร์ของหอประลองหุ่นรบแล้วกรอกห้อง 817 หลังจากนั้นก็เลือกเข้าไป…

หลี่หลานเฟิงเห็นจำนวนคนในห้องที่แจ้งขึ้นมาว่าเป็น 3 โดยไม่ได้ตั้งใจ…เอ่อ? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

วินาทีถัดมา หลี่หลานเฟิงก็เข้าไปในห้อง 817 เขาเห็นหุ่นรบระดับพิเศษสีดำที่คุ้นเคยของจ้าวจวิ้นอยู่ในมุมห้อง ไม่เพียงเท่านั้น เวลานี้บนเวทีประลองตรงกลางห้องกำลังมีหุ่นรบสองตัวยืนคุมเชิงกันเองอยู่ หุ่นรบตัวหนึ่งเป็นหุ่นรบระดับกลางตามมาตรฐานที่ธรรมดาอย่างยิ่งยวด ส่วนหุ่นรบอีกตัวกลับเป็นหุ่นรบที่สวยงามแพรวพราว หลี่หลานเฟิงเห็นแวบแรกก็รู้ว่า นี่คือหุ่นรบระดับราชันชั้นยอดที่สุดในตำนาน…

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?” หลี่หลานเฟิงตกใจกับฉากเบื้องหน้า รีบส่งข้อความส่วนตัวให้จ้าวจวิ้น

จ้าวจวิ้นตอบข้อความส่วนตัวเร็วมาก “ชู่ อย่าส่งเสียงสิ ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันตัวนั้นน่าจะเป็น Belief นะ พวกเราชมดูอย่างเงียบๆ เถอะ อย่าให้พวกเขาสังเกตเห็นแล้วไล่พวกเราออกไป…” จ้าวจวิ้นพยายามขดตัวหุ่นรบของเขา เวลานี้เขาปรารถนาจริงๆ ว่าหุ่นรบของเขาสามารถเปลี่ยนเป็นตัวเล็กลงได้ในพริบตา ทางที่ดีคือเปลี่ยนเป็นฝุ่นละออง เอาให้มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าไปเลย

หลี่หลานเฟิงเห็นการกระทำของจ้าวจวิ้น หน้าผากก็ผุดขีดดำหลายเส้น หมอนี่ไม่รู้หรือไงว่า ต่อให้เขาขดตัวอีกยังไง หุ่นรบขนาดยักษ์สองตัวที่พวกเขาควบคุมก็ไม่สามารถหดเล็กลงได้สักนิดเดียว ตรงกันข้ามการกระทำของจ้าวจวิ้นกลับยิ่งสะดุดตามากขึ้น

……..

“ลูกรู้จักหุ่นรบสองตัวนั้นเหรอ?” หลิงเซียวเห็นหุ่นรบที่เข้ามาหลังจากพวกเขาสองตัวนี้อยู่นานแล้วก็เอ่ยถามหลิงหลาน

หลิงหลานส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่รู้จัก ต้องไล่พวกเขาออกไปไหม?”

ถึงแม้ว่าเธอทิ้งข้อความให้พวกเพื่อนๆ ว่าให้พวกเขามาที่ห้อง 817 เมืองชิงเฟิงดูการประลองหุ่นรบของเธอกับหลิงเซียว แต่พวกฉีหลงส่งข่าวมาอย่างรวดเร็ว บอกว่าการจราจรของเมืองชิงเฟิงอยู่ในสภาพเป็นอัมพาตไปทั่วทั้งเมืองแล้ว พวกเขาเข้าไปไม่ได้เลย

—————