Ch.38 – แผนสมคบคิด

Translator : Muntra / Author

วันนี้ลง 3 ตอน

 

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.38 – แผนสมคบคิด

 

“ทำไมจู่ๆนายถึงคิดจัดปาร์ตี้? งานคืนสู่เหย้าแบบนี้มันไม่เร็วเกินไปหน่อยหรอ” ฉินเฟิงถาม

 

“ก็อีกเดี๋ยวทุกคนจะแยกย้ายไปตามทางของตัวเองแล้ว เพราะงั้นชั้นเรียนของพวกเราเลยต้องกลับมารวมตัวกันไง แล้วอีกอย่าง ฉันได้ยินมาว่าเพื่อนร่วมชั้นคนนึงของเราสามารถปลุกพลังพิเศษได้แล้วนะ นายรู้รึเปล่าว่าเป็นใคร? เธอคือจ้าวหยวนหยวน!”

 

สองคิ้วของฉินเฟิงขมวดมุ่น

 

แน่นอน เขารู้อยู่แล้วว่าจ้าวหยวนหยวนน่ะจะกลายเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ แต่พลังพิเศษของเธอคือธาตุไม้ อำนาจของมันไม่ค่อยจะดีเท่าใดนัก หากแต่ด้วยพลังพิเศษนี้เอง ที่ช่วยให้เธอไม่ต้องออกไปสู้รบภายนอก และกลายมาเป็นฝ่ายบริหารในพื้นที่เพาะปลูกแทน

 

“งั้นหมายความว่างานเลี้ยงในครั้งนี้ จ้าวหยวนหยวนเป็นเจ้าภาพใช่รึเปล่า?”

“ไม่ใช่หรอก งานนี้ทุกคนต้องช่วยกันออกค่าใช้จ่ายอยู่ แต่ว่านะฉินเฟิง นายไม่ต้องกังวลไป ถึงแม้นายจะมีปัญหาเรื่องเงิน แต่ฉันจะช่วยออกให้เอง!”

 

ฉินเฟิงยิ่งฟัง ก็ยิ่งรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเกี่ยวกับงานคืนสู่เหย้าในครั้งนี้

 

“เรื่องนั้นไม่จำเป็น บอกเวลา และสถานที่มา พรุ่งนี้ฉันจะไปร่วมงานเอง!”

 

“งานปาร์ตี้จัดใกล้ๆกับโรงเรียนของพวกเรา เป็นโรงแรมเจิ้งหยวน ห้องส่วนตัวหมายเลข 109 เวลา 8 โมงเย็น นายอย่ามาสายล่ะ!” เฉินหมิงกล่าว และตัดการสื่อสารไป

 

ฉินเฟิงขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจเปิดอุปกรณ์สื่อสารอีกครั้ง

 

เขาเข้าไปดูกลุ่มแชทของชั้นปี ที่สร้างไว้เพื่อคอยแลกเปลี่ยนข่าวสารกัน เพราะหลังจากฉีดยากระตุ้นแล้ว ทุกคนต่างก็ต้องแยกไปตามทางของตัวเอง

 

คนที่ตื่นกลายเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ได้ แน่นอนว่าย่อมทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า ขณะเดียวกัน คนที่ตื่นเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ จะสามารถออกไปแสวงโชคในทุ่งล่าได้ และเข้าร่วมกับทีมทหารรับจ้าง

 

ส่วนคนอื่นๆที่ยังไม่มีพลังอะไรตื่นขึ้นเลย น่ากลัวว่าพวกเขาคงจะต้องใช้ชีวิตเหมือนดั่งมดในชุมชน คอยแหงนหน้ามองคนอื่นๆไปวันๆ!

 

ฉินเฟิงค้นบันทึกแชทของเฉินหมิง และพบว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เฉินหมิงจู่ๆก็กลายเป็นคนกระตือรือร้นจนดูผิดปกติ เขาเอาแต่ถามทุกคนในชั้นเรียนว่าปลุกพลังพิเศษกันได้รึยัง นอกจากนี้ ยังลอบถามกลุ่มชั้นเรียนอื่นๆอีกด้วย

 

“ไอ้องค์กรทดลองบ้านั่น คงไม่ได้คิดจะทำแบบเดิมอีกแล้วใช่ไหม!”

 

หลังจากการเกิดใหม่ของฉินเฟิง เขาย่อมไม่ปล่อยให้การทดลองขององค์กรผ่านไปด้วยดี แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าพวกมันจับคนอื่นไปได้รึยัง

 

แต่ไม่ว่าจะเป็นในข้อไหน ฉินเฟิงย่อมไม่ปล่อยให้พวกมันประสบความสำเร็จ!

 

หลังจากเก็บของที่จำเป็น ฉินเฟิงก็ขับรถกลับเข้าเมืองพร้อมกับเสี่ยวไป๋

 

ต่อมา โจวฮ่าวก็ติดต่อหาเขา

 

“ฉินเฟิง นายได้ยินเรื่องที่เฉินหมิงพูดเรื่องปาร์ตี้คืนสู่เหย้ารึยัง?”

 

“อืม มันบอกฉันแล้ว!”

 

“เหอะ ตอนนี้เจ้าเฉินหมิงมันคงภูมิใจในตัวเองน่าดู ที่ตัวเองสามารถปลุกพลังวรยุทธโบราณให้ตื่นขึ้น และยังเข้าร่วมกับทีมทหารรับจ้างได้อีก ได้ยินข่าวลือมาว่ามันทำเงินได้มากเลยในช่วงนี้ แถมกำลังภายในของมันก็อาจจะไปถึงเลเวล E แล้วด้วย”

 

โจวฮ่าวแสดงออกว่าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

 

ในความเป็นจริง ก่อนหน้านี้ ทั้งสามคนยังเป็นสหายที่ดีต่อกัน หากแต่นั่นเป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างฉินเฟิงกับทั้งคู่มันเป็นไปด้วยดี ในขณะที่โจวฮ่าวไม่ชอบเฉินหมิงอยู่ก่อนแล้ว เพราะเฉินหมิงมันชอบแสดงออก หรือทำอะไรบ้าๆบออยู่เสมอๆ

 

แต่ในตอนนี้ ความจริงได้ปรากฏ ทุกการกระทำล้วนเป็นการหลอกหลวงของเฉินหมิงอย่างงั้นสินะ!

 

ปัจจุบัน สืบเนื่องจากเรื่องรอยแยกมิติที่เกิดขึ้น แม้ว่าฉินเฟิงจะไม่ได้พูดอะไรเลย แต่โจวฮ่าวก็รู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองอาจลดต่ำลง จนถึงจุดตัดขาดแล้ว!

 

ตอนนี้ไม่แม้แต่จะต้องมองหน้ากัน มันไม่จำเป็นอีกต่อไป

 

นอกจากนี้ ช่วงเวลาหนึ่งเดือนสำคัญมากๆ ทุกคนมัวแต่วุ่นที่จะปลุกพลังพิเศษของตนเอง จนไม่มีใครมัวสนใจใคร

 

“นายไม่ต้องสนเรื่องเจ้าหมอนั่นหรอก ว่าแต่ตอนนี้พลังของนายยังไม่ตื่นขึ้นมาอีกหรอ?”

 

ด้วยน้ำยาเสริมความแข็งแกร่งเกรด G ที่ได้รับมาจากฉินเฟิง ไหนจะผลไม้ศักยภาพอีก ย่อมเป็นธรรมดาที่ร่างกายของโจวฮ่าวจะตื่นขึ้นมาแล้ว

 

อันที่จริง ในทางตรงกันข้าม ฉินเฟิงต่างหากที่ไม่ควรปลุกพลังวรยุทธโบราณให้ตื่นขึ้นมาได้ แต่เนื่องจากเพราะพลังพิเศษดูดกลืนของเขา เขาเลยกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีศักยภาพร่างกายแสนยิ่งใหญ่ และสามารถพัฒนาได้อย่างไร้ขีดจำกัด

“เหอะ ฉันทนมองข้ามความอวดเก่งของมันไม่ไหวแล้ว ทำเหมือนตัวเองเป็นที่หนึ่ง ถ้าฉันไม่ตั้งเป้าจะเข้าร่วมสถาบันระดับสูงนะ ฉันคงออกไปฝึกในทุ่งล่า เก่งกว่ามันไปแล้ว!”โจวฮ่าวกล่าว

“ไม่ต้องไปเสียเวลาคิดหรอกน่า เอาเป็นว่าวันพรุ่งนี้ฉันจะไปรับนาย แล้วเราค่อยไปด้วยกัน”

 

“วู้ว! ฉินเฟิง อย่าบอกนะว่านายจะขับรถล่องเวหาไป ถ้างั้นฉันขอเป็นคนขับมันจะได้ไหม?”

 

“ถ้านายต้องการ ฉันให้อภิสิทธิ์เต็มที่เลย!”

 

จากนั้นทั้งสองก็พูดกวนกันไปกันมาอีกสองสามประโยค และตัดการสื่อสารไป

 

จากเวลา 1 เดือน นี่ก็ผ่านมากว่า 25 วันแล้ว ดูเหมือนว่าโจวฮ่าวจะไม่สามารถปลุกพลังพิเศษขึ้นมาได้เลย

ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ฉินเฟิงจึงตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าร่วมสถาบันสูงพร้อมกันกับโจวฮ่าว

เพราะแม้จะขึ้นชื่อว่าสถาบัน แต่ก็สามารถเลือกการเข้าเรียนได้อย่างอิสระ และสามารถเข้ารับการทดสอบล่วงหน้าได้

ท้ายที่สุดแล้ว ความเร็วในการฝึกฝนของทุกคนนั้นแตกต่างกันออกไป และไม่ว่าพวกเขาจะผ่านการประเมินทั้งหมดหรือไม่นั้น ล้วนขึ้นอยู่กับตัวเอง

ที่นี่ไม่มีสิ่งไร้สาระอย่างการเตรียมตัวแทบตายไปกับการสอบ ที่พอถึงเวลาจริงๆดันไม่สามารถนำมาใช้ได้

 

ตราบใดที่สอบผ่านภาคการศึกษา ฉินเฟิงก็สามารถใช้เวลาที่เหลือจากการเรียนได้อย่างอิสระ!

 

เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินเฟิงลุกจากเตียงในโรงแรม มองไปทางเสี่ยวไป๋ที่กำลังหลับอยู่บนหมอน ในหัวใจก็บังเกิดความคิดว่าตนสมควรจะมีบ้านเป็นของตัวเองดีหรือไม่?

 

เพราะไม่ว่าโรงแรมจะสะดวกขนาดไหน แต่ในเรื่องพื้นที่ใช้สอยนับว่าเล็กมาก เสี่ยวไป๋ทำได้แค่วิ่งวนไปมา และทุกครั้งที่เขาเปลี่ยนโรงแรม มันก็เหมือนการล่องลอยอย่างไร้จุดหมาย

 

หลังจากฝึกฝนช่วงเช้า ฉินเฟิงก็ก้มลงมองเวลา และเตรียมตัวออกเดินทาง

 

“มาเถอะเสี่ยวไป๋ ออกไปข้างนอกกัน!”

 

ฉินเฟิงกล่าวคำ พร้อมเปิดกระเป๋าเปะสะพายหลัง

 

เสี่ยวไป๋ปีนเข้าไปด้านในอย่างคล่องแคล่ว ท่าทีของมันยังคงดูร่าเริง

 

ช่างเป็นจิ้งจอกที่ซื่อบื้อจริงๆ มันไม่รู้หรอว่าถ้าหากเขาออกไปข้างนอก มันจะต้องอยู่แต่ในกระเป๋าเท่านั้น?

 

ฉินเฟิงออกจากห้อง และขับรถไปยังร้านอุปกรณ์ป้องกันกลุ่มหวันซ่ง

 

ซุนน้อยมาคอยฉินเฟิงตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อเขาเห็นฉินเฟิงเดินมา เจ้าตัวก็เร่งเข้ามาทักทายทันที

 

“มิสเตอร์ฉิน อุปกรณ์สั่งทำของคุณมาถึงแล้ว โปรดเข้าไปข้างในเถอะ!”

 

“รอเดี๋ยว ไม่ต้องรีบร้อนไป ขอฉันขายเจ้าพวกนี้ก่อน!”

ว่าแล้วฉินเฟิงก็ดึงเอาแก่นพลังงานที่เขาได้รวบรวมไว้ออกมา

 

แก่นพลังงานเหล่านี้มีขนาดไม่เกินกว่าเล็บมือ หากแต่ด้วยจำนวนที่มากถึง 300 ชิ้น พวกมันเลยให้ความรู้สึกเปล่งประกายงดงาม

 

ณ จุดนี้ ซุนน้อยต้องอ้าปากค้าง!

 

โอ้สวรรค์ อีกหนึ่งธุรกิจใหญ่ก้าวเข้ามาเคาะประตูหาเขาอีกแล้ว!

 

“โปรดรอสักครู่ ฉันจะตรวจสอบให้แก่คุณเอง!” ซุนน้อยกล่าว แต่พนักงานคนอื่นๆในร้านกำลังยุ่งกันหมดเลย มีเพียงผู้จัดการร้านหญิงวัยกลางคนที่ยังว่างอยู่ แต่ซุนน้อยไม่กล้าเรียกเธอ

 

โชคยังดี ที่พนักงานอีกคนเดินไปส่งลูกค้าพอดี ซุนน้อยเห็นเลยรีบเรียกอีกฝ่าย

 

“มานี่เร็ว ช่วยฉันหน่อย! เดี๋ยวจะแบ่งเปอร์เซ็นให้ 1 ใน 10 ส่วน!”

 

“ด้วยความยินดี!” หากเป็นเรื่องรับทรัพย์ อีกคนแน่นอนว่าย่อมไม่มีปัญหา เขาเร่งตรงเข้ามา และช่วยซุนน้อยใช้เครื่องมือตรวจสอบทันที

 

“เชอะ! ตื่นเต้นอะไรกันนักหนา!” ผู้จัดการร้านเมื่อเห็นทั้งสองวุ่นจนเหงื่อหยดย้อย ก็เอ่ยดูถูกออกมา ทว่าในแววตาของเธอ กลับฟุ้งไปด้วยความรู้สึกอิจฉา

 

แต่ซุนน้อยก็ไม่สนใจเกี่ยวกับเธอ สมาธิของเขาจดจ่ออยู่กับแก่นพลังงานทั้ง 300 ชิ้นนี้ ทุ่มตรวจสอบด้วยความเร็วที่สุดที่ตนมี ก็ยังปาเข้าไปตั้งครึ่งชั่วโมง

 

“มิสเตอร์ฉิน แก่นพลังงานทั้ง 300 ชิ้นนี้ มีมูลค่าทั้งสิ้น 4.13 ล้านเหรียญ เชิญตรวจทานมันด้วยตัวเองอีกรอบ!”

 

ฉินเฟิงรับข้อมูลการตรวจสอบเข้ามาดู กวาดตามองมันอย่างรวดเร็ว พยักหน้า และเซ็นชื่อลงไป

 

แน่นอน ว่าหลังจากการซื้อแก่นพลังงานเหล่านี้แล้ว ทางร้านค้าย่อมสามารถสร้างรายได้มหาศาลจากการขาย หรือแปรรูปมัน และเงินทั้งหมดที่ได้จากสินค้าเหล่านี้ ล้วนต้องขอบคุณเครดิตของซุนน้อย

 

“ช่วยหักค่าใช้จ่ายในส่วนของอุปกรณ์สั่งทำด้วย!”

 

“รับทราบ ถ้าอย่างงั้นทางเราจะจ่ายให้คุณเป็นเงิน 1.43 ล้านเหรียญ! อย่าลืมตรวจอุปกรณ์สั่งทำ ว่ายังมีสิ่งใดต้องการให้ทางเราเปลี่ยนแปลงหรือไม่!”

 

ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องส่วนตัว ซุนน้อยหยิบกล่องออกมา และหลังจากเปิดมัน สินค้าหลายชิ้นก็ปรากฏขึ้นภายใน

 

ฉินเฟิงกวาดตามองอย่างรวดเร็ว และเห็นว่าสินค้าเหล่านี้คือ เสื้อรูน , ปลอกข้อมือ และมีด

 

เสื้อเกราะชั้นในและปลอกข้อมือเป็นสีดำ นี่ไม่ใช่สีหนังแท้ของหนูยักษ์กินพืช หากแต่มันถูกย้อมในภายหลัง ทว่าชั้นในของมันก็ยังเป็นสีเงินที่ไม่สามารถลบออกได้