ตอนที่ 279 แผนสกัด

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

“นางก็เป็นคนเช่นนั้น เจ้าอย่าได้สนใจนางเลย!” ซั่งกวนเจวี๋ยได้ยินอวี่ฮ่าวพูดเรื่องนี้ขึ้นมาในตอนกลางวัน หลังจากชิงหวั่นกลับไปก็รู้สึกไม่วางใจ ในเมื่อฮูหยินหวงฝู่เป็นฝ่ายเอ่ยความคิดไร้สาระแบบนั้นขึ้นมา เช่นนั้นแล้วจากนิสัยของนางย่อมจะคิดวิธีทำให้เรื่องนี้สำเร็จเป็นแน่ ครั้งสองครั้งหวงฝู่เยวี่ยเอ้ออาจจะปฏิเสธได้ แต่ย่อมยากที่จะปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากฮูหยินหวงฝู่ส่งลูกอนุภรรยาตระกูลหวงฝู่มาที่ลี่โจวอย่างตรงๆ แม้ว่าจะไม่สำเร็จตามที่หวัง ก็ย่อมสร้างความลำบากให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์และ ซั่งกวนเจวี๋ยอยู่ดี ดังนั้นเมื่อนางพูดเรื่องนี้กับอวี่ฮ่าว อวี่ฮ่าวก็ไม่คิดรีรอรีบบอกกล่าวกับซั่งกวนเจวี๋ยทันที

แต่ไหนแต่ไรซั่งกวนเจวี๋ยก็ไม่เคยมีความประทับใจอันใดกับฮูหยินหวงฝู่มาก่อน ในความทรงจำนางเป็นผู้อาวุโสที่เจ้ากี้เจ้าการ มักจะอยากคุมอำนาจ อยากเข้าไปมีส่วนร่วมทุกเรื่อง ที่หวงฝู่เจิ้นหลงมีภรรยาและอนุเต็มบ้านกลับไม่ใช่ความประสงค์ของนาง ทั้งไม่ใช่เรื่องที่นางสามารถจัดการได้ แต่ลูกภรรยาเอกหรือลูกอนุในตระกูลหวงฝู่ ขอเพียงแค่แต่งงานและให้กำเนิดลูกของภรรยาเอกแล้ว ล้วนจะถูกนางใช้เหตุผลต่างๆ แต่งตั้งตำแหน่งอนุภรรยาและเมียบ่าวเข้าไปให้ คนพวกนั้นต่างก็เป็นคนที่นางอบรมสั่งสอนมา แน่นอนว่าย่อมภักดีกับนาง ว่ากันว่าปีนั้นที่หวงฝู่เยวี่ยเอ้อตัดสินใจให้สาวใช้ข้างกายของตัวเองไปปรนนิบัติซั่งกวนฮ่าวก็เป็นการแนะนำของนางเช่นกัน จึงได้เกิดเป็นเรื่องอนุภรรยาอู๋ขึ้นมา

แต่ว่า ซั่งกวนเจวี๋ยกลับไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตามาโดยตลอด ผู้อาวุโสเช่นนี้ไม่ควรค่าให้เขามอบความเคารพแม้แต่น้อย ยิ่งไม่อาจทำให้เขาเชื่อฟังนางได้ แต่ว่ายังคงจำเป็นต้องพูดคุยกับภรรยาเรื่องความคิดของตัวเอง แสดงท่าทีและจุดยืนของเขา ทั้งค่อยบอกความคิดและการตัดสินใจของตัวเองแก่นางด้วยเช่นกัน

“ข้ากลับไม่คิดสนใจนาง แต่กังวลว่านางจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เกลียดชังและไม่พอใจความยึดมั่นของฮูหยินหวงฝู่เป็นอย่างยิ่ง นางเป็นเพียงป้าสะใภ้ของซั่งกวนเจวี๋ย แม้จะมีคำกล่าวที่ว่า ‘ญาติทางฝ่ายมารดาผู้ที่สำคัญที่สุดก็คือลุง’ แต่นั่นหมายถึงหวงฝู่เจิ้นหลงไม่ใช่นาง นางมีความจำเป็นต้องชี้นั่นชี้นี้แทรกแซงด้วยหรือ? ยังมาสั่งสอนตัวเอง ให้ตัวเองเป็นภรรยาที่มีคุณธรรมอย่าได้ขี้อิจฉา นางมีสิทธิ์อันใดมาพูดเช่นนี้? หากนางไม่อิจฉา พวกอนุภรรยาของหวงฝู่เจิ้นหลงในยามนี้จะหลงเหลืออยู่ไม่กี่คนได้อย่างไร?

“ข้าว่าเจ้าไม่ได้กังวลนาง แต่เป็นห่วงว่าท่านแม่จะหูเบากระมัง” ซั่งกวนเจวี๋ยเข้าใจความคิดของมี่เอ๋อร์ เรื่องที่หวงฝู่เยวี่ยเอ้อหูเบาได้เป็นความลับที่รู้ไปทั่วกันแล้ว นางสามารถยืนหยัดไม่รับปากได้ครั้งสองครั้ง แต่คงไม่อาจทนต่อลูกตื๊อของฮูหยินหวงฝู่ได้แน่ ย่อมมีวันหนึ่งที่ใจอ่อนรับปาก จุดนี้เขารู้ดี มี่เอ๋อร์ก็คงทราบเช่นกัน กระทั่งชิงหวั่นยังกังวลว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น

มี่เอ๋อร์คลี่ยิ้มเล็กน้อย ในยามนี้ทั้งสองคนนับว่ารู้ใจกัน เรื่องมากมายไม่จำเป็นต้องพูดก็สามารถคิดไปทางเดียวกันได้ นางชอบความรู้สึกเช่นนี้เป็นที่สุด

“รอหลังจากฝังศพท่านป้าแล้ว ข้าจะออกไปเพียงลำพังสักช่วงหนึ่ง อาจจะครึ่งวัน หรืออาจจะหนึ่งวัน” ซั่งกวนเจวี๋ยเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “ข้าจะบอกท่านพ่อว่าข้ามีเบาะแสและข่าวคราวของโม่จิ้ง ข้าจะไปปลอบใจนางสักหน่อย แล้วจะกลับมา!”

“เจ้าคิดจะทำอะไร?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ตาสว่างโดยพลัน ในใจมีแผนการคร่าวๆ แล้ว แต่กลับไม่เห็นด้วยกับความคิดของซั่งกวนเจวี๋ย กล่าวทั้งสั่นศีรษะ “ข้าแนะนำว่าอย่างไรเจ้าอย่าได้ใช้เรื่องนี้มายั่วยุท่านแม่จะดีกว่า”

“ข้าว่าท่านแม่คงไม่ได้ถูกยั่วยุง่ายขนาดนั้นแล้ว” ซั่งกวนเจวี๋ยสั่นศีรษะยิ้มๆ “ข้ารู้ความนึกคิดของท่านแม่ดี แม้ว่านางจะเกลียดชังท่านป้ามาก แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นที่สุดโต่ง อีกทั้งความเกลียดชังตอนแรกของนางได้ระบายไปกับเฉินอวี้มากมายแล้ว รวมกับท่านป้ามู่หรงที่ปลอบใจนางช่วงก่อนนั้น ความรู้สึกเกลียดชังย่อมสลายหายไปจนถึงขั้นที่สามารถยอมรับโม่จิ้งได้แล้ว แต่ว่า ยามนี้สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง ผู้ที่รองรับโทสะของนางเป็นเพียงตัวปลอม นางอาจจะไม่ได้ชิงชังโม่จิ้งเหมือนเมื่อก่อนขนาดนั้นแล้ว แต่ก็คงไม่อาจรับนางเข้าตระกูลเช่นกัน หากข้าเปลี่ยนโม่จิ้งให้กลายเป็นสาวงามคนสนิทหรือภรรยานอกสมรสของตัวเอง แม้ว่านางจะจนใจ แต่ย่อมระแวดระวังเตรียมการป้องกัน ไม่ให้โม่จิ้งมีโอกาสเข้ามาในตระกูลซั่งกวน เช่นนั้นนางจะต้องปฏิเสธหญิงสาวที่พยายามจะเข้าตระกูลซั่งกวนเหมือนกันทั้งหมดแน่”

“เจ้าจะไปหาโม่จิ้งจากที่ไหนมา?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ชำเลืองมองเขา ครั้งนี้นางไม่มีเวลาและไม่ว่างจะมาหลอกคนไปกับเขา ดูสิว่าเขาจะทำอย่างไร!

“หาได้หรือไม่ล้วนอยู่ที่ข้าแล้ว!” ซั่งกวนเจวี๋ยกล่าวอย่างไม่กังวลแม้แต่น้อย “หากไม่ได้ ข้ายังสามารถหาพยานบุคคลได้ ข้าเชื่อว่าพี่ใหญ่มู่หรงยินดีที่จะเป็นบุคคลนั้นแน่นอน!”

“จากนั้นเล่า?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์หลุดยิ้ม นี่ไม่ใช่ว่าเขาคิดจะแขวนดาบแหลมที่ไม่มีอยู่จริงไว้บนหัวของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อหรอกหรือ? หากหวงฝู่เยวี่ยเอ้อรู้เข้า ย่อมต้องเอาชีวิตกับเขาเป็นแน่!

“จากนั้นงานประลองยุทธ์ของทุกปีข้าก็จะอ้างเรื่องถือศีลภาวนาส่งเจ้าไปกักขังในอารามสัตตบุษย์ จากนั้นตัวเองกลับท่องยุทธภพร่วมกับโม่จิ้ง มีภรรยาคุณธรรมอยู่ที่บ้านคนหนึ่ง มีสาวงามคนสนิทอยู่ข้างนอกอีกคน ใช้ชีวิตได้อย่างอิสระมีสุขเสียกว่าอะไร” ซั่งกวนเจวี๋ยหัวเราะเสียงดังกล่าวตัดสินใจ “เวลานั้นคาดว่าคงจะไม่มีคนอิจฉาหรือริษยาเจ้าแล้ว”

“เจ้าไม่กังวลว่าท่านแม่จะคิดว่าในเมื่อข้าคุมเจ้าไม่อยู่ เช่นนั้นก็เปลี่ยนคนใหม่มาคุมเจ้า ป้องกันไม่ให้ถูกโม่จิ้งที่ฉลาดอย่างกับจิ้งจอกผู้นั้นหลอกลวงหรือ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์หัวเราะอยู่ในอ้อมกอดซั่งกวนเจวี๋ย คนที่ประพฤติตัวดี มีคุณธรรมมาโดยตลอดอย่างเขาคิดเรื่องเช่นนี้ได้นับเป็นเรื่องที่ตลกจริงๆ

“ไม่หรอก!” ซั่งกวนเจวี๋ยสั่นศีรษะ “เวลาอื่นพวกเราย่อมเป็นสามีภรรยาที่มีความผูกพันลึกซึ้งเหมือนเดิม ข้าจะทำให้ท่านแม่เข้าใจว่า นอกจากเจ้าและโม่จิ้งแล้ว ข้าย่อมไม่อาจชมชอบใครอื่นอีก ท่านแม่มีจุดหนึ่งที่ควรค่าจะชื่นชม นั่นก็คือนางไม่อาจเอาความลำบากที่ตัวเองเคยได้รับไปให้คนอื่นอยู่แล้ว โดยเฉพาะไม่อาจบังคับคนที่นางเห็นความสำคัญหรือชื่นชอบ”

“ข้าว่าอย่างไรพวกเราครุ่นคิดกันดีๆ แล้วค่อยว่ากันเถิด!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ยังคงคิดรอบคอบกว่าอยู่บ้าง “บางที พวกเราอาจจะสามารถบอกเรื่องที่ข้าคือโม่จิ้งกับท่านพ่อและท่านแม่…”

“อย่างไรปิดไว้ต่อไปจะดีกว่า” ซั่งกวนเจวี๋ยก็เคยมีความคิดเช่นนี้ แต่ยามนี้ เขาส่ายศีรษะ “ท่านแม่ไม่ใช่คนที่ระวังระมัดในคำพูด หากมีวันหนึ่งนางเผลอเปิดเผยออกไป ป้าสะใภ้ย่อมจะสรรหาทุกวิธีทางมาจัดการกับเจ้า นางนั้นมีความเคียดแค้นกับท่านป้าอย่างลึกล้ำ นางคิดว่าความโชคร้ายของตัวเองล้วนมาจากคนอื่น แต่ความโชคดีกลับเป็นสิ่งที่นางไขว่คว้ามาด้วยตนเอง และท่านป้าย่อมเป็นคนที่นางเกลียดชังมากที่สุด ไม่อาจเป็นใครไปได้อีกแล้ว!”

นึกถึงฮูหยินหวงฝู่ที่เผชิญหน้ากับเฉินอวี้ เผยท่าทีอยากจะถลาเข้าไปกัดให้ตาย ซั่งกวนเจวี๋ยก็ยังคงหวาดหวั่น ทั้งนึกถึงการกระทำต่างๆ และเรื่องในอดีตของนาง ซั่งกวนเจวี๋ยจึงเข้าใจถึงความขื่นขมของหวงฝู่เจิ้งหลง…หากไม่ใช่เพราะว่าเกี่ยว ข้องกับหน้าตาและกฎตระกูล บางทีหวงฝู่เจิ้นหลงอาจจะไม่ยอมทนต่อภรรยาผู้นี้แล้วกระมัง!

“เช่นนั้นก็ได้” เยี่ยนมี่เอ๋อร์มอบเรื่องทั้งหมดให้ซั่งกวนเจวี๋ยรับผิดชอบและจัดการ นางคิดว่าบางทีครั้งนี้เป็นเพียงหญิงสาวตัวน้อยๆ ให้ซั่งกวนเจวี๋ยออกหน้าปกป้องก็เป็นความรู้สึกที่ไม่เลวเช่นกัน

“ยังเหลืออีกสิบเจ็ดวันก็จะเป็นวันฝังศพของป้าโม่ เจ้าแน่ใจนะว่าโม่จิ้งจะไม่ปรากฏตัวออกมาจริงๆ?” หลังจากซั่งกวนเจวี๋ยครุ่นคิดเล็กน้อยก็กล่าวถาม แม้จะทราบถึงการตัดสินใจของมี่เอ๋อร์ ทั้งรู้ว่าเป็นเรื่องยากที่โม่จิ้งจะปรากฏตัว(ฮูหยินหวงฝู่ย่อมร้องขอที่จะมองเฉินอวี้ฝังร่วมกับศพด้วยตาของตัวเอง หากเห็นโม่จิ้งเข้า นางอาจจะบ้าคลั่งในขณะนั้นก็เป็นได้) แต่ยังคงข่มใจไว้ ไม่ถามมากไป

“ข้าไปก็พอแล้ว” เยี่ยนมี่เอ๋อร์พยักหน้ายืนยัน “ท่านป้าไม่อาจตำหนิข้าหรอก! หากโม่จิ้งปรากฏตัว คำโกหกนั้นก็ย่อมจะถูกเปิดโปง เวลานั้นเกรงว่าฮูหยินหวงฝู่คงจะเกลียดชังท่านแม่และท่านป้ามู่หรงไปด้วยแน่ ข้าอย่าได้เป็นคนที่น่ารังเกียจผู้นั้นจะดีกว่า!”

———————————–