ตอนที่ 475 ส่งมอบป้ายตำหนักยมราช + ตอนที่ 476 เปิดจวนต้อนรับ!

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 475 ส่งมอบป้ายตำหนักยมราช

เห็นความกระอักกระอ่วนบนใบหน้าทั้งสอง รวมถึงท่าทางหนีบขาเกร็งสะโพกไว้ตลอด เหลิ่งซวงรู้สึกสะใจอย่างยิ่ง นายท่านบอกว่าแค่ขวดเดียวความโกรธใดๆ ก็ระบายได้หมด มีเหตุมีผลดังคาด

เดิมทีนางไม่รู้ว่ายานั้นมีผลเช่นไร แต่เห็นท่าทางทั้งสองตอนนี้ ยังดีกว่าซัดพวกเขาสักยกจริงๆ

เจ้าตำหนักยมราชชำเลืองมองสองคนด้านหลัง ขมวดคิ้วบอกว่า “ไปยืนนอกเรือน” ความหมายคือรังเกียจ ก็ใช่ คิดดูว่าสองคนที่ติดตามข้างกายเดินผายลมมาตลอดทาง จะไม่รังเกียจได้หรือ?

“นายท่านช่วยพวกเราพูดกับภูตหมอหน่อยสิขอรับ ขอยาแก้มาเถอะ! ท่านดู พวกเราสองคนเป็นเช่นนี้ ดูไม่งามเลยขอรับ!” ฮุยหลางกล่าวอย่างอึดอัดใจ สิ้นเสียงก็ผายลมอีก ทางเขาเพิ่งผายลมหนึ่งครั้ง ทางอิ่งอียังปล่อยตามมาอีกสองครั้ง ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าตำหนักยมราชทะมึนลงทันใด

“เฮ้อ ไม่มีวิธี ไม่มียาแก้” เฟิ่งจิ่วยิ้มหยีตาเอ่ยปาก เก็บกริชในมือพลางพูด “ยานี้ฆ่าคนไม่ตายหรอก ไม่เจ็บไม่ระคาย มากสุดก็ทำให้พวกเจ้าผายลมไปสามวันสามคืนเท่านั้น พอดีเลย จะได้ล้างลมพิษในท้องพวกเจ้า”

กล่าวจบเธอก็หัวเราะชั่วร้าย “ไม่ต้องขอบคุณข้า ข้าไม่เก็บเงินพวกเจ้าหรอก”

ได้ยินนางบอกว่าไม่มียาแก้ ฮุยหลางกับอิ่งอีหงอยไปทันใด ก้มหน้าต่ำลงทั้งสีหน้าซีดเซียว รู้สึกว่าจะกลั้นไม่อยู่อีกแล้ว จึงรีบร้อนกระโดดโหยงเหยงออกไปนอกเรือน สองสามคนด้านในถึงจะได้ยินเสียงผายลมดังมา

เจ้าตำหนักไม่สนใจพวกเขา แต่มองไปยังเฟิ่งจิ่ว ถามว่า “คืนนี้ต้องให้ข้าช่วยหรือไม่” เขาจำได้ว่านางเคยบอกว่าชอบจัดการธุระด้วยตนเอง ไม่ชอบให้เขายื่นมือช่วยสุ่มสี่สุ่มห้า ด้วยเหตุนี้จึงเข้ามาถามเสียหน่อย ถึงอย่างไรก็ไม่รู้ว่าผู้ครองแคว้นแสงสุริยันคนนั้นมีกำลังซ่อนไว้เท่าใด แล้วนางจะรับมือได้หรือไม่

“ไม่ต้อง เรื่องนี้ข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว คงไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันอะไร มู่หรงป๋อตอนนี้เป็นแค่คนไร้ประโยชน์เท่านั้น ส่วนคนใต้อาณัติเขาพวกนั้น ในเมื่อเจ้านายไม่ได้เรื่อง ข้าไม่เชื่อว่าพวกเขาจะภักดีด้วย”

คืนนี้เธอต้องการให้มู่หรงป๋อรู้ เมื่อยั่วยุตระกูลเฟิ่งกับเธอแล้ว ไม่ใช่บอกว่าจะถอนตัวก็ถอนตัวได้แน่! เขาจะต้องชดใช้อย่างเจ็บปวดเพราะความโง่เขลาของตน! ไม่ว่าใครก็เปลี่ยนชะตาเขาไม่ได้!

เห็นกลางหว่างคิ้วนางเต็มไปด้วยประกายแสงเช่นปกติ เหมือนเรื่องทุกอย่างมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เขาจึงพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว ข้าจะไม่ยุ่ง”

น้ำเสียงทุ้มต่ำที่มีแรงดึงดูดกล่าวจบ เขามองอย่างลึกล้ำไปที่นาง บอกอีกว่า “แต่อนาคตไม่ว่าเมื่อไหร่ หากต้องการให้ข้าช่วยเหลือเจ้าจะต้องบอก ไม่ว่าเมื่อไหร่ ข้าล้วนเป็นที่พึ่งที่แข็งแกร่งและทรงอำนาจสำหรับเจ้า” เขายื่นมือออกไป ส่งป้ายคำสั่งให้

ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วดวงตาฉายแววเล็กน้อย หัวใจสั่นไหวเบาๆ ยามมองชายหนุ่มตรงหน้าที่มีท่าทางจริงจัง เธอไม่รู้จะพูดอะไรดี สายตาเคลื่อนไปหยุดลงบนป้ายคำสั่งแผ่นนั้นในมือเขา มีอักษรเขียนว่า ‘ป้ายตำหนักยมราช’ ไว้ชัดเจนยิ่ง

“นี่คือป้ายตำหนักยมราชของท่าน?” เธอไม่ได้รับมา ทำแค่มองเขา ป้ายคำสั่งที่หยิบมาจากในมือเขาได้ เกรงว่าคงไม่ใช่ป้ายธรรมดาๆ กระมัง!

ดวงตาดำลึกล้ำจับจ้องบนร่างนาง เห็นสีหน้านางก็พยักหน้า “ใช่ นี่คือป้ายตำหนักยมราช และเป็นป้ายคำสั่งที่แสดงถึงตำแหน่งสูงสุด เห็นป้ายดั่งเห็นคน เก็บป้ายแผ่นนี้ของข้าไว้ ไม่ว่าเป็นคนหรือกลุ่มอำนาจของตำหนักยมราช เจ้าล้วนมีอำนาจระดมพลได้”

………………………………………………….

ตอนที่ 476 เปิดจวนต้อนรับ!

“ไม่ค่อยดีกระมัง?” เฟิ่งจิ่วเอ่ยปาก จะให้ควบคุมกลุ่มอำนาจที่กระจายตัวไปทุกถิ่นเช่นนี้ เธอไม่กล้ารับไว้สักเท่าไหร่!

“รับไว้เถอะ!” เจ้าตำหนักยมราชยัดป้ายคำสั่งนั้นใส่มือนางแล้วหันกายเดินออกไป พลางบอกว่า “จัดการเรื่องนี้เสร็จ ข้าจะมาดื่มเหล้าด้วย”

ได้ยินคำพูดนี้ มุมปากเฟิ่งจิ่วก็กระตุก ยิ่งเห็นใบหูแดงก่ำของชายหนุ่มที่จากไป รอยยิ้มจึงเบ่งบานบนริมฝีปากโดยฉับพลัน

ชายที่ทั้งเสแสร้งทั้งหยิ่งยโสคนนี้ เธอเมาเหล้าครั้งเดียว จะมีครั้งที่สองอีกได้อย่างไร?

“ไปเถอะ! ไปดูเสียหน่อยว่าผู้ครองแคว้นเรายามนี้เปลี่ยนไปเป็นอย่างไรแล้ว” เธอเก็บป้ายคำสั่ง ก่อนจะเคลื่อนฝีเท้าเดินออกไป

เหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวาด้านหลังมองหน้ากัน ยิ้มเล็กน้อย ก่อนเดินตามหลังนางไปข้างนอก

คืนนี้คนจวนตระกูลเฟิ่งพูดได้ว่านอกจากเฟิ่งเซียวที่เก็บตัวฝึกบำเพ็ญ รวมถึงองครักษ์วัยกลางคนทั้งแปดที่ปกป้องเฟิ่งเซียว คนอื่นๆ ต่างเตรียมพร้อมต่อสู้กับมู่หรงป๋อ ทั้งหมดแต่งเครื่องแบบรอรับคำสั่ง เพียงรอคำสั่งคำเดียวจากเฟิ่งจิ่ว

“นายท่าน”

พวกหลัวอวี่ทั้งแปดคนเฝ้าอยู่ด้านในประตูใหญ่ ยังไม่ได้รับคำสั่งจากเฟิ่งจิ่ว พวกเขาก็ไม่เปิดประตูออกไป ยามนี้เห็นนางเดินมาต่างคาราวะด้วยความเคารพพร้อมขานเรียก

“อืม”

เฟิ่งจิ่วมองพวกเขา จากนั้นค่อยเขย่งปลายเท้าส่งพลังกระโจนขึ้นไป ร่างสีแดงโผบินไปกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนราวห่านตกใจตีปีก แล้วร่อนลงยืนเหนือประตูใหญ่จวนอย่างมั่นคงด้วยท่วงท่าแพรวพราว

พวกหลัวอวี่เงยหน้าขึ้น เห็นนายท่านในชุดสีแดงที่เปิดเผยเด่นตายืนเอามือไพล่หลังอยู่บนประตูใหญ่ ชุดสีแดงผมสีหมึกลอยพลิ้วรับลม ทั่วร่างมีรัศมีจองหองย่ามใจกระจายอยู่ และมีความเด็ดเดี่ยวดุดันคล้ายบอกว่า ‘ให้ทหารกล้านับร้อยพันของเจ้าดาหน้ามา ข้าก็ต้องทำลายพวกเจ้าให้สิ้นซาก’ มองเสียจนหัวใจพวกเขาสะท้านตาม จึงพากันเรียกพลังกระโจนขึ้น ร่อนลงมาตรงสองข้างกายนาง

ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังสี่คนไม่รู้ว่าโผล่ออกมาตั้งแต่เมี่อไหร่ สี่คนยืนอยู่ไม่ไกล มือไพล่หลังพลางมองทหารองครักษ์ที่แต่งเครื่องแบบครบก้าวมาด้วยฝีเท้ารีบร้อน และล้อมรอบทั้งจวนตระกูลเฟิ่งไว้หลายรอบวง ไอสังหารทั่วร่างกระจายออกมา แรงกดดันระดับหลอมแก่นพลังแผ่ไปเหมือนมีเหมือนไม่มี รอเพียงเฟิ่งจิ่วสั่งการก็จะลงมือทำลายคนเบื้องล่างเสีย

เมื่อเหล่าทหารองครักษ์ด้านล่างรวมถึงคนในมุมมืดจากตระกูลและกลุ่มอำนาจเห็นร่างที่ยืนอยู่บนประตูใหญ่จวนตระกูลเฟิ่ง ม่านตาก็หดตัวเล็กน้อย

เทียบกับทหารองครักษ์ที่นับไม่ถ้วน คนตระกูลเฟิ่งพวกนั้นไม่เท่าไหร่จริงๆ แต่หากพูดถึงกำลัง อย่าว่าแต่พวกคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิ่งเลย แค่ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังสี่คนนั้นเกรงว่าก็พอจะกวาดล้างทุกอย่างได้แล้ว

คนจวนตระกูลเฟิ่งปรากฏตัว เช่นนั้นมู่หรงป๋อเล่า? ได้ยินว่าตั้งแต่เขาป่วยรูปลักษณ์ก็เปลี่ยนไป ไม่รู้ว่าเป็นเช่นไรกันแน่?

ขณะที่พวกเขากำลังแอบคิด ราชรถที่แบกมาด้วยบรรพชนนักรบแปดคนก็ลอยผ่านเข้ามา ลงจอดห่างจากหน้าประตูจวนห้าสิบเมตรอย่างมั่นคง รอบๆ ราชรถนั้น นอกจากบรรพชนนักรบคนสนิทแปดคน ยังมีองครักษ์เงาสิบกว่าคนคอยอารักขา

โดยรอบราชรถมีผ้าบางปิดไว้ครึ่งหนึ่ง คนรอบๆ จึงเห็นไม่ชัดเจนว่ามู่หรงป๋อที่นั่งอยู่ด้านในมีสภาพเช่นไร แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ คนของตระกูลพวกนั้นยิ่งอยากรู้ว่ามู่หรงป๋อมีสภาพแบบไหน ถึงไม่กล้าออกมาพบใคร และต้องร้ายแรงเพียงใดถึงตัดสินใจอย่างไร้เหตุผลภายใต้สถานการณ์เช่นนี้?

“ยินดีต้อนรับท่านผู้ครองแคว้นสู่จวนตระกูลเฟิ่ง ฝ่าบาทนำแสงสว่างมาให้จวนเราจริงๆ หากไม่เปิดประตูจวนต้อนรับ คงไม่อาจแสดงถึงความตื่นเต้นในใจหม่อมฉันได้”

สิ้นเสียงนาง ประตูใหญ่จวนก็เปิดออก องครักษ์ตระกูลเฟิ่งในชุดเกราะสีเงินเหมือนกันเดินออกมาอย่างรวดเร็ว…