Ep.259 วางแผนสยบอำนาจ

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

หลินมู่อวี่คิดว่าฉินจิ้นเพียงออกคำสั่งกับฉินอินด้วยลมปากเท่านั้น ไม่คาดคิดว่าฉินอินจะเปิดถุงนภาครามของตนแล้วหยิบสาส์นทองคำออกมาด้วย ฉินอินเปิดสาส์นที่ถูกเขียนขึ้นโดยฉินจิ้นพร้อมลงนามประทับ

ฉินอินมองตาและลุงของนางที่กำลังหมอบอยู่กับพื้นก่อนจะกล่าวด้วยถ้อยคำชัดเจน “หยุนกง…ผู้ว่าการมณฑลอวิ้นจงโปรดรับฟังพระราชโองการดังนี้…ถึงกองกำลังหลักแห่งมณฑลอวิ้นจง แม่ทัพซูฉินผู้บังคับบัญชาการกองทหารเขี้ยวกระบี่หนึ่งแสนนาย แม่ทัพพิทักษ์เมืองซูอวี่ ผู้บัญชาการกองทหารฉินหลงหกหมื่นนาย ทั้งสองให้รวมทัพทหารทัพหนึ่งแสนหกหมื่นนายเดินทางไปยังมณฑลชางหนานเพื่อยับยั้งกองโจรฉินหลิง รวมทั้งให้เข้ายับยั้งการก่อตั้งกองกำลังทหารม้าหนึ่งแสนนายของหลงเซียนหลิน ณ เมืองห้าหุบเขา หากมีการขัดขืนให้ทำการสังหารได้ทันที! ส่วนทหารและม้าที่จับได้ให้แม่ทัพหลินมู่อวี่เป็นผู้ดูแล และหวังว่าหยุนกงจะน้อมรับฟังกลยุทธ์ของหลินมู่อวี่ในการแยกกำลังทหารห้าหมื่นนายเข้าปราบจลาจลในมณฑลชางหนาน!”

เมื่ออ่านราชโองการจบ ฉินอินจึงยิ้มและเอ่นขึ้น “ท่านตา ท่านลุงโปรดยืนขึ้นเถิดเจ้าค่ะ”

ซูมู่หยุนค่อยๆ ลุกขึ้นพลางทำหน้าตาประหลาดใจ “ดูเหมือนจักรพรรดิของเจ้าจะเริ่มทำบางอย่างเพื่อต่อต้านหูเถี่ยหนิงแล้วสินะ…”

ฉินอินพยักหน้า “เจ้าค่ะ…หูเถี่ยหนิงไม่ยอมรับเรื่องการฟอกเงิน ครอบครองกำลังทหารและอำนาจทางการเมืองไว้เอง แม้เสด็จพ่อจะเรียกเข้ามารับฟังการรายงานถึงสองครั้งแล้ว ทว่าเขากลับทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนเพิกเฉยต่อคำสั่ง ทั้งยังไม่จ่ายภาษีให้แก่จักรวรรดิมากว่าสองปีแล้ว…”

ซูฉินลุกขึ้นกล่าว “เห็นใได้ชัดว่าหูเถี่ยหนิงคิดเป็นกบฏ ครานี้องค์จักรพรรดิถึงกับต้องลงพระปรมาภิไธยออกคำสั่งด้วยตนเอง ข้าอยากจะรู้นักว่าไอ้แก่นั่นจะทำอย่างไรต่อ”

ซูมู่หยุนขมวดคิ้ว “เราต้องรีบจบเรื่องนี้โดยเร็ว อาฉิน…เจ้าจงออกคำสั่งให้กองทัพเขี้ยวกระบี่ออกจากเมืองหยาดสายัณห์ทันที และตามด้วยกองทัพฉินหลงของซูอวี่ เราต้องไปมณฑลชางหนานอย่างเงียบเชียบและรวดเร็ว และเข้าสู่เมืองห้าหุบเข้าให้ได้ภายในสามวัน ทำการสลายกองทัพของมณฑลชางหนานให้สิ้นตามคำสั่งของจักรพรรดิ!”

ซูฉินพยักหน้า “ขอรับท่านพ่อ ข้าจะทำตาม แต่…”

“สิ่งใดหรือเจ้าคะท่านลุง?” ฉินอินเอ่ยถาม

ซูฉินตอบ “ตามคำสั่งของพ่อเจ้าให้ข้ามอบกองกำลังห้าหมื่นนายให้อาอวี่ดูแล ด้วยความที่พวกนั้นค่อนข้างป่าเถื่อน ข้าจึงเกรงว่ามือใหม่อย่างอาอวี่อาจรับมือได้ยาก!”

ฉินอินไม่คาดคิดว่าซูฉินจะตอบเช่นนี้ ทว่าหากคิดให้ดีสิ่งที่เขาพูดก็สมเหตุสมผล

หลินมู่อวี่ยังคงนิ่งเงียบ ทว่าในใจกำลังคิดบางสิ่งอยู่ การที่ฉินจิ้นสั่งให้กองกำลังหยาดสายัณห์เข้าปราบปรามการก่อกบฏในชางหนาน ทั้งยังให้แยกทหารออกเป็นสองส่วน นับได้ว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะดูเหมือนฉินจิ้นจะไม่ได้เชื่อใจซูมุหยุน ซูฉินและบุตรชายของเขาเท่าใดนัก

ศึกชิงอำนาจนั้นช่างซับซ้อน หลินมู่อวี่ที่อยู่กลางวงล้อมของศึกนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหนี

“เสี่ยวอิน…”

หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วกล่าว “อย่างที่ท่านซูฉินกล่าว ข้าเป็นเพียงแม่ทัพมือใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง เป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าจะบัญชาการกองทหารห้าหมื่นนาย ข้าคิดว่าคงทำไม่ได้มันเป็นภาระที่หนักอึ้งเกินไป”

“แต่ราชโองการจากจักรพรรดิ…” ฉินอินกล่าวเสียงเล็ก “ตามที่ท่านพี่ต้องการเลยเจ้าค่ะ…”

หลินมู่อวี่ยิ้มก่อนจะหันไปคำนับแก่ซูฉิน “ผู้บัญชาการซูฉินอย่าได้กังวลไปเลยขอรับ หลินมู่อวี่ผู้นี้ไม่ต้องการทหารใด กองกำลังเขี้ยวกระบี่ทั้งหนึ่งหมื่นนายข้าขอมอบให้ท่านจัดการเองเลยขอรับ ด้วยการนี้จะช่วยดึงประสิทธิภาพการรบออกมาได้มากกว่า ส่วนเรื่องแม่ทัพหลงเซียนหลินจากชางหนาน เขาเชี่ยวชาญด้านวางแผนการรบ ทั้งยังมีกองกำลังทหารม้ากว่าสองหมื่นนายใต้บัญชา หากไม่สามารถเจรจาอย่างสันติได้ ข้าเกรงว่าคงต้องมีการนองเลือดเกิดขึ้นขอรับ”

ซูฉินมองหลินมู่อวี่และเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นเจ้าคิดว่าควรทำอย่างไรอาอวี่?”

หลินมู่อวี่ตอบ “จากที่ข้าคิดเราควรเริ่มจากการกวนน้ำให้ขุ่นขอรับ”

“แล้วเจ้าจะกวนน้ำที่ว่าอย่างไรเล่า?” ซูมู่หยุนมองชายหนุ่มอย่างพิจารณา

หลินมู่อวี่ยิ้ม “ไพ่ตายของหลงเซียนหลินคือทหารค่ายเขาเหินทั้งหมื่นเจ็ด หากเราแยกกองกำลังเป็นสองทาง ให้ข้าไปยังเมืองห้าหุบเข้าก่อนและใช้เหรียญตรามังกรทองเกณฑ์ทหารหนึ่งหมื่นนายมาจากหลงเซียนหลิน จากนั้นให้ท่านซูฉินและซูอวี่นำทัพตามเข้าไป ด้วยวิธีนี้อาจทำให้หูเถี่ยหนิงยอมจำนนอย่างเลี่ยงมิได้”

“เยี่ยมยอด!”

ซูฉินแตะบ่าหลินมู่อวี่ “เป็นความคิดที่ดี ข้าลืมไปเลยว่าเจ้าเป็นผู้ชนะงานประลองยุทธ์และมีเหรียญตรามังกรทองอยู่ ทว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องไปเมืองห้าหุบเขาแล้ว ข้าเพิ่งได้รับข่าวมาว่าหลงเซียนหลินกำลังนำทัพไปยังเมืองหน้าด่านชางหนาน ดังนั้นเจ้าตามไปที่นั่นและใช้เหรียญตราเกณฑ์กำลังคนของมันมาได้เลย เท่านี้หลงเซียนหลินก็กลายเป็นมังกรไร้เขี้ยวเล็บแล้ว”

หลินมู่อวี่หันไปมองฉินอิน “แล้วฉินอิน…”

ซูมู่หยุนยิ้ม “อย่าได้ห่วงไปเลย ข้าจะพาเสี่ยวอินเข้าพิชิตชางหนานด้วยกัน ข้ามีหลานสาวเพียงคนเดียว รับรองได้ว่าจะไม่ให้นางได้รับแม้แต่รอยขีดข่วน แต่หากปล่อยให้อาอวี่ไปเมืองหน้าด่านชางหนานเพียงลำพังอาจเจอเรื่องไม่คาดฝันได้ ดังนั้นซูฉิน…เจ้าจงเลือกทหารฝีมือดีสักสามพันนายจากกองกำลังเขี้ยวกระบี่ให้ติดตามอาอวี่ไปเพื่อความปลอดภัย”

“ขอรับท่านพ่อ!” ซูฉินตอบรับ

ซูมู่หยุนกล่าวต่อ “เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น อาอวี่จงไปพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางแต่เช้าเถิด กองทัพของข้าก็จะออกตัวพรุ่งนี้เช่นกัน ต่อเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยให้ไปพบกันที่เมืองห้าหุบเขา ข้าจะได้พาเสี่ยวอิน ซูฉิน และซูอวี่ไปเมื่อหลวงเพื่อเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ เพราะนานมากแล้วที่อวิ้นจงไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนกระชับความสัมพันธ์กับหลันเยี่ยน!”

ฉินอินยิ้มกริ่ม “ข้าเห็นด้วยเจ้าค่ะ!”

ท่ามกลางท้องฟ้าราตรีที่มีแสงจันทร์กระจ่างและพร่างพราวได้ด้วยดวงดาว

ควันหอมจากกระถางกำยานที่ถูกจุดลอยคละคลุ้งไปทั่ว ห้องพักในจวนหยุนกงแห่งเมืองหยาดสายัณห์นั้นถูกออกแบบอย่างประณีต ทำให้ยามสะท้อนแสงจันทร์แล้วทั้งห้องดูสว่างผิดปกติ ด้านนอกมีสาวใช้สี่คนรอรับคำสั่งอยู่ตลอด

หลินมู่อวี่นั่งบนเตียงตั้งสมาธิใช้ตำราหลอมมังกรควบคุมจิตให้ช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บที่เหลืออยู่ โดยมีฉินอินนั่งจิบช้าอยู่ไม่ไกล

“ท่านพี่เจ้าคะ…”ฉินอินมองยังหลินมู่อวี่

“ว่าอย่างไรเสี่ยวอิน?” หลินมู่อวี่ยิ้มถาม

ฉินอินกล่าวตอบ “เสด็จพ่อทรงวางแผนให้ท่านพี่นำทัพ เหตุใดจึงปฏิเสธเล่าเจ้าคะ? ทั้งที่หากเรายืนกรานตามคำสั่งท่านลุงก็คงยอมแบ่งกองกำลังเป็นสองส่วนแล้วแท้ๆ กองทัพเขี้ยวกระบี่ของท่านลุงนั้นเป็นกองทหารชั้นยอดจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว เสด็จพ่อจึงออกคำสั่งให้ท่านพี่ได้เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มนั้น ท่านพี่ไม่เข้าใจความเมตตาของเสด็จพ่อเอาเสียเลย…”

หลินมู่อวี่ยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปหาฉินอิน “มิใช่ว่าข้าไม่เข้าใจ แต่เป็นเพราะข้าเห็นท่าทีของท่านซูฉินที่แสดงออก กองทหารหมื่นนายเป็นทั้งเลือดและเนื้อของเขา หากเจ้าไปแบ่งแยก..เป็นใครก็คงไม่พอใจมิใช่หรือ?”

“เจ้าค่ะ…” ฉินอินพยักหน้า “เป็นความจริงอย่างที่ท่านพี่พูด แต่ว่า…หากภารกิจเสร็จสิ้น ความดีความชอบก็จะตกไปเป็นท่านลุงและท่านตา ข้าไม่คิดมากก็ได้เจ้าค่ะ…ถึงอย่างไรเสียทั้งคู่ก็เป็นครอบครัวข้า”

“ถูกต้อง…” หลินมู่อวี่ถอนหายใจเล็กน้อย ฉินจิ้นให้เขาคุ้มกันฉินอินมาส่งยังเมืองหยาดสายัณห์ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ แต่สำหรับหลินมู่อวี่เขาไม่แน่ใจว่านี่เป้นผลลัพธ์ที่เขาต้องการหรือเปล่า นับวันเขายิ่งชื่นชมพ่อบุญธรรมของตนมากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนฉินจิ้นจะเป็นจักรพรรดิที่มีความสามารถมากกว่าที่คาดไว้เสียแล้ว

ณ ห้องโถงจวนหยุนกง ซูฉินกระชับด้ามดาบและคุกเข่าลงข้างหนึ่งด้วยท่าทียำเกรง “ท่านพ่อ หากข้าทำพลาดโปรดลงโทษข้าอย่างสาสมได้เลยขอรับ!”

ซูมู่หยุนมองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าทำสิ่งใดลงไป?”

“ข้าไม่ทราบขอรับ…”

“ไม่รู้อย่างนั้นรึ?” ซูมู่หยุนเอ่ยถามด้วยแววตาแห่งความโกรธ “องค์จักรพรรดิทรงมีรับสั่งให้เจ้าแบ่งกำลังเป็นสองฝ่ายให้หลินมู่อวี่ควบคุม เจ้ากล้าขัดคำสั่งของจักรพรรดิแล้วยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าผิดอะไร? หากเสี่ยวอินได้กลับตำหนักและรายงานเรื่องนี้เมื่อใด ตำแหน่งแม่ทัพคงได้หลุดออกจากบ่าเจ้าแน่”

ซูฉินชะงักเหงื่อแตกพลั่ก “ข้าผิดไปแล้ว ข้าจะแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างไร…ท่านพ่อโปรดชี้นำข้าด้วย!”

ซูมุ่หยุนถอนหายใจ “เอาเถิด…เจ้าเป็นถึงลุงของเสี่ยวอิน นางได้การเลี้ยงดูมาอย่างดี มีไหวพริบและปราดเปรื่องคงไม่คิดทำสิ่งใดต่อต้านเจ้า ทว่าหลินมู่อวี่…”

“หลินมู่อวี่ทำไมหรือขอรับ?”

ซูมู่หยุนกล่าว “ข้าได้ตามดูชายผู้นี้มาเนิ่นนาน เขาช่างเป็นคนที่มั่นคงและเย็นชานัก จากที่ได้ยินข่าวลือมาเขาคือคนที่อยู่ในเหตุการณ์บนเขาขวานไฟ ผู้ที่รบกับหลงเซียนหลินและยังรอดชีวิตมาได้ ช่างเป็นคนที่น่ากลัวนัก!”

ซูฉินเงยหน้าและยิ้ม “ท่านพ่อ อาอวี่เป็นบุตรชายที่ซื่อสัตย์ของจักรพรรดิ ทั้งยังเป็นพี่ชายที่เสี่ยวอินไว้ใจ มิใช่ว่าเขาเป้นผู้พัทักษ์อย่างที่คนเขาร่ำลือกันหรือ?”

ซูมู่หยุนหัวเราะ “เจ้าอาจพูดถูก อาฉินเจ้าจงคอยจับตาดูชายผู้นี้ไว้ในกาลข้างหน้า…เมื่อใดก็ตามที่ใจเขาคิดกบฏ หลินมู่อวี่ผู้นี้จะเป็นภัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักร จงจำเอาไว้ว่าหากแม้แต่เสี้ยววินาทีที่เขาคิดทรยศจงรีบสังหารอย่าได้ปรานี!”

“ข้าจะจำไว้ขอรับ!”

“พูดถึงภารกิจ วันรุ่งขึ้นจงเตรียมกองกำลังให้พร้อม เราต้องไปถึงเมืองห้าหุบเขาภายในสามวัน ข้าหวังว่าครานี้เราจะจับเจ้าหูเถี่ยหนิงมาลงโทษได้สำเร็จโดยไม่ต้องนองเลือด มิเช่นนั้นประชาชนของทั้งสองมณฑลคงได้พบกับหายนะเป็นแน่” ซูมู่หยุนกล่าวแก่ซูฉิน

“รับทราบขอรับ” ซูฉินตอบ

เช้าต่อมา หลินมู่อวี่ตื่นขึ้นพร้อมกับบาดแผลที่ฟื้นฟูเกือบสมบูรณ์ แขนซ้ายกลับมาขยับได้ตามเดิม หลังจากการต่อสู้ที่ต้าวเจียงพลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ทหารเขี้ยวกระบี่สามพันนายเตรียมทัพรออยู่นอกเมือง ฉินอินกล่าวแก่หลินมู่อวี่ให้ระวังต่อและรอบคอบอยู่เสมอ หลินมู่อวี่รับรู้ถึงความเป็นกังวลจึงปลอบโยนฉินอินให้คลายทุกข์

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วหลินมู่อวี่จึงออกคำสั่งทหารสามพันนายให้ออกเดินทางทันที

…………………