บทที่ 251 ความรู้สึกแย่ๆ

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 251 ความรู้สึกแย่ๆ

ฉู่ชวิ๋นรู้สึกกดดันมากจนเขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงผมสีเงินคนนี้ถึงได้เกลียดเขามากนัก? จนแค่เจอหน้ากันครั้งแรกก็อยากให้เขาตายแล้ว!

“เราเคยเจอกันรึเปล่า?” ฉู่ชวิ๋นถาม เขาจำไม่ได้ว่าเคยมีปัญหาอะไรกับเธอมาก่อนรึเปล่า

“ไม่” เสียงของเธอยังคงเย็นชาไม่มีเปลี่ยน ขนมปังที่เธอกำลังจะกินก็ตกลงไปในจานอาหาร “ถ้าเราเคยเจอกันมาก่อน นายคงไม่มีชีวิตรอดอยู่ถึงตอนนี้อย่างแน่นอน!”

ฉู่ชวิ๋นยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “งั้นอะไรทำให้เธอเกลียดฉันนัก? ถ้าเธออยากให้ฉันตายอย่างน้อยฉันก็ควรจะรู้นะว่าทำไม?”

ผู้หญิงคนนั้นเงียบอยู่นาน ก่อนที่จะพูดต่อ “คนที่โหดเหี้ยมอย่างนายต้องมีเหตุผลที่จะตายด้วยเหรอ?”

ฉู่ชวิ๋นตะลึงหลังจากนั้นเขาก็หัวเราะขึ้นมาดูเหมือนอีกฝ่ายจะจำคนผิด เขาจึงพยายามที่จะอธิบาย แต่ก็ถูกขัดจังหวะเอาไว้ก่อน

“ตรงนั้นมันที่นั่งของฉัน” เหลิงปู้ฟ๋านมองมายังฉู่ชวิ๋น ก่อนที่จะพูดอย่างดูแคลนอีกฝ่าย

ฉู่ชวิ๋นมองหน้าอีกฝ่ายชัดๆ ก่อนที่จะถามออกไปว่า “เธอเป็นผู้หญิงของนายงั้นเหรอ?”

“นั้นไม่ใช่เรื่องของนาย” เหลิงปู้ฟ๋านพยายามรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองเอาไว้ “สิ่งที่นายต้องทำก็แค่ลุกออกไป แล้วจะไปนั่งที่ไหนก็เชิญ”

เหลิงปู้ฟ๋านพูดอย่างจงใจ

ฉู่ชวิ๋นยิ้ม “เหมือนว่าเธอจะเป็นผู้หญิงของนายจริงๆ สินะ งั้นฉันขอทดลองหน่อยว่านายมีค่าแค่ไหนสำหรับเธอก็แล้วกัน!”

พูดจบฉู่ชวิ๋นก็กำหมัดแน่นชกอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วราวกับฟ้าผ่าที่มาพร้อมกับเสียงระเบิด

เหลิงปู้ฟ๋านโกรธมาก เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเปิดฉากโจมตีก่อนแบบนี้

โต๊ะทานอาหารและเก้าอี้รวมถึงผู้หญิงผมเงินที่นั่งอยู่ยังคงนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ทุกคนจะรู้อยู่แล้วว่าทุกอย่างจะต้องลงเอยแบบนี้ แต่พวกเขาก็อดตกใจไม่ได้

เหลิงปู้ฟ๋านโคจรลมปราณแล้วเขาก็ต่อยสวนกลับไปอย่างสุดแรงทันที

ตู้ม!

ใครๆ ต่างก็คิดว่าฉู่ชวิ๋นซวยแล้ว ถ้าเขาฆ่าเหลิงปู้ฟ๋านไม่ได้ เขาก็จะต้องเป็นฝ่ายถูกฆ่าแทน

แต่ภาพต่อไปทำให้ทุกคนยืนตัวแข็งค้างไปในทันที

แกร็ก!

เสียงกระดูกร้าวทำให้ใครหลายๆ คนหวาดเสียวพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่ดังขึ้น

คนที่ปรับตัวไม่ทันก็ได้แต่ยืนตัวแข็งราวกับถูกสาปเป็นหิน

หลังจากนั้นไม่นานทุกอย่างก็ดูหนาวเหน็บ โต๊ะราคาแพงพังเป็นเศษ พร้อมแขนขวาที่ผิดรูปของเหลิงปู้ฟ๋าน

ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นพร้อมด้วยลมปราณสีม่วงที่ปล่อยความเยือกเย็นออกมา

ดวงตาของเหลิงปู้ฟ๋านเป็นสีแดง เขารู้สึกรับไม่ได้ที่มีคนสามารถเอาชนะเขาได้ภายในกระบวนท่าเดียว!

ลมปราณของเหลิงปู้ฟ๋านหมุนวนรอบตัวเขาคำรามออกมา ปล่อมหมัดซ้ายออกไปปะทะกับลมปราณสีม่วงของฉู่ชวิ๋น

ตู้มม!

หมัดของอีกฝ่ายปะทะกับลมปราณสีม่วง แน่นอนเป็น เหลิงปู้ฟ๋านที่กระเด็นกลับไป เกิดลมกรรโชกขึ้นจนโต๊ะและเก้าอี้ที่แตกเป็นเสี่ยงๆ

เหลิงปู้ฟ๋านคำรามออกมา เสียงของเขาเต็มไปด้วยความแค้นไอเย็นแพร่กระจายไปทั่วทั้งร้านอาหาร ผู้คนที่อยู่รอบๆ ต่างก็ขยับมือไม้ไม่ได้นิ้วชาไปหมด

แขนซ้ายของอีกฝ่ายบิดเบี้ยวจนผิดรูปอย่างไม่น่าเชื่อ มุมปากของเขามีเลือดไหลซึม ชุดที่สะอาดสะอ้านตอนนี้เลอะเทอะจนเหมือนกับชุดขอทานไม่มีผิด

เหลิงปู้ฟ๋านยังไม่ยอดแพ้ทั้งสองฝ่ายเข้าต่อสู้กันอีกครั้ง แต่แขน ขาและคอของเหลิงปู้ฟ๋านถูกฉู่ชวิ๋นโจมตีอย่างโหดเหี้ยม

เหลิงปู้ฟ๋านตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง เขาเป็นคนที่เย่อหยิ่ง และคิดว่าตัวเองเป็นดั่งมังกรและฟีนิกซ์ในหมู่ผู้คน เขาก็ถูกลิขิตให้เป็นดั่งเทพเซียนในอนาคต ความหยิ่งผยองของเขาเหนือกว่าคนอื่นๆมาก ทำไมกันอีกฝ่ายอายุน้อยกว่าเขาแต่ทำไมถึงสามารถเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดายขนาดนี้? ตอนนี้เขาถูกฉู่ชวิ๋นลากไปตามพื้น อะไรทำให้เขาถูกดูแคลนได้ถึงขนาดนี้? เขาอยากจะตะโกนออกมาด้วยความแค้นทั้งหมดที่มีอยู่แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเส้นไหมวิญญาณของฉู่ชวิ๋นกำลังรัดคอของเขาเอาไว้แน่น ทำให้เขาหายใจลำบาก

ฉู่ชวิ๋นมองไปยังสาวผมเงินและพูดออกมา “เอาสิ! มันเป็นแฟนเธอสินะ ไหนเธอลองขอให้ฉันไว้ชีวิตไอ้หมอนี้หน่อยไหม”

หญิงสาวผมสีเงินที่เฝ้ามองการต่อสู้ของคนทั้งสองมาโดยตลอด หลังจากได้ยินคำพูดของฉู่ชวิ๋นเธอก็พูดออกมาอย่างเหลืออด “ใครบอกว่าเขาเป็นแฟนของฉันกัน!”

…ฉู่ชวิ๋นช็อคไปเลย

“อย่ามาโกหกฉันนะ ฉันจะฆ่ามันและฉันก็เอาจริงด้วย!” ฉู่ชวิ๋นไม่เชื่อเธอในตอนแรก

“โอ้ ลงมือเลย เอาแบบสะอาดๆหน่อยนะเดียวเลือดมันกระเด็น” หญิงสาวไม่สนใจฉู่ชวิ๋นเลยแม้แต่น้อย

“…” ฉู่ชวิ๋นเหลืออด ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่ชอบทำตัวรุนแรงหรืออยากทะเลาะกับใครแต่ตอนนี้เขารู้สึกเหลืออดจริงๆ

“งั้นฉันจะฆ่าไอ้หมอนี้ละนะ” ฉู่ชวิ๋นยกหมัดขึ้นมือของเขาปรากฏลมปราณสีม่วงออกมาพร้อมที่จะซัดออกไปทันที

แต่เขาก็เห็นหญิงสาวคนนั้นกลับไปจ้องมองแจกันอย่างไม่สนใจอะไร

ตอนนี้ฉู่ชวิ๋นเชื่อแล้วจริงๆ ว่าพวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน

“นี้เธอกำลังแกล้งฉันอยู่ใช่ไหม?” ฉู่ชวิ๋นเริ่มรำคาญและโมโหมาก เขาปลดเส้นไหมวิญญาณออกและเตะหน้าเหลิงปู้ฟ๋านอย่างไม่สนใจใยดี

เขาเครียดที่เห็นผู้หญิงคนนี้ทำตัวแบบนี้ใส่เขา ไม่ต้องพูดถึงเรื่องจิตใจอันแข็งกร้าวของเธอเลย เขาคิดว่าเหลิงปู้ฟ๋านเป็นแฟนกับผู้หญิงคนนี้จริงๆ จึงตั้งใจจะเอาชีวิตอีกฝ่ายเพื่อให้เธอยอมทำตามข้อตกลง แต่ที่ไหนได้ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคิด

เหลิงปู้ฟ๋านถูกเตะราวกับขยะอย่างไม่ใยดีเลยแม้แต่น้อย นั้นทำให้ชายรูปหล่อคนนี้หน้าเสียมาก แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ตอนนี้คอของเขาแห้งไปหมด เลือดที่คลั่งอยู่ในคอทำให้เขารู้สึกแย่และในที่สุดเขาก็ค่อยๆ สลบไป

ฉู่ชวิ๋นได้แต่หัวเราะและร้องไห้อยู่ในใจ

“ฉันบอกได้เลยว่าเธอจำผิดคนแล้ว” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างจริงจัง

หญิงสาวผมเงินมองหน้าเขานิ่งๆ ก่อนที่จะพูดออกมา “นายชื่อว่าฉู่ชวิ๋นใช่ไหม ฉันจะไปจำผิดได้ยังไง?”

“ฉู่ชวิ๋น”

“ราชันปีศาจฉู่”

“จอมมารฉู่”

“นายเป็นเจ้าของไอ้ฉายาโง่ๆ พวกนี้ิสินะ”

ฉู่ชวิ๋นยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เธอก็เล่นพูดฉายาของเขามาจนหมด เขาได้แต่หันไปมองคนรอบข้าง

“ขอโทษที่ทำให้ทุกคนเสียบรรยากาศในการกินด้วยนะครับ” ฉู่ชวิ๋นก้มหัวพร้อมกับป้องมือ

ไม่ว่าฉู่ชวิ๋นจะจริงใจหรือไม่ใครจะกล้าทำอะไรเขาได้? พวกเขากำหมัดกลับไปเช่นกันเพื่อแสดงความเข้าใจ

ชื่อเสียงของฉู่ชวิ๋นนั้นน่ากลัวมาก แค่ชื่อก็ยังน่ากลัวอยู่ดีสำหรับพวกเขา

ถ้าพวกเขารู้ว่าฉู่ชวิ๋นอยู่ที่นี่ พวกเขาคงต้องเลือกวันเวลาทานอาหารให้ดีกว่านี้ซะแล้วจะได้ไม่ต้องมามีจอมมารมาร่วมรับประทานอาหารด้วยแบบนี้

“แต่ชื่อจอมมารฉู่ก็เหมาะกับนายดีหนิ เหมาะกันคนต่ำๆ แบบนายอย่างที่สุดเลยละ นายมันคนอ่อนแอขี้ขลาด หน้าตัวเมีย ไอ้ขี้เก๊ก หน้าโง่”

ผู้หญิงผมเงินยังคงพูดจาดูถูกใส่เขาไม่หยุด

ฉู่ชวิ๋นอยากจะร้องไห้ออกมา เธอพูดราวกับว่ารู้จักเขาดี เธอต้องรู้อะไรมากกว่านั้นด้วยแน่ๆ

“คุณผู้หญิงที่เธอบอกว่าฉันอ่อนแอ บอกมาหน่อยสิว่าตรงไหน ฉันคนนี้เธอมองเห็นตรงไหนว่าอ่อนแอ”

“นายปล่อยให้ผู้หญิงคนนึงต้องรอนายนานกว่า 1,000 ปี ใช้ชีวิตอย่างสุรุ่ยสุร่าย นายกล้าทำแบบนี้ได้ยังไง? เธอคนนั้นเป็นที่สุดของโลกมนุษย์และดินแดนเซียน เธอยังสำคัญกับนายอยู่ไหม?” ผู้หญิงคนนั้นถามกลับมา

ฉู่ชวิ๋นไม่เข้าใจ เขางงไม่หมดแล้วเธอคนนี้พูดเรื่องบ้าอะไร?

คนรอบๆ ก็เริ่มมองพวกเขาด้วยสายตาแปลกๆ อีกครั้ง หรือพวกเขาเป็นคนรักเก่ากันนะ

ดวงตาของผู้หญิงคนนี้จับจ้องเขาไม่หยุด มีอะไรบางอย่างแปลกๆ เกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ ทำไมเสียงของเธอถึงดูคลุมเครือไปด้วยทั้งความรักและความเกลียดชังกันนะ?

“ฉันบอกแล้วไงว่าเธอจำคนผิด” ฉู่ชวิ๋นยังคงยืนยันคำเดิม

“ฉันรู้ว่านายไม่ยอมรับความจริงหรอก นายมันก็แบบนี้ เป็นแบบนี้ไม่เปลี่ยน” ผู้หญิงคนนั้นตอกกลับ

“…” หัวใจของฉู่ชวิ๋นเหมือนกับกระจกที่แตกเป็นหมื่นๆ ชิ้น เขาไปทำบาปอะไรมานะถึงต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

“ถ้านายนึกไม่ออก ฉันจะติดตามนายตลอดทั้งภพทั้งชาติ” ผู้หญิงคนนั้นมองมาที่เขาด้วยความเยือกเย็นและนี่คือคำพูดสุดท้ายของเธอ

หัวใจของฉู่ชวิ๋นสั่นไหว ทุกคำพูดที่ผู้หญิงคนนั้นเหมือนกับค้อนยักษ์ที่ทุบไปยังอกของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าความรู้สึกผิดต่างๆ ทำให้ชายผู้หนักแน่นอย่างฉู่ชวิ๋นร้องไห้ออกมา

ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานขนาดไหนแล้ว ลมหนาวพัดผ่านร่างของเขา ทำให้ชุดของฉู่ชวิ๋นปลิวไสว จนทำให้เขาได้สติกลับมา ความรู้สึกเย็นๆ

บนหน้าของเขา ทำให้เขาต้องเอามือขึ้นมาแตะ น้ำตาไหลออกมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว

ฉันร้องไห้? ได้ยังไง? ฉันคนนี้ร้องไห้เนี้ยนะ? ฉู่ชวิ๋นขมวดคิ้วแต่ความเหงาก็ครอบงำจิตใจของเขาอีกครั้ง

พอเขามองไปรอบๆ เขาก็ไม่ต้องแบกรับความรู้สึกพวกนี้อีกแล้ว เพราะหญิงสาวผมเงินคนนั้นหายไปแล้ว

และเพียงพริบตาเดียว ร่างของฉู่ชวิ๋นก็หายไปจากจุดนั้นในทันที

หลังจากที่เขาจากไป เหล่าจอมยุทธ์ก็พูดคุยเรื่องของเขากันอย่างหนาหู

ไม่นานก็มีร่างที่เย่อหยิ่งเข้ามาแทน ทุกคนรู้สึกหวาดกลัว ร้านทั้งร้านก็กลับมาเงียบอีกครั้ง

“เหลือเกินจริงๆ ลงมือหนักเกินไปแล้ว!” ชายแก่ผมขาวคนหนึ่งพูดอย่างหมดความอดทนแล้วเดินเข้าไป

“ใครกล้าทำร้ายแก้วตาดวงใจของฉันแบบนี้กัน? ฉันจะไปฉีกร่างมันเป็นชิ้นๆ!!” เสียงที่พูดด้วยความแค้นของเขาแทบจะทำให้อาคารทั้งชั้นสั่นสะเทือน

“ฟานเอ๋อ บอกปู่มาว่าใครทำกับหลานแบบนี้?” ชายแก่พูดออกมา ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นต่างก็รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก

“ผม…ผมไม่รู้” เหลิงปู้ฟ๋านพยายามพูดอย่างสุดความสามารถ ดวงตาของเขาเลื่อนลอยออกไปไกล

“พวกแกรู้ไหมว่าใคร?” เขาหันไปถามจอมยุทธ์ที่อยู่ในห้องอาหาร

“เขาบอกว่าเขาชื่อฉู่ชวิ๋นครับ” ชายคนหนึ่งตอบด้วยความสั่นกลัว

“จอมมารฉู่อย่างงั้นรึ?” ชายแก่รู้สึกตกใจ

คนอื่นๆ ก็ตกใจเช่นกัน หลังจากที่ชายแก่ได้สติกลับมาเขาก็พูดต่อ

“ไม่ว่าไอ้บ้านั้นจะเป็นใคร ฉันจะมอบความเป็นธรรมให้กับหลานเอง”

เหลิงปู้ฟ๋านส่ายหน้า เขาพยายามลุกขึ้นแล้วพูดอย่างจริงจังไปว่า

“ความแค้นนี้…ผมจะจัดการมันด้วยตัวเอง”

ชายแก่พยักหน้าแล้วยิ้มออกมา ตราบใดที่จิตแห่งการต่อสู้ไม่ถูกทำลาย หลานชายของเขาก็จะลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง

หญิงผมเงินเดินออกมาไกลมากแล้ว ทุกครั้งที่เธอก้าวนั้นไกลกว่า 100 เมตร เธอมุ่งหน้าออกไปจากเมืองผิงฉุน

มีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจของเธอ หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะตั้งแต่เจอหน้าฉู่ชวิ๋น มีความรู้สึกไม่แน่ใจหรือไม่ชัดเจนเกิดขึ้นในใจของเธอ

แต่อยู่ๆ เธอก็รู้สึกแปลกๆ เธอได้ยินเสียงฉีกขาดของอากาศจากด้านหลังของเธอ ร่างนั้นเข้ามาใกล้เธออย่างรวดเร็ว

ดวงตามีสีของฤดูใบไม้ร่วงมองกลับมาด้วยความดูถูกเหยีดหยามไม่มีเปลี่ยน ริมฝีปากสีแดงที่อยู่หลังผ้าคลุมหน้ายกขึ้นเล็กน้อย

ฟิ้ว!

ความเร็วของเธอเพิ่มขึ้นราวกับก้าวกระโดด

ฉู่ชวิ๋นแปลกใจแต่ในเสี้ยววินาทีต่อมา เขาก็พุงตัวตามราวกับสายฟ้าฟาด

ผมสีเงินของหญิงสาวคนนั้นเปร่งประกายเป็นช่วงๆ ตอนนี้ความเร็วของพวกเขาเหนือกว่าเสียงถึง 2 เท่า! รอบข้างที่พวกเขาวิ่งผ่าน แผ่นดินแยกออกจากกัน ต้นไม้ล้มตลอดทาง ดวงตาของผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนไปทันที เธอแปลกใจมากที่เห็นฉู่ชวิ๋นกำลังจะไล่ตามเธอทันแล้ว

เอาจริงๆ แล้วฉู่ชวิ๋นแปลกใจมากกว่าที่ได้เห็นพลังที่แท้จริงของผู้หญิงคนนี้ และในที่สุดฉู่ชวิ๋นก็สามารถไล่ตามเธอทัน

ทันใดนั้นหญิงสาวก็หยุดกระทันหันและหันมามองฉู่ชวิ๋น

ทั้งสองยืนห่างกันไม่กี่ 10 เมตรเท่านั้นระยะนี้อาจไกลสำหรับคนธรรมดาแต่แค่ครึ่งก้าวของพวกเขาเท่านั้น!

“ถ้ายังตามฉันมาอีกอย่างหาว่าฉันไม่เตือนนะ!” ผู้หญิงคนนี้ยังคงเยือกเย็นไม่มีเปลี่ยน

ฉู่ชวิ๋นยิ้มเบาๆ “ส่งวิญญาณมาแล้วฉันจะไปเอง”

“คนอย่างนายฉันไม่ยอมยกให้หรอก สักวันวิญญาณดวงนี้จะกลับไปอยู่กับเจ้าของที่แท้จริงของมัน”

“งั้นฉันก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น” ฉู่ชวิ๋นตอบอย่างจริงจัง

แววตาของหญิงสาวเย็นชาขึ้นมาทันทีและพูดว่า “หวังว่าพลังของนายจะมากพอๆ กับความเร็วนะ”

ตู้ม!

เส้นผมสีเงินพริ้วไหว อากาศรอบๆ ตัวของเธอบิดเบี้ยว ร่างกายของเธอเปร่งประกายขึ้นมา

เสียงของฉู่ชวิ๋นแหบลงอย่างเด็นได้ชัด

ดวงตาของฉู่ชวิ๋นหดลงอย่างรุนแรงและแทบจะส่งเสียงออกมาไม่ได้

“ผู้ฝึกตนเป็นเซียน!”