ตอนที่ 242 วิธีรับมือกับการหึง

แม่ครัวยอดเซียน

ถึงจะโมโหจนอยากตาย แต่ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป หยวนชิงเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกมาเจอหลิวหลี แล้วชายหนุ่มผมขาวผู้นี้คือใคร

“น้องหญิง นี่คืออนุที่เจ้าเพิ่งรับเข้ามาหรือ” เวิ่นเทียนที่มาหาภรรยาของตัวเองผ่านทางตำหนักเซียน แผ่ไอเย็นออกมา เพิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่เอง ก็มีอนุโผล่ออกมาแล้ว

“สายตาของข้าจะแย่ขนาดนั้นได้อย่างไร” หลิวหลีรีบแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของนาง ออกมาได้ไม่ถูกเวลาจริงๆ กว่าสามีของนางจะเลิกเขินอายแล้วเป็นฝ่ายมาหานางไม่ใช่เรื่องง่าย ผลปรากฏว่าสามีของนางเห็นเข้าแล้วเกิดเข้าใจผิด

น้องหญิง หลงหลิวหลี? เจ้าหนุ่มนี่เป็นผู้หญิงหรือ หยวนชิงมองอย่างละเอียด ก็ยังคงดูสง่างามแบบแยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง แต่ในเมื่อเป็นผู้หญิง ตัวเองขายหน้าไปเสียขนาดนั้น จะแกล้งนิดแกล้งหน่อยก็คงไม่เป็นอะไร

“หลิวหลี ข้าแค่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเอง เจ้าไม่ยอมรับแล้วหรือ” หยวนชิงน้ำตาคลอเบ้า ทำราวถูกทิ้ง ดวงตาคู่นั้นรื้นน้ำตา ทำให้ดูเจ้าเล่ห์เป็นพิเศษ หนานกงเวิ่นเทียนที่มองอยู่ก็แผ่ไอเย็นออกมามากกว่าเดิม

“เจ้าดูชุดของข้าถูกเจ้าฉีกขาดหมดแล้ว” เมื่อเห็นหลิวหลีทำสีหน้าบึ้งตึง หยวนชิงก็ยิ่งแสดงให้สมบทบาทมากขึ้น

“กลายเป็นว่าแต่เห็นรอยยิ้มของคนใหม่ จะได้ยินเสียงสะอื้นของคนเก่าได้อย่างไรจริงด้วย เจ้าตำหนักหลิวหลี ท่านช่างไร้น้ำใจจริงๆ” ไม่รู้ว่าหยวนชิงไปเอาผ้าเช็ดหน้ามาจากไหน แสดงได้ราวหลิวหลีเป็นชายหนุ่มที่นอกใจจริงๆ

“เสื้อผ้าถูกฉีกขาดแล้วหรือ” หลิวหลีพูดทวน

“ใช่นายท่าน ท่านไม่ธรรมดาจริงๆ” หยวนชิงพูดจบ ถึงแม้น้ำตาจะคลอเบ้า แต่ก็ทำท่าเขินอายไปด้วย

“คนใหม่ยิ้มเริงร่า คนเก่านั่งปาดน้ำตา” น้ำเสียงของหลิวหลีอันตรายมากกว่าเดิม

“ใช่แล้ว” หยวนชิงพยักหน้า หนานกงเวิ่นเทียนที่อยู่ข้างๆโมโหถึงขีดสุด ปล่อยพลังเซียนเหมันต์ออกมา หยวนชิงหลบไม่ทัน ทำให้เสื้อผ้าถูกแช่แข็งไปเป็นดวง

“เสี่ยวเทียน”

“เจ้าดุข้า” หนานกงเวิ่นเทียนมองหลิวหลีด้วยสายตาตำหนิ

“เปล่าเด็กดี” หลิวหลีรีบเข้าไปปลอบหนานกงเวิ่นเทียนที่กำลังโมโห

“เล่นสนุกมากไหม” หลิวหลีแสยะสิ้มมองหยวนชิง กล้ายั่วโมโหสามีของนาง ใจกล้าจริงๆ

“พะ พอได้อยู่” หยวนชิงเพิ่งรู้สึกตัวว่า ตัวเองเล่นมากเกินไป

“พอได้อยู่ คนใหม่ยิ้มเริงร่า คนเก่าปาดน้ำตา ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ข้ามีเสี่ยวเทียนแค่คนเดียว เสื้อผ้าถูกฉีก เจ้าเก่งมากไม่ใช่หรือ แต่กลับถูกคนเอาไปแขวนไว้ไม่รู้ตั้งกี่ปี หากเจ้าเก่งจริงๆ คงจะไม่ถูกกระทำเช่นนั้น เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นของข้า จะให้ข้าช่วยทำให้จุดพรหมจรรย์ของเจ้าหายไปไหม” ประโยคสุดท้ายของหลิวหลีใส่พลังอำนาจของอสูรเทพเข้าไปด้วย ทำให้หยวนชิงถึงทรุดลงไปกองที่พื้น

ฮือ ฮือ ฮือ เขาแค่เล่นนิดเดียวเอง ทำไมต้องจริงจังขนาดนั้น พลังอำนาจของอสูรเทพบรรพกาลทนรับไม่ไหวจริงๆ

“น้องหญิง เจ้าพูดจริงหรือไม่” หนานกงเวิ่นเทียนยิ่งน้อยใจมากกว่าเดิม หรือเพราะตัวเองพละกำลังน้อย ทำให้ฮูหยินนอกใจ

“อะไรคือเรื่องจริง ท่านพี่ ข้าพูดเล่นไปอย่างนั้น อย่าคิดจริงจังเลย” ตอนแรกหลิวหลียังไม่ทันรู้ตัว เมื่อเริ่มรู้สึกตัวได้จึงรีบมาปลอบหนานกงเวิ่นเทียน สามีของนางหึงหวง หึงไม่น้อยเลยด้วย

“อย่าอยู่ขวางหูขวางตาข้า” หลิวหลีปล่อยพลังเซียนออกไป หยวนชิงกลายร่างเป็นจิ้งจองสีทอง บนหน้าผากมีสัญลักษณ์สีขาว

หยวนชิงครางหงิงๆ โหดร้ายจริงๆ ถึงขนาดปล่อยพลังให้เขากลับคืนร่างเดิม

“ขุนนางเซียนอวิ๋น จงถ่ายทอดคำสั่งของข้า จิ้งจอกตัวนี้เป็นสัตว์เลี้ยงของข้า ข้าจะเข้าฌาน รบกวนให้ผู้บำเพ็ญหญิงในวังนภาเพลิงช่วยดูแลด้วย” หลิวหลีโยนหยวนชิงให้อวิ๋นเฟย และออกคำสั่งที่ทำให้ผู้บำเพ็ญหญิงในวังนภาเพลิงจะต้องส่งเสียงกรีดร้องออกมา

หลังจากสั่งการเสร็จ ก็ถูกหนานกงเวิ่นเทียนลากเข้าไปในห้องนอนของตำหนักเซียน หลิวหลีเลิกคิ้วมองดูสามีที่ทำสีหน้าเย็นชา แต่มือกลับซุกซนไม่หยุด นานๆได้ทำให้สามีหึงสักที สิ่งที่ได้กลับมาก็ดีเหมือนกัน  ต่อไปนานๆทีเล่นแบบนี้สักครั้งจะดีไหม แต่จะมากไปไม่ได้ พอเห็นสามีโมโหนางก็รู้สึกปวดใจ

ผลคือหลิวหลีย่อมอิ่มเอมใจ ส่วนหนานกงเวิ่นเทียนเหนื่อยจนต้องล้มตัวลงนอน หลิวหลีนวดเอวให้กับหนานกงเวิ่นเทียนด้วยความห่วงใย พลังเซียนไหลเวียนไปตามแรงมือของนาง ทำให้หนานกงเวิ่นเทียนรู้สึกสบายตัวขึ้นไม่น้อย

หน้าหนานกงเวิ่นเทียนแดงระเรื่อจนตัวเองสงบลงได้ จึงเข้าใจว่าสองคนนั้นไม่ได้มีอะไรกันเลยจริงๆ เพียงแต่ว่า ความหุนหันพันแล่นก็ต้องมีค่าตอบแทน ปวดเอวจังเลย แต่การบำเพ็ญคู่ในครั้งนี้ เขาก็พัฒนาขึ้นไม่น้อย ดูท่าแล้วนังหนูคงจะก้าวหน้าขึ้นมาก ในการบำเพ็ญคู่ คนที่มีพลังบำเพ็ญเพียรต่ำกว่าจะได้รับประโยชน์มากกว่า และจะเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง หนานกงเวิ่นเทียนค่อนข้างโชคดี ที่ได้นังหนูคนเก่งมาครอบครอง ในใจนางมีเพียงแต่เขา ถึงแม้สติเขาจะเริ่มเลือนลาง แต่ก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน นังหนูของเขาบอกว่ามีแต่เขา และไม่เคยเห็นใครในสายตา ส่วนจิ้งจอกตัวนั้น นางช่วยเพียงเพราะมันเป็นอสูรเทพ หากทำให้เขาไม่สบายใจนางยอมไม่ช่วยอีกฝ่ายเสียดีกว่า หนานกงเวิ่นเทียนอดที่จะยอมรับไม่ได้ว่าในใจเขาก็รู้สึกดีไม่น้อย

“น้องหญิง เจ้ารู้ตัวว่าผิดหรือยัง” หนานกงเวิ่นเทียนกล่าวพลางตีหน้าขรึม ถึงแม้จะใจอ่อนแล้ว แต่ก็ยังต้องทำท่าทีขึงขังเอาไว้ก่อน

“รู้แล้ว ข้าผิดไปแล้ว ท่านพี่โปรดเมตตาให้อภัยข้าด้วย” หลิวหลีพูดไปตามน้ำ ทำไมยังโมโหอยู่ หรือว่าเมื่อครู่สามียังไม่พอใจ ไม่ได้การล่ะ

“รู้ตัวว่าผิดก็ดีแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนพยักหน้า ท่าทางในการยอมรับผิด ถือว่าไม่เลว

“ท่านพี่ ข้ารู้ ต้องเป็นเพราะเมื่อครู่ท่านยังไม่พึงพอใจ ไม่เป็นไร พวกเรามาต่อกันเถอะ” หลิวหลีโผตัวเข้าหา และเริ่มอีกครั้ง จะต้องทำให้สามีมีความสุขถึงจะพอ

หนานกงเวิ่นเทียนถึงกับตกใจ ดูเหมือนเหตุการณ์นี้ไม่ใคร่จะถูกต้องนัก จนเขาหมดแรงจนต้องนอนกองลงไป นังหนูเด็กร้ายกาจ จนเขาบอกว่าเขาให้อภัยก็แล้ว นางก็ยังไม่ยอมหยุด จนตอนนี้แม้แต่นิ้ว เขาก็ขยับไม่ไหว นางถึงจะยอมหยุด ทำไมก่อนนี้เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่านังหนูร้ายกาจขนาดนี้ แต่ก็เป็นการบอกว่าที่พยายามฝึกฝนร่างกายในช่วงนี้ เป็นอะไรที่เปล่าประโยชน์ ไม่ใช่สิ เขาถือว่าพัฒนาขึ้นแล้ว แต่นังหนูแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม และผลที่ออกมาทำให้เขารู้สึกเศร้าเสียใจ

“ท่านพี่ ท่านพี่บอกว่าจะให้อภัยข้า ท่านเงียบแปลว่าท่านตกลงแล้ว” หลิวหลีรีบกล่าว หนานกงเวิ่นเทียนเหนื่อยจนไม่อาจขยับหนังตา นังหนูว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้นแหละ เขาไม่อยากจะเริ่มอีกรอบ มองหลิวหลีที่ยังสดใสร่าเริง ท่าทางของนางบอกได้ว่าหากเขายังไม่ให้อภัยก็จะจัดให้อีกหนึ่งรอบ จนกว่าเขาจะบอกว่าให้อภัย

จนหนานกงเวิ่นเทียนอาการเริ่มดีขึ้น ก็พูดกับหลิวหลีสั้นๆ

“ผู้หญิงวังนภาธาราน่ารำคาญ ข้าเปลี่ยนเตียงไป 10 เตียงแล้ว เหลือแต่ให้น้องหญิงมาแสดงตัว”

หลิวหลีใช้มือลูบคาง สามีของนางมีเสน่ห์ไม่เบา เปลี่ยนเตียงไป 10 เตียงแล้ว แววตาอันตราย มีผู้หญิงที่อยากจะมาอยู่บนเตียงสามีของนางเยอะขนาดนี้เชียวหรือ

“องค์จักรพรรดิ ข้าจะไปที่วังนภาธาราตำหนักหลิวหลี ไปเป็นฮูหยินสักพัก ส่วนวันกลับยังไม่แน่นอน คาดว่าจนกว่าจะไม่มีแมลงวันมารบกวนสามีข้า ส่วนจิ้งจอกตัวนั้นก็ให้ผู้บำเพ็ญหญิงในวังนภาเพลิงเล่นไปก่อนก็แล้วกันเพคะ”

องค์จักรพรรดิเห็นข้อความของหลิวหลีก็ไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร นังหนูที่ลงมือทำก่อนแล้วค่อยรายงาน พูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเจ้าตำหนักของตำหนักเวิ่นเทียนอยู่หรืออย่างไร แต่คาดว่านังหนูก็คงจะไปถึงแล้ว เอาเถอะ เขาไปคุยกับจักรพรรดินีแห่งนภาธาราหน่อยก็แล้วกัน เขากลัวว่าเจ้าตำหนักหลิวหลีผู้ดุดันของเขาจะไปถล่มวังนภาธารา

“ท่านพี่ ข้าแต่งตัวแบบนี้ได้หรือไม่” หลิวหลีกลับมาใส่ชุดผู้หญิงอีกครั้ง อีกทั้งยังใส่เครื่องประดับ ถึงแม้จะเรียบง่าย แต่ก็ไม่อาจบดบังความงามบนใบหน้าได้ ถึงขนาดมีคนอยากได้สามีของนาง ต้องเป็นเพราะผู้หญิงพวกนั้นมารบกวน ทำให้สามีของนางไม่สามารถบำเพ็ญฝึกฝนได้ ให้อภัยไม่ได้

“อือ” จะบอกว่าไม่ได้หรือ ฮูหยินของเขางดงามถึงเพียงนี้ วังนภาธาราถึงแม้จะบอกว่าเป็นดินแดนที่มีหญิงงาม แต่ว่าน้องหญิงของเขางดงามขนาดนี้ยังต้องเก็บซ่อนเอาไว้ ไม่ให้คนข้างนอกได้เห็น

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านพี่พาจะพาข้าออกไปพบแขกด้วยได้หรือไม่” นางอยากจะออกไปพบพวกผีเสื้อล่องลอยพวกนั้น

“จักรพรรดินภาเพลิง หมายความว่าเจ้าตำหนักหลิวหลีของท่านจะเป็นแขกอยู่ในวังนภาธาราของข้า?” จักรพรรดินีนภาธาราเลิกคิ้ว เวิ่นเทียนตำหนักหลิวหลีก็ไม่เบาถึงกับพาตัวฮูหยินมาที่นี่

“ไม่ใช่ นางจะมาทำหน้าที่ฮูหยิน แล้วจะกลับวังนภาเพลิง ช่วงนี้รบกวนท่านช่วยดูแลหน่อยก็แล้วกัน” จักรพรรดินภาเพลิงกล่าว

“แน่นอน” จักรพรรดินีนภาธาราก็อยากจะเจอเจ้าตำหนักหลิวหลีเจ้าตำหนักคนใหม่ของโลกเซียนเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าจะเหมาะสมกับเวิ่นเทียนหรือไม่ ลูกสาวของนางทั้งสามคนยังคงไม่ตัดใจ

“หากว่านางทำอะไรไป ก็หวังว่าจักรพรรดินีจะกรุณาเมตตาด้วย” จักรพรรดินภาเพลิงก็ได้ป้องกันไว้ก่อน เจ้าตำหนักของเขาคนนี้ไม่ว่าไปที่ไหนก็จะเป็นคนที่โดดเด่น

“อ่อ พอท่านพูดเช่นนี้แล้ว ข้าก็อยากจะรอดูเหมือนกัน” จักรพรรดินีเริ่มสนใจ

“เจ้าตำหนักเวิ่นเทียน ท่านผู้นี้คือ” อวิ๋นจูเห็นตำหนักหลิวหลีมีคนเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาสะสวย สวยกว่าคนที่สวยที่สุดในวังนภาธาราของพวกนางเสียอีก มิน่านายท่านของพวกเขาถึงไม่ชอบผู้บำเพ็ญหญิงในวังนภาธารา เจ้าตำหนักทั้งสามก็ไม่ชอบด้วยเหมือนกัน

“ท่านนี้คือฮูหยินของข้า หลิวหลี หลิวหลี ผู้นี้คือขุนนางของข้าอวิ๋นจู” หนานกงเวิ่นเทียนแนะนำ

“ขุนนางอวิ๋นจู บังเอิญจริงๆ ขุนนางของข้าก็แซ่อวิ๋น นามอวิ๋นเฟย” หลิวหลียิ้มให้อย่างเป็นมิตร แสร้งทำท่าทางเป็นผู้หญิงเรียบร้อย

“หลิวหลี ท่านคือเจ้าตำหนักหลิวหลีแห่งวังนภาเพลิง” อวิ๋นเฟยนึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าตำหนักที่เลื่องลือผู้นั้นจะเป็นฮูหยินของนายท่าน

“ใช่แล้ว ข้าคือหลิวหลีแห่งตำหนักเวิ่นเทียนในวังนภาเพลิง แต่ว่าอยู่ที่นี่ ได้โปรดเรียกข้าว่า ฮูหยินเวิ่นเทียน” หลิวหลีย้ำ

“เจ้าค่ะ ฮูหยินเวิ่นเทียน” อวิ๋นจูพูดไปตามน้ำ หนานกงเวิ่นเทียนดีใจเป็นอย่างมาก นังหนูของเขาเป็นหน้าเป็นตาให้เขามาโดยตลอด

ไม่นาน คนทั่วทั้งวังนภาธาราก็ได้รับรู้ถึงการมาของฮูหยินเวิ่นเทียนแห่งตำหนักหลิวหลี คนจำนวนไม่น้อยอยากที่จะยลโฉมนางสักครั้ง

…………………………