บทที่ 230 ลูกหมา

“พ่อจ๋าดูสิ ลูกหมาพวกนี้น่ารักจังเลย!”

ถวนถวนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเป็นสุขพลางเล่นลูกหมาตัวนั้นตัวนี้

แน่นอนว่าเด็กน้อยชอบลูกหมาเหล่านี้เป็นอย่างมาก

ท้ายที่สุดหลังจากเล่นกับพวกลูกหมาอยู่พักใหญ่ ๆ เด็กน้อยก็อุ้มลูกหมาบางตัวขึ้นมา

“พ่อจ๋า เราเอาพวกมันบางตัวกลับบ้านไปได้ไหม?”

อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินคำถามนี้ มันไม่ใช่ผลดีเลยในการแยกลูกหมาออกจากแม่ของมันตั้งแต่วันแรกที่เกิดแบบนี้

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่อวี้ฮ่าวหรานจะทันได้พูดอะไร หลิวเทียนอี้ที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นก่อนด้วยสีหน้าประจบประแจง

“เอาเลยคุณหนู! ตราบใดที่คุณหนูต้องการ คุณหนูจะเอาไปกี่ตัวก็ได้หรือจะให้ผมเป็นคนขับรถไปส่งพวกมันให้ดีไหมเผื่อว่ารถของคุณพ่อของคุณอาจจะสกปรก?”

เมื่อรู้ตัวว่าการเข้าหาอวี้ฮ่าวหรานดูเหมือนจะไม่เป็นผล หลิวเทียนอี้จึงเปลี่ยนแผนเป็นเอาอกเอาใจลูกสาวของอีกฝ่ายแทน เพื่อที่จะให้อวี้ฮ่าวหรานพึงพอใจในตัวเขาบ้าง

ส่วนลูกหมาพวกนี้ จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้สนใจเลยว่าอีกฝ่ายต้องการเอาไปสักกี่ตัว

“ถวนถวน เราเอาลูกหมาไปตอนนี้ไม่ได้หรอกลูก ตอนนี้พวกมันกำลังอยู่ในช่วงต้องการนมแม่ เอาไว้รอให้พวกมันหย่านมแม่และโตขึ้นก่อน แล้วจากนั้นเราค่อยเลือกพวกมันไปบางตัว”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

มันมีความเป็นไปได้ว่าถ้าหากแยกลูกหมาออกจากแม่ของมันตอนนี้ พวกมันอาจจะตายได้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น ถวนถวนจะต้องเสียใจเป็นอย่างมากแน่นอน

การเห็นลูกสาวของเขาร้องไห้เป็นเรื่องที่เขาไม่อยากเห็นมากที่สุด

โชคดีที่คราวนี้ถวนถวนเชื่อฟังเป็นอย่างดี เด็กน้อยไม่งอแงเลย เธอพยักหน้าตกลงอย่างง่ายดาย

หลังจากกลับไปถึงคอนโด

ถวนถวนรีบวิ่งไปหาเจ้าลูกกวาดทันทีและพูดกับมัน

“เจ้าลูกกวาด แกรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้แกเป็นพ่อแล้วนะ? แกมีลูก ๆ เต็มไปหมดเล้ย!”

หลังจากได้เห็นความน่ารักของพวกลูกหมาเหล่านั้นแล้ว เด็กน้อยแทบจะรอไม่ได้ที่จะมาบอกข่าวดีนี้กับเจ้าลูกกวาด

“โฮ่ง ๆ!”

หลังจากได้ยินคำพูดของถวนถวน เจ้าลูกกวาดก็เห่าอย่างร่าเริง และกระดิกหางไปมาอย่างรุนแรงพร้อมกับกระโดดโลดเต้นไปมา

“ฮ่า ๆ พ่อจ๋า ดูสิ เจ้าลูกกวาดมันดีใจใหญ่เลย มันดีใจเหมือนกับหนูเลยแหละ!”

เนื่องจากวันนี้กว่าหลี่หรงจะเข้าบริษัทของเธอก็เป็นช่วงบ่าย ดังนั้นเธอจึงกลับบ้านช้า เธอถึงบ้านราว 6 โมงกว่า

“พี่เขย พวกลูก ๆ ของเจ้าลูกกวาดเป็นยังไงบ้าง? หมาตัวเมียตัวนั่นออกลูกมากี่ตัว?”

ในทันทีที่เข้ามาในห้อง เธอก็ถามขึ้นทันที

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ชอบหน้าหลิวเทียนอี้ แต่เธอก็สนใจเกี่ยวกับลูกของเจ้าลูกกวาด

“พวกมันทุกตัวต่างดูสุขภาพแข็งแรงดี ถึงแม้ว่าหลิวเทียนอี้จะเป็นคนน่ารำคาญแต่ดูเหมือนเขาก็เอาใจใส่หมาดีพอสมควร ส่วนจำนวนนั้นมีอยู่สิบกว่าตัวได้”

อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับ

แม้แต่ชายหนุ่มเองก็ต้องยอมรับว่าหลิวเทียนอี้ดูแลลูกหมาพวกนั้นได้ดี จนมีความคิดว่าคราวหน้าหากบริษัทของตนต้องการสั่งรถมาใช้เพิ่ม เขาก็จะสั่งให้คนติดต่อกับโชว์รูมของหลิวเทียนอี้เป็นอันดับแรก

ในเวลาเดียวกัน ถวนถวนก็วิ่งออกมาหาหลี่หรงด้วยสีหน้าเบิกบาน

“แม่หรง! พวกลูกหมาน่ารักมาก ๆ เลย! พวกมันเล่นกับหนูด้วยแหละ!”

“งั้นเหรอ แล้วถวนถวนได้นับไหมว่าพวกมันมีกี่ตัว?”

“ถวนถวนนับพวกมันมาแล้ว! หนูนับเจ้าพวกลูกหมาได้หนึ่ง สอง สาม… สิบเอ็ดตัวแน่ะ แถมพ่อจ๋าก็บอกอีกด้วยว่าเมื่อไหร่ที่พวกมันโต เราเอาพวกมันบางตัวมาเลี้ยงที่นี่ได้!”

เด็กน้อยตอบกลับด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น แต่สีหน้าของหลี่หรงเปลี่ยนเป็นมืดมนทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้

ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบหมา แต่ห้องที่พวกเขาอยู่นั้นมันคงจะเล็กเกินไปหากเอาลูกหมามาเลี้ยงเพิ่มอีกหลายตัว ทุกอย่างมันคงวุ่นวายเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อหญิงสาวเห็นแววตาที่ดูตื่นเต้นของเด็กน้อย เธอจึงยังไม่กล้าปฏิเสธแต่เก็บเรื่องนี้เอาไว้ในใจเพื่อเอาไปคุยกับอวี้ฮ่าวหรานอีกที

หลังจากกินมื้อค่ำกันเสร็จ ถวนถวนก็วิ่งไปเล่นกับเจ้าลูกกวาด ส่วนหลี่หรงถือโอกาสนี้เดินเข้าไปคุยกับอวี้ฮ่าวหรานที่โซฟา

เธอต้องการที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของซูหว่านเอ๋อร์

“พี่เขย พี่บอกฉันหน่อยสิว่าพี่เจอกับซูหว่านเอ๋อร์ได้ยังไง?”

เธอรู้สึกคาใจเกี่ยวกับเรื่องของผู้หญิงคนนี้เป็นอย่างมาก จนในวันนี้แม้แต่ตอนที่เธออยู่ในบริษัทเธอก็ยังหวนคิดขึ้นอยู่ตลอด

“พี่เจอซูหว่านเอ๋อร์ตอนที่พี่ไปเดินตลาดขายของเก่า วันนั้นพี่ช่วยเหลืออีกฝ่ายนิดหน่อย เรื่องก็มีแค่นี้”

อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับแบบไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรมาก เพราะกลัวน้องภรรยาของเขาจะคิดไปไกลเกินกว่าที่จำเป็น ช่วงนี้น้องภรรยาของเขายิ่งอ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้มาก ๆ ชายหนุ่มเลยไม่อยากให้อีกฝ่ายนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะเรื่องพวกนี้

หลังจากพูดจบเขาก็นั่งดูทีวีต่อโดยไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม

แต่น่าเสียดายที่หลี่หรงไม่ยอมให้เรื่องจบง่าย ๆ

“พี่เขย แล้วตัวพี่ล่ะคิดยังไงกับซูหว่านเอ๋อร์? ทำไมพี่ถึงทำตัวเฉยเมย ทั้ง ๆ ที่พี่ช่วยอีกฝ่ายถึงขนาดนั้น?”

อวี้ฮ่าวหรานได้ยินคำถามเต็มสองรูหู แต่เขาทำเป็นหูทวนลมไม่ยอมตอบอะไรทั้งนั้นต่อไป

เมื่อเห็นว่าพี่เขยของเธอตั้งใจไม่ยอมตอบอะไร หลี่หรงจึงกระทืบเท้าจากไปด้วยสีหน้าหงุดหงิด

เช้าวันต่อมา

หลังจากอวี้ฮ่าวหรานส่งถวนถวนเข้าไปในโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มจึงตรงไปที่บ้านประมูลทันที

เมื่อไปถึงเขาก็เห็นว่าหวังเหยียนยืนรออยู่ที่หน้าประตูทางเข้าอยู่ก่อนแล้ว

“น้องอวี้ อันที่จริงนายให้ฉันไปรับนายก็ได้ นายไม่จำเป็นต้องขับรถมาเองแบบนี้เลย ฉันยินดีไปรับไปส่งนาย”

ในทันทีที่พบหน้า หวังเหยียนก็เอ่ยขึ้นทักทายทันที

“ไม่เป็นไรหรอก รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ การประมูลใกล้จะเริ่มแล้ว”

หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานเดินเข้าไปด้านในทันที และในใจของเขาขณะนี้ก็กำลังรู้สึกพึงพอใจอีกฝ่ายไม่น้อยเลย