ส่วนที่ 10 จอมเวทผู้แข็งแกร่งที่สุด ตอนที่ 23 จอมเวทผู้แข็งแกร่งที่สุด (ปัจฉิมบท)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

ในคืนนี้ มหาสมุทรเหนือยังคงแดงฉาน 

 

 

เลือดสีแดงสดของจอมเวทอาบย้อมทะเลเป็นสีแดงโลหิตยิ่งกว่าเดิม และนี่ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น 

 

 

วิญญาณของราชันมังกรดำออกมาจากร่างของซูรุ่ยแล้ว ตอนนี้เขาไม่กล้าเรียกเขาว่า ‘เสี่ยวเย่ว์เย่ว์’ ง่ายๆ อีกต่อไปแล้ว 

 

 

มารดาเถิด ข้าผู้เป็นราชันมีชีวิตอยู่มาหลายหมื่นปีแล้ว ยังไม่เคยเห็นมนุษย์ที่โหดร้ายถึงเพียงนี้มาก่อน! 

 

 

ระดับของความโหดร้ายนั้นช่างทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว 

 

 

เขาไม่เพียงแต่ฆ่าจอมเวทเหล่านั้นด้วยมือของเขาเอง แต่ยังทำให้วิญญาณของพวกเขาตกเป็นทาสด้วย จากนั้นสั่งวิญญาณของพวกเขาให้สังหารมนุษย์ธรรดาทั้งโลกอย่างโหดเหี้ยม 

 

 

โลกดีๆ ใบนี้ กลายเป็นนรกบนดินเพียงชั่วข้ามคืน… 

 

 

กี่ครอบครัวที่บ้านแตกสาแหรกขาด 

 

 

กี่ดวงวิญญาณที่เหมือนตายทั้งเป็น 

 

 

ไม่พอ แค่นั้นยังไม่พอ! 

 

 

บนสำนักซั่งชิงที่เคยเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณ ในตอนนี้กลับกลายเป็นภูเขาหัวโล้นลูกหนึ่ง บนเขาล่างเขา ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่เลย แม้แต่นกตัวหนึ่งเขาก็ไม่เคยปล่อยให้บินผ่าน 

 

 

โหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรมขนาดนี้ ราชันมังกรดำทำได้เพียงยอมรับความพ่ายแพ้อย่างจริงใจ… 

 

 

มารดาเถิด โลกมนุษย์มันอันตรายเกินไปแล้ว ข้าผู้เป็นราชันควรรีบไสหัวกลับไปฝึกฌานที่บ่อมังกรอย่างเดิมดีกว่า~ 

 

 

“สวินหรานตู นายชอบจับผีไม่ใช่เหรอ” 

 

 

ในเมืองที่โล่งเตียนสีแดงเลือด ซูรุ่ยยิ้มน้อยๆ พลางดีดนิ้วทีหนึ่ง วิญญาณสองสามดวงพลันบินออกมาอย่างสั่นกลัว พวกเขาเป็นญาติของสวินหรานตู 

 

 

ตอนนี้ พวกเขาเป็นเพียงร่างวิญญาณไม่สมประกอบเท่านั้น 

 

 

แน่นอน พวกเขาไม่ได้ตายอย่างน่าอนาถนัก แม่ทัพซูคนนี้ แต่ไหนแต่ไรไม่ชอบค่อยๆ ทรมานคนอยู่แล้ว เขามักจะตัดหัวด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว หรือไม่ก็ห้าม้าแยกศพ 

 

 

เรื่องวุ่นวายอย่างการแล่เนื้อเถือหนังพวกนั้น เขาไม่ชอบหรอก 

 

 

“หม่าเย่ว์ แก…แกมันสัตว์เดรัจฉาน!” 

 

 

ตอนนี้สวินหรานตูยังมีชีวิตอยู่ แต่พลังวิญญาณทั้งหมดบนร่างของเขาถูกซูรุ่ยปิดผนึกไว้ ตอนนี้เขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่มีอาวุธใดๆ 

 

 

“นายด่าได้ตามสบาย ด่าคำหยาบทุกคำที่นึกออกมาได้ สวินหรานตูนายรู้ไหม ฉันมีชีวิตอยู่มาหลายปี ฉันได้ไปที่โลกอื่นมากมาย ได้เจอผู้คนมากมาย นาย คือคนแรก! คนแรกที่กล้าจะทำร้ายผู้หญิงของฉันต่อหน้าฉัน” 

 

 

ขณะพูด ดวงตาสีแดงของซูรุ่ยพลันวาบประกายทีหนึ่ง สีหน้าเผยรอยยิ้มกระหายเลือดออกมา “คิดไม่ถึงว่านายต้องการให้เธอตายงั้นเหรอ ถ้านายต้องการให้เธอตาย ฉันจะทำให้พี่น้องร่วมสำนักทั้งหมดของนาย ครอบครัวของนาย ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ที่เกี่ยวข้องกับนาย ทั้งหมดไปตายซะ!” 

 

 

ขณะพูด ซูรุ่ยก็หยิบยันต์จำนวนหนึ่งออกมาจากอกเสื้อตัวเอง จากนั้นเขาดีดนิ้วอีกครั้ง ฉับพลันนั้นวิญญาณจอมเวทที่ตกเป็นทาสเขากลุ่มหนึ่งก็วาดวงเวทวงหนึ่งขึ้นมา เมื่อยันต์เหล่านั้นถูกเผาไหม้ วิญญาณครอบครัวของสวินหรานตูก็ได้เริ่มกรีดร้องเสียงแหลมสูง วิญญาณของพวกเขาก็กำลังลุกไหม้เช่นกัน ขณะที่พวกเขาถูกเผาไหม้นั้น วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนก็ถูกอัญเชิญออกมา 

 

 

นี่ คือเวทอัญเชิญวิญญาณของตระกูลหม่า วิญญาณของคนในครอบครัวที่มอดไหม้ จะอัญเชิญวิญญาณบรรพชนดวงอื่นๆ ที่กำลังหลับใหลอยู่ใต้ดินขึ้นมา 

 

 

วิญญาณเหล่านั้นบางคนหลับใหลมาไปเป็นร้อยปี คราวนี้ถูกอัญเชิญมาทั้งหมด ทั้งตระกูลสวิน คนในตระกูลตามลำดับ แทบทุกคนล้วนปรากฏตัวขึ้นที่นี่… 

 

 

“ทำร้ายภรรยาและบุตร ลงโทษสามชั่วอายุคน” 

 

 

ในตอนนี้ ดวงตาทั้งสองของสวินหรานตูล้วนเป็นสีแดงเลือด “หม่าเย่ว์ ฉันสวินหรานตูได้ติดตามอาจารย์เข้าสำนักลี้ลับเรียนรู้วิชา ไม่เคยฆ่าผีแม้แต่ตัวเดียว ฉันใช้เวททำนายเพื่อทำนายถึงอนาคตสีแดงเลือด ทำนายได้ว่าอวสานของโลกมนุษย์กำลังใกล้เข้ามา ฉันแค่เพียงยืนหยัดเพื่อโลก ถึงได้แสดงตัวออกมา ถึงยังไงในคืนนั้นฉันก็ไม่ได้ฆ่าซูเจินเจิน ฉันไม่เคยฆ่าผู้บริสุทธิ์ บางทีวันนั้นฉันอาจทำผิด แต่เธอเป็นผีส่วนคุณเป็นคน เพื่อเธอแล้วคุณทำลายทุกอย่างบนใบโลกนี้ ความผิดนี้คุณรับผิดชอบไหวเหรอ” 

 

 

“ความผิด? มีความผิดอะไรที่ฉันไม่รับไม่ไหว” 

 

 

เมื่อซูรุ่ยได้ยินสิ่งที่สวินหรานตูพูด ก็ทำเพียงแค่มองเขาด้วยท่าทางเยาะเย้ย “ดังนั้นสวรรค์ก็เลยส่งคนลงมาจัดการ สวินหรานตู นายคือคนที่ได้รับเลือกจากสวรรค์ น่าเสียดาย ชะตาชีวิตนายไม่ดี ทำให้นายได้เจอกับซูเจินเจิน อ้อไม่ เธอต้องบอกนายแน่ว่าเธอคือซูหว่าน เธอจะคู่ควรกับชื่อนี้ได้ยังไง เธอเป็นแค่วิญญาณเร่ร่อนที่มาจากต่างโลกก็เท่านั้นเอง” 

 

 

ขณะพูด ซูรุ่ยโบกมือใหญ่ของเขาทีหนึ่ง วิญญาณของซูเจินเจินพลันปรากฏขึ้นต่อหน้าทั้งสองทันที เมื่อสูญเสียร่างของซูหว่านไป ร่างวิญญาณของเธอก็แสดงให้เห็นรูปลักษณ์เดิม 

 

 

เธอเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่อาจธรรมดาได้ไปกว่านี้แล้ว อายุแก่กว่าสวินหรานตูรอบหนึ่งด้วยซ้ำ 

 

 

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้” 

 

 

เมื่อมองเห็นวิญญาณแปลกหน้าเต็มตา มองใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยเลยใบหน้านั้น จิตใจของสวินหรานตูพลันสั่นสะท้าน 

 

 

‘ซูเจินเจิน’ ถึงจะเป็นซูหว่านตัวจริง ส่วนภรรยาของตนเอง ‘ซูหว่าน’ กลับเป็นเพียงวิญญาณเร่ร่อนที่ใช้ชื่อว่าซูเจินเจิน  

 

 

เธอใช้ร่างของซูหว่าน ใช้ชื่อเธอมาหลอกตนเอง 

 

 

“เพราะอะไร เพราะอะไรถึงหลอกพวกเรา” 

 

 

ในตอนนี้ เยี่ยอวี้ฉีนางเอกผู้ถูกซูรุ่ยไว้ชีวิตเหมือนกันกับสวินหรานตู น้ำตาโลหิตไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองขณะมองไปยังซูเจินเจิน  

 

 

พวกเขาถูกเธอหลอกทั้งหมด เธอเคยบอกว่าคุณหนูซูที่ติดตามศิษย์พี่หม่าเป็นวิญญาณสาว! 

 

 

แท้ที่จริงแล้ว เธอต่างหากที่เป็นวิญญาณเร่รอนเอง! 

 

 

เยี่ยอวี้ฉีเกลียดชังเรื่องแบบนี้ที่สุดในชีวิต แม้ว่าเธอจะชื่นชอบศิษย์พี่หม่ามาโดยตลอด แต่เธอก็ไม่เคยคิดที่จะแย่งชิงกับคนอื่นหรือเรียกร้องอะไรเลย เธอเพียงแค่ได้ยินว่าคุณหนูซูเป็นวิญญาณ ความรู้สึกแรกคือต้องช่วยศิษย์พี่หม่าที่ถูกวิญญาณสาวครอบงำ เธอแค่อยากจะช่วยเขาเท่านั้นเอง 

 

 

เยี่ยอวี้ฉีไม่เคยคิดเลยว่าทุกอย่างจะจบลงแบบนี้… 

 

 

“คืนนี้สีเลือดกำลังพอดี ฉันจะเล่านิทานให้พวกคุณทั้งสองฟัง” 

 

 

เมื่อเห็นน้ำตาโลหิตของเยี่ยอวี้ฉี ดวงตาของซูรุ่ยก็วาบประกาย พูดช้าๆ ด้วยรอยยิ้มว่า “นิทานเรื่องนี้มีชื่อว่า ‘จอมเวทผู้แข็งแกร่งที่สุด’ …” 

 

 

ซูรุ่ยค่อยๆ บอกทุกอย่างในเนื้อเรื่องเดิมด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไม่เพียงแค่เยี่ยอวี้ฉีกับสวินหรานตู ยังรวมถึงซูเจินเจินและราชันมังกรดำที่ตะลึงงันอยู่ด้านข้างด้วย 

 

 

ซูเจินเจินจนกระทั่งตอนนี้ถึงรู้ว่า ที่แท้แล้วคนที่ครอบครองนิ้วทองคำเรื่องเนื้อเรื่องนั้นไม่ใช่ตนเอง 

 

 

“แค่นั้นแหละ” 

 

 

หลังจากบอกทุกอย่างแล้ว ซูรุ่ยก็เงยหน้าขึ้นมองเยี่ยอวี้ฉีกับสวินหรานตู “รู้ไหมว่าทำไมพวกคุณทั้งสองถึงมีชีวิตอยู่เป็นคนสุดท้าย เพราะพวกคุณคือตัวเอกของโลกนี้ ตอนนี้โลกนี้กำลังจะถูกทำลาย ตราบใดที่คุณสองคนตาย กฎของมันจะพังลงทันที” 

 

 

“พี่ฆ่าฉันเถอะ ศิษย์พี่หม่า” 

 

 

คุณพ่อตายไปแล้ว ศิษย์ร่วมสำนักทุกคนตายไปหมดแล้ว เยี่ยอวี้ฉีผู้สิ้นหวังในการแก้แค้นปิดดวงตาทั้งสองลงแน่น… 

 

 

นางเอกอะไรกัน 

 

 

เธออยากจะเป็นแค่คนธรรมดา เป็นจอมเวทธรรมดา สามารถปราบปีศาจกำจัดมาร 

 

 

ถ้าการเป็นตัวเอกต้องแลกมาด้วยความทุกข์ยากและความผิดหวังมากมายที่คนอื่นไม่ต้องเจอ เธอก็อยากจะเป็นแค่คนที่เดินผ่านไปมาโดยไม่มีใครรู้จัก 

 

 

“ตามที่เธอปรารถนา” 

 

 

กระบี่วิญญาณในมือของซูรุ่ยสะบัดทีหนึ่งดีก็แทงเข้าที่ร่างของเยี่ยอวี้ฉีทันที 

 

 

ในอากาศ กลิ่นคาวเลือดเข้มข้น 

 

 

“สวินหรานตู เหลือแค่นายแล้ว มองดูคนอื่นตายไปทีละคน นายกลัวไหม อ้อ ใช่ นายคือพระเอก นายคือจอมเวทที่แข็งแกร่งที่สุด นายมีความพยายามที่น่าทึ่ง นายจะกลัวได้ยังไง “ 

 

 

ซูรุ่ยยกมือขึ้นและหยิบมีดอวี้หลิงออกมาแล้วหมุนในมือสองสามครั้ง 

 

 

“คุณเป็นใครกันแน่” 

 

 

ในตอนนี้ สวินหรานตูรู้นานแล้ว จากท่าทางคำพูดของซูรุ่ยก็พอเก็บข้อมูลและเดาได้ว่า “คุณไม่ใช่หม่าเย่ว์” 

 

 

“ใช่ ฉันไม่ใช่หม่าเย่ว์” 

 

 

ซูรุ่ยพยักหน้า เขายกมือขึ้นและจุดยันต์เพลิงแท้ทั้งหมดที่เขารวบรวมมาจากตระกูลหม่า ไฟนรกก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา 

 

 

วิญญาณทุกดวงกำลังถูกแผดเผา 

 

 

“หรานตู ช่วยฉัน! ช่วยฉัน!” 

 

 

วิญญาณของซูเจินเจินดิ้นรนในเพลิงไฟ ขอร้องอย่างยากลำบาก 

 

 

แต่สวินหรานตูจ้องมองแต่ดวงตาของซูรุ่ย นัยน์ตาเป็นความเกลียดชังสลักลึกถึงกระดูก 

 

 

“ชื่อของแก บอกฉันมา แม้ว่าฉันจะมอดไหม้เป็นเถ้าธุลี ผ่านไปหลายร้อยชั่วอายุคน ฉันจะตามหาแกเพื่อแก้แค้น!” 

 

 

“ฉันชื่อ…ซูรุ่ย” 

 

 

มีดอวี้หลิงของซูรุ่ยตกลงมาบนแขนของสวินหรานตู กรีดเป็นรอยเลือดสายหนึ่ง “นายรู้ไหม ฉันกลัวความยุ่งยากที่สุด แต่ฉันไม่รังเกียจที่จะสับ นาย เป็น หมื่น ชิ้น” 

 

 

“หึ หึๆ” 

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของซูรุ่ย เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาถูกเฉือนตัดออกทีละชิ้นๆ ดวงตาของสวินหรานตูเยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ “ฉัน จะจำแกไว้” 

 

 

“ฉันไม่ต้องการ” 

 

 

ซูรุ่ยยักคิ้ว ก้มตัวลงมองสวินหรานตู “ฉันรู้ นักพรตจางสอนวิชาลับที่สามารถทำให้จิตวิญญาณของนายไม่แตกสลาย แต่…ดูเหมือนนายจะลืมเรื่องที่ฉันเพิ่งพูดไป เมื่อนายตาย โลกใบนี้จะพังทลาย มันจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยท่ามกลางโลกนับหมื่นพันมิติ ไม่ว่านายจะเก่งกาจขนาดไหน วิญญาณของนาย ทุกสิ่งของนายจะทำได้แค่ถูกฝังลงพร้อมกัน” 

 

 

นอกเสียจาก… 

 

 

นอกเสียจากนายสามารถเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ทำภารกิจได้ 

 

 

เสียดาย…ฉันไม่ให้โอกาสนายอีกแล้ว 

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ใบหน้าของสวินหรานตูก็เปลี่ยนไป และในเวลานี้ ไฟแห่งกรรมก็เกือบจะมอดไหม้จนหมดแล้ว 

 

 

วิญญาณของซูเจินเจินกำลังจะดับสูญ “ฉันขอสาปแช่ง สาปแช่งแกไอ้ปีศาจ! แกกับซูหว่านจะไม่จบลงด้วยดี พวกแกทุกคนต้องไม่ตายดี! ไม่ตายดี!” 

 

 

ไม่ตายดี? 

 

 

สายตาของซูรุ่ยเริ่มเย็นชา ทันทีที่ยกมือขึ้นพลังวิญญาณก็ทะลวงผ่านร่างวิญญาณของซูเจินเจิน ทำให้วิญญาณเธอสลายไป… 

 

 

เขาและซูหว่านไม่เคยเป็นคนดี พวกเขาเตรียมพร้อมล่วงหน้าที่จะตายไม่ดีไว้แล้ว 

 

 

เพียงแต่ น่าเสียดายจริงๆ ถึงตอนนี้พวกเขายังมีชีวิตอยู่ดี 

 

 

นี่ หรือจะเป็นที่คนเขาเรียกกันว่าคนดีอยู่ได้ไม่นาน คนชั่วอยู่ได้เป็นพันปี 

 

 

เมื่อไฟนรกดับลง ทั่วทั้งแผ่นดินก็มองไม่เห็นวิญญาณเลยสักดวง 

 

 

มีดอวี้หลิงในมือของซูรุ่ยโผตวัด ลงบนร่างของสวีนหรานตูครั้งแล้วครั้งเล่า 

 

 

ที่เรียกว่าสับเป็นหมื่นชิ้น เป็นทักษะอย่างหนึ่งแน่นอน 

 

 

“โลกนี้กำลังจะพังทลายลงจริงๆ ฉันสัมผัสได้ถึงเสียงร่ำไห้ของเขา” 

 

 

ราชันมังกรดำถอนใจยาว หันไปมองดูฉืออีปู้ที่กำลังนั่งขัดสมาธิกับซูหว่านที่ยังคงสลบอยู่ข้างเขา 

 

 

“หลวงจีน ข้าผู้เป็นราชันจะกลับไปที่บ่อมังกรแล้ว เจ้าล่ะ กลับไปแดนสวรรค์หรือ” 

 

 

แดนสวรรค์… 

 

 

ฉืออีปู้ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ถอนใจอย่างแผ่วเบา… 

 

 

ซูรุ่ยผู้อำมหิตเป็นคนทำลายโลกใบนี้ หรือว่าเป็นซูเจินเจินผู้เห็นแก่ตัว หรือเพราะโชคชะตากันนะ 

 

 

เมื่อสวินหรานตูหลั่งเลือดจนหยดสุดท้ายในร่างกายของเขาออกมา โลกทั้งใบก็สั่นสะเทือน 

 

 

ราชันมังกรดำกลายร่างเป็นมังกรยักษ์และบินจากไป ส่วนฉืออีปู้นั่งสวดมนต์อย่างสงบ ทั้งตัวของเขากลายเป็นแสงสีทองและหายไปอย่างไร้ร่องรอย 

 

 

ภายใต้ท้องฟ้าสีเลือด มีเพียงซูรุ่ยที่ยืนอยู่คนเดียวอยู่ตรงนั้น มีดบนฝ่ามือของเขายังคงมีเลือดหยดลงไม่หยุด 

 

 

“ผนึก!” 

 

 

เวลานั้นเอง พลันมีเสียงดังมาจากข้างหลังเขา 

 

 

ทันทีที่ซูรุ่ยหันไป ก็เห็นว่าซูหว่านไม่รู้ตื่นตั้งแต่เมื่อไร เธอกำลังใช้พลังวิญญาณทั้งหมดของตน เพื่อผนึกวิญญาณที่แตกสลายของสวินหรานตูไว้ที่ตรงนั่น พื้นที่ทั้งหมดถูกปิดผนึกไว้แล้ว 

 

 

“แบบนี้ แม้ว่าเขาจะฟื้นจากความตายได้ แต่ก็ทำได้แค่ล่มสลายไปพร้อมกับโลกนี้เท่านั้น” 

 

 

ซูหว่านกระซิบเบาๆ กับซูรุ่ย เดินไปอยู่ตรงหน้าเขาช้าๆ จับมือเขาไว้แน่น “คุณรอฉันนะ ฉันจะช่วยคุณเอง” 

 

 

“อืม” 

 

 

ซูรุ่ยพยักหน้า เมื่อโลกทั้งใบพังทลาย จิตสำนึกของเขาก็จมดิ่งสู่ความมืดมิด…